~* SumiTra is a Pali name...it means 'GooD Friend'. *~
มหัศจรรย์ความรัก

รักคืออะไร?

รักอยู่ที่ไหน?

อะไรที่ทำให้รัก?

ความรักเป็นคำถามมากมายเหลือเกินที่ผมไม่เคยคิดจะสงสัยให้เสียเวลาเลยสักนิด ไม่เคยที่จะคิดถึงในยามว่างหรือยามไหนๆ ไม่เคยเป็นอื่นใดนอกจากความรู้สึกที่ไม่อาจบอกได้ชัดเจน บางครั้งก็รู้สึกเบื่อหน่ายนิดๆไปกับมันเวลาที่เห็นใครต่อใครคอยวุ่นวายขวนขวายหาคำนิยามของมัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันวาเลนไทน์) และเป็นและบางครั้งก็เป็นเรื่องสุดแสนน่าเบื่อหน่ายมากๆ เวลามันอยู่ในจอ... (ไม่ว่าจะจอแก้ว จอเงิน หรือจอมอนิเตอร์ ก็ตามที)

ความรักไม่เคยมีความหมายที่แน่นอนสำหรับผม...

ไม่เคยเลย...จนกระทั่ง...

ผมได้พบกับเธอ

วันนั้น...วันที่สายฝนโปรยปรายลงมา วันที่เหมือนทุกๆวันสำหรับใครทุกๆคน หรือแม้แต่กับผม อากาศชื้นแฉะ มืดครึ้มอึมครึม และหนาวจนสะท้าน ทุกๆคนเข้าไปยืนหลบอยู่ใต้ชายคาของห้างสรรพสินค้าโดยไม่มีใครคิดจะเดินเข้าไป แต่ถึงจะมีผมก็ไม่ได้ใส่ใจ บ้างก็เข้าไปยืนเบียดกันหลบสายฝนใต้หลังคาของที่นั่งรอรถประจำทางหน้าห้างนั้นล่ะ

ฝนตกมันคู่กับรถติด...แต่ไม่เสมอไป เพราะวันนี้ดูเหมือนว่าคุณตำรวจจราจรจะใจดีเป็นพิเศษเพราะปล่อยการจราจรลื่นไถลตลอด (ผมพูดไม่ผิดหรอกครับเพราะรถมอเตอร์ไซด์บางคันมันไถลจริงๆ) แต่ถึงอย่างไรคนเลิกงานก็เยอะกว่าจำนวนที่นั่งของรถโดยสารอยู่ดี ส่วนไอ้รถที่ผมรออยู่มันก็ดันไม่มาเสียดื้อๆ

ขณะที่ผมมองคนประจำทางคันที่ไม่รู้กี่ร้อยผ่านไป (มันไม่ถึงร้อยหรอกครับ เพียงแค่จะบอกคุณว่าผ่านไปมันเยอะมากแล้วก็เท่านั้นเอง) รถประจำทางที่ผมรอก็ไม่มาเสียที ผมถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง...แต่แล้วสวรรค์ก็มาโปรดผมจนได้

โอ...501 ฉันรักเธอ

แล้วคนก็กรูกันขึ้นราวกับกองทัพมดหนีตายน้ำท่วมก็ไม่ปาน ขณะที่ผมกำลังจะได้ก้าวขาของผมขึ้นขั้นบันไดรถ ผมก็โดนชายปริศนานายหนึ่งชนกระเด็นชิ่งไปโดนสตรีนางหนึ่งซึ่งก็ชนผมกระเด็นอีกเช่นเดียวกัน แล้วผมก็เด้งหลายชิ่งเสียจนประตูรถปิดลงพร้อมกับโอกาส และความตกตะลึงของผมก็ทำให้ผมเหวอจนยืนอึ้งมองรถประจำทางคันนั้นออกจากป้ายไป ทิ้งผมเอาไว้กลางสายฝนให้เปียกปอน

สุดท้ายก็ต้องกลับเข้าไปหลบฝนใต้หลังคาป้ายรถประจำทางดังเดิม แต่ดีขึ้นหน่อยตรงที่คนน้อยลง แล้วระหว่างที่ยืนรอรถประจำทาง (ที่รอคอย) อีกคันมานั้นเอง...ผมก็ได้เห็นเธอ

เธอยืนอยู่กลางสายฝน ในมือถือร่มสีดำคันหนึ่งเอาไว้ บ่าข้างหนึ่งสะพายกระเป๋าสีดำ สิ่งที่ดึงความสนใจของผมไม่ใช่การมาของเธอ แต่เป็นเสียงลูกกระพรวนที่ผูกเอาไว้ที่กระเป๋าของเธอต่างหาก ทั้งเสียงของสายฝนและเสียงของรถราทำให้แทบจะต้องเงี่ยหูฟังเสียงพูดคุยของคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยซ้ำ หากเสียงกระพรวนของเธอกลับดังก้องกังวานชัดเจนเสียจนผมต้องหันไปมอง

เธอยืนห่างออกไปจากฝูงคนที่ยืนเบียดกันอยู่ในร่มของป้ายรถประจำทางทั้งๆที่ต่างก็เปียกปอนด้วยกันทั้งตัวทุกคนแล้วด้วยซ้ำ เหตุนี้ละมังที่ทำให้ผมได้สังเกตเห็นเธอในครานั้น

เธอยืนตัวตรงหันมองตรงไปยังทางที่รถกำลังวิ่งมาอย่างสงบนิ่ง ดวงตาของเธอดูแน่วแน่อย่างประหลาดในเวลานี้ราวกับว่าเธอจ้องจะกระโจนขึ้นรถประจำทางคันแรกที่มาจอดเทียบ ที่หูของเธอดูเหมือนจะมีสายอะไรบางอย่างติดอยู่และมันห้อยลงมาด้านหน้าของกระเป๋า บางทีมันคงจะเป็นสายวิทยุพวกวอล์คแมนอะไรทำนองนั้น...ผมคิดกับตนเองในใจ มีอะไรบางอย่างในตัวผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจ ซึ่งในตอนนั้นผมคิดได้เพียงแค่ เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียว (พูดให้ถูกมากกว่าคือเป็นคนเพียงคนเดียว) ที่ออกไปยืนนอกร่มหลังคานั่นล่ะ

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมมองดูเธออยู่อย่างนั้น...จนกระทั่งเธอขยับตัวจากท่านิ่งของเธอในที่สุด

501 โล่งๆก็ปรี่เข้ามาจอดทันทีที่มือบางของเธอโบกออกไป (จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีแค่เธอหรอกครับที่โบกน่ะ)

คราวนี้ความซวยของผมคงสิ้นสุดไปกับรถคันก่อน คนที่รอคอยในรอบนี้ดูจะน้อยกว่ารอบที่แล้ว แล้วผมก็ได้ที่นั่งบนรถประจำทางโดยไม่ต้องยืนเบียดเสียดยัดเยียดกับชาวบ้านด้วยสภาพเปียกปอน

แล้วผมก็ไม่ได้สนใจเธออีก

ไม่เลยจนวันต่อมา...วันนี้ท้องฟ้าเพียงแค่ครึ้มเมฆหน่อยๆ เท่านั้น หรือไม่มันก็กะเอาไปตกวันพรุ่งนี้แบบตกกระหน่ำชดเชย

เธอนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั่น มีกระเป๋าใบเมื่อวานนั้นวางอยู่บนตัก (มันกระดำกระด่างนิดๆ สาเหตุคงจากฝนเมื่อวาน) แล้วที่หูก็ยังคงเสียบหูฟังวอล์คแมนเอาไว้

คงเป็นเพราะวันนี้ผมออกจากที่ทำงานค่อนข้างช้ากว่าที่เคยทำให้บริเวณนี้ผู้คนดูจะน้อยลงกว่าทุกๆวัน (ยกเว้นวันศุกร์) ที่ป้ายนั้นจึงมีเพียงผมและเธอกับผู้คนอื่นๆ อีกสองสามคน (และสุนัขอีกหนึ่งตัว)

วันนี้เธอไม่ได้ยืนอยู่กลางสายฝนเหมือนวันก่อน หากเธอก็สามารถดึงดูดความสนใจของผมไปได้อย่างน่าประหลาดเช่นเคย และในคราวนี้ผมจึงได้ข้อสรุปว่า เพราะความที่ผมจำเธอได้ในครั้งก่อนนั้นเอง

วันนี้เธอไม่ได้จ้องเขม็งไปบนถนนเหมือนกับวันก่อนแล้วตั้งหน้าตั้งตารอรถที่จะมาถึง หากเธอเพียงจ้องมองตรงๆออกไปยังท้องถนนตรงหน้าเธอ และแอบหันมองไปทางที่รถมาเป็นครั้งคราวแล้วก็หันกลับมามองตรงไปข้างหน้าอย่างเดิม

ผมไม่ได้สังเกตตนเองเลยว่า ตัวผมเองกำลังแอบสังเกตการณ์เธออยู่ใกล้ๆ ผมได้เข้าไปยืนอยู่ข้างๆเธอเพื่อจะได้มองเห็นว่าเธอกำลังมองอะไร แต่ตรงหน้าหาได้มีอะไรนอกจากถนนและรถที่วิ่งผ่าน แล้วเธอก็ลุกพรวดขึ้นมาทื่อๆ เดินตรงไปยังขอบทางเท้า

รถประจำทางของผมกับเธอกำลังวิ่งมาลิบๆโน่น...

แล้วก็เหมือนเคย...พอขึ้นรถ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก

แล้ววันเวลาก็ผ่านไป ผมได้พบกับเธอเป็นระยะๆที่ป้ายรถประจำทางเดิมนั้นเอง การได้สังเกตการณ์เธอดูจะกลายมาเป็นกิจวัตรประหลาดๆของผมไปเสียแล้ว ผมสาบานได้ว่าผมปรกติดีครับ ไม่ได้เป็นพวกโรคจิตวิตถารชอบติดตามหรือดักดูหญิงสาวที่ตนสนใจแต่อย่างไร บอกด้วยได้เลยว่าผมในเวลานั้นไม่ได้สนใจเธอในแนวทางนั้นแม้แต่น้อย แต่การได้เฝ้าดูเธอดูจะกลายเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอรถประจำทางดีก็ได้ ผมดูจะลืมทุกครั้งไปว่าตนเองกำลังรอรถอยู่แล้วเธอก็เหมือเครื่องสัญญาณบอกว่ารถที่ผมและเธอรอกำลังมาแล้วนะ

แล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ในหัวของผมมีเรื่องของเธอเต็มไปหมด อย่างเช่นว่า ที่จริงแล้วเธอไม่ได้ฟังเครื่องเล่นวอล์คแมนอยู่หรอก เธอกำลังนั่งฟังแผ่นอัดMP3อยู่ต่างหาก ดูเธอชอบใช้กระเป๋าสะพายสีดำมากกว่ากระเป๋าถือ และจะต้องมีลูกกระพรวนผูกคอแมวผูกเอาไว้ที่กระเป๋าทุกครั้ง เธอสวมรองเท้ารัดส้นตลอด ใบหน้าของเธอขาวเป็นธรรมชาติไม่ได้ขาวจากการโบ๊ะเครื่องสำอางแต่อย่างไร เธอชอบใส่เสื้อผ้าสีออก น้ำตาล ดำ เทา น้ำเงินตามลำดับ และเธอชอบทานปลาหมึกปิ้งมากๆ

บางครั้งผมก็ต่อเติมจินตนาการของผมด้วยคำถามต่างๆมากมาย (ชักจะเริ่มไปกันใหญ่) อย่างเช่นว่า เธอนั่งฟังเพลงอะไรอยู่ทุกวันๆ เธอทำงานอยู่ที่ไหน เธอทำงานอะไร หรือเวลาว่างๆเธอจะชอบไปเดินช็อปปิ้งเหมือนพวกผู้หญิงทั่วๆไปหรือเปล่า นั่นกลายเป็นว่าผมอยากรู้เรื่องของเธอมากขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวเลย

ทั้งๆที่แม้แต่ชื่อของเธอผมก็ยังไม่รู้แท้ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ไม่รู้อะไรเป็นเรื่องเป็นราวเป็นตัวเธอจริงๆเลยสักนิดเดียว

รู้สึกตัวอีกที ผมก็นึกอยากรู้จักเธอให้มากขึ้น...

ไม่แค่อยากรู้ว่าเธอเป็นใครที่ไหนเท่านั้น แต่อยากรู้เกี่ยวกับเธอไปเสียทุกอย่าง และอยากให้เธอรู้จักผมด้วย...ผมรู้ว่าทางเดียวที่จะเป็นอย่างนั้นได้ก็คือ...

ผมต้องเดินเข้าไปคุยกับเธอ...

เวลานั้นเองที่ผมสะดุ้งกับพฤติกรรมนอกลู่นอกทางของตนเอง ผมเตือนตนเองว่า...ไม่ได้แล้ว ผมกำลังทำตัวเหมือนพวกโรคจิตขี้หลีที่คิดจะเข้าไปป้อสาวที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อนเลยสักนิดเดียว

ไม่...ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะ!

แล้วผมก็ตัดสินใจกับตนเองอย่างเด็ดขาดว่าจะต้องตัดไฟแต่ต้นลม ตัดเธอออกไปจากจิตใจ ต้องไม่ทำอะไรก็ตามที่เป็นการคิดถึงเรื่องราวของเธออีก

ผมยอมรับว่าทำไม่สำเร็จ...ผมพยายามอย่างถึงที่สุดไม่ให้มองไปทางเธอ ไม่ให้หันไปดูว่าเธอกำลังนั่งฟังเจ้าเครื่องเล่นเพลงเล็กๆของเธออยู่หรือเปล่า พยายามทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเจ้ากระพรวนที่ติดกระเป๋าของเธอ พยายามไม่มองหาเธอในฝูงชนตรงป้ายรถประจำทาง แต่สุดท้ายตาของผมมันก็พลอยสอดส่ายมองหาเธอเจอจนได้ แล้วก็ทำสัญลักษณ์บอกตำแหน่งแห่งที่เอาไว้ในแผนที่เล็กๆในใจผม

ผมพยายามเพิ่มเป็นสองเท่าที่จะลืมเธอ แล้วผมก็เริ่มหลอกตนเองว่าผมไม่ได้สนใจเธออีกแล้ว ผมยังกลับบ้านเย็นกว่าแต่ก่อน มานั่งรอรถจนกระทั่งเธอลุกขึ้นยืนอย่างประเปรียวเป็นสัญญาณ พฤติกรรมของผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนติดตามเธอแม้แต่น้อย ผมจึงสรุปกับตนเองในใจว่า เป็นเพราะพฤติกรรมที่ทำมาเนิ่นนานจนชักจะเริ่มติดเป็นนิสัยมันหายยาก และผมก็ทำไปเพราะมันติดเป็นนิสัยก็เท่านั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย อีกทั้งกลับบ้านเวลานั้นมันก็สะดวกดีที่มีคนบนรถไม่เยอะทำให้มีที่นั่งไม่ต้องยืนอีกด้วย

ผมหลอกตัวเองให้เชื่อได้สำเร็จอย่างงดงาม...

แต่ก็ไม่ได้ตลอด...

คุณรู้อะไรไหมล่ะครับ ว่าพรหมลิขิตมันมีอยู่จริงๆ...มันอยู่ที่ใจคุณนั่นแหละ...ผมก็เหมือนกัน

เย็นวันนั้น วันที่ผมกลับจากทำงานเหมือนกับทุกๆวัน มีฝนตกพรำๆพอเย็นชื่นใจคลายความร้อนของพื้นถนนและอากาศที่อบอ้าวมาตั้งแต่บ่ายให้หายไป รถราในเวลานี้ไม่หนาแน่นอย่างที่เป็นอยู่ในทุกๆวัน และที่ป้ารถประจำทางที่เดิม ม้านั่งตัวเดิมนั้นกลับไม่มีใครนั่งอยู่เลยนอกจากผม

เธอไม่มา...จนกระทั่งรถสายประจำของผมและเธอจากไป...คันแล้ว...คันเล่า เธอก็ยังไม่มา

เธอกลับไปก่อนหรือเปล่า? เธอไม่สบายหรือเปล่า? หรือเธอเป็นอะไรไปเหรอเปล่า?

แล้วในหัวของผมก็มีแต่คำถามและความเป็นห่วงเธอ

ผมคิดถึงเธอ...

วันต่อมาในหัวของผมไม่สามารถคิดเรื่องงานการอะไรได้เลย มีแต่เรื่องเธอเต็มไปหมด...

วันนี้เธอจะมาไหม? วันนี้เธอจะหายดีหรือเปล่า? เธอจะมีคนคอยดูแลไหม? เธอจะสบายดีหรือเปล่า?

ผมอยากพบเธอเหลือเกิน...

เลิกงานแล้วผมรีบรี่ไปที่ป้ายรถประจำทางของเรา ป้ายที่ผมได้พบ ได้มองเธอทุกวันๆ

ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมเลยสักอย่างเดียวนั้นกลับมีความหมายต่อจิตใจผมอย่างยิ่งยวด ทำให้ผมรู้สึกห่วงหาอย่างประหลาด

ผมรอ...ไม่ได้รอรถเช่นคนอื่นๆที่ผ่านมาผ่านไป...ผมรอเธอ

ระหว่างที่รถประจำทางอีกคันหนึ่งผ่านไป พร้อมกับเสียงถอนหายใจด้วยความวิตกของผมดังเฮือก เสียงกริ๊งๆ ก้องกังวานแสนสดใสก็ดังกลบความหมองหม่นใจใดๆให้กระเด็นหายไปจนหมด

ผมเงยหน้าขึ้นแล้วจึงพบเธอ

เธอเดินตรงมายังที่ๆผมนั่งอยู่ ด้วยท่วงท่าแสนมั่นใจและแสนมั่นคงของเธอ สะพายกระเป๋าข้างสีดำใบเก่ง เรือนผมเงาสลวยของเธอพลิ้วไหวสะบัดไปสะบัดมาอย่างน่ามอง สองหูเสียบสายหูฟังอย่างเคย เรียวปากสีชมพูสวยแย้มออกน้อยๆอย่างสุดแสนอารมณ์ดี ใบหน้าขาวใสนั่นช่างส่งให้เครื่องหน้าดูโดดเด่นน่าพิศไปทุกส่วนเสี้ยวของดวงหน้า

เธอมาแล้ว...เธอสบายดี...เธอยิ้มให้ผม

ผมยิ้มตอบเธออย่างเผลอไผล...คิดเข้าข้างตนอย่างเผลอใจว่าเธอนั้นก็รู้จักผมเช่นกัน

แล้วเธอก็เดินผ่านผมไปนั่งลงบนม้าตัวเดียวกันกับผมหากห่างออกไปเป็นวา

ยิ้มของผมค้างเก้อ...ได้แต่เขินตัวเองที่ยิ้มเป๋อเหรออยู่คนเดียว ซึ่งผมก็ได้แต่หัวเราะตัวเองในเวลาต่อมาเมื่อหวนกลับไปคิดถึง

ผมถอนหายใจแล้วได้แต่เพียงส่ายหน้าอยู่กับตัวเองคนเดียว แล้วก็ยิ้มขำตนเองอยู่เงียบๆ ในความสลัวใต้เงาของหลังคา และบนม้านั่งตัวเดียวกับเธอ ผมหวังว่าจะไม่มีใครมานั่งลงขั้นกลางระหว่างผมกับเธอ นึกอยากหยุดเวลานี้เอาไว้ให้ดำเนินไปอย่างนี้เรื่อยไป

ถึงผมจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หรือว่าเธอชื่ออะไร...แต่ผมกลับรู้สึกมีความสุขที่เธออยู่ใกล้ๆผมและสบายดี

มันจะดีแค่ไหน หากได้รู้จักกับเธอ...รู้จักกับเธอจริงๆ

แล้วผมก็ได้ตัดสินใจ...

"เอ่อ...คุณครับ..." ผมหันไปร้องเรียกเธอ แต่เธอกลับลุกพรวดขึ้น เหมือนทุกครั้งที่รถประจำทางเจ้าประจำของผมกับเธอมาถึง วันนี้ดูมันจะมาถึงเร็วกว่าปรกติไปหน่อย

"ดะ เดี๋ยวก่อนครับ...คุณ!" ผมร้องเรียกเธอ แต่เธอกระโดดขึ้นรถประจำทางไปก่อนแล้ว

ผมลุกพรวดพราดขึ้นแล้วเผ่นขึ้นรถตามเธอไป พยายามมองหาเธอในรถ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งแวดล้อมจะไม่เป็นใจ เพราะรถที่เคยโปร่งคนกลับมีผู้คนหนาแน่นจัดขึ้นมาในวันนี้

ในบรรดาหัวเห็ดดำๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ผมพยายามมองหาเธอ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจนผมต้องถอดใจ โดยไม่รู้ว่ามันเร็วเกินไปสำหรับการถอดใจนั่น

เมื่อถึงป้ายที่ผมต้องลงแล้วนั้น คุณรู้อะไรไหมครับ...ผมได้พบเธออีกครั้ง

นึกหน้าผมออกไหมครับ...นั่นแหละครับ...มันบานแบบนั้นเลย

ด้วยความเร่งรีบที่เธอต้องผ่าฝูงคนมาจากด้านหน้า และผมก็ต้องผ่ามาจากทางด้านหลัง เราทั้งสองก็ได้มาชนกันที่ตรงทางลงของรถประจำทางนี่เอง

"อ๊ะ...ขอโทษค่ะ..." เธอกล่าขอโทษขอโพยผมด้วยเสียงเล็กๆใสๆของเธอ...เสียงน่ารักเหมือนกับกระพรวนที่เธอแขวนเอาไว้ที่กระเป๋าเธอเลยครับ

"ไม่เป็นไรครับ..." ผมรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็ยิ้มให้กับผม

เธอยิ้มให้ผมจริงๆ เหมือนที่ป้ายรถประจำทางโน้นไม่มีผิด แต่มันเป็นของผม

ประตูรถดีดเปิดออก แล้วเธอก็เดินลงไป ผมตามเธอไปติดๆ...

"คุณครับ...!" ผมรีบเรียกเธอเอาไว้

"คะ?" เธอหันมา มองผมด้วยดวงตากลมโตสีนิลของเธอเบิกกว้างนิดๆอย่างประหลาดใจ

หัวใจของผมแทบจะหลุดออกมากองอยู่แทบเท้า แล้วผมก็ทำให้ตัวเองหน้าแตกด้วยการยิ้มเหมือนสติไม่ดีให้เธอ...เธอจะว่าผมบ้าไหมเนี่ยะ...

"เอ่อ...ผมชื่อหนุ่มครับ ผมอยากรู้จักคุณครับ"

ฮะฮ้าย! ตรงเข้าเป้าเป๊ะแบบไม่มีลูกไม้ลายดอกเล๊ย!

เธออ้าปากค้างเป็นรูปเลขศูนย์ มองหน้าผมราวกับผมเป็นสิ่งมหัศจรรย์หมายเลขล่าสุดของโลก! แล้วเธอก็หัวเราะ...เสียงหัวเราะที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยิน...

"อรค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"

คุณเชื่อผมนะครับ ผมคิดเสมอว่าการพบกันของคนเรานั้นมันเป็นปาฏิหาริย์ครับ คิดดูสิครับว่าในโลกมีมนุษย์อาศัยกันให้ยุบยับอยู่ประมาณหกพันล้านคน (หรือมากน้อยกว่านั้นตามสถิติใหม่เมื่อไหร่เมื่อนั้น) แค่ในประเทศไทยก็ปาเข้าไปแล้วประมาณหกสิบล้านคนแต่คนเพียงสองคนในหลายล้านบานตระไทนั่นได้มาพบกัน โดยไม่ได้มีใครสั่งหรือวางแผนไว้ คุณคิดดูเอาก็แล้วกันครับว่ายากขนาดไหน หันมองคนข้างๆ คุณดูสิครับแล้วลองคิดดูสิครับว่าทำไมถึงเป็นคนๆ นี้ที่อยู่ข้างๆ คุณ ไม่ใช่อีตาหัวล้านๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะโน้นหรือยายหัวแมงกะพรุนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหลัง

คุณลองคิดถึงวันแรกที่ตาประสานตา (หรือจะประสานส่วนอื่นๆก็แล้วแต่ตาคุณนะครับ) กับเขาหรือเธอของคุณคนนั้น เขาเป็นหนึ่งในหกพันล้านคนของคุณเชียวนะครับ มันเหลือเชื่อไหมล่ะ ยิ่งกว่าเรื่องจริงผ่านจอเสียอีกนะคุณเอ๊ย...

แล้วในที่สุดผมก็ได้รู้จักเธอ...

เรื่องราวของผมมันยังไม่จบครับ...เพราะผมคิดจะสานต่อไปอีกนานน๊าน...

เธอไม่ได้เหมือนกับที่ผมคิดไปเสียทุกอย่างหรอกครับ...

เพราะอันที่จริงเธอไม่ได้ชอบใส่รองเท้าหุ้มส้นเท่าไหร่ เธอชอบใส่รองเท้าสานมากกว่าแต่ไม่เอาส้นสูงนะเดี๋ยวตกรูท่อ เธอชอบสีสันสวยๆ มากกว่าสีดำ เข้ม ขรึมมีแบบฉบับแน่นเปรี๊ยะเป็นไหนๆ ที่เธอสะพายกระเป๋าใบเดียวติดกระพรวนก็เพราะว่าเธอชอบจัดของใหม่แล้วลืมบ่อยๆ ว่าตัวเองเอาของวางไว้ที่ไหน เวลาเธอหากระเป๋าจะได้ง่ายๆ เพราะคอยฟังเสียงกระพรวนดังก็เพียงพอแล้ว และที่ไม่ค่อยเปลี่ยนกระเป๋าใช้ก็เพราะ เธอชอบเก็บของสำคัญเอาไว้ในกระเป๋า ถ้าเปลี่ยนบ่อยๆแล้วจะหาใช้ไม่เจอ

แต่ผมก็คิดถูกเกี่ยวกับเธอหลายอย่างนะ ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าอะไรในตัวเธอที่ดูดึงดูดผมเสียเหลือเกิน...เธอมีความเป็นธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวของเธอเอง ถึงจะดูแข็งๆแต่ก็ดูสบายๆในแบบที่เป็นของเธอเอง ถึงเวลาเธอนั่งเฉยๆ ที่ป้ายรถเมล์นั่นจะดูปิดตัวเหมือนไม่อยากสุงสิง แต่ที่จริงแล้ว หูฟังที่เธอเสียบหูเอาไว้กลับแทบไม่เคยถูกเปิดใช้เลยสักครั้ง

แล้วที่ทำให้ผมประหลาดใจแบบช็อคสุดๆ ก็คือ...

ผมไม่ได้มองเธอข้างเดียวหรอกครับ...เธอก็มองผมด้วยเหมือนกัน

เธอบอกกับผมว่า เธอคิดว่าผมเป็นคนเนี๊ยบระเบียบจัดแล้วก็ขรึมๆ แต่ตัวจริงผมกลับเป็นคนตลก แถมยังขี้อายอีกต่างหาก เธอว่าผมเรียบร้อยแล้วก็อัธยาศัยดีมากๆ เธอว่าผมกล้าหาญมากๆที่เข้ามาพูดกับเธอก่อน เพราะเธอยังไม่กล้าเลยเพราะได้แต่คิดว่าจะเริ่มพูดอะไรยังไงกับผมดี แถมยังอายที่จะเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายก่อน แถมกลัวด้วยว่าผมจะคิดกับเธอยังไง

คิดยังไงได้ล่ะครับ...ก็เธอน่ารักที่สุดเลยในหมู่ผู้หญิงทั่วโลกเลย (เอ่อ เว่อไปหน่อย เอาทั่วกรุงเทพฯ ก็พอ) ที่ผมเคยเห็นมา เป็นเธอที่เป็นหนึ่งเดียวที่ผมได้ค้นหาจนเจอ...

เอ่อ จะว่าไป...ก็ไม่ได้ค้นอะไรหรอกครับ แต่เราเจอกันเองมากกว่า

และเหนืออื่นใดทั้งหมด...เป็นเพราะ...

ความรักของเรา...คือความมหัศจรรย์ครับ




Create Date : 02 มกราคม 2550
Last Update : 2 มกราคม 2550 16:48:34 น. 1 comments
Counter : 248 Pageviews.

 
your story so cute !! i like your story if you want to update again please send to my E-mail .because now am stay in USA am home sick . your story make me Smile!

miss_daiko@hotmail.com


โดย: Oui IP: 72.201.23.227 วันที่: 4 มกราคม 2550 เวลา:9:19:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ArTimuS
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





PhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucket


นิยายอัพเดท...Photobucket

-ปฏิบัติการหักร้างถางรักPhotobucket
เรื่องราวความรัก แนวโรแมนติกดราม่า ของชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเลิกลากันไป แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็กลับมาเพื่อขอเคียงคู่เธออีกครั้ง ความรักแสนเศร้าครั้งนี้จะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนิยายรักพลาดได้นะคะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-คีตคิมหันต์ Photobucket
ภาคต่อจากเรื่องลำนำเหมันต์ เมื่อคุณพ่อคนเก่งลงโทษคุณลูกตัวแสบให้ออกติดตามหาวิหคศักดิ์สิทธิ์จนนำไคเมร่าหนุ่มไปยังโลกมนุษย์จนได้พบกับเด็กสาวผู้อาภัพและเหตุการณ์เหนือความคาดฝัน นิยายแฟนตาซีโรแมนติกที่แฟนนิยายมกราไม่ควรพลาดค่ะ (อัพเดทใหม่ล่าสุดค่ะ)

-Love Happening
เรื่องสั้นของสองหนุ่มสาว และความไม่เข้าใจกัน อุปสรรค และมนต์เสน่ห์แห่งเทศกาล (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)Photobucket

-Pretty Doll
เรื่องสาวผู้น่ารักของเมทสาวกับนายหนุ่มจอมเสเพลที่เก็บเธอมาเลี้ยง เรื่องรักกุ๊กกิ๊กแนวโรแมนซ์แสนฮาเฮ (น่าเสียดายที่ห้องนี้บังเอิญล็อคเพราะเนื้อหาบางตอนไม่ค่อยเหมาะกับเยาวชน แต่ถ้าสนใจและอายุไม่ต่ำกว่า18 สามารถขอพาสเวิร์ดได้โดยการส่งอีเมลมายัง จขบ. หรือหลังไมค์มาก็ได้นะคะ)PhotobucketPhotobucket

- Love in Rain
รวมเรื่องสั้นของเจ้าของบ้าน เรื่องราวความรัก และสายฝนอันชุ่มฉ่ำ



Photobucket
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ArTimuS's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.