2014-08-15 Dallas, Texas to Uruapan Mexico

ตีสองกว่าแล้วยังนอนไม่หลับ  เล่นเกมส์, ดูทีวี  จนเคลิ้มหลับไป  สะดุ้งตื่นตีสี่กว่า แล้วก็ไม่หลับอีกเลย.  ตอนเจ็ดโมงครึ่งนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ก็ร้องเตือนที่จริงไม่ต้องตั้งก็ได้เพราะยังงัยก็ไม่ได้นอนอยู่แล้ว  อาบน้ำแต่งตัวเก็บกระเป๋า  ลงไปเช็คเอาท์  แล้วก็นั่งรถไปสนามบิน  เช็คอินกระเป๋า  อุ๊แม่เจ้า ชาร์ทใบละยี่สิบห้าเหรียญ  เป็นกฎใหม่ที่ออกมาได้สามเดือน  ตั๋วก็แพงหูฉี่อยู่แล้วยังจะชาร์ทโน่นชาร์ทนี่อีก  ได้บอร์ดดิ้งพาส แล้วก็ผ่านด่านตรวจ  เข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร  แล้วไปทานอาหารเช้า  เนื่องจากเมื่อวานไม่ได้ทานอะไรเลย  เลยคิดว่าหิวนะ  เลยสั่งสเต็ก เนื้อนิ่มมว๊ากเสริฟมาพร้อมออมเลทและมันทอดทั้งเปลือก, คงขี้เกียจปลอก อิ..อิ..  ปริมาณอาหารเยอะมากๆ เลยกินแต่สเต็ก ส่วนไข่กับมันไม่ได้กิน เสียดายเหมือนกัน

สิบเอ็ดโมงเดินไปประตูขึ้นเครื่อง  มีประกาศเรียกให้ไปขึ้นเครื่องโดยด่วน  แต่ก็ไม่ได้นำพา  เดินทอดน่องเพราะประตูอยู่ไม่ไกล  โดนค้อนด้วยสายตาเล็กน้อย  แล้วก็ผ่านขึ้นเครื่อง  ผู้โดยสารเกือบทั้งหมดเป็นแม็กซิกัน  นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ขึ้นเครื่องเล็กขนาดนี้  ที่นั่งมีแค่แถวละสามตัว  ตอนไปหลวงพระบางและไปพม่า คิดว่าเป็นเครื่องเล็กสุดละนะ... ที่นั่งมีแถวละสี่ตัว.  พนักงานต้อนรับบนเครื่องก็สไตล์อเมริกัน  ประมาณว่าชั้นไม่แคร์...  ไม่เน้นสาว ไม่เน้นสวย ไม่เน้นหุ่นดี  ถ้าไม่ติดว่าหล่อนทำงานด้านบริการก็เปรียบได้กับมนุษย์ป้าคนหนึ่งเลยทีเดียว (ปล. ความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายชื่อเสียงของสายการบินใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือถือหุ้นของสายการบินอื่นใด)  เครื่องไม่ได้โคลงเคลงอย่างที่คิด  จะมีโคลงเล็กน้อยตอนเครื่องขึ้นและลงจอด  และโคลงมากหน่อยตอนบินเข้ากลีบเมฆ.



เครื่องบินที่โดยสารจาก Texas, USA ไป Morelia, Mexico


ใช้เวลาบินสองชั่วโมงกว่าก็ถึงสนามบินนานาชาติ Morelia  ลงจากเครื่องแล้วเดินเข้าอาคารก็ถึงด่าน ตม.เลย  ไม่ต้องเดินหาให้ยุ่งยาก  ที่จริงหางแถวล้นออกไปนอกอาคารด้วยซ้ำ  คุณลุงเจ้าหน้าที่หน้าตาดุ  แต่เห็นพาสปอร์ตเราก็ยิ้มให้ แล้วก็พูดว่า ไตยแลนเดียร์ แล้วพยายามเปิดดูอเมริกันวีซ่า  เราเลยเปิดวีซ่าซึ่งอยู่พาสปอร์ตเล่มเก่าแล้วส่งให้  สำหรับคนไทย ถ้าเดินทางไปเที่ยวแม็กซิโกโดยบินจากอเมริกา   ไม่ต้องขอวีซ่าแม็กซิกัน  ซึ่งอยู่ได้ 30 วัน  นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องบินไปอเมริกาแล้วต่อเครื่องมาแม็กซิโก....  พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็เดินไปอีกสิบก้าว ก็ถึงด่านศุลกากร  เอกสารทุกอย่างกรอกไว้ตั้งแต่บนเครื่องแล้ว  แค่ยื่นให้เจ้าหน้าที่ แล้วไปกดปุ่มที่เคาน์เตอร์ แล้วก็เดินผ่านออกมา  โดยจะมีเจ้าหน้าที่สุ่มเลือกว่าจะตรวจกระเป๋าใคร  เราไม่โดนตรวจ แต่ถามว่านำอาหารเข้ามาไหม... แน่นอน, ต้องตอบว่าไม่มี...ช๊อคโกแลตสิบกล่องที่ซื้อตุนมาเป็นแค่ของว่างไม่ใช่อาหารอ่ะ อิ..อิ..  เดินต่อมาอีกสิบก้าวก็ถึงจุดที่ญาติและแท็กซี่มารอรับ



สนามบิน Morelia, Mexico  เล็กมากๆ  หางแถวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเลยออกมานอกตึกเลยทีเดียว


คุณมาเรียอาโน่มารอรับพวกเราอยู่แล้ว  มาเรียอาโน่เป็นเพื่อนของพอลรู้จักกันมาเกือบสามสิบปี และไม่ได้เจอกันมายี่สิบห้าปีแระ   ขนของขึ้นรถฟอร์ดเฟียสต้าคันเล็ก  แล้วมุ่งหน้าไป Uruapan ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณหนึ่งชั่วโมง  ประมาณว่าจากเชียงใหม่ไปลำปาง... แวะเมือง Patzcuaro ซึ่งอยู่ระหว่างทางเพื่อหาอะไรดื่ม  เข้าร้าน Los Escudos bar-cafe อยู่จตุรัส Plaza Vasco de quiroga  เรายังปรับสภาพไม่ทัน  ผู้คนที่นี่ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย  พูดแต่สแปนิช



แผงขายของระหว่าง  มีให้เห็นเต็มไปหมด



Plaza Vasco de quiroga เป็นจตุรัสกลางเมือง Patzcuaro



อีกมุมหนึ่ง



แวะดื่มเบียร์แถวๆ จตุรัสกลางเมือง



ด้านซ้ายมือของรูปเป็นจตุรัสกลางเมือง, ด้านขวามือเป็นร้านที่แวะดื่มเบียร์



วิวอีกด้านหนึ่งของจตุรัสกลางเมือง


เกือบหกโมงขับรถต่อ  มาถึงอูรัวพันเกือบทุ่ม  ถึงโรงแรมต้องกดกริ่งเรียกให้มาเปิดประตูซึ่งเป็นเหล็กดัด  เช็คอิน ขนของเข้าห้องแล้วออกไปทานดินเนอร์ต่อเลย  มาเรียอาโน่พาไปทานร้าน  Jardin Steak House สักพัก Yolanda ภรรยาของมาเรียอาโน่ ก็มาสมทบ... สั่งอาหารเรียกน้ำย่อยมา 5 อย่าง  สั่งเตกีล่า เสิร์ฟมาพร้อมมะนาว และน้ำมะเขือเทศ  สั่งเบียร์มาดื่ม  คนที่นี่ดื่มเก่งมาก...ขอยอมแพ้  ไม่ได้สั่งอาหารจานหลักเพราะแค่อาหารเรียกน้ำย่อยก็อิ่มแล้ว  ข้างนอกฝนตกปรอยๆ มีฟ้าแลบฟ้าร้องมาเป็นระยะ



guacamole กินกับ tortilla chips



หอยนางรมราดซอสเผ็ด... เผ็ดจริงๆ



อันนี้คล้ายพล่ากุ้งบ้านเราเลย... กุ้งไม่ได้ลวกแต่มันสุกมะนาวอ่ะ


ระหว่างทางขับรถกลับโรงแรม  เห็นกระบะคันโต  มีทหารพร้อมอาวุธครบมือ  เหมือนกับว่ามีการปฏิวัติ  ถามมาเรียอาโน่ ก็ได้ความว่าเป็นเรื่องปกติของที่นี่  เพราะปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่และก่อให้เกิดอาชญกรรมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย  พอมาถึงโรงแรมก็ต้องกดกริ่งเรียกให้พนักงานมาเปิด  ถึงได้ตระหนักว่า  เมืองนี้อันตรายไม่ใช่น้อย  ขนาดโรงแรมยังปิดประตูอย่างนี้  แล้วถ้าเราไปเดินเล่นนี่คงต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก... พอถึงห้องก็ล้างหน้าแปรงฟัน  เข้านอนโดยไม่ลืมชาร์ต iPad  ตอนเข้านอนนั้นเป็นเวลาประมาณห้าทุ่ม



Create Date : 08 กันยายน 2557
Last Update : 9 กันยายน 2557 5:34:15 น.
Counter : 1611 Pageviews.

1 comments
  
อาหารแลดูรสจัดทั้งนั้นเลยนะคะ


ดูแลตัวเองด้วยนะค้า
โดย: The impression วันที่: 20 กันยายน 2557 เวลา:14:27:18 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

annopwichai
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]



ชีวิตอิสระ, ชอบความเรียบง่าย, เป็นโรคภูมิแพ้ IT
New Comments
MY VIP Friend