~* SumiTra is a Pali name...it means 'GooD Friend'. *~

คิมหันต์ที่ 5/1

Chapter 5


โชคดียังมีอยู่ในกระเป๋าบ้าง...เฟทถอนหายใจโล่งอก เมื่อเจ้าของโรงพักแรมบอกกับพวกเขาทั้งสามว่าเหลือที่พักอยู่พอดี


ถึงพรุ่งนี้เช้าพวกเขาก็จะออกไปหาช่างไม้กับรถลาก เพื่อไปเอาเกวียนล้อหักที่พวกเขาทิ้งเอาไว้และเอาซ่อนไว้ในป่าข้างทางขณะที่ข้าวของที่นำมาขายก็เอาผูกขึ้นหลังวัวเทียมของซีรุสชายผู้พ่อของซาราสที่เดินทางมาด้วยกันจูงมา


เฟทถูกจัดให้อยู่ในห้องที่แยกออกไปจากสองพ่อลูกนั้น แม้โรงพักแรมแห่งนี้จะเป็นโรงพักแรมที่เล็กที่สุดของหมู่บ้านนี้ หากความสะดวกและความสะอาดก็มีมากกว่าโรงพักแรมราคาถูกในอีกหลายๆ เมือง


แม้ว่าห้องหับจะเล็กแคบ แต่พื้นก็สะอาดสะอ้าน มีผ้าม่าน หมอน มุ้งรวมไปถึงผ้าปูที่นอนก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ถึงเตียงนอนจะแคบและเก่าแต่ก็แข็งแรงละได้รับการตกแต่งสลักลวดลายเบญจมาศอย่างประณีต เก้าอี้แม้ผ้าบุเบาะจะเก่าหากก็เป็นกำมะหยี่อย่างดี โต๊ะแม้จะตัวเล็กจ้อยแต่หัวดุมลิ้นชักเล็กๆ ก็เป็นรูปสลักหัวฟักทองขัดจนขึ้นเงา บ่งบอกให้รู้ถึงความเอาใจใส่ในสถานที่ของเจ้าของกิจการ อีกทั้งยังบอกให้ได้รู้อีกด้วยว่า ฐานะของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ใช่ยากจนนัก หรือไม่ก็อาชีพของคนที่นี่ส่วนใหญ่อาจจะมาจากการค้างแรม


เฟทได้ข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้จากห้องภายในโรงพักแรมเล็กๆ อีกทั้งจากท่าทางของเจ้าของที่พักแห่งนี้ที่เก็บความสงสัยกับการมาถึงในยามวิกาลของทั้งสามเอาไว้ และการเอาใจใส่ต่อห้องหับที่พักรับแขก


พรุ่งนี้หลังเสร็จธุระทั้งหลายแล้วเขาคงต้องสำรวจหมู่บ้านเล็กๆ ไร้ความสำคัญนี้เสียนิดหน่อยและออกไปหาข่าวจากคนขายข่าวในหมู่บ้าน แม้ว่าจะไม่แน่ใจนักว่าหมู่บ้านเล็กๆ ไม่น่าสนใจแห่งนี้จะมีพวกทำอาชีพนั้นอยู่ก็ตาม


ไคเมร่าหนุ่มเดินตรงไปเปิดหน้าต่างห้อง ปล่อยให้สายลมเย็นในยามราตรีเข้ามาเยี่ยมเยือน...ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าดารดาษด้วยดวงดาราพร่างพราย แล้วหวนคิดถึงท้องนภาอีกแห่งที่จากมา คิดถึงดวงจันทรางามเด่นไม่แพ้แห่งใดหนไหน คิดถึงกลิ่นหอมของแมกไม้ที่อวลมากับสายลม...


ร่างสูงทิ้งการทรุดลงนอนไปกับเตียงไม้ใหญ่ หลับตาลงแล้วรำลึกภาพบ้านเกิดที่เขาจากไกล ‘ภารกิจแห่งการลงทัณฑ์’ โทษที่ผู้เป็นบิดาหยิบยื่นให้ทำให้เขาต้องห่าง ‘บ้าน’ มา ลึกลงไปคือความหวาดหวั่น...นานเหลือเกินแล้วที่เขาจากโอราเคิลมา...จิตใจของเขาในตอนนี้ยังคงปรกติดีอยู่เช่นเดิม มิได้ผิดเพี้ยนวิปลาสไปเช่นที่กริ่งเกรง แต่เขาจะยังคงเป็นปรกติเช่นนี้ได้อีกนานเพียงไหนกว่าที่เขาจะสูญเสียจิตใจไปดังความเชื่อของชาวโอราเคิล?


สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ สองตาหลานจากเผ่าวิหคคู่นั้นสามารถอยู่ในดินแดนวิปโยคแห่งนี้ได้โดยไม่เป็นอะไร...แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากเสี่ยง! ความเชื่อที่ว่าคนโอราเคิลหากทิ้งตนให้ห่างจากดินแดนที่ได้รับพรจากทวยเทพไปนานๆ แล้วเลือดจะเปลี่ยนสี สติและจิตใจของพวกเขาจะปั่นป่วนแปรปรวน และวิปริตไปในที่สุดนั้นหลอกหลอนเขาอยู่ จริงหรอกที่เขาหนีมาเที่ยวในแดนมนุษย์นี่บ่อยๆ แต่...แต่ละหนก็ไม่ถึงสามสิบทิวา...


และถ้าหากว่าความเชื่อนั่นไม่เป็นความจริง สิ่งที่พ่อของเขาเคยเผชิญนั่นเกิดจากเหตุใดได้?


คำถามมากมายในสมองทำให้ยากนักที่เขาจะหลับลงได้ แม้ตาหลับลงแล้วก็ตามจิตก็ยังครุ่นคิด...มีหลายอย่างที่เป็นปริศนา...


“ฟีต้าเจ้าเอานี่ไป


หญิงหัวหน้าแม่บ้านร่างสูงส่งขวดกระเบื้องหนาให้กับนาง มือบ้างก็รับมาพลางเงยหน้าขึ้นมองสตรีเบื้องหน้าด้วยดวงตาขานคำถาม


“นี่คือยาย้อมผม ทำจากยางไม้สีดำกับถ่าน ถึงเจ้าจะไม่ได้เข้าไปทำงานในบ้านเป็นส่วนใหญ่ก็ตามที แต่การที่จะปล่อยให้ผมสีขาวๆ ของเจ้าเดินเข้าเดินออกภายในบริเวณก็ไม่น่ามอง อีกทั้งนังแม่ตัวอื่นๆ ก็คอยจะเซ้าซี้ข้า เที่ยวชักสีหน้าใส่ไม่น่าดู หากเจ้านายมาเห็นก็จะติติงข้าเอาได้ เอานี่ไปย้อมผมของเจ้าซะ จะได้หมดปัญหากันไปเสียที” ลอนต้าไขคำถามในดวงตาสีอำพันที่มองตรงมาที่นางอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หญิงสาวรับคำอย่างเข้าใจรวดเร็ว


“ค่ะ...คุณลอนต้า...” ฟีต้ารับคำด้วยดวงตาเป็นประกายซื่อ ทำให้หัวหน้าแม่บ้านอย่างลอนต้านึกหนักใจนัก...แม่เด็กสาวฟีต้านี่แม้ว่าจะเป็นคนเผือกแต่ก็ขยันขันแข็งทำงานและซื่อสัตย์ อ่อนน้อมถ่อมตนแถมยังทำงานได้เป็นอย่างดี ความเชี่ยวชาญรอบรู้ของหล่อนมาจากการเป็นคนช่างสังเกตและช่างซักถาม ทำให้ถูกใจนางหนักหนา


เพราะไม่ได้แต่งงาน ลอนต้าจึงไม่มีลูก หากหญิงสาวที่นางซื้อมาก็ช่างทำให้นางรู้สึกพออกพอใจได้ยิ่งนัก ถ้ามีลูกสาวนางก็คงอยากจะได้เด็กสาวที่ฉลาด ร่าเริง น่ารัก และยอมรับสถานะของตนเองในปัจจุบันด้วยความกล้าหาญเบิกบานเช่นเด็กสาวฟีต้าคนนี้ แม้จะเป็นคนเผือกเหมือนฟีต้า นางก็ไม่คิดรังเกียจ


สาวน้อยฟีต้ารู้ตัวดีว่าตนถูกซื้อตัวมาจากตลาดทาส ไร้ญาติขาดมิตร และจากจรบ้านเกิดมาไกลแสนไกล กระนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ไม่เคยขาดไปเลยจากดวงหน้านั้นเลยสักครั้ง แม้จะถูกใช้ให้ทำงานหนักก็ตาม นางยังคงยิ้มรับอย่างเต็มใจที่จะทำ และแม้ว่าคนรับใช้ในบ้านอื่นจะมีทีท่ารังเกียจดูแคลนเพราะเป็นเด็กที่ถูกซื้อมาในฐานะทาส อันมีสถานะต้อยต่ำกว่านักในความรู้สึกของคนกลุ่มนั้นทั้งๆ ที่ต่างก็มีฐานะเป็นคนรับใช้เหมือนๆ กันก็ตามที กระนั้นแล้วฟีต้าก็ไม่เคยคิดที่จะสนใจ ยอมก้มหน้ารับและเผชิญหน้าอย่างเต็มใจ


ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนหรือแห่งหนตำบลใด คนเช่นนี้ก็น้อยเหลือเกินที่จะไม่โทษชะตากรรมของตนเอง น้อยนักที่จะยอมรับสภาพปัจจุบันของตนแล้วมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับมันด้วยความกล้าหาญไม่ย่อท้อ ต่างพากันคิดที่จะหลอกตนเองด้วยวิธีการต่างๆ นานา และคิดแต่ว่าจะหลบลี้หนีความยากลำบากในชีวิตได้เช่นไร...


ลอนต้านับถือในน้ำใจของสาวน้อยนางนี้นัก ความคิดและความรู้สึกผูกพันกับนางก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนลอนต้าไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเมื่อไหร่ที่เห็นนางเหมือนเป็นลูก!


“เจ้าทำงานได้ดี...ฟีต้า แต่ข้าก็เป็นห่วงเจ้า เพราะเจ้าเป็นเด็กซื่อ ไม่ทันพวกคนรับใช้คนอื่นๆ เจ้าต้องจำไว้ว่า แม้เจ้าจะไม่ใช้คนรับใช้ที่ทำงานประจำบนบ้านหรือตนเป็นเด็กจากตลาดทาสก็ตาม แต่ฐานะของเจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปว่าพวกในบ้านเลย ข้ารับใช้ในบ้านหลังนี้มีฐานะเท่าเทียมกันไม่ว่าจะมาจากการสมัครใจเข้ามา หรือถูกซื้อตัวมาก็ตาม เข้าใจไหม”


ดวงตากลมซื่อมองตอบนางกลับมาด้วยแววตาเปล่งประกายใสซื่อและเฉลียวฉลาด...สองสิ่งที่ยากจะไปด้วยกันได้ ตัวฟีต้าเข้าใจดีถึงสิ่งที่หัวหน้าแม่บ้านอยากจะบอกกับนาง


“ข้าเป็นคนไม่มีที่ไป ได้ท่านซื้อข้ามาเลี้ยงดู ดูแลให้ที่อยู่ที่พักและอาหารเป็นอย่างดี ดีกว่าตอนข้าหาเลี้ยงตนเองก่อนที่จะถูกจับมาขายเสียด้วยซ้ำเจ้าค่ะ ดังนั้น...ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ข้าพอจะทำประโยชน์ให้กับคุณลอนต้าและคนอื่นๆ ได้ ข้าก็อยากจะทำค่ะ”


คำตอบของหญิงสาวทำให้ลอนต้าสะท้อนใจ มือเหี่ยวย่นของหญิงสูงวัยยื่นไปแตะแก้มเนียนใสของหญิงสาวอย่างเห็นใจและสงสาร


“คิดอย่างนั้นก็ดีแล้ว...ไปเถอะรีบเอายาย้อมนั่นไปย้อมผมของเจ้าเสียให้เสร็จ จะได้หมดปัญหาไปเสียที” ฟีต้ารับคำ แล้วรีบแล่นไปปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว


ไม่นานเพียงสองสามชั่วโมงต่อมา...


เรือนผมสีเงินยวงของนางก็ถูกปิดด้วยสีดำสนิทราวกับขนนกกา...


เกวียนถูกลากเข้ามายังหมู่บ้านด้วยรถเกวียนใหญ่ของช่างไม้ซึ่งเทียมวัวสี่ตัว วัวของซีรุสได้พักผ่อนในโรงปศุสัตว์ของหมู่บ้าน เฟทรู้เกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆจากการพูดคุยกับพวกแม่สาวเสิร์ฟในร้านอาหาร แม้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีงานเพาะปลูกของตนเองก็ตาม แต่ที่ทำรายได้ให้กับชาวบ้านอย่างมากก็คือ...อาชีพเสริมทั้งหลายที่มาจากการค้าขายและการบริการชนชั้นสูงที่มักจะหลั่งไหลเข้ามากันในช่วงฤดูร้อน และจะเข้ามาเรื่อยๆ จนกว่าคิมหันต์นั้นจะสิ้นสุด


บ้านใหญ่ในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นบ้านของพวกข้าราชการและคนชั้นสูงมาสร้างทิ้งเอาไว้ เพื่อใช้พักผ่อน โดยจะจ้างพวกชาวบ้านเข้ามาทำงานตลอดคิมหันต์


และตอนนี้ก็เป็นช่วงนั้นพอดี...


นั่นเป็นคำตอบว่าทำไมห้องพักในโรงพักแรมนั้นถึงได้เหลือน้อยนัก และบอกถึงความหมายของคำว่า ‘โชคดี’ ที่เจ้าของที่พักพูดกับพวกเขาเมื่อคืนวานก่อนอีกด้วย


เฟทสอบถามถึงคนขายข่าวของหมู่บ้านนี้จากลูกชายของช่างไม้ และได้รู้ว่าคนขายข่าวได้ไปจากหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้นานแล้ว เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีผู้ใดสนใจข่าวเกี่ยวกับภายนอก และต่างก็สนใจเพียงแค่เรื่องราวภายในเท่านั้น อีกทั้งพวกขุนนางที่มาจากโลกภายนอกก็ไม่สนใจข่าวจากคนขายข่าวอีกด้วยในเมื่อคนเหล่านั้นต่างก็มีลูกน้องของตนเองที่คอยส่งข่าวคราวต่างๆ และหาข่าวจากเมืองหลวงมาให้อยู่แล้ว ทำให้การค้าข่าวในหมู่บ้านเล็กๆนี้เป็นไปได้ไม่ราบรื่นนัก


เขาจำเป็นต้องรวบรวมข่าวเอาเอง!


เฟทถามถึงเรื่องราวแปลกประหลายที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน หากหมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงบจนเกินไป และจากการไถ่ถามชายช่างไม้กับครอบครัวเขาทั้งหมด ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับหญิงผู้มีเรือนผมสีเงินเลย


“แต่ข้าเคยเห็นนะ เมื่อหลายเดือนก่อนมีพวกบ้านใหญ่ไปซื้อเด็กจากพ่อค้าทาสที่เดินทางผ่านทางมาเอาเด็กเผือกคนนึงมาขายในราคาถูกมากแค่สิบเอ็ดเชล หน้าตามอมแมม ตัวผอมเก้งก้าง ผมเผ้ายาวรุงรังน่าเกลี๊ยดน่าเกลียด ผมเด็กนั่งก็เป็นสีอ่อนๆ ด่างๆ ด้วย” นั่นเป็นคำบอกเล่าที่ไม่อาจจะเรียกเป็นข่าวได้เลยจากแม่ค้าผลไม้ท่าทางช่างพูดนางหนึ่ง หากเฟทก็สนใจไตร่ถาม เพราะเขาที่พลาดไปแล้วหลายหนไม่อยากละเลยแม้แต่เรื่องราวเล็กๆน้อยๆ


“แล้วเด็กนั่นมีใครซื้อเอาไว้รึาครับ?”


“มีซี่ คุณลอนต้าหัวหน้าแม่บ้านที่บ้านเศรษฐีที่อยู่ตรงโน้นเขาเป็นคนซื้อไปเพราะเห็นว่าถูกมั้ง แต่ข้าไม่เห็นเด็กนั่นออกมาจากบ้านนั้นอีกเลยนะ เด็กนั่นอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ เลวจริงๆ แต่เร็วๆ นี้เห็นมีเด็กมาใหม่อีกคนด้วยนะที่ออกมาบ่อยๆ เป็นเด็กสาวซักผ้าหน้าตาน่ารักผมดำอย่างกับขนกาเชียว โดนพวกคนรับใช้คนอืนๆ ในบ้านใช้ให้ออกมาซื้อของบ่อยๆ น่ะ โอ๊ย ขยั๊นขยันนะ น่าตาน่าดูเสียก็แต่ว่าผมน่ะดำด้านๆยังไงบอกไม่ถูก”


เฟทตัดเด็กผมดำนั่นออกไปจากใจในทันที หากก็ยังสนใจเด็กเผือกคนนั้นอยู่


หนีไปอย่างนั้นหรือ...ไม่เคยมีใครเห็นออกมาอีก?


ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดจุดใดไปเลย เฟทตัดสินใจสืบข่าวเกี่ยวกับเด็กเผือกคนนั้นโดยบ่ายหน้าไปที่บ้านเศรษฐีตามคำบอกเล่าของแม่ค้านางนั้น


ไคเมร่าหนุ่มลัดเลาะไปตามเส้นทางอันคดเคี้ยวในตอกแคบๆ ของหมู่บ้านเพื่อเลี่ยงเส้นทางหลักอันคับคั่งไปด้วยผู้คนและรถม้าที่วิ่งกันให้ขวักไขว่ในหมู่บ้านทั้งๆ ที่หาใช่หมู่บ้านใหญ่โตอะไร แต่พวกผู้ดีก็ยังนั่งรถม้ากันออกมาเพื่อโอ้อวดความมั่งคั่งของตน...ไร้สาระสิ้นดี


ขณะที่ชายหนุ่มห่างเสียงจ้อกแจ้กและความจอแจออกไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางอันคดเคี้ยว เฟทก็ชนโครมเข้ากับร่างๆ หนึ่งซึ่งถือของมาเต็มวงแขนจนล้มหงายไปทั้งคู่ เพราะต่างคนก็ต่างมาแรงและเร็ว


“อู๊ย...” หูของเฟทกระดิกทันทีที่เสียงครางใสๆ หลุดออกมาจากปากสวยๆ แม้จะยังไม่เห็นว่าสวยจริงอย่างที่คิดรึเปล่า แต่เสียงแบบนี้ตีขลุมไปก่อนว่าน่ารักแหงมๆ


ฟีต้าคลำก้นตัวเองน้ำตาซึม เพราะล้มลงแรงกว่าบนพื้นปูอิฐนี้ ข้าวของที่นางถือมาตกกองอยู่ข้างตัวและกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้าอีกด้วย ทว่า...พอนางเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจมากกว่า


“ท่าน


หญิงสาวป้องปากมองชายตรงหน้าอย่างตกตะลึง นางจำเขาได้ ชายที่นางเคยเจอในป่าของเจ้าภูผาที่หมู่บ้านของนาง ชายคนที่เลี้ยงสุนัขป่าเอาไว้ทั้งฝูง ถูกแวดล้อมด้วยสัตว์ร้ายโดยไม่เกรงกลัวราวกับเขาเป็นเจ้าภูผาในตำนาน


“??” เฟทมองสาวน้อยผมดำด้วยความแปลกใจกับท่าทางของนาง...ชายหนุ่มจำนางไม่ได้แม้แต่น้อย...


ด้วยเรือนผมงามถูกปิดด้วยสีย้อมดำราวขนกา อีกทั้งร่างน้อยในยามนั้นเจริญวัยเป็นสาวเต็มตัว ไม่เลยสักนิดที่เขาจะรู้สึกคุ้นตาสาวงามนางนี้ หากดวงตาของนางตรงหน้ากลับแลราวกับจะพูดกับเขาว่า...นางรู้จักเขามาก่อน...






Free TextEditor




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2551    
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:44:05 น.
Counter : 152 Pageviews.  

คิมหันต์ที่ 5/2

“เราเคยพบกันมาก่อนด้วยอย่างนั้นรึคุณหนู” เฟทเอ่ยถามขึ้นด้วยทีท่านิ่งเฉย ทำให้ฟีต้าหมายจะเอ่ยถึงความเก่าที่ทั้งสองเคยพบ แต่แล้วเมื่อดวงตางามเหลือบเห็นเส้นผมสีนิลกาลของตนก็ชะงักนิ่ง


จงอย่าบอกใครนะ...ฟีต้าว่าสีผมที่แท้ของเจ้าเป็นสีอะไร มิฉะนั้นพวกชาวบ้านทั้งหมดจะรังเกียจเดียดฉันท์เจ้า แล้วเจ้าก็จะไม่สามารถอยู่ในบ้านนี้ได้อีกต่อไป...


ฟีต้ารำลึกถึงคำสั่งของลอนต้าอย่างขึ้นใจ...ใช่ ชายตรงหน้าไม่มีทางจำนางที่มีเรือนผมสีดำได้หรอก แต่นางก็ไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยออกไปได้


“ว่าอย่างไรล่ะ? เรารู้จักกันมาก่อนด้วยหรือ?” ชายหนุ่มย้ำซ้ำย่ำถาม


ไม่ได้! หญิงสาวร้องห้ามกึกก้องอยู่ในใจตน


“ข้าจำคนผิดค่ะนายท่าน...ขออภัยเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบเอ่ยออกไป นางไม่ต้องการให้คนอื่นๆ เกลียดนางอีก


หลังจากย้อมผมตนเป็นสีดำ นางคิดว่าตนเองเริ่มมีความสุขมากขึ้น ผู้คนดูเหมือนจะไม่รังเกียจนางอีก และแม้แต่คนที่เคยรู้จักเดินทางผ่านทางมาก็จำนางไม่ได้ ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองดูนางอย่างเป็นมิตรยิ่งขึ้นและนางไม่ต้องการจะสูญเสียมันไป


แม้ความเกลียดชังแรกสุดไม่ได้มาจากสีสันของเรือนผมนางก็ตาม หากยามนี้เมื่อผมถูกย้อมเป็นสีดำนางรู้สึกแตกต่างออกไป ไม่เป็นตัวตนน่ารักเกียจในสายตาผู้อื่นเหมือนเมื่อก่อน แม้อุปนิสัยนางจะไม่ต่างผิดไปจากเดิมก็ตามที แต่นางก็พอใจที่จะทิ้งอดีตอันขมขื่นทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลังนั่น


ภายใต้การคุ้มครองของเรือนผมสีอีกา


นางหลีกเลี่ยงที่จะออกจากบ้านยามฝนตก และหลังจากนั้นนิ้วของนางก็จะดำไปด้วยสี และบางทีสีผมของนางก็ดูจะเข้มยิ่งขึ้นอีกด้วย ทว่าตราบใดที่มันเป็นสีดำ ไม่มีใครสนใจความผิดปรกตินี้แต่อย่างใด


มือบางรีบจัดการก้มเก็บข้าวของที่หล่นอยู่บนพื้นขะมักเขม้น ทั้งหมดเป็นของที่คนรับใช้ในคฤหาสน์ฝากซื้อ ในฐานะที่ต่ำสุดในคฤหาสน์ นางต้องรับใช้ทุกๆ คนแม้ว่าคุณลอนต้าจะบอกว่ามันไม่จำเป็นเลยก็ตาม แต่นางยินดีกับการได้ทำสิ่งนั้นแม้รู้ทั้งรู้ว่าโดนหลอกใช้ก็ตาม


เฟทมองหญิงสาวแล้วครุ่นคิด หรือนี่จะเป็นแม่สาวผมดำที่แม่ค้าพูดถึง?


“มา...ข้าช่วย...” เฟทก้มลมช่วยนางเก็บของที่ตกหล่นอย่างมากมายนั้นแล้วคิดว่าไม่ผิดแน่เพราะหญิงสาวคนเดียวไม่น่าซื้อของมากมายเช่นนี้หากมิได้ซื้อไปเพื่อผู้อื่น


“ไม่เป็นไรค่ะนายท่านข้าเก็บเองได้เจ้าค่ะ...”


“เจ้าคงเป็นเด็กใหม่ที่ทำงานอยู่ที่บ้านเศรษฐีที่ด้านโน้นใช่หรือไม่?”  เฟทเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจในสิ่งที่อยากรู้ทันที


“คะ? เอ่อ ค่ะ ข้าเป็นคนรับใช้ของบ้านนายท่านทางด้านโน้นเจ้าค่ะ” ฟีต้าเอ่ยตอบแม้ยังก้มเก็บของเงอะๆ งะๆ อยู่ก็ตาม


เยี่ยมมาก แบบนี้เขาก็มีลู่ทางถามข่าวในบ้านนั่นผ่านแม่สาวนี่แล้ว...แผนเด็ดสุดบรรเจิดและดั้งเดิมรุ่นพ่อทีเดียวเชียว...แต่ใช้ได้ทุกยุคล่ะน่า


“อ๋อ...ดีจริง ข้ากำลังจะมาหาคนรู้จักแถวนั้นอยู่พอดี ข้าเดินไปส่งนะ” เฟทเก็บเสร็จก็ยัดทุกอย่างใส่ลงในถุงกระดาษใบใหญ่จากร้านของชำที่เริ่มเปื่อยของหญิงสาว


“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะ ข้าเกรงใจ ท่านช่วยข้าเก็บของอีกทั้งข้าซุ่มซ่ามชนท่านยังไม่ได้ขอโทษท่านเลย ขอโทษจริงๆเจ้าค่ะ”


“ข้าวของมากมาย แถมถุงกระดาษที่เจ้าถือก็เริ่มเปื่อย ข้าว่าเจ้าถือคนเดียวไม่ได้หรอก ข้าเองก็ผิดที่ชนเจ้าจนข้าวของเสียหายด้วยอีก ยังไงก็ขอให้ข้าได้ช่วยเจ้าเป็นการชดใช้เถอะนะ” เฟทเอ่ยตอบนาง เมื่อเขาดึงเอาถุงใหญ่ใบหนึ่งมาจากนาง หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นสบตาเขาพร้อมรอยยิ้มเป็นครั้งแรก


และเป็นครั้งแรกที่ทำให้เฟทตะลึงงัน...ใบหน้าใสที่ถูกกรอบเอาไว้ด้วยเรือนผมสีดำรากกับขนของนกกา ดวงตาสีอ่อนออกอำพันมองเขาระยิบระยับอ่อนหวานและแสนสดใสน่ารัก สองแก้มเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาด รอยยิ้มของนางทำให้เฟทคิดถึงดวงตะวันที่เจิดจ้าในยามคิมหันต์ ในทำนองเดียวกันกับน้ำเสียงใสๆ ของนาง


“ขอบคุณค่ะ...”


เฟทตัดสินใจเดินคุยกับหญิงสาวไปเรื่อยๆ น่าแปลกที่เขาคุ้นเคยกับนางได้อย่างรวดเร็ว ราวกับนางรู้จักเขามาก่อนหน้า  เมื่อนางโต้ตอบเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่เก้อเขิน ที่ดูจะแปลกก็มีอยู่สิ่งเดียวนั้นก็คือ ยามที่เขาถามถึงเด็กผมสีเงินที่หัวหน้าแม่บ้านซื้อตัวไป


“จริงสิข้าได้ยินมาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนหัวหน้าแม่บ้านรับเด็กผิวเผือกมา เจ้ารู้จักบ้างไหม?”


“...” ฟีต้านิ่งงัน นางไม่ตอบอะไรเพียงแค่ปิดปากเงียบ ทำให้เฟทนึกแปลกใจจนต้องถามออกมา


“มีอะไรหรือ?””


“คือ...ไม่มีค่ะ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหญิงผมขาวแบบนั้นมาก่อนเลย...” ฟีต้าละล่ำละลักตอบพลางหลบตาเขาอีกด้วย


เฟทนึกสะดุดในคำพูดของนาง...เขายังไม่ได้พูดเลยว่าเป็นผู้หญิง? แล้วใยนางต้องทำท่าหวั่นกลัวเช่นนั้นด้วย หรือมีความลับประการใด?


ท่าทางประหลาดนั่นเฟทบันทึกเอาไว้ในใจมิได้พูดออกไป ด้วยเกรงว่าหากมีอะไรผิดปรกติเขาก็ไม่ต้องการให้นางรับรู้ เพราะด้วยท่าทางแปลกๆ ของนางและกลิ่นความกลัวที่โชยมาต้องจมูกเขานั้นบอกกับเขาได้ว่า หญิงสาวกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่


“อ๋อ...เหรอ...”


“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์เดินมาส่ง” เสียงใสเอ่ยกับเขาอีกครั้งเมื่อทั้งสองมาถึงประตูเดี่ยวบานเล็กๆ ด้านหลังคฤหาสน์ใหญ่อันถูกกั้นเอาไว้ด้วยรั้วอิฐแดงสูงรกเถาไอวี่


“ด้วยความยินดี เป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษอยู่แล้วละครับคุณหนู...”


คำพูดล้อเลียนองเขาทำให้หญิงสาวรีบปฏิเสธออกมาหน้าซีดในทันที “ไม่ใช่หรอกค่ะข้าไม่ใช่คุณหนูของบ้านนี้หรอกค่ะ ข้าเป็นแค่คนชั้นต่ำของบ้านนี้เท่านั้นเอง...”


เฟทอึ้งงันไปนิดก่อนหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ...นางซื่อเสียจริงๆ...


“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นหรอก จริงสิ...ข้ายังไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลย...ข้าชื่อเฟท” หญิงสาวเงยขึ้นมองเขาด้วยดวงตาคู่สวยของนางแล้วเผยอยิ้มเล็กน้อย


“ข้าชื่อฟีต้าเจ้าค่ะ”


ล้อเกวียนซ่อมแซมเสร็จภายในวันเดียว  และพ่อลูกซีรุสและซาราสตัดสินใจที่จะเดินทางกลับในทันทีเพราะพวกเขาได้ทำการค้ากับหมู่บ้านนี้แทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อสินค้าเป็นสินค้าทางการเกษตรพ่อลูกซีรุสซาราสจึงต้องค้าขายจำหน่ายมันออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด ดังนั้นสองพ่อลูกจึงตัดสินใจจะเดินทางกลับหมู่บ้านของตนทันทีที่เกวียนใช้การได้ เฟทจึงตัดสินใจแยกทางกับคนทั้งสองที่ลิสมัตแห่งนี้...


ไคเมร่าหนุ่มตัดสินใจที่จะที่จะอยู่ที่ลิสมัตต่อไป เฟทยังมีบางสิ่งค้างคาใจของเขาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนั้น...อย่างน้อยที่สุดก็แม่สาวน้อยผมดำแสนสวยคนนั้นนั่นแหละ...


นางมีกลิ่นสะอาดและอบอุ่นเหมือนกลิ่นของคิมหันต์ในโอราเคิล ชวนให้นึกถึงยามเช้าในดินแดนบ้านเกิดระหว่างที่เขาไปฝึกตนอยู่กับนักบวชเผ่าอสรพิษและหัวหน้าเบดูอินเผ่าสิงห์ สดชื่นเหมือนแสงแดดอบอุ่นที่ขจัดความหนาวเย็นจนถึงไขกระดูกในทะเลทรายยามราตรีให้หายไป


ฟีต้า...มาอะไรบางอย่างในตัวนางที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย ถึงท่าทางของนางจะดูแปลกๆ ก็ตาม อีกทั้งสีผมดำแปลกๆ นั่นอีกด้วย มันดูแปลกสำหรับเขาที่มีผมสีดำมาทั้งชีวิต...เอ...กี่ร้อยปีนะ สองร้อย...อืม...ช่างมันเถอะ การที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานนั้นก็เป็นความลำบากอย่างหนึ่ง เหมือนกันกับการจดจำตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นล่ะ ชายหนุ่มคิดถึงฟีต้าของเขาต่อ...อืม...สีผมของนางดำเกินไป และด้านราวกับถ่าน ซึ่งแลดูไม่เหมาะกับตัวนางเลย..


เฟทเดินคิดเรื่อยเปื่อยมาจนถึงกำแพงอิฐแดงสูงรกเถาไอวี่ที่ๆ เขาเดินมาส่งหญิงสาวเมื่อวันก่อน ไคเมร่าหนุ่มหันมองซ้ายขวาก่อนตัดสินใจบางอย่าง...


เขาไม่รู้จักใครในบ้าน แต่เขาจำเป็นต้องเข้าไปสืบดูผู้คน เขาอยากเจอสาวน้อยฟีต้า แต่เขาก็ไม่มีเวลามากมาย ที่สำคัญเขาต้องตามหาแม่สาวเผือกนางนั้นเพื่อพิสูจน์ว่านางใช่คนที่เขาตามหาอยู่หรือไม่


หวังว่าโชคจะเป็นของเขา ถ้านาไม่ได้หนีไปเสียก่อน มิฉะนั้นเขาจะต้องหาทางตีสนิทกับคนใช้อื่นๆในบ้านเพื่อให้ได้มีโอกาสสืบถามข่าวจากพวกเขา! และมันก็หมายถึงเวลาที่เขาจะต้องจ่ายมันออกไปเพิ่มขึ้นเพื่อแลกมาซึ่งข่าวที่อาจจะไร้ประโยชน์กับเขาก็ได้


ดวงตาสีทองสอดส่ายไปทั่วทั้งบริเวณสนามด้านหลังคฤหาสน์ของคหบดีใหญ่คนหนึ่งที่มาสร้างเอาไว้เพื่อเป็นที่พำนักตากอากาศของครอบครัว


เจ้าขนดำตัวจ้อยมองสอดส่ายสายตาอย่างระมัดระวังสิ่งที่อาจจะเป็นอันตรายที่ไม่คาดคิด อย่างเช่นหมาตัวโตๆ ที่อาจจะวิ่งเข้ามาฟัดตนเองจากด้านหลังและจู่โจมอย่างไม่ให้ตั้งตัว มันมองจนแน่ใจก่อนที่อุ้งเท้านุ่มๆ จะย่างออกไปอย่างเงียบกริบระมัดระวัง


ไม่มีใครสังเกตเห็น เป็นเพราะทุกคนวุ่นอยู่กับงานของตน ดูเหมือนกว่าครอบครัวของคหบดีคนนั้นจะเข้ามาพักยังคฤหาสน์ตากอากาศแห่งนี้กันแล้ว...เขาแลเห็น เสื้อผ้ามากมายและผ้าปูที่นอนตากเรียงรายกันอยู่ในสนามด้านหนึ่งถัดไปจากแปลงสวนครัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครใส่ใจ เลยไปยังตัวบ้าน เหล่าคนรับใช้เดินเข้าเดินออกประตูท้ายครัวกันอย่างพลุกพล่าน มีกลิ่นหอมๆ ของอาหารลอยมาต้องจมูก และควันที่เกิดจากการหุงต้มทางปล่องควันห้องครัวด้านหลัง


เจ้าตัวเล็กวิ่งสำรวจบ้านใหญ่หลังงามจนทั่ว จนพบกับทางขึ้นลับเล็กๆ สำหรับตน  ขนปุยเหมือนลูกบอลสีดำกระโดดตัวเบาขึ้นไปบนหลังคาบ้านชั้นสองอย่างง่ายดาย ดวงตาสีทองมองเข้าไปทางด้านในตัวที่พักอาศัย


มันเป็นห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามด้วยผ้าลูกไม้และผ้าลายดอกเล็กๆ ละเอียดยิบสีส้มอมชมพู ห้องนั่งเล่นเด็กผู้หญิง แสดงว่าในครอบครัวคหบดีนี้ต้องมีลูกสาวอยู่อย่างน้อยคนหนึ่งเป็นแน่ จากหน้าต่างบานหนึ่งเจ้าขนดำกระโดดไปอย่างง่ายดายจนถึงห้องอีกห้องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ห้องที่ตกแต่งด้วยสีสันที่เย็นตากว่าการตกแต่งเรียบกว่าแต่ยังคงความหรูหราเอาไว้ บนพื้นมีกล่องทหารตะกั่ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่เป็นห้องนอนของเด็กผู้ชาย กล่องของเล่นนั่นเกลื่อนอยู่แสดงว่าเจ้าตัวคงเอาแอบเข้ามาเล่นแล้วไม่ได้เอาไปเก็บที่ห้องเด็กเล่น


ห้องชั้นบนนี้มีอยู่หลายห้องด้วยกัน เฟทสำรวจจนครบทุกห้อง ไม่พบคนในครอบครัวนอกจากเด็กสาวรูปหน้าเรียวตอบผอมบางวัยประมาณสิบเจ็ดที่กำลังเขียนจดหมายหรือบันทึกอะไรบางอย่างในห้องของตัวเอง


ห้องนั่งเล่นเด็กผู้หญิง ห้องเด็กชาย ห้องนายเจ้าบ้านชายและหญิง ห้องนอนของลูกสาว ห้องหนังสือเล็กๆ และห้องนอนสำหรับแขกอีกหลายห้องทางปีกตะวันตก


ขนดำจำทุกอย่างแม่นยำ ก่อนกระโดดลงไปข้างล่างอย่างปราดเปรียวเงียบกริบทางด้านหลังของตัวคฤหาสน์ทางเดียวกับที่เขาใช้เป็นทางขึ้นมา


ดวงตาสีทองมองและนับจำนวนผ้าปูที่นอนที่ตากเอาไว้อย่างมากมายที่สนามหลังบ้าน...แล้วได้ข้อสรุปเล็กๆ ว่าบ้านหลังนี้กำลังจากมีงานเลี้ยงอะไรบางอย่าง


“อุ๊ย เสียงอุทานใสๆ ที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เจ้าขนดำตกใจ!


เขาถูกพบ! โดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร!


เฟทตระหนกกับสิ่งที่ประสบ เขาหันไปพบฟีต้ามองตรงมาที่เขาด้วยสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน


“ลูกแมว?” นางเดินตรงมาที่เขา ด้านหลังของนางคือตะกร้าผ้าใบใหญ่อัดแน่นไปด้วยผ้าสีขาวเปียกที่เพิ่งผ่านการซัก แขนเสื้อของนางถูกถลกขึ้นจนเห็นเรียวแขนกลมกลึงขาวนวลเนียนจนถึงศอก


“มานี่สิจ้ะ เจ้าตัวเล็ก...ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก มามะ...” เขาได้กลิ่นเป็นมิตรและเห็นรอยยิ้มสดใส นางรู้วิธีเอาชนะใจสัตว์และเข้าถึงพวกมันโดยการมองสบตาอย่างจริงใจและกล้าหาญ


เฟทในร่างลูกแมวขนดำเดินก้มหัวต่ำเข้าไปหาหญิงสาว อันที่จริงแล้วเขาน่าจะกระโดดหนีนางไป หากมือบางที่ยื่นมาและเรียวแขนงามๆ นั่นช่างดึงดูดใจ


เขารู้จักกลิ่นนาง แต่การได้สัมผัสใกล้ๆนั้นดีกว่ามากนัก กลิ่นหอมสะอาดของน้ำชื้นๆหมาดๆจากมือบาง กลิ่นของนางเองที่ราวกับกลิ่นของแสงตะวันอันอบอุ่น


กลิ่นที่เหมือนกับบ้านเกิดของเขา...ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งได้กลิ่นนั้นอย่างชัดเจน


มือน้อยรับเจ้าเหมียวตัวจ้อยขึ้นอุ้ม...เจ้าตัวเล็กนี่ช่างเชื่องเกินคาด ผิดกลับพวกลูกแมวที่นางเคยพบซึ่งจะหวาดกลัวมนุษย์ที่พวกมันไม่คุ้นเคยขนนุ่มๆ เสียดสีกับมือนางให้สัมผัสที่แสนดี


“เจ้าหลงทางมาเหรอจ้ะ...เจ้ามาจากไหนกันนี่...เข้ามาในนี้ได้ยังไงเอ่ย?” ฟีต้าพูดกับเจ้าตัวน้อยในอุ้งมือนางราวกับว่ามันสามารถโต้ตอบได้


หญิงสาวเอียงคอนิดๆ ราวกับสงสัย ก่อนวางเขาลง...เฟทจำต้องผละจากอย่างแสนเสียดาย...


“แย่ตรงที่ข้าไม่มีเวลาพอที่จะมาเล่นกับเจ้าได้...ข้ามีงานมากมายที่จะต้องทำผ้าอีกมากที่จะต้องซักด้วย” นางรำพึงพูดกับตนเองเสียมากกว่าพูดกับเจ้าตัวเล็ก แล้วฟีต้าก็ผละไปทำตามหน้าที่ของนาง






Free TextEditor




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2551    
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:43:09 น.
Counter : 236 Pageviews.  

คิมหันต์ที่ 6/1

Chapter6


“มาอีกแล้ว...เจ้าตัวเล็ก”


“เหมียววว” เสียงร้องเล็กๆ ร้องรับเสียงใสของฟีต้าพร้อมกับที่เจ้าขนดำตัวน้อยเดินเยื้องย่างเข้ามาคลอเคลียมือบางที่ยื่นมาลูบไล้ตัวของมัน เจ้าตัวเล็ก...ที่ฟีต้าเรียกมันอย่างแสนเอ็นดูชูคอเอียงไซ้มือนุ่มขาวผ่องของหญิงสาวทั้งใบหน้าและร่างจ้อยของมันอย่างเป็นเจ้าของ ก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของนางแล้วใช้จมูกเล็กๆชนเข้าที่แก้มนวลของนาง...เป็นการทักทาย


จุ๊บ! อรุณสวัสดิ์จ้ะสาวน้อย...


เฟทเอ่ยกับนางในร่างแมว...ที่ร้อยทั้งร้อยนางไม่มีทางเข้าใจ


นี่เป็นวันที่สามแล้วที่เขาเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่กับนาง ในบ้านหลังนี้ ในเวลาที่นางทำงานเขาก็จะแอบซอกแซกไปตามตัวบ้านด้านนอกเพื่อสอดส่องสิ่งต่างๆ ภายในบ้าน จนเขาได้รู้กำหนดการณ์ต่างๆ และกิจกรรมต่างๆของนายผู้หญิงนายผู้ชายของบ้านนี้ยามที่มาพัก


และที่สำคัญก็คือ เขาได้รู้อีกว่า เมื่อไรที่งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้น!


เฟทหมายใจว่าจะใช้โอกาสนี้ เข้ามาเพื่อสืบข่าว...เด็กเผือก...ที่หายตัวไปให้มากยิ่งขึ้น คิดว่าเขาคงได้รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กสาวนางนั้นเพราะเขาเสียเวลากับที่นี่มากเกินไปแล้ว


แต่ข่าวของเด็กเผือกไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่รั้งความสนใจของเขาเอาไว้กับหมู่บ้านแห่งนี้


“เจ้าตัวเล็ก...กินขนมไหม?” เสียงใสๆ เอ่ยถาม ขณะที่ฟีต้าบิขนมข้าวเกรียบย่างโรยน้ำตาลเป็นชิ้นเล็กๆใส่มือตนแล้วยื่นให้กับเขา


นี่ต่างหากที่เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้...


น่าแปลกเหลือเกินที่ฟีต้าทำให้เขานึกถึงบ้านเสมอที่เจอนาง นางมีอะไรบางอย่างคล้ายๆ ชาวโอราเคิล แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร อาจจะเป็นกลิ่น? หรืออาจจะเป็นความงดงามหมดจดเป็นธรรมชาติตามแบบชาวโอราเคิล? ไม่หรอกเพราะยังมีผมสีดำแปลกๆนั่นที่เขาไม่คิดว่ามันจะสวยเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ มันทำให้เขานึกถึงถ่านด้วยซ้ำ ราวกับมีใครเอาถ่านมาขยี้ใส่หัวนางมากกว่า และวันนี้มันดูดำปี๊ดปี๋เป็นพิเศษเลยทีเดียว


“นี่ เจ้า! มัวนั่งเล่นอยู่ได้ รีบๆ กินเข้าซี่นังเด็กทาส! ต๊าย! นั่นอะไรน่ะ แมวดำรึ นังเด็กผียังจะเอาแมวผีเข้ามาในบ้านหลังนี้อีกรึ!!! เจ้านี่มันตัวอัปมงคล ไม่รู้คุณลอนต้าพิสมัยอะไรเจ้านักไม่ยอมเอาเจ้าไปทิ้ง เสียงแหวแว๊ดๆ ดังแสบแก้วหูที่เฟทไม่เคยอดสะดุ้งเลยสักครั้งเดียว


ดวงตาสีทองของเจ้าแมวดำบนตักหญิงสาวปรายหางตามองสาวใช้สูงวัยนางนั้นด้วยสายตาดูถูก


เขาไม่ชอบยายนี่เลย เฟทสังเกตหลายครั้งหลายหนแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีท่าทีอคติกับฟีต้าเป็นพิเศษ แม่คนในบ้านคนอื่นๆจะทำราวกับนางเป็นคนรับใช้ของคนรับใช้อยู่แล้วก็ตาม แต่กับผู้หญิงคนนี้นางไม่เคยยอมให้ฟีต้าแตะต้องสิ่งที่นางถือและเนื้อตัวนางราวกับรังเกียจเดียดฉันท์หญิงสาวเสียเหลือเกิน


ตัวอัปมงคล! นั่นคือคำที่นางใช้กับฟีต้าทุกครั้ง และนั่นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดเดียวว่าทำไม? หรือนางจะรู้อะไรที่ไม่ดีบางอย่างเกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้?


แต่เขาคิด...คิดว่าบางทีนางอาจจะเป็นเช่นนี้กับเด็กรับใช้ทาสที่ถูกซื้อมาก็ได้ ไม่แน่ว่า...นางอาจจะเป็นสาเหตุที่เด็กเผือกนางนั้นหายไปจากบ้านนี้...


ฟีต้าบิขนมที่เหลือแล้วใส่กระดาษกองเอาไว้ให้กับเจ้าตัวเล็กของนาง วางลงบนพื้นพร้อมกับเฟทในมือนาง


“ข้าต้องไปทำงานแล้ว ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆ จะต้องลำบาก ข้าไปก่อนนะเจ้าตัวเล็ก” มือบางลูกขนอ่อนนุ่มของเจ้าแมวตัวน้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะผละจากมันไปเพื่อทำงานของนาง


เฟทเลียกินขนมจนเรียบก่อนทำความสะอาดปากแมวๆ ของตนแบบแมวๆ แล้วยิ้ม...เขาเองวันนี้ก็มีงานเช่นกัน...


หมู่บ้านเล็กๆ หากร้านรวงส่วนใหญ่กลับหาใช่ร้านขายของชำทั่วๆ ไปไม่ แต่เป็นสินค้าชั้นเลิศคุณภาพดี และสินค้าฟุ่มเฟือยราคาสูงจากต่างแดนรวมตัวกันเปิดร้านอยู่บนถนนสายหลัก


เครื่องเงินจากช่างฝีมือขึ้นชื่อ ผ้าลูกไม้ลายละเอียดจากตะวันออก ผ้าไหมปักเลื่อมพรายสอดด้ายเงิน พัดชั้นดี หมวกประดับริบบิ้นและขนนก เสื้อขนสัตว์อ่อนนุ่ม ผ้าม่านกำมะหยี่ เครื่องกระเบื้องเนื้อบาง สบู่ เครื่องหอม และร้านอาหารเครื่องดื่มสำหรับเป็นที่นัดพบปะกันของชนชั้นสูงรวมไปถึงโรงแรมชั้นดีราคาแพง ร้านตัดเสื้อและทำรองเท้า แม้เป็นร้านเล็กๆ แต่ทุกร้านต่างมีสินค้าสำหรับชนชั้นสูงทั้งสิ้นอีกทั้งต่างก็ตกแต่งร้านเล็กๆ นั่นอย่างหรูหรา และไม่ว่าร้านใดในช่วงเวลานี้ก็มีคนเดินเข้าเดินออกขวักไขว่ แต่ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นนั้นกลายเป็นคนละเรื่องไปเลยทีเดียวเมื่อตะวันตกดิน


เฟทนั่งทอดหุ่ยอยู่บนระเบียงด้านหน้าร้านอาหารชั้นล่างของโรงแรมอันดับหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าผู้หญิงชั้นสูงมานัดพบปะกัน...


แต่ว่า ทำไมเขาจึงต้องมานั่งกินอาหารในสถานที่เช่นนี้นั่นหรือ?


ย้อนไปเมื่อคืนก่อน...เมื่อท้องฟ้าดารดาษไปด้วยดวงดาวและไร้จันทร์ ไม่มีใครเลยที่จะมองเห็นปีกแห่งรติกาลโบยบิน


เฟทร่อนลงเงียบกริบบนหลังคาของคฤหาสน์หลังเดิม ดวงตาสีทองวาววามเรืองแสงสีทองในความมืดอันไร้ผู้คน เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนหลับใหล และไม่มีใครรู้ถึงผู้มาเยือนลึกลับ...


ร่างในชุดดำอำพรางกายสูงซอกแซกไปตามห้องต่างๆ ภายในตัวบ้าน ฝีเท้าของเขาเงียบกริบราวกับแมว ชายหนุ่มควบคุมเสียงหายใจของตนเอง


ผังของบ้านทั้งด้านบนด้านล่างและปีกซ้ายขวาไม่ต่างกัน มีรูปแบบเดียวกัน จำได้อย่างง่ายดายและน่าเบื่อหน่าย ในบรรดาห้องต่างๆ ก็มีผนังที่กั้นระหว่างกันไม่หนานัก ไม่มีทางเลยที่จะแอบซ่อนใครเอาไว้ในบ้านหลังนี้ได้ในเมื่อทุกๆ ห้องมีหน้าต่างและบานประตูที่สามารถทะลุไปยังอีกห้องได้ แน่นอนที่สุด ไม่มีทางหรือประตูลับใดๆ


เจ้าของบ้านไม่มีทางเป็นคนขี้เล่นไปได้อย่างแน่นอน หรือไม่สถาปนิกก็เป็นคนน่าเบื่อ...


ไร้รองลอยของคนที่ตามหา ไม่มีเหลือแม้แต่เบาะแสให้ตามสืบต่อ...หรือไม่เขาอาจจะต้องหาใครบางคนเพื่อถาม...แต่คำถามใหม่ที่เกิดขึ้นก็คือ เขาจะเข้ามาไถ่ถามซักฟอกหาข่าวจากคนในบ้านได้อย่างไร?


และคำตอบของคำถามทั้งหมดกำลังยืนดูขวดเครื่องหอมหน้ากระจกของร้านฝั่งตรงข้าม...หญิงสาววัยสิบเจ็ดแต่งกายด้วยเครื่องประดับหรูหราที่มากับมารดาของนางกำลังยืนดูขวดแก้วเจียระไนใส่น้ำหอมสีสวยรอมารดาของนางที่กำลังสนทนาอยู่กับสตรีอีกนางที่แต่งตัวหรูหราไม่ต่างกัน


หลังจากการสืบเขาก็ได้รู้ว่า คหบดีที่แรงร่ำรวยผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นก็คือ เสนาบดีคลังแห่งซานซาลอว์ สตรีผู้เป็นเป้าหมายครั้งนี้ก็คือ ภริยาเสนาบดีคลังแห่งซานซาลอว์มาดามผู้เลิศหรู ซึ่งเดินคู่มากับลูกสาวคนโตอายุสิบเจ็ด...เป้าหมายที่จะนำเขาเข้าไปในบ้านได้อย่างเปิดเผยด้วยการตีสนิทสองแม่ลูกคู่นี้ ซึ่งมันง่ายกว่าการตีสนิททางท่านเสนาบดีที่มีงานยุ่งอยู่ตลอดเวลาและหาทางเข้าหายากกว่าหลายขุม


ลิบๆ ที่ปลายถนนสายหลัก เฟทรู้สึกได้ถึงสัตว์พาหนะตัวใหญ่ย่างเหยาะเทียมรถเทียมมาตามเส้นทางนี้ และจอดเพื่อรับสองแม่ลูกขึ้นนั่ง


อย่างที่เขาเองมักจะพูดอยู่เสมอๆ ว่า...โอกาสเป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นเอง...


ขอโทษทีนะ...พี่ม้า


เฟทส่งกระแสจิตคุกคามและเฉียบคมตรงไปยังพี่ม้าที่น่าสงสารเข้าไปกระตุ้นสัญชาตญาณของม้าเทียมรถ ทำให้สัตว์จอมตื่นตระหนก...ตกใจส่งเสียงร้องแหลมยิ่งกว่าเสียงกรีดร้องของพวกสาวๆ ที่อยู่ในพาหนะที่เทียมมันเข้าด้วยเสียอีก!


เมื่อคนขับผู้น่าเวทนาไม่สามารถควบคุมได้และไม่ทันตั้งตัวจึงถูกสะบัดตกจากที่นั่งอย่างง่ายดาย...และภาพการตกนั้นดูไม่น่ามองนัก


“ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย!!!” เสียงของคุณหญิงเสนาร้องด้วยความหวาดกลัว เป็นจังหวะที่เฟทรออยู่แล้ว


ร่างสูงเร้นกายหายไปจากฝูงชน เพื่อกระโดดขึ้นหลังคาไปดักรถม้าด้วยความเร็วดุจเสือดาว แม้ว่าการวิ่งด้วยความเร็วเช่นนั้นจะทำให้เขาหมดเปลืองพลังกายไปมากก็ตาม...


แต่เสร็จงานแล้วค่อยไปเติมคืนก็ได้แหละน่า!


ทันทีที่เฟทวิ่งไปดักหน้ารถได้หนึ่งช่วงตัวรถม้า ร่างสูงก็กระโดดลงมาบนที่นั่งคนขับได้อย่างเหมาะเหม็ง


สำหรับมนุษย์ทั่วๆ ไปแล้วการควบคุมม้าสองตัวที่กำลังตื่นตระหนกอยู่นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากยิ่งและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่กับเฟทที่เป็นชาวโอราเคิลแล้วนั้น...เรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องขี้ประติ๋ว!


“โย้วๆ ใจเย็นๆ” มือใหญ่ทำเป็นรั้งบังเหียนอย่างลำบาก หากจริงแล้วหาได้ดึงแรงอย่างแสร้งว่า ดวงตาสีทองจับที่สองแรงม้าแล้วส่งกระแสความคิดตนไปปลอบโยน ควบคุมเจ้าม้าทั้งสองไว้!


พี่ม้าเย็นไว้...ข้าไม่ทำอะไรพวกเจ้าหรอก


เมื่อสี่ขาคูณสองที่ห้อตะบึงค่อยๆลดความเร็วจนหยุดนิ่งสนิทเสียงกรีดร้องสองเสียงด้านหลังก็เงียบลง เฟทกระโดดลงจากที่นั่งคนขับคล่องแคล่ว เดินไปเปิดประตูรถม้าออกแล้วยื่นหน้าเข้าไป


“...ปลอดภัยแล้วครับ คุณสุภาพสตรีทั้งสอง...”


แผนการดูเหมือนจะไปได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ เมื่อเขาได้ช่วยเหลือแม่ลูกทั้งสองให้รอดพ้นจากความตายเขาก็เท่ากับผู้มีพระคุณและเสมือนอัศวินขี่ม้าขาวในสายตาของสตรีทั้งสอง และเพื่อเป็นการตอบแทน สตรีผู้แม่จึงยื่นข้อเสนอให้เขาย้ายไปพักที่คฤหาสน์จนกว่าจะออกเดินทาง พร้อมทั้งมอบค่าตอบแทนซึ่งเป็นเงินทองอีกมากมายให้กับเขา...ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ เว้นเสียก็แต่เฟทไม่ต้องการที่จะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่จะมีผู้คนคอยจับตา เช่นนั้นเขาจึงปฏิเสธไป...ท่าทางนอบน้อมของชายหนุ่มและไว้ตัวแบบคนมีการศึกษา ทำให้นายหญิงแห่งคฤหาสน์เสนาบดีพอใจเฟทยิ่ง!


เฟทจึงได้รับเชิญให้ร่วมงานเลี้ยง หากเมื่อชายหนุ่มทำท่าเหมือนจะปฏิเสธอีกครั้ง...





 

Create Date : 30 มิถุนายน 2551    
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:42:15 น.
Counter : 210 Pageviews.  

คิมหันต์ที่ 6/2

 “ได้โปรดเถอะพ่อหนุ่ม ข้าต้องการแนะนำเจ้าให้รู้จักกับสามีข้าในฐานะผู้มีพระคุณต่อเรา การเดินทางของเจ้าจะสะดวกสบายยิ่งขึ้น หากข้าได้แนะนำให้เจ้ารู้จักกับแขกของข้าที่มาร่วมในงาน...”


“ใช่แล้วค่ะ ท่านผู้กล้า...ได้โปรดรับคำเชิญของเราเถอะนะคะ...” ผู้เป็นลูกสาวรีบกล่าวสำทับอย่างออกนอกหน้า และดวงตาของนางก็ฉายประกายคาดหวังเยี่ยงสตรี


เฟทมองนางด้วยความลำบากใจ...นางเด็กนักที่จะตกหลุมรัก เด็กสาวแม้วัยสิบเจ็ดสำหรับคนที่อยู่มาแสนนานอย่างเฟทแล้วนางเป็นเพียงทารกไร้เดียงสาคนหนึ่ง อีกอย่างที่สำคัญคือ เขาไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นตุ่ยๆ ที่นางใส่เลย...โดยเฉพาะอย่างยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ในยามนี้ที่กลิ่นของความตื่นเต้นในกายนางนั้นฉุนขึ้นจมูกไม่แพ้กัน!


ในสายตาสาวน้อย เขาคงเป็นดั่งวีรบุรุษ...สำหรับสาวน้อยอย่างนางแล้ว สิ่งที่เขาทำไปมันเหมือนกับเขาเป็นพระเอกในนิยายรักหวามไหวสุดแสนหวานดุจความฝันของเธอ และคำพูดโพล่งออกนอกหน้าของนางก็ทำให้คุณแม่...ไม่ปลื้มสักเท่าไหร่


“เก็บกริยาเจ้าเสีย อิลด้ามาดามมารดาเอ็ดอึงลูกสาวตน


การได้รับเชิญเข้าไปร่วงในงานเลี้ยงทำให้เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกคนรับใช้ในบ้าน...หวังว่าพวกเขาจะพูดนะ ถ้าเขาไม่รู้มาก่อนว่าคนรับใช้บนแดนมนุษย์นี้ ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับแขกเหร่อ...แต่บางทีมันก็ต้องมีข้อแม้กันบ้างล่ะ


“เป็นความกรุณามากเลยนะครับ แต่ผมคิดว่าคงจะไม่เหมาะที่คนเดินทางพเนจรอย่างผมจะไปปะปนกับขุนนางอื่นๆ ทั้งหลาย และพ่อแม่ของเด็กสาวอื่นๆ ก็คงไม่ปลื้มเช่นกันที่สามัญชนคนเดินทางพเนจรจะเข้าไปร่วมงานของชนชั้นขุนนาง...” เฟทเอ่ย เตรียมที่จะเดินไปตามแผน


“โอ...นั่นสิ ข้าเองก็ลืมไป แต่พวกเราไม่ถือหรอกนะ...” หญิงสูงวัยเอ่ยอย่างลืมตัวพลันนึกได้ก็แก้ไขถ้อยคำอย่างมีไหวพริบ พลางชำเลืองมองไปทางแม่ลูกสาวของตนอย่างปรามๆ กับทีท่าดีใจจนนอกหน้า “ถ้าเช่นนั้นจะมีหนทางอื่นใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือเจ้าได้บ้างหรือไม่ อย่างไรข้าก็ต้องการตอบแทนอะไรเจ้าสักอย่างนะพ่อหนุ่ม...”


“ข้าเดินทางเพื่อติดตามหาสตรีนางหนึ่งจนมาถึงยังหมู่บ้านแห่งนี้และได้ทราบข่าวว่านางถูกซื้อตัวไปโดยหัวหน้าแม่บ้านของคฤหาสน์ทางด้านโน้นนะครับ...ไม่ทราบว่าท่านหญิงจะรู้จักกับเจ้าของคฤหาสน์หลังนั้นบ้างหรือไม่ครับ”


“ต๊ายตาย...บังเอิญจริงๆ คฤหาสน์หลังนั้นเป็นคฤหาสน์ของข้าเอง หากต้องการพูดคุยกับลอนต้าหัวหน้าแม่บ้านของข้าละก็เย็นนี้มาร่วมงานเลี้ยงที่บ้านข้าสิ แล้วข้าจะเรียกนางมาให้เจ้าถามได้อย่างเต็มที่เลย...ว่าแต่คนที่เจ้าตามหาเป็นอะไรกับเจ้าหรือ แล้วรูปร่างหน้าตานางเป็นยังไงล่ะ” หญิงนางนั้นเอ่ยถามขึ้นอย่างสนใจ...การสอดเรื่องคนอื่นก็เป็นอีกเรื่องสนุกสำหรับพวกสตรีชั้นสูงพวกนี้...อีกทั้งท่าทางนางทั้งสองจะคาดหวังเรื่องราวของเขาออกไปในทางโรแมนติกอยู่เสียด้วยในขณะนี้...เมื่อดูจากคำถามของผู้เป็นมารดา


“นางเป็นอะไรกับข้าไม่สำคัญ แต่มีคนที่ต้องการการกลับไปของนางกำลังรออยู่...”


“ถ้าเช่นนั้น ท่านก็รับเป็นธุระติดตามหาคนอย่างนั้นหรือ...ช่างน่าสนใจเหลือเกิน ทุกๆ คนต้องชอบเรื่องของเจ้าแน่ เรื่องนี้ช่างน่าสนใจตื่นเต้นและโรแมนติกนัก ดี...คืนนี้เจ้าโปรดมาร่วมงานเลี้ยงของเราที่บ้านข้าเถอะพ่อหนุ่ม เล่าเรื่องและการเดินทางของเจ้าให้พวกเราฟังในงานเลี้ยงของเราคืนนี้ บางทีอาจจะมีใครบางคนในงานนี้ช่วยเหลือเจ้าได้ แล้วก็...ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเข้าออกบ้านข้าและพูดคุยกับคนรับใช้ของข้าได้ตามแต่เจ้าต้องการ...ถือเป็นการแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม ตกลงนะ”


แล้วท้ายที่สุดในเย็นวันนั้นเฟทก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงคำเชิญของนายหญิงท่านนี้ได้...เป็นไปตามแผน...


ชุดเสื้อผ้าที่เหมาะสม...และน่าอึดอัด


เฟทขยับจัดคอเสื้อมาตลอดทาง เสื้อผ้าที่มาดามคนนั้นส่งมาให้ดูจะพอดีตัวเขามากเกินไป ซึ่งไม่เหมาะเลยสักนิดสำหรับชาวโอราเคิลอย่างเขา...หากคนขับรถก็ยืนยันจะให้เขาเปลี่ยนชุดนี้ให้ได้ตามคำยืนกรานของนายหญิงของตน...


เนื้อผ้าทอของมนุษย์นั้นไม่ทนทานเหมือนกับผ้าทอของชาวโอราเคิล อีกทั้งหยาบและทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอีกด้วย


แต่เดิมคนในโลกของเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมากนัก ผู้ชายก็มักจะมีเพียงแค่ผ้าคลุมกายกับกางเกง ผู้หญิงก็มีเพียงผ้าสองผืนห่มพันร่างอย่างดีที่สุด และอย่างน้อยสุดคือนุ่งเตี่ยวโชว์เต้า! จนกระทั่งมารดาของเขา...ฟาฟา นำเอาการแต่งตัวของชาวมนุษย์เข้ามา แล้วดัดแปลงให้เข้ากับลักษณะเผ่าพันธุ์ของพวกเขา มารดาของเขาพบว่าเนื้อผ้าของชาวโอราเคิลนั้นแม้จะบางเบาหากแต่มีความยืดหยุ่นและทนทานมากกว่าผ้าในโลกใบเก่าของนาง ที่สำคัญคือสวมใส่สบายเนื้อตัวมากกว่า!


เวลานี้แม่ของเขานั้นได้กลายเป็นชาวโอราเคิลเต็มตัวไปแล้ว เฟทคิดถึงตอนที่เขาจะผ่านทางมายังโลกมนุษย์ ฟาฟาได้สั่งนักสั่งหนาให้เขารีบกลับโดยเร็ว


เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงปริศนาของสายเลือดดำมากยิ่งขึ้น ครั้งเขาได้พบกับสองชาววิหคตาหลานคู่นั้น...พวกเขาเองก็อยู่ในโลกมนุษย์นี้นานเกินไป หากสายเลือดยังคงซึ่งความบริสุทธิ์เอาไว้ได้ ไม่มีทั้งอาการวิปลาสหรือจิตผิดปกติ แล้วหากตัวแปลไม่ใช่ความแตกต่างกันของโลกทั้งสองใบแล้วละก็...สิ่งที่ทำให้เกิดสายเลือดดำขึ้นมันคืออะไร?


ขณะที่ไคเมร่าหนุ่มกำลังครุ่นคิดอยู่ในรถม้าที่ปิดมิดชิดนั้นโดยลืมความอึดอัดไปชั่วครู่หนึ่ง รถม้าก็โขยกเขยกมาจนถึงคฤหาสน์หลังงามในที่สุด...


ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมสวยงามของคฤหาสน์แสนหรูหรา คนรับใช้นำอาหารเข้ามาเสิร์ฟนายและแขกผู้มาเยือนด้วยความสุภาพ มาดามของเสนาบดีชักชวนชายหนุ่มพูดคุย และคะยั้นคะยอให้นักเดินทางหนุ่มเล่าเรื่องราวและการเดินทางตามหาคนของตน เฟทเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยความยินดี เว้นเสียแต่จะขยักขย่อนเรื่องแท้เอาไว้บ้าง...นิดๆหน่อยๆ...


งานเลี้ยงมีผู้คนมากมาย แต่งกายสวยงามแม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงวันแรกเล็กๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าแขกส่วนใหญ่เดินทางมาแล้ว ชายหนุ่มได้รับการแนะนำจากเจ้าของบ้านในฐานะที่เป็นนักเดินทางและอัศวินผู้ช่วยชีวิตมาดามเจ้าบ้านเอาไว้ทำให้มีเหล่าชนชั้นสูงและสาวๆ มากมายเริ่มเข้ามารายล้อมชายหนุ่มด้วยความสนใจในเรื่องราวและหน้าตาของเขา...


เฟทจำใจเล่าเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาสดใหม่แบบสดๆ ร้อนๆ หลายต่อหลายครั้ง ถึงการเดินทาง การสืบตาม เฟทแต่งเรื่องขึ้นมาว่าหญิงที่เขากำลังตามหานั้นเป็นคู่หมายที่ไม่เคยพบหน้ากัน หากทั้งสองถูกหมั้นหมายกันเอาไว้แต่เล็กผ่านทางพ่อแม่ของพวกตนที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันและพวกเขาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อล่วงรู้ในภายหลังว่าครอบครัวของหญิงสาวที่เขากำลังตามหาประสบเคราะห์กรรมสาหัสครั้งที่เกิดสงครามกับประเทศข้างเคียง ทำให้ในทีแรกพวกเขาคิดว่าครอบครัวนั้นทั้งหมดได้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่แล้วจากการสืบเสาะเจาะลึกลงไปก็ได้พบว่าแท้ที่จริงแล้วผู้เป็นลูกสาวของครอบครัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ และเขาในฐานะคู่หมั้นจึงต้องออกติดตามหานางแทบพลิกแผ่นดิน


เรื่องราวเรียบง่าย...แต่สะเทือนอารมณ์ เรียกคะแนนนิยมจากผู้คนได้ล้นหลาม...อันเป็นที่มาของข้อเสนอความช่วยเหลือมากมาย


“โอ...ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่านางจะเป็นคนสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้ พ่อหนุ่ม” มาดามเจ้าของคฤหาสน์เอ่ยพลางแสร้งยกมุมผ้าเช็ดหน้าที่ผูกข้อมือของนางขึ้นซับที่ปลายหางตา


“ข้าไม่คิดว่า ตนเองควรจะเล่าเรื่องนี้ให้กับสุภาพสตรีทุกท่านฟัง เพราะข้าคิดว่ามันน่าสะเทือนใจเกินไป...อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของข้าทั้งสิ้น ข้าจึงต้องการจะจัดการทั้งหมดด้วยตนเอง”


“โอ...ท่านช่างกล้าหาญยิ่งนัก อีกทั้งยังมีอารมณ์อ่อนไหวอีกด้วย...” สุภาพสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยด้วงตาคลองหยาดน้ำ แต่เขานึกไม่ออกว่านางชื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ คือนางเอาอกมหึมานั่นแนบแขนเขาอย่างจงใจมาสามหนแล้วอย่างมีความนัย...และถ้านั่นเป็นเพราะสิ่งที่นางกล่าวถึงละก็...


ขอความมีอารมณ์อ่อนไหวจงเจริญ!


ท่ามกลางความสว่างไสวของงานเลี้ยง เสียงเพลง และการเต้นรำ ห่างออกไปจากกลุ่มที่ชายหนุ่มถูกรุมล้อมด้วยมาดามทั้งหลาย สุภาพสตรีสาวๆ ก็จับกลุ่มมองเฟทอยู่ไม่ห่างนัก


“เขาหล่อจังเลย...”


“แบบนี้สิ ที่เขาเรียกว่างามปานเทพบุตร อิลด้าข้าอิจฉานางจังเลย...”


หญิงสาวผมสีอ่อนในชุดสีชมพูเข้มรับกับผิวขาวของนางเจ้าของนามอิลด้า ชม้ายตาไปทางชายหนุ่มที่ถูกพูดถึงก่อนแสร้งยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย


“ข้าคิดว่าเขาช่างแสนวิเศษมากเลย...จริงไหม ไม่เหมือนคนพเนจรไร้สกุลเลยสักนิดเดียว”


“นั่นสิ ข้าว่าเขาดูสง่างามที่สุดในห้องเต้นรำนี้เลยล่ะ” เสียงสาวๆ หัวเราะกันคิกคักดังขึ้นพร้อมๆ กันราวกับชอบอกชอบใจอย่างมากมาย


“อุ๊ย! เขาหายไปไหนแล้วล่ะ จากที่ยืนเคียงข้างกับสตรีกลุ่มใหญ่ที่รายล้อมเดือนอยู่เมื่อครู่ก่อน เพียงละสายตาประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น กลุ่มคนกลุ่มนั้นก็หายวับไป ทำให้พวกสาวๆ หันมองกันอย่างฉงนงงงวยเหลียวซ้ายแลขวาหากันขวักไขว่


เฟทโผล่ออกมาจากมุมสงบที่เขาแอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบจากบรรดาสาวๆผู้อยากรู้อยากเห็น เมื่อชายหนุ่มแน่ใจแล้วว่างานเลี้ยงอันยาวนานนี้ใกล้จะเลิกรา เขาก็ออกมาจากที่ซ่อนตัวก่อนบ่ายหน้ากลับเข้าไปร่วมงานเลี้ยงเพื่อลาเจ้าของบ้าน...แล้วพรุ่งนี้เขาจะกลับมาอีกเพื่อที่จะได้พบคนที่อยากพบ...แล้วในเวลานั้นเอง


ตุ้บ! พลั่ก!


“โอ๊ย...” เสียงใสๆ ดังครวญในความมืด หากดวงตาแวววาวราวกับแมวของเฟทนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจระคนยินดีกับการได้พบกันโดยไม่คาดฝันนี้


“เจ้าเป็นอะไรไหม...” ชายหนุ่มก้มลงกึ่งประคองกึ่งดึงให้ร่างน้อยลุกขึ้นยืนหลังจากที่นางล้มลงจากการชนเข้ากับเขาอย่างจัง “พวกเราบังเอิญชนกันอยู่เรื่อยเลยนะ เจ้าว่าไหม?”


เฟทเอ่ยทัก ในความมืด ชายหนุ่มซ่อนเร้นรอยยิ้มดีใจเอาไว้ในความมืดแต่แสดงออกผ่านทางน้ำเสียงรื่นเริง คนตัวเล็กบางเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้านิ่ง...


“ท่านคือ...” เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างลังเล และจำไม่ได้เลยว่าได้พบกับชายหนุ่มคนนี้ที่ไหน...จนกระทั่งชายหนุ่มนำนางออกเดินไปยังแสงสว่างที่อยู่ใกล้ๆ


“ท่านนั่นเอง...ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็น...เอ่อ ข้า...ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะนายท่าน ท่าทางของฟีต้านั้นสับสน คนที่มาในงานล้วนเป็นแขกผู้สูงศักดิ์ของนายผู้หญิง และคนรับใช้เยี่ยงนางไม่ควรบังอาจตีตนเสมอนาย เมื่อครั้นคิดว่าชายคนนี้อยู่ในศักดิ์ใดแล้ว ฟีต้าก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย...


นางตายแน่!


“นายท่งนายท่านอะไร ข้าก็เป็นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งเหมือนเจ้าเท่านั้น เพียงแต่ข้าได้รับเชิญมาเพื่อเป็นแขกในงานเท่านั้นเองในฐานะผู้ช่วยชีวิตของนายหญิงของเจ้าเท่านั้นแหละ...เจ้าสบายดีรึเปล่า เจ้าดูหน้าซีดๆนะ”


“ข้าคิดว่าข้าไม่ควร...ท่านเป็นแขกของนายผู้หญิง ข้าเป็นคนรับใช้ไม่ควรเข้ามาคุยกับแขกรับเชิญ...” เสียงใสเอ่ยปากคอสั่นอีกทั้งสับสน มือของนางในมือใหญ่ของเขานั้นเย็นเฉียบ...ทำไมนางต้องตื่นกลัวด้วย?


“สาวน้อย เจ้ากลัวอะไร? ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย...” เฟทเอ่ยถาม เพราะท่าทางของนางชวนให้สงสัยยิ่ง


“นายท่าน เราไม่ควรเข้ามาใกล้ๆ ห้องทำงานนายผู้ชาย คุณลอนต้าสั่งเอาไว้ ให้ข้ารับใช้ทุกคนนอกจากคนที่ได้รับอนุญาตจากนายผู้ชายถึงจะเข้าใกล้ได้ เราต้องไปจากที่นี่ และข้าต้องรีบออกไปจากตัวบ้านมิฉะนั้นถ้าคนอื่นรู้จะฟ้องนายผู้หญิงว่าเด็กซักผ้าอย่างข้าเข้ามาอู้งานในบ้านนาน...”


“นายผู้หญิงนายผู้ชายของเจ้าโหดร้ายกับเจ้ามาอย่างนั้นรึ?” เฟทขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัย


“ไม่ ข้าไม่รู้ แต่คนอื่นๆ เขาเล่าว่า ถ้าใครทำนายผู้หญิงนายผู้ชายโกรธจะถูกไล่ออกไป ข้าไม่มีที่ไปที่ไหนอีกแล้ว ข้ามีแต่คุณลอนต้าและข้าไม่อยากไปจากที่นี่...” น้ำเสียงของนางฟังน่าสงสาร ในหน้าสวยก้มงุดๆ ตื่นกลัวกริ่งเกรงในสิ่งที่เป็นเพียง...เขาเล่าว่า...กระนั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมนางจึงมีท่าทางตื่นเต้นนัก แต่แล้วเสียงภายในห้องที่หญิงสาวเรียกว่า ห้องทำงานนายผู้ชาย ทำให้สองหนุ่มสาวเงียบเสียงลง ขณะที่ฟีต้าร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เฟทตะปบปิดปากนางเอาไว้ได้ทัน






Free TextEditor




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2551    
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:41:50 น.
Counter : 154 Pageviews.  

คิมหันต์ที่ 7/1

Chapter7


“ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างเรา...”


เสียงเข้มห้วนนั้นดังมาจากด้านในห้องทำงานนายผู้ชายของคฤหาสน์หลังนี้ เฟทหรี่ตาลอบมองลอดเข้าไปด้านในผ่านลานประตูที่เปิดแง้มนิดๆ ร่างสองร่างต่างกันร่างหนึ่งสูงใหญ่ อีกร่างสูงและผอมบางกว่าหากสูงวัยและวางมาดสง่ากว่า ใบหน้าตอบกร้านหากแต่งกายหรูหรา ยืนไขว้แขนไว้ด้านหลังหันมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่


“ไม่ต้องเสียแรง เวลา มันสมอง คอยคิดว่าจะจัดการกับหมู่บ้านใต้ยังไง...ไม่ว่าคนที่จุดไฟเป็นใคร มันช่วยทำให้งานของเราเร็วขึ้น...”


“คนของเราถูกส่งเข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกหมู่บ้านทั่วทั้งบริเวณนี้หมดแล้ว ไพร่พลของเราอีกไม่นานจะต้องขยายวงกว้างไป กว่าพวกมันจะรู้ตัว ทั่วทั้งพื้นที่ภูเขาโอราเคิลก็เป็นของเราหมดแล้วโดยที่ไอ้แก่วาเลียสจอมเจ้าเล่ห์ไม่มีทางรู้ตัวได้” เสียงห้าวบอกอุปนิสัยของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างดีดังขึ้นไม่เบาเสียงแม้แต่น้อยนิดหากหางเสียงนั้นกลับลงชัดหนักแน่นบอกความสุขุม


“อย่าเพิ่งวางใจไป ที่หมู่บ้านไคซิส...กองโจรของเจ้ากวาดต้อนพวกชาวบ้านไปถึงไหนแล้ว...เล็คซ์”


“ข้าต้อนพวกมันส่งไปนาร์เดนเรียบร้อยแล้ว...ทีอาสทำตัวเป็นปัญหา ไม่เห็นด้วยกับที่ข้าขายพวกมันบางคนไปบ้าง แต่ไม่มีปัญหา”


“ถ้าทีอาสมันมีปัญหามากนักก็ส่งมันกลับไปนาร์เดน ที่นั่นเรายังต้องการคนคุมพวกทาสชาวบ้าน ระหว่างนี้ทางข้าก็กำลังพยายามตัดกำลังกองทัพของพวกมัน การค้านงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างทหารและยุทโปกรณ์จะทำให้กำลังของซานซาลอว์อ่อนลง อีกทั้งพวกมันคงไม่คิดหรอกว่าคนของนาร์เดนได้แฝงตัวเข้ามาแล้ว ไม่ช้าไม่นานหรอก...ซานซาลอร์ต้องเป็นของเราทั้งหมด


ยุ่งละสิ!


เฟทคิดกับตนเอง...เขาบังเอิญมาได้ยินเรื่องใหญ่เข้าเสียแล้วสินี่! ถึงจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับชาวโอราเคิลอย่างเขาก็เถอะ แต่นี่มันเรื่องใหญ่ระดับประเทศเลยนะนี่ ไม่มีใครคาดเดาได้หรอกว่า เสนาฯคลังจะเป็น...ไส้สึก! เอ๋ หรือจะเรียกว่าหนอนบ่อนไส้ดี? มันก็คือๆกันน่ะแหละ...


แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือ...เขาต้องไม่ให้วายร้ายสองคนข้างในห้องรู้ว่าเขาและนางอยู่ตรงนี้!


ผัวะ!ตึง!


ร่างสูงล้มลงพร้อมกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนและหมดสติไป มีเพียงร่างเล็กบางที่ถูกทับอยู่ข้างใต้เป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่เหลือเพียงลำพัง...


ชายสองคนที่อยู่ในห้องทำงานนั่นวิ่งตื่นออกมา ดูว่าเสียงเอะอะโครงครามข้างนอกนี้นั้นมาจากไหน จึงได้พบเข้ากับร่างอันไร้สติของเฟทหมดสติฟุบนิ่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับร่างของสาวใช้หน้าตาไม่คุ้น


“เกิดอะไรขึ้น ชายสูงวันที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามชายร่างใหญ่บึกบึนผู้ที่ชกชายหนุ่มแปลกหน้าล้มลง...


“เล็คซ์ ท่านจีอัส...ข้าเห็นไอ้สองคนนี้มันมายืนลับๆล่อๆอยู่หน้าห้อง ข้าเดินเข้ามาเห็นพอดีตอนที่พวกมันมาแอบฟังพวกท่านคุยกันและทำท่าจะหนีไป มันต้องเป็นสายลับของไอ้วาเลียสที่แอบเข้ามาร่วมงานสังสรรค์งี่เง่าของเมียท่านแน่ ทีอาสพูดขึ้นอย่างร้อนรนและตีตนไปก่อนไข้


“ไม่มีทางที่เจ้าชายวาเลียสจะสงสัยข้าได้! มันวางใจในตัวข้าและเชื่อข้าทุกอย่างไอ้หน้าโง่นั่นไม่มีทางที่จะซ่อนเล่ห์กลใด สอดตาเข้ามาในบ้านของข้าได้ เจ้าอย่าตีตนไปก่อนไข้ให้มันมากนักทีอาส! หากเจ้าต้องนำกองทหารในอนาคตเจ้าจะต้องสุขุมรอบคอบมากกว่านี้! แต่...ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราก็ไม่สามารถจะปล่อยพวกมันสองคนเอาไว้ที่นี่ได้อีกต่อไป...แต่จะฆ่าเอาไปทิ้งไว้ในเขตที่สงบสุขเช่นนี้ก็ดูจะทำให้ถูกเพ่งเล็งมากจนเกินไป...” จีอัสผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านและอยู่ในตำแหน่งที่สูงยิ่งกว่าชายอีกสองคนเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น สายตาคมปราบทอดมองลงมายังร่างที่พื้นทั้งสองอย่างครุ่นคิด ฟีต้ามองชายทั้งสามอย่างหวาดกลัว...


“จะเอาอย่างไรดีท่านจีอัส” เล็คซ์เอ่ยถามขึ้นอย่างอยากรู้ถึงการตัดสินใจ


“ข้าคิดว่า นี่ต้องเป็นหน้าที่ของพ่อค้าทาสอย่างพวกเจ้าเอาไปจัดการเสียแล้ว


คนเก่งอย่างเขาไม่เคยคิดว่าตนจะเสียท่าได้ง่ายๆ แบบนี้ โดนแอบย่องมาข้างหลัง แล้วยังจะโดนตีจนสลบไม่รู้ตัวสักนิดอีก พอตื่นขึ้นมา เฟทก็พบว่าตนเองถูกจับมัดมือไขว้หลัง มัดขาอย่างกับดักแด้ก็ไม่ปาน แสงที่ลอดเข้ามาและความโยกเยกทำให้เขารู้ว่าตนไม่ได้ถูกขังอยู่เท่านั้นแต่กำลังถูกส่งตัวไปที่ไหนสักแห่งอีกด้วย


ภายในปากของเขามีรสขมฝาดประกอบกับการที่ร่างกายของเขาชาดิกไปทั้งร่าง ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าตนโดนกรอกยาเข้าไปเต็มๆ ขนาดเพียงพยายามจะผงกหัวขึ้นก็ยังยาก เสียงคนพูดกันเอ็ดอึงโขมงโฉงเฉงภายนอกนั้นมีเสียงหนึ่งที่คุ้นหู แสดงว่าชายหนึ่งในสองคนนั้นเป็นผู้นำเขาออกมาจากคฤหาสน์นั่น


เขาและหญิงสาวไปได้ยินแผนการร้ายเข้าโดยบังเอิญ...


ฟีต้า!


นางอยู่ไหน? เป็นอันตรายรึเปล่า?


สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้ก็คือ ล้มลงโดยมีนางอยู่ในอ้อมแขนนี่...โอ ไม่! นางจะต้องถูกจับตัวมาด้วยอย่างแน่นอน


“โอ...ท่านฟื้นแล้ว...” เสียงเล็กๆนั้นดังขึ้น เสียงนางฟังแหบแห้งเจือสะอื้น ไม่นะ...นางร้องไห้!


“ฟีต้า! ฟีต้า...เจ้าเป็นอะไรไหม? พวกมันทำร้ายเจ้าเหรอ? บอกข้าสิ น้ำเสียงของเขาฟังตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงเขาไม่ตื่นตระหนกมานานมากแล้วนับแต่ที่เขาถูกส่งไปเรียนสรรพวิชามากมายบนยอดเขาสูงที่สุดในโอราเคิลโน่น...


ให้ตายสิ เขาเข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งอีกจนได้! และคลาดกับเป้าหมายของเขาไป...การเดินทางบ้าๆนี่ต้องยาวนานออกไปอีก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุดในเวลานี้ ฟีต้าต่างหากที่เขาเป็นกังวล...


“พวกมันทำร้ายเจ้ารึเปล่า บอกข้ามาสิ ชายหนุ่มยิ่งทวีความร้อนรนยิ่งขึ้นอีกเมื่อไม่ได้รับคำตอบในทันใดทันใจเขา


“ข้าสบายดี...พวกมันไม่ได้ทำอะไรข้าเลย แต่ข้านึกว่าท่านจะตายเสียแล้ว ท่านไม่ยอมฟื้นขึ้นมานานมาก สองวันแล้ว...”


“อะไรนะ เฟทร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าตนหลับไปถึงสองวัน ทำให้ฟีต้าผวาเฮือก “ข้าขอโทษ เจ้าเล่าต่อเถอะ เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าหลับไปกัน...ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าตายแล้ว?”


“พวกนั้นเอาบางอย่างกรอกใส่ปากท่าน ตอนแรกที่ท่านทำท่าเหมือนจะฟื้น แต่แล้วท่านแน่นิ่งไปไม่ขยับหายใจอ่อนราวกับไม่หายใจ ข้าเองก็ถูกมัดเอาไว้แล้วข้าก็ได้ยินว่าจะเอาเราไปขายเป็นทาสในนาร์เดน...”


ฟังคำฟีต้าเอ่ย คำพูดของนางทำให้เขาเบาใจลง ไม่ได้สั่งให้เอาไปฆ่า...แสดงว่าพวกมันคิดว่าเขาเป็นแค่ไอ้หนุ่มสำอางที่รู้มากไปจึงชะล่าใจให้สั่งเอาเขาไปขายด้วยคิดว่าอย่างไรก็ไม่มีทางต่อสู้ขัดขืนได้ แต่นาร์เดน...แค่ฟังก็สยองแล้ว ใครจะยอมไปไกลถึงขนาดนั้นกันเล่า!


“นาร์เดนรึ! ฝันไปเหอะเจ้าพวกโสโครก เฟทสบถออกมาอย่างดุเดือดก่อนพยายามขยับกายลุกขึ้น ไอ้พวกบ้านั่นเอายาอะไรให้เขากินกันนะ!


“โธ่เว้ย! ข้าขยับไม่ได้ให้ตายสิ มือเท้าข้าชาไปหมด ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากอาการปวดหัวบ้าๆนี่เฟทพยายามจะขยับร่างกาย เวลานี้เขาสามารถผงกหัวได้แล้ว แต่เรี่ยวแรงของเขายังไม่กลับคืนมาอีกทั้งยังรู้สึกชาไปทั้งร่างยกเว้นที่หัว!


“ท่านบาดเจ็บเหรอ?” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น เขาได้ยินเสียงนางขยับเข้ามาใกล้ๆ แม้จะสัมผัสไม่ได้เพราะร่างกายที่ชาของเขา แต่เขารู้สึกได้เมื่อนางเข้ามาใกล้...สิ่งนั้นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นตามละดับและอย่างรวดเร็ว เหมือนตอนที่เขาเป็นแมวเข้าไปคลอเคลียกับนาง เขารู้สึกว่าตนเองกำลังได้รับการเยียวยา...


“เข้ามาใกล้ๆหน่อยสิ...” ชายหนุ่มเอ่ยในเวลานี้อาการปวดหัวทุเลาลงแล้วอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มสูดหายใจลึกและรับเอากลิ่นอบอุ่นจากหญิงสาวที่ใกล้เข้ามา


“ท่านเป็นยังไงบ้าง...” ฟีต้าถามออกมาอย่างเป็นห่วงโดยไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังช่วยเขาอยู่


“ข้ารู้สึกดีขึ้น เจ้าช่วยข้าหน่อย...ขยับเข้ามาใกล้ๆอีก”


ฟีต้าทำตามอย่างไม่ขัดด้วยความเป็นห่วงชายหนุ่ม เมื่อนางเขยื้อนเข้ามานั่งจนชิดกับเขาแล้วเฟทก็กระดกตัวเองขึ้นหนุนตักของหญิงสาวพลางหลับตาพริ้มหันหน้าเข้าหานางแล้วถอนหายใจออกมาในขณะที่ฟีต้านั่งนิ่งตัวเกร็งและใบหน้าแดงก่ำ


“เอ่อ...ท่าน...เป็นยังไงบ้างคะ?” หญิงสาวถามขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นห่วงจริงๆ และกังวนว่าเขาจะป่วยมาก


“สบาย สบายมากๆ สบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตเลย” ชายหนุ่มตอบ และเวลานี้ทุกอย่างสำหรับเขานั้นดีขึ้นมากจริงๆ อาการปวดหัวหายไปแล้ว การชาก็หายไปแล้วเช่นกัน มีก็เพียงเจ็บแปลบๆจากการที่เขาถูกเชือกหยาบๆรัดมือรัดเท้าเอาไว้เท่านั้น แต่ไม่ได้ทำให้เขารำคาญแต่อย่างไร...


เพราะมากกว่านี้ก็เจอมาแล้ว...ก็แค่รอยขูดขีดไม่มีผลอะไรกับเขาหรอก


“แต่ข้าขอพักสักประเดี๋ยวเถอะ...” เฟทเอ่ยแล้วหลับตาลงก่อนพลิกหน้าไปอีกด้านราวกับเหนื่อยอ่อนเต็มทน


ทั้งสองอยู่อย่างนั้นภายในเกวียนที่ผิดทึบและการโยกไหวเบาบ้างแรงบ้างตามเส้นทางที่ขรุขระ ไม่มีทางรู้เลยว่าพวกตนจะไปสิ้นสุดที่ใด แต่ที่แน่ๆ ที่เขารู้ก็คือวันนี้พวกมันต้องหยุดพักสัตว์พาหนะและตั้งค่ายพักค้างคืนอย่างแน่นอน...และเมื่อถึงเวลานั้น


เขาจะพร้อมที่จะเผ่นแบบไม่ให้พวกมันเห็นฝุ่นเลยทีเดียว!


ฟีต้าผล็อยหลับไป และถูกปลุกด้วยเสียงตบผนังแรงๆ จากภายนอกกับเสียงร้องโหวกเหวกหยาบคาย นางลืมตาขึ้นอย่างสะดุ้งแล้วมองไปรอบตัวอย่างหวาดกลัว ก่อนที่จะรู้สึกถึงน้ำหนักบนตักนาง เฟทนอนนิ่งไม่ขยับกายราวกับว่าเขาไม่รับรู้ถึงเสียงเอะอะโครมครามนั้นสักนิด นิ่งราวกับว่าเขายังไม่เคยฟื้นขึ้นมาอีกเลยหลังจากเหตุการณ์ที่นำทั้งคู่มาถึงนี่!


“นี่เจ้า! ตื่นๆ ได้เวลาอาหารแล้ว ชายร่างเล็กแกร็นเปิดประตูกรงขังออกแสงจากด้านนอกจ้าแต่ท้องฟ้าเป็นสีแดงทำให้รู้ว่าตอนนี้ร่วงเลยมาถึงช่วงเวลาเย็นแล้ว ชายคนนั้นโยนจานอาหารมาทางนางและชายหนุ่มที่หลับไม่รู้เรื่อง ฟีต้ารู้สึกว่าริมฝีปากของตนเองแห้งผาก


“ท่านเจ้าคะ ได้โปรดขอน้ำให้กับข้าด้วยเถอะค่ะ” เสียงของนางแหบแห้งเช่นเดียวกับริมฝีปากของนาง ชายร่างเล็กคนนั้นมองแล้วผงกหัวรับก่อนตอบออกมาด้วยเสียงอันดังกร่าง





 

Create Date : 30 มิถุนายน 2551    
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:40:54 น.
Counter : 186 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

ArTimuS
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





PhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucket


นิยายอัพเดท...Photobucket

-ปฏิบัติการหักร้างถางรักPhotobucket
เรื่องราวความรัก แนวโรแมนติกดราม่า ของชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเลิกลากันไป แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็กลับมาเพื่อขอเคียงคู่เธออีกครั้ง ความรักแสนเศร้าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนิยายรักพลาดได้นะคะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-คีตคิมหันต์ Photobucket
ภาคต่อจากเรื่องลำนำเหมันต์ เมื่อคุณพ่อคนเก่งลงโทษคุณลูกตัวแสบให้ออกติดตามหาวิหคศักดิ์สิทธิ์จนนำไคเมร่าหนุ่มไปยังโลกมนุษย์จนได้พบกับเด็กสาวผู้อาภัพและเหตุการณ์เหนือความคาดฝัน นิยายแฟนตาซีโรแมนติกที่แฟนนิยายมกราไม่ควรพลาดค่ะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-Love Happening
เรื่องสั้นของสองหนุ่มสาว และความไม่เข้าใจกัน อุปสรรค และมนต์เสน่ห์แห่งเทศกาล (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)Photobucket

-Pretty Doll
เรื่องสาวผู้น่ารักของเมทสาวกับนายหนุ่มจอมเสเพลที่เก็บเธอมาเลี้ยง เรื่องรักกุ๊กกิ๊กแนวโรแมนซ์แสนฮาเฮ (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)PhotobucketPhotobucket

- Love in Rain
รวมเรื่องสั้นของเจ้าของบ้าน เรื่องราวความรัก และสายฝนอันชุ่มฉ่ำ



Photobucket
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ArTimuS's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.