All Blog
เมื่อความซวยมาเยือน
เรามีเวลาอีกไม่กี่เดือนที่จะเตรียมแผนการทำงานใหม่ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ เมื่อวันก่อนเราเพิ่งได้รับข่าวร้ายมาว่าลูกค้าประจำรายใหญ่ของเราจะเลิกจ้างเราเมื่อสิ้นปีนี้เพราะเขาจะจ้างพนักงานประจำแทนการจ้างฟรีแลนซ์อย่างเรา ซึ่งนั่นจะทำให้เราขาดรายได้หลักไปเลยทีเดียว พอรู้ข่าวก็มึนๆอยู่พักหนึ่งแต่มันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อมันเป็นความต้องการของลูกค้าแล้วมันก็เป็นความสะดวกของเขาซึ่งจริงๆเขาควรจะจ้างพนักงานประจำมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ

จริงๆแล้วถ้าเรายังต้องการรายได้จากลูกค้ารายนี้อยู่มันก็ยังพอมีทาง แต่เป็นทางที่ไม่ค่อยจะสวยงามสักเท่าไหร่ เรื่องของเรื่องก็คือจริงๆแล้วลูกค้ารายนี้เราติดต่อกันมาประมาณสามสี่ปีได้ แต่เป็นการติดต่อผ่านทางอินเตอร์เนทและโทรศัพท์ กว่าจะได้เจอตัวเป็นๆกันจริงๆก็คงเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นบ่อเกิดของปัญหาระหว่างเรากับเขาอยู่พอสมควร หลังจากที่เขาเจอตัวเป็นๆของเราผ่านมาประมาณเกือบปีได้ เขาถึงมาบอกว่าเขาชอบเรา

แต่การสารภาพของเขามันค่อนข้างจะเหมือนกับคนที่อยู่ในสภาพที่ไม่มีที่ไป หรือคล้ายๆกับการสั่งเสียหรืออะไรสักอย่าง เพราะเขาคิดว่าเขามีปัญหาด้านสุขภาพและอาจจะอยู่ได่อีกไม่นานเท่าไหร่ ทั้งๆที่เราคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะจากสภาพเขาที่เราเจอก็เหมือนคนปกติ แข็งแรง สมบูรณ์ดีทุกประการ แต่เอาเถอะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะว่าเรามีแฟนอยู่แล้ว

เราจำได้ว่าเราบอกเขาไปแทบจะทันทีที่เขาสารภาพความรู้สึกของเขากับเรา หลังจากนั้นเขาก็เหมือนจะเข้าใจแล้วก็คุยเฉพาะเรื่องงานตามปกติ แต่พอว่างเมื่อไหร่ก็เป็นต้องวกเข้าเรื่องจะขอคบเราให้ได้ซะทุกครั้งไปโดยไม่สนว่ามีแฟนอยู่แล้วหรือไม่ บางทีเราก็ต้องเลิกคุย เลิกสนใจ ไปเลยเพราะไม่อยากอารมณ์เสียอีก แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกค้าเราก็ทำอะไรรุนแรงไม่ได้อยู่แล้ว

มาครั้งล่าสุดที่คุยเราก็คุยกันเรื่องงานและข้อเสนอของเขา ถ้าเราจะไม่ให้เขาเลิกจ้างมันก็พอมีวิธีแต่มันเป็นวิธีที่เราคงต้องทุ่มทุนสร้างอย่างมาก ถึงเขาไม่ได้พูดตรงๆแต่เราก็รู้ว่าเขาหวัง เหมือนเขาเอาผลประโยชน์ก้อนใหญ่ยักษ์มาล่อเราโดยอ้างว่าไม่ได้ต้องการอะไรแต่สุดท้ายแล้วคำพูดของเขามันก็บ่งบอกเจตนาที่ชัดเจน ซึ่งหลังจากคืนนั้นเรามาลองคิดดูถึงสิ่งที่เขาพูด เรารู้สึกว่าเขาดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ เขาในวันนี้ดูแตกต่างจากวันที่เรารู้จักเขาในช่วงแรกๆอย่างสิ้นเชิง จากคนที่พูดจาสุภาพและขี้เกรงใจมาก กลายเป็นคนมั่นใจในตัวเองเสียเต็มประดาแล้วก็พูดจาวกวนซ้ำซาก ไม่ค่อยรู้เรื่อง ย้ำคิดย้ำทำและถามถึงสิ่งที่เขาต้องการอยู่นั่นแหละทั้งๆที่เราก็ตอบคำถามเดิมๆไปไม่รู้เกีร้อยรอบ

หลังจากที่คิดเบ็ดเสร็จเรียบร้อย เราก็ได้คำตอบว่าการอยู่ห่างจากคนๆนี้คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ก่อนหน้าที่เราจะรู้จักกับลูกค้าคนนี้เราก็อยู่ได้ ถึงต่อไปไม่มีเขาเราก็ต้องอยู่ได้ แม้ว่าช่วงแรกๆอาจจะลำบากมากขึ้นพอสมควรก็ตาม สิ่งที่เขาเสนอมามีมูลค่าสูงมากก็จริง ซึ่งหลายๆคนบนโลกนี้คงมีคนยอมรับมากกว่าปฏิเสธ แต่มันก็ดูเหมือนเป็นหลุมพรางหลุมใหญ่สำหรับเราเช่นกัน จริงๆแล้วเราตัดสินใจได้แทยจะทันทีว่าคงต้องปล่อยลูกค้ารายนี้ไปอย่างแน่นอน เนื่องจากการข้องเกี่ยวกับเขามากเกินไปจะทำให้เรามีปัญหาทั้งกับสุขภาพจิตของตัวเองและสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแฟนอย่างแน่นอน

เอาเป็นว่าเราจะขออยู่แบบจนๆอย่างนี้ต่อไปก็แล้วกัน อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีใครมาว่าเราได้ว่าโลภมากหวังอยากได้สมบัติคนอื่น ของฟรีไม่มีในโลก แม้แต่ญาติพี่น้องยังเข่นฆ่ากันเพื่อทรัพย์สมบัติเยอะแยะไป นับประสาอะไรกับคนอื่น สมบัติมูลค่าสูงขนาดนั้นถึงเขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนก็ให้เขาเก็บไว้ให้กับคนอื่นที่เหมาะสมกว่าเราคงจะดีกว่า หากการแลกเปลี่ยนนั้นมันจะทำให้เราต้องเสียใจไปตลอดชีวิต...



Create Date : 12 ตุลาคม 2550
Last Update : 12 ตุลาคม 2550 20:33:53 น.
Counter : 483 Pageviews.

2 comments
  
มาเป็นกำลังใจให้แอนนะจ๊ะ

สิ่งที่แอนทำพี่ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี พี่รู้เพียงแต่ว่าพี่ชอบที่แอนทำอย่างนี้น่ะจ๊ะ พี่ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงในการกระทำของแอนครั้งนี้นะจ๊ะ
โดย: นักรักโลกมายา วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:21:33:16 น.
  
เอาใจช่วยครับคุณแอน

ส่วนตัวผมว่าคุณแอนนะยะคิดถูกแล้วนะครับ
อนาคตมันไม่แน่นอนเลย เลือกปัจจุบันที่เรามีความสุขที่สุดดีกว่า

คนแบบนี้ไม่รู้จะตะบัตสัตย์เมื่อไหร่

สู้ๆนะครับ ปีหน้าผมดูแววแล้วก็หนักเหมือนกัน
โดย: I.Brother วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:22:40:58 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แอนนะยะ
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เบื่อกับการมีชีวิตตามกระแสสังคม ต่อนี้ไปฉันจะมีชีวิตอย่างที่ฉันต้องการจะเป็นเท่านั้น แค่มีความสุขกับตัวเองและคนที่บ้านก็เพียงพอ