คิมหันต์ที่ 23/2
ข้างนอกนั่น ไม่รู้ว่าสิ่งใดเกิดขึ้น เฟทนั้นรู้แค่เพียงไฟได้มอดดับลงพร้อมกับการปรากฏกายอย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้งหนึ่งของนกอมตะในตำนาน เหตุการณ์ต่างๆก็ค่อยๆสงบลง และทุกสิ่งทุกอย่างเงียบไปพักใหญ่ และเมื่อเฟทตัดสินใจว่าไม่มีผู้ใดสนใจติดตามล่าตนเองอีกแล้ว จึงคิดที่จะหลบออกไปจากที่แห่งนี้... ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ ไคเมร่าน้อย ร่างงามในอาภรณ์สีขาวสุกสกาวปรากฏขึ้น บัดนี้ทั้งดวงหน้า ดวงตา และเส้นผมของนางนั้นเหมือนกับหญิงสาวผู้หลับใหลยิ่ง เว้นเสียก็เพียง นามกรและอายุที่ยืนยาวเกินกว่าที่ใครจะล่วงรู้ได้ของนาง ข้า...พวกทหารตามล่าข้า ข้าต้องไปส่งข่าวเรื่องที่จะมีสงคราม... เฟทเอ่ยด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม หากสตรีตรงหน้ากลับยิ้มให้กับเขาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นๆซึ่งเป็นอีกสิ่งที่แตกต่างไปจากฟีต้า ไม่ต้องห่วง ข้าได้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย ข้าได้ส่งข่าวไปบอกที่มหาวิหารแล้ว พรุ่งนี้พวกเขาจะได้รับข่าวของเจ้าและเดินทางมาพร้อมกับคนเจ็บซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าที่แท้จริงของชาววิหค ไม่มีปัญหาอีกแล้ว ไม่มีสงครามอีกด้วย เพราะตัวการได้สิ้นชีพลงไปแล้ว เฟทฟังแล้วสิ่งที่ดูเหมือนจะกดทับอยู่ในอกนั้นได้มลายหายไป เขาถอนใจออกมาหนักหน่วงอันบ่งบอกถึงความโล่งอกแกมดีใจ หรือถ้ามันไม่ได้สื่ออะไรต่อคนที่มองมาก่อนแล้วละก็ รอยยิ้มโล่งอกของเขาก็เป็นดั่งเครื่องประกาศชั้นดีที่กระจายข่าวให้ทุกคนที่เห็นได้รู้อย่างแน่นอน ขอบคุณครับ... และทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มก็ล้มลง! เล่นไม่ได้กินไม่ได้นอน เร่งเดินทางโดยไม่หยุดพักผ่อนตั้งสามวันสามคืนติดต่อกัน แถมพอมาถึงก็ยังออกแรงสู้กับพวกทหารอีกทั้งกอง จะบ้ายังไงก็ให้มันมีขีดจำกัดเสียบ้าง! อย่าทำให้เมียข้าเขาเป็นห่วงแกจะได้ไหม! นั่นแม่ของผมต่างหาก! เฟยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างเตียง พูดบ่นลูกชายตัวดีที่พอฟื้นขึ้นมาได้ก็ถามหาผู้หญิง แถมพอเจอหน้าผู้หญิงก็ร้องหาของกิน ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อะไรสักนิดว่าทำให้คนเขาเป็นห่วงวุ่นวายกันขนาดไหนที่เจ้าตัวหลับไม่ตื่นถึงสองวันติด! แถมตอนนี้ยังมาทำฝีปากดีกวนประสาทเขาอีก เมียข้าก่อนโว๊ย! เฟคะ...เฟทททท ฟาฟายิ้มหวานเอ่ยปรามสองพ่อลูกที่ทำตัวเหมือนเด็กเล็กทะเลาะกันไม่มีผิดด้วยน้ำเสียงอย่างที่เรียกได้ว่ากำลังจะสิ้น...ความอดทน...เต็มที สองหนุ่มไคเมร่าต่างวัยจึงเลิกทะเลาะถกเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องกันได้ในที่สุด เฟทรู้ดี แม้ว่าพ่อของเขาจะทำท่าทางเฉยชาต่อลูกและปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับคนอื่นๆ แต่...พ่อก็ยังเป็นห่วง...หลังจากที่เฟทล้มลงและหลับไป พ่อของเขาก็เดินทางมาถึงที่เผ่านกก่อนใครทั้งหมดด้วยความร้อนใจ การเดินทางสามวัน สำหรับจ้าวภูผาที่เป็นดุจพายุคลั่งนั้นกลับใช้เวลาเพียงวันครึ่งเดินทางมาถึง...โดยการบินข้ามเขา ฟีต้าแอบกระซิบให้เขาฟังว่า พอเฟเห็นหน้าเขาและพบว่าไร้รอยขีดข่วน ก็ยิ้มอย่างโล่งใจออกมาแล้วเดินออกจากห้อง แล้วหายหน้าไปทั้งวันจนไม่ว่าใครตามหาก็หาไม่เจอ แต่เขารู้ว่าพ่อไปไหน... เฟทยิ้มแล้วก็เริ่มหัวเราะเมื่อได้ยินคำบอกเล่านั้นจากสาวคนรัก พอเขาฟื้นขึ้นมาได้วันนึง แม่ของเขาก็เดินทางมาถึงพร้อมผู้เจ็บซึ่งแข็งแรงขึ้นพอที่จะเดินทางไกลได้ในรถเทียมได้ และตอนนี้ท่านผู้เฒ่าก็ได้รับน้ำตาฟีนิกซ์จนบาดแผลนั้นหายสนิทเป็นที่เรียบร้อยและตาเฒ่าก็ออกไปซ่าได้เหมือนเดิม แม้ว่าไฟจะไม่ได้เผาผลาญวิหาร แต่ตัววิหารวิหคก็เสียหายหลายจุด และบางจุดโดยไฟลามทำลายมากเสียจนไม่อาจจะซ่อมแซมไหว สตรีผู้อยู่ในจุดสูงสุดของตำแหน่งในวิหารดังกล่าว จึงออกมาเสนอความเห็นให้รื้อถอนและทำการสร้างใหม่ แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างได้ใหญ่เท่าเดิมก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าท่านซัลช่าจะพอใจ...เพราะวิหารจะเล็กหรือจะใหญ่ ขอเพียงผู้คนมีความศรัทธาแรงกล้าเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ข้ายังไม่เข้าใจบางอย่าง เท่าที่ข้าฟังมาจากท่านกูว์โด เมื่อท่านตายและเกิดใหม่ท่านจะไร้ความทรงจำจนกว่าจะมีใครมาช่วยมอบความทรงจำให้กับท่านไม่ใช่เหรอครับ เฟทเอ่ยถามขึ้น ถึงข้อสงสัยที่ค้างคาใจเขาอยู่ ง่ายนิดเดียว ก็ด้วยสิ่งนี่ไงล่ะ แล้วซัลช่าก็ดึงขนนกเส้นหนึ่งออกมาให้ดู ขนนกของท่าน? ข้าไม่เข้าใจ เจ้าเคยได้ยินบ้างหรือไม่ละว่า...ความทรงจำของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมได้ และก็ใช่เลย ความทรงจำของข้าก็ข้าใช้วิธีนี้เพื่อกระตุ้นให้ความทรงจำที่สูญไปจากการเกิดใหม่นั้นกลับคืนมา เฟทอ้าปากค้างด้วยความอัศจรรย์ใจ... เพราะอย่างนั้น ท่านลิลลี่ กูว์โด จึงให้ข้าเอาขนนกของท่านมาทำจี้ห้อยคอให้กับฟีต้าอย่างนั้นเหรอครับ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมท่านจึงไม่เกิดใหม่ขึ้นมาก่อนหน้านั้นได้ละครับ? ซัลช่ารับถ้วยชามาจากซัลฟาผู้ยืนบริการของว่างให้กับทุกๆคนที่นั่งดื่มอยู่ด้วยกันในที่นั้น นั่นมันยิ่งง่ายกว่าการฟื้นความทรงจำแยะ ที่ข้าทำก็แค่ตายเท่านั้นเอง... นางตอบหน้าตาย แต่คนฟังกลับทำหน้างงกันเป็นแถว ก่อนที่ฟีต้าจะสะกิดแม่ของนางพลางส่งสัญญาณเป็นนัยว่า...ไม่เข้าใจค่ะ อืม...มันก็แค่เพียงว่า ข้าตายลงไปแบบคนธรรมดาตายนั่นแหละ อย่างที่ข้าบอกก่อนหน้านั้น ข้าสามารถโอนอำนาจของตนเองให้กับใครก็ได้ แต่อำนาจของข้าก็ยังเป็นของของข้าอยู่เช่นนั้นเอง ทันใดที่ข้าต้องการมันคืนมา ข้าก็แค่เรียกมันคืนมา ถ้าอย่างนั้นทำไมก่อนหน้านั้นท่านถึงไม่... เฟทยังไม่ทันพูดจบ ซัลช่าก็ยกมือขึ้นให้เขาหยุดพูด จุ๊ๆ...ไคเมร่าน้อยผู้ช่างสงสัย ข้าเป็นนกอมตะผู้ซึ่งเป็นที่รักและเป็นผู้เดียวในวิหารแห่งนี้และที่สามารถติดต่อกับทวยเทพได้โดยตรงเชียวนะจ๊ะ ข้ารู้ดีว่าถึงแม้ไม่มีข้าแต่ลูกสาวของข้านางก็สามารถดูแลตนเองได้ และก็ยังรู้ดีอีกว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะออกมาถึงจะเหมาะ พูดตรงๆนะ หนึ่งที่ข้าไม่ออกมาตั้งแต่แรกและเป็นเหตุผลอันสำคัญที่สุด นั่นก็เพราะ... นางหยุดพูดแล้วชี้นิ้วขึ้นสู่ฟ้า แล้วทำสีหน้าขึงขังก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม มันเป็นลิขิตของทวยเทพน่ะสิ เฟทนึกอยากจะกลอกตา หากมารดาของเขากลับขึงตามองลูกชายตนตาแข็ง ชายหนุ่มจึงไม่กล้าแสดงทีท่าอะไรออกมา หลังจากพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ แม่และลูกสาวสองคู่ก็กล่าวลาหนุ่มๆออกไปช็อปปิ้งกัน...ฟีต้าดูมีความสุขมากเหลือเกินที่นางได้แม่ตนคืนมา แม้ว่าแรกๆจะขัดเขิน แต่สายเลือดนั้นอัดแน่นไปด้วยความผูกพันลึกซึ้งต่อกัน สองแม่ลูกจึงใช้เวลาไม่ทันข้ามวันที่จะกลับมากลมเกลียวกันอีกครั้ง และนั่นทำให้เฟทกลายเป็นหมาหัวเน่าไป...ในเวลานี้... ไงล่ะพ่อลูกชาย โดนสาวๆทิ้งล่ะสิ นั่งหน้าเป็นหมาเหงาเชียว เฟเดินมาแซวลูกชายซึ่งตกอยู่ในสภาพเสือสิ้นลายอย่างสมบูรณ์ ทั้งๆที่ปกติแล้วเจ้าแสบนี้จะต้องแรดออกไปจีบสาวที่อื่นแล้ว... อานุภาพของความรักเปลี่ยนคนเราได้จริงๆ...เฟนึกขำอยู่ในใจ ก็เหมือนท่านจ้าวนั่นแหละขอรับ... เฮอะ ยังปากดี แสดงว่าเจ้าเตรียมใจเอาไว้แล้วสิ เฟเอ่ย เขาเข้าเรื่องอันเป็นเหตุที่ทำให้ตนถูกซัลช่า หัวหน้านักบวชหญิงแห่งเผ่าวิหค เรียกพบเมื่อหลายวันก่อน เตรียมใจ? เฟททำสีหน้ายุ่ง มองหน้าผู้เป็นบิดาอย่างงงงวย ใช่...เตรียมใจเข้าพิธีแต่งงานไงล่ะ ผู้เป็นบิดาพยักหน้า แต่งงาน!!! เฟทผุดลุกพรวดขึ้นร้องเสียงหลงอย่างตกใจ...เอ่อ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากแต่งนะ แต่จู่ๆพ่อก็พูดขึ้นมาแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ ข้าเหรอ? เฟยกมือขึ้นเกาหัวแล้วตีหน้าเบื่อหน่ายมองหน้าลูกชาย แล้วจะมีแมวตัวไหนแถวนี้อีกล่ะ หือ? ชิ! เดี๋ยวให้เป็นหมา เดี๋ยวก็ให้เป็นแมว...พ่อแม่เดียวแต่ปาเข้าไปร้อยกว่าสปีชี่ส์แล้ว! ข้าคิดว่า อยากจะให้ทุกอย่างมันลงตัวเข้าที่เข้าทางกว่านี้เสียก่อน ที่สำคัญคือ ข้าอยากให้ฟีต้าได้มีอิสระที่จะทำตามใจนางอีกสักระยะด้วย ถึงจะแต่งงานแล้ว นางก็ยังสามารถมีอิสระของนางเองได้ ดูอย่างแม่ของเจ้าเป็นตัวอย่างไง แต่อิสระของหญิงแต่งงานกับหญิงโสดมันต่างกัน ไม่ว่าอย่างไรเมื่อแต่งงานแล้วมันมีภาระหน้าที่...ไม่อิสระเท่าสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน เฟทเถียง ตามมุมมองของตัวเขาเอง มันก็ใช่ แต่มันไม่ได้ทำให้สิ่งอื่นๆแตกต่างไปจากเดิมนักหรอก เฟทไม่เถียงต่อไป หากชายหนุ่มกลับเอาแต่นั่นหน้ามุ่ยหันหลบไปทางอื่น เขาก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน เขารู้ว่าตนเองรักหญิงสาวมากขนาดไหนมากพอที่จะมอบให้นางได้ทั้งชีวิตเพื่อพิทักษ์รักษานางเอาไว้ และรักมาก...มากมายเกินว่าจะทำสิ่งใดที่จะส่งผลให้นางเจ็บปวดใจ ในความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางนั้น เขาไม่เคยมีสิ่งนี้ให้กับผู้ใดมาก่อนเลยในชีวิต ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดว่าตนเองนั้นรอคอยเวลาที่เรื่องราวทุกอย่างมันคลี่คลายลงไป แล้วพอเรื่องทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ใจเขากลับยั้งตนเองเพื่อที่จะรีรออะไรบางสิ่งบางอย่างอยู่...บางอย่าง...ที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร? หรือเจ้ายังเกรงว่า สาวน้อยนั่นจะไม่ได้รักเจ้าจริงรึไง? เสียงของพ่อดังขัดความคิดราวกับอ่านใจเขาออก ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งโยงหันมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาขุ่นเคือง ท่าทางของนายลูกชายทำให้เฟหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เมื่อเจ้าหนุ่มเจ้าสำราญผู้มั่นใจในตัวเองสิ้นลายเพราะเด็กสาวผู้แสนบริสุทธิ์สดใสเสียแล้ว ใจของเข้าเจ้า บอกกับเจ้าว่าเจ้าอยากจะทำอะไรล่ะ ลูกข้า เฟตบบ่าลูกชาย เอ่ยถามก่อนชักเท้าเดินจากไป ทิ้งคำถามที่ยังไม่ทันจะตอบเอาไว้ให้ลูกชายขบคิด ช่วงกว่าสัปดาห์มานี้ฟีต้ารู้สึกมีความสุขมากเสียจนนางคิดกับตนเองไปว่า เรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตทั้งหมด เป็นเพียงฝันร้ายในยามหลับเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไม พระเอกขี่ม้าขาวที่มาช่วยฉุดนางออกจากความฝันจึงไม่ยอมโผล่หน้ามาให้นางเห็นหน้าบ้างเสียที ฟีต้านั่งเหม่ออยู่เพียงลำพังในห้องของตนเองซึ่งท่านผู้เฒ่าร็อคโก้จัดเอาไว้ให้กับนาง เนื่องจากนางไม่สามารถเข้าไปอยู่กับแม่ซึ่งบัดนี้กลับมาเป็นหัวหน้านักบวชและต้องอาศัยอยู่ในวิหารวิหคตลอดเวลาได้ เพราะนางไม่ใช่นักบวชของวิหารนั้น จึงไม่ได้รับอนุญาต แต่กระนั้นแม่ของนางก็มักจะหาเวลาว่างมาพบนางอยู่บ่อยๆ และบางทีนางก็เข้าไปหาแม่แทน เวลานี้แม่ของนางออกเดินทางไปยังดินแดนมนุษย์เพื่อตามหาอัฐิของพ่อของนางซึ่งเป็นมนุษย์ร่างถูกฝังเอาไว้ในดินแดนนั้น ซัลช่าหาทุกวิถีทางเพื่อให้สภาแห่งโอราเคิลยอมให้นางนำร่างสามีมาฝังได้โดยมีเฟ และผู้เฒ่าร็อคโก้คอยช่วยเหลือ กระนั้นแล้วก็ยังเป็นสิ่งที่ยากที่จะค้นหา...เนื่องจากที่วันเวลาได้ผ่านมาเนิ่นนานยิ่ง ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง...แม้ว่าบิดานางจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่นางจะสามารถมาเยี่ยมหลุมศพของพ่อได้ทุกเมื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะลงตัวหมดแล้ว เว้นแต่เฟทเท่านั้น...ฟีต้าไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาจึงต้องหลบหน้านางด้วย? ท้องฟ้าระยับแสงดาว พราวกระจ่างสดใส หัวใจของสาวน้อยก็ลอยละล่องท่องไป หมายตามหาชายผู้เป็นที่รัก...ในขณะที่นางเรียงดวงดาวต่อกันเป็นภาพของเขาอยู่ในใจนั้นเอง...คนที่นางพยายามฝันถึงก็ปรากฏกาย มันเหมือนวันแรกเจอ...วันแรกที่นางได้พบสบหน้า เขาอยู่ในชุดนักเดินทางพเนจร ไม่ใช่เสื้อผ้าหรูหราสง่างามอย่างที่สวมใส่กันที่นี่ เรือนผมสีดำงามสลวยเป็นประกายเหมือนเส้นไหมประดับเพชร ใบหน้าขาวเรียวงามของเขาประดับด้วยอัญมณีสีอำพันที่ดวงตา ดวงตาที่ตรึงตาตรึงใจนางตลอดมา เขายืนอยู่ข้างนอกนั่น มองมาที่นางด้วยสีหน้าและแววตาสื่อความนัยที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง...ความนัยที่หัวใจที่ตรงกันเท่านั้นจะสามารถสื่อถึงกันได้ ข้ามาตามสัญญา...ที่ได้ให้เอาไว้แก่เจ้า จำได้ไหม? เสียงทุ้มห้าว หากเมื่อได้ยินในยามได้กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่รู้สึก เอ่ยถึง สัญญา บางสิ่งที่ทั้งสองมีต่อกัน สายลมพัดผ่านทำให้ร่างทั้งร่างสะท้านด้วยความเย็นของค่ำคืน แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวราวกับจะจับไข้ หัวใจที่สั่นไหวอย่างรุนแรงเสียจนเหมือนจะหลุดออกมา...สัญญา...ที่ตราตรึงเอาไว้ในหัวใจ สิ่งเดียวที่ทำให้นางรู้ว่าอดีตที่ผ่านมาไม่ใช่เพียงความฝัน! สัญญาที่เป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ของความรู้สึกลึกซึ้ง...ต้นเหตุของความรักที่เริ่มก่อและเติมโตขึ้นทุกวัน ในหัวใจดวงนี้... ไม่มีวันลืม...ไม่มีวันไหนเลยที่ข้าจะลืม ทุกๆโมงยามที่ได้อยู่ด้วยกัน ทุกนาทีที่ได้พบหน้า ทุกวินาทีที่ได้รับรู้ด้วยสัมผัสทั้งห้า ว่า...ในโลกใบนี้มีท่านอยู่... หยาดน้ำตาเล็กๆ ค่อยๆเอ่อขึ้นมาคลอดวงตาอันงดงามให้ยิ่งแวววาวรับแสงของดวงตาที่มองลงมาให้กำลังใจคู่รัก ข้าเองก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน... เสียงทุ้มห้าวตอบรับ แล้วร่างของเขาก็โบยบินขึ้นมา ทำให้นางได้เห็นมือใหญ่ซึ่งประคองบางสิ่งเอาไว้อย่างทะนุถนอม ดอกไม้ดอกเล็กๆสีขาวกลีบบางที่นางสังเกตเห็นว่ามันบานอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งในโอราเคิลนี้... ภายในดอกไม้เล็กๆนั้นโอบอุ้มหยาดน้ำค้างเอาไว้ภายในจนดูราวกับเพชรเม็ดน้อยๆ ข้ารักเจ้า...รักเจ้าเสมอ ข้าคิดถึง...คิดถึงท่านเสมอ นางตอบเสียงเครือ ความรู้สึกมากมาย ยากเหลือเกินที่จะถ่ายทอดออกไปได้หมด มือใหญ่มือหนึ่งประคองดอกไม้ซึ่งส่งกลิ่นหอมเหมือนความรักเอาไว้ อีกมือเอื้อมออกไปประคองมือน้อยขึ้น แล้วผจงวางดอกไม้ดอกน้อยนั้นในมือนาง... นี่คือหัวใจของข้า ด้วยดวงใจอันบริสุทธิ์ที่มี ข้าจะทุ่มเทเพื่อปกป้องอัญมณีแห่งรุ่งอรุณเม็ดนี้เอาไว้ชั่วกาล ใบหน้าคมคายค่อยๆลดลงมาหาดวงหน้าอ่อนหวานเยาว์วัย ริมฝีปากอุ่นๆผจงจูบด้วยสัมผัสแผ่วพริ้วนุ่มนวลดุจรอยสัมผัสของภูติพรายแล้วผละจาก ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความอบอุ่นอ่อนหวานประทับลึกซึ้งไว้ในหัวใจของผู้ได้รับ พรุ่งนี้... ...ข้าจะรอ... พรุ่งนี้... ...ข้าสัญญา... แล้วร่างสูงสง่าก็โบยบินจากไป...โดยมีนางผู้เป็นที่รักเฝ้ามองจนลับตา
Free TextEditor
Create Date : 30 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 17:10:14 น. |
Counter : 184 Pageviews. |
| |
|
|
|