ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๑๒๕-หนังสือสวดมนต์เล่มนั้น




นิสัยที่ชอบค้นคว้าหาความรู้นี้ มันได้ติดตัวข้าพเจ้ามาตั่งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบไได้ แต่ที่จำความได้ ตอนเด็กพยายามเสาะหาหนังสือ ตามซอก ตามมุมของบ้านมาอ่าน บังเอิญว่า ครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นครอบครังเกษตรกร พ่อแม่ก็เรียนจบแค่ ป.๔ ป.๖ ดังนั้นการไม่มีหนังสืออยู่ติดบ้านนั้นจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็พยายามเสาะหาหนังสือ หรืออะไรก็ตาม ที่อยู่ตามซอกมุมตู้ โต๊ะ อยู่เสมอ สมัยนั้นมีเพียงหนังสือเพลงเก่า ๆ ของไมโคร หนังสือการ์ตูนขาด ๆ ๒ – ๓ เล่ม ซึ่งทั้งบ้านก็มีเท่านั้น

บนโต๊ะหมู่บูชาของย่า น่าจะมีหนังสืออะไรบางอย่างที่น่าสนใจ แต่บริเวณนั้นมันเป็นบริเวณต้องห้าม แม้ตอนนั้นข้าพเจ้ายังเด็ก แต่ก็รู้ว่าอะไรควรยุ่งและไม่ควรยุ่ง ข้าพเจ้าจึงไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องงใช้ของย่าเลย

เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ข้าพเจ้าโตขึ้นมากว่าแต่ก่อนมาก หากแต่นิสัยนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง มันไม่เคยน้อยลงเลย ปีนั้นจำได้ว่าเป็นปีที่กำลังย้ายสิ่งของเครื่องใช้มายังบ้านหลังใหม่ จึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่จะทำให้ข้าพเจ้าค้นเจอ อะไรแปลก ๆ ในบ้านโบราณหลังนั้น

ไม่ช้าความหวังของข้าพเจ้าก็เป็นความจริิง ในมุมหนึ่งซึ่งไม่มีใครอยู่ในบ้าน ข้าพเจ้าหยิบหนังสือธรรมะ ขึ้นมาจัดของและทำความสะอาดห้องของย่า ซึ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้นหลังใหม่ ทำทีว่ามาช่วยจัดข้าวของ และทำความสะอาดห้อง และได้มีโอกาสเปิดอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอย่างตั้งใจ

“ขันธ์ ๕”
‘ขันธ์…นี่มันอะไรคือกันหว่า มันจะใช่ขันที่เราตักน้ำกันหรือเปล่า’ ซึ่งก็เป็นความสงสัยตามประสาเด็ก

‘รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ’ สิ่งเหล่านี้ก็ว่าคุ้น ๆ อยู่…

แล้วทำไมคำเหล่านั้นมันจึงได้รู้สึกสะกดจิต สะกดใจเด็กที่ยังไม่รู้ประสาได้มากมายขนาดนั้น
‘ในอนาคตเราจะต้องเข้าใจ คำว่าขันธ์ ๕ นี้ให้ได้’
เป็นคำปฏิญาณของเด็กวัย ๑๑ ขวบ ซึ่งแม้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าใด ข้าพเจ้าก็ยังไม่อาจจะลืมได้เลย มันเหมือนลิ่มที่ตอกลงกลางใจ ตั่งแต่เด็ก ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ข้าพเจ้าจึงมีนิสัยที่ต่างไปจากเด็กคนอื่น ไม่ค่อยสมาคมกับใคร ไม่ชอบเที่ยว ชอบอยู่คนเดียว อยู่กับความคิดของตัวเอง จนคนภายนอกคิดว่าข้าพเจ้าเป็นคนเก็บตัว (จริง ๆ ก็ใช่)
เติบโตขึ้นมา มีงานทำแล้วเขาก็ตราหน้าว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัว ไม่ค่อยคบกับใคร คงจะเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด (ใครที่อายุปานนี้แล้วไม่มีแฟนก็จะถูกมองประมาณนี้) ในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะถูกตราหน้าว่าอะไรอีก

กลับมายังยุคสมัยปัจจุบัน (ลองจินตาการภาพตัวละครกลายเป็นภาพสีเหมือนในละคร)
ขอย้อนถอยหลังไปประมาณเกือบสองปี ราว ๆ ต้นปี ๒๕๕๐ ข้าพเจ้าเข้ามาทำงานในตอนเช้า พบหนังสือสวดมนต์เล่มเล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ประจำแผนก หนังสือสวดมนต์เล่มนั้น คงไม่มีอะไรพิเศษมากนัก มีบางคนหยิบขึ้นมาอ่านดูแล้วก็วางลงยังอีกโต๊ะของเพื่อนข้าง ๆ หลายวันต่อมา หนังสือสวดมนต์เล่มนั้นก็เดินทางไปรอบแผนก แต่กลับไม่มีใครสนใจเท่าที่ควร เหตุเพราะมันธรรมดา เห็นกันได้อย่างมากมาย

ในที่สุดเพื่อนคนหนึ่งของข้าพเจ้าก็หยิบขึ้นมาอ่าน แล้วทำสีหน้า
“ยี้…”
แล้วก็ฟาดลงบนโต๊ะของข้าพเจ้า เป็นอันว่าหนังสือสวดมนต์เล่มนั้นได้กลายมาอยู่บนโต๊ะของข้าพเจ้าในวันนั้นเอง
ข้าพเจ้าหยิบหนังสือสวดมนต์มาอ่าน ช่วงที่ว่างจากการทำงาน อ่านทุกหน้าอย่างคร่าว ๆ จนมาสะดุดกับหน้าสุดท้าย

วิธีการทำสมาธิอย่างง่าย

อาการที่ผู้ปฏิบัติจะต้องประสบเสมอมา นั่นคือ ทุกขเวทนา จากอาการปวดเมื่อย ตามแขนขาร่างกาย เมื่อปวดเมื่อยที่จุดใดก็ให้เพ่งไปที่จุดนั้น แล้วภาวนาว่าปวดหนอ ๆ อาการปวดก็จะบรรเทา และหายไปในที่สุด

สิ่งที่บั่นทอนกำลังใจของนักปฏิบัติขาจรทั่วไปก็คือ ทุกขเวทนา จากอาการปวดเมื่อย ซึ่งมันเกิิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าขาดกำลังใจและการฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เราก็จะพ่ายแพ้กับกิเลสในเบื้องต้น และยกเลิกการปฏิบัติ สมาธิในที่สุด

จุดเปลี่ยนสำคัญของข้าพเจ้าอยู่ที่หนังสือสวดมนต์เล่มเล็ก ๆ สองเล่ม ซึ่งเป็นเหมือนตัวประสานรอยต่อ ของเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาแล้ว ไม่ให้เราหลงทางไปไกล และบัดนี้จึงเป็นเวลาที่จะหวนกลับเข้ามาสู่เส้นทางเส้นเดิม และไม่อยากจะเดินหลงเข้าป่าเข้าพงอีกต่อไปแล้ว


Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 19:34:52 น. 10 comments
Counter : 759 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะคุณอัสติสะ....รักษาสุขภาพด้วยนะคะ เหมือนเดิมนะค่ะ เป็นกะลังใจให้น๊า..ในทุกๆวันค่ะ

miss you


โดย: Nissan_n วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:09:05 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เมื่อก่อน...ก็ฝึก
แล้วก็เฉออกนอกเส้นทางเหมือนกัน

แต่ก็ยังพอมีบุญอยู่...ทำให้สามารถเดินมาเข้าเส้นทางเดิมได้..

ตอนนี้ก็ตั้งจิตว่า จะแน่วแน่ในการปฏิบัติให้มากที่สุด


ปล.ราตรีสวัสดิ์ค่า


โดย: i am_giddy วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:27:03 น.  

 


พุ ท ธ ส วั ส ดี ค่ ะ

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบล็อกที่ 125 แล้ว
500 บล็อก ย่อมไม่ไกลเกินฝัน

อนุโมทนากับเส้นทางเดิมบนโลกใหม่ใบนี้
ขอให้อานิสงส์แห่งบุญเป็นพลังหนุนส่งให้ไปได้ถึงปลายสุดของเส้นทางค่ะ

คมคำ : ร้อยปีฝัน ไม่เท่าหนึ่งวันทำจริง




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:39:49 น.  

 
อ่านบล็อกนี้ถึงตรงท้ายแล้วเหมือนแว่บกลับไปตอนมัธยมเลยค่ะ ตอนนั้นพระอาจารย์ก็บอกเหมือนกันว่าเวลาปวด ก็ให้รับรู้ว่าปวดแล้วภาวนาว่าปวดหนอๆ แต่เป็นสิ่งที่ทำยากจริงๆค่ะ ปวดทีไรก็ไม่ไหวต้องเปลี่ยนท่า ไม่ก็ออกไปเดินทุกที T^T


โดย: the_Trash วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:57:16 น.  

 
เด๋วนี้ พยายามสวดมนต์ ทุกวันค่ะ ถ้าไม่ลืม


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:00:50 น.  

 
สวัสดียามเช้า..สายๆค่ะ คุณอัสติสะ

Have a nice day & Take care & miss you


โดย: Nissan_n วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:12:02 น.  

 


H A P P Y : : N I G H T


มาทักทายเพราะเห็นหายไปนานค่ะ

ชวนไปอ่าน
= = = = รับได้ไหม? กับสิ่งที่ได้รับ = = = =
ณ บ้านร่มไม้เย็นค่ะ

เมื่อเริ่มต้นดี ปลายทางก็ต้องดี




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:39:41 น.  

 
สวัสดีจ้าน้องอัสติสะ

เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปหล่อเศียรพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) ยาวที่สุดในโลก 50 เมตร ที่วัดสุขุมาราม จ.พิจิตรมาค่ะ เอาบุญมาฝากค่ะ ^_^

สุขสันต์วันสีชมพู

Happy Valentine's Day ค่ะ


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:53:56 น.  

 
สวัสดีวันแห่งความรัก คุณอัสติสะขา


โดย: Nissan_n วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:47:36 น.  

 
โห...อ่านหนังสือสวดมนต์เร็วมากครับ
แค่อายุ 11 ขวบเอง



โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:49:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.