แอน..แอ่น..แอ๊นนนนนนน
 
ฮ่องกงไก่กา..ครั้งที่ 2 ในรอบปี (ตอนที่ 3) ช๊อปสู้ชีวิต แต่ติดที่ส้วม

วันที่ 3

เนื่องจากวันนี้เรามีภารกิจสำคัญต้องไปทำแต่เช้า (ออกแนวต้องทำงานบ้าง) แล้วก็บ่ายๆ มีแพลนจะไปนั่งรถรางชมเมืองแถบ Central เลยตื่นแต่เช้า แต่งตัวกันสวยงาม ออกไปถ่ายรูปกัน เดินออกมาฝนตกพรำๆ ลมนี่แรงได้อีก
ร่มปลิ้นเลยทีเดียว เดินถ่ายกันไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ (สู้!!!) เริ่มจากหากาแฟกินก่อน (กองทัพต้องเดินด้วยคาเฟอีน) ได้สตาร์บัคมาคนละแก้ว สบายใจ
เดินไล่ไปตั้งแต่ตึก Hong Kong Heritage Discovery Center ลอดอุโมงค์ไปฝั่งหอนาฬิกา เดินเล่นชิวๆ ชมวิวตึกต่างๆ











(เดินเล่น ถ่ายรูป อุโมงลอดใหญ่มาก)






เดินไปเรื่อยๆ จนถึง Avenue Of The Star คนเยอะมากกกกก เยอะได้อีก ลมก็มา ฝนก็ตก ร่มชาวบ้านก็จะจิ้มตา ขาก็พาลจะไปเหยียบคนที่พยายามจะทาบมือกะรอยมือดาราดัง อาตี๋วัยใกล้จะหนุ่มก็พยายามจะมายืนบังหน้ากล้องตลอดเวลา เลิกๆๆ เลยเลิกถ่ายรูป




เดินพ้นบริเวณนั้นมาได้ ท้องเริ่มครางโหยหาอาหารอีกครั้ง เลยรวบมื้อเช้าและมื้อเที่ยงรวมกันซะเลย วันนี้ตั้งใจพาลูกทัวร์ 2 สาวไปกินบะหมี่เจ้าอร่อยที่เคยกิน (แหม่ ของดีต้องพรีเซ้นท์) ทีแรกมองหาร้านไม่เจอ เพราะจำได้ว่าร้านอยู่แถวๆ แยก แต่วันนี้ทำไมไม่มี หันไปบอกพี่เค้าว่า ได้กลิ่นแล้ว ลองเดินตามกลิ่นไปซิ พี่อีกคนเดินมาสะกิด นี่ไงร้าน (เดินผ่านมาแบบไม่แยแสประมาณ 5 ก้าวเห็นจะได้ ถึงว่ากลิ่นมันอยู่แถวๆ นี้) กลับหลังหัน เข้าร้าน หาที่นั่ง จิ้มโลด ของขึ้นชื่อ ทอดมันปลาฉลาม ลูกชิ้นปลาหมึกทอด กวางตุ้งน้ำมันหอย สั่ง 3 อย่างเป็นจานกลาง ส่วนตัวสั่งแกงกะหรี่เนื้อ+ข้าวเปล่าไป (มาชามใหญ่อย่างเยอะจ้า) พี่อีก 2 คนก็สั่งบะหมี่แห้งกะเกาเหลาลูกชิ้นปลาหมึกมากิน จริงๆ เกาเหลาไม่ได้ตั้งใจจะสั่งหรอกน่ะ แต่ว่า แค่อยากรู้ว่า จานที่สั่งมันใช่บะหมี่น้ำรึเปล่า เลยถามเค้าด้วยภาษาอังกฤษ D+ เจ้าของร้านก็คงได้เกรดไม่มากไปกว่ากัน ดันเข้าใจว่าเราไม่เอาเส้น พอเอามาเสิร์ฟ ทุกคนมองแบบอึ้งๆ มีลูกชิ้นลอยมาในน้ำ ผลุบๆ โผล่ ไม่มีวี่แววของเส้น เออว่ะ ที่ฮ่องกงมีเกาเหลาด้วย หะหะ กินจนเกลี้ยง กวาดกันเรียบ อร่อยสมใจ จ่ายตังค์กันเทหน้าตักทุกมื้อ ไม่เคยเกี่ยงเรื่องกิน เอาให้อิ่ม (แทบอ๊วก) สบายท้อง (อืดๆ ) เป็นพอ








ออกจากร้านบะหมี่ปุ๊บ เลี้ยวขวับเข้าร้านกาแฟทันที (แอบเห็นตอนเดินผ่าน หน้าตาดูน่านั่งดีทีเดียว) ทุกคนไม่มีใครห้ามใคร ไปยืนหน้ากระดานเรียง 1 หน้าเคาเตอร์ เข้าไปในร้านโหววว น้ำลายแทบหยด ตู้แช่เรียงหลายๆ ตู้
ตู้แรก เค้กหน้าตาดี (มาก) เรียงรายสวยงาม ตู้ถัดไป เป็นอาหารเบาๆ ชนิดแซนวิช ขนมปัง ส่วนตู้สุดท้ายช็อคโกแลตล้วนๆ กี๊ซซซซ แต่เอาน่าเพิ่งกินข้าวมา ขอแค่กาแฟเบาๆ เป็นการลองเชิง เราได้ลาเต้มากิน อีกคนคาปูชิโน แล้วตามด้วยเอสเปรสโซ่ นั่งชมบรรยากาศร้าน ร้านน่านั่งมาก ชอบเป็นที่สุด พยายามไม่หันไปสบตากับเค้กหน้าตาดี แต่ลูกทีมก็ชี้ชวนคุณชม ดูสตรอเบอร์รี่สิ น่ากินเนาะ ดูชิ้นนั้นสิ เอิ่มมม ไหนๆ ก็ไหนๆ เอาว่ะ ไปยืนเคลิ้มอยู่หน้าตู้ จิ้มมาได้ 2 ชิ้น (ราคาชิ้นละ 100 นิดๆ กว่าบาทไทย ราคาพอกับเค้กในห้างผู้ดีบ้านเราเลย)

เมื่อทำการฉายภาพเป็นที่ระลึกเรียบร้อย ก็ลงมือชิม คำแรก ตาวิ้งเลย ดอกไม้บานในปาก...ชีสสสส อร่อยจัง (ไม่ได้โม้)



ได้กาแฟมาแก้วนึง



เห็นแบบนี้แล้วใครจะทนไหว



บรรยากาศในร้าน





จิ้มมา 2 ชิ้น




เมื่อกำจัดทั้งขนม กาแฟเรียบร้อย ก็ถึงเวลาต้องไปลงพื้นที่ห้าง K11 ซักหน่อย ห้างนี้เหมือนเพิ่งเปิดใหม่ไม่นาน สวยเลยทีเดียว ออกแนวอาร์ต แต่ไม่ได้เดินสำรวจร้านรวงในห้างเท่าไหร่ เรา 3 หน่อ ตกลงเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่แรกกะหาแค่น้ำ ขนมแปลกๆ ไว้กิน สรุปหันไปอีกที 2 เจ๊หยิบใหญ่จ้า ล้นรถเข็ญเลย ต้องไปเอารถเข็ญเป็นของตัวเองคนละคัน ส่วนใหญ่เน้นขนมเอากลับไปฝากซะมากกว่า





ด้านนอกห้าง




งานประติมากรรมในห้าง K11




เก้าอี้ที่ตั้งโชว์ในห้าง (แต่ห้ามนั่งน่ะ)



ร้านขนมปังในห้าง




ร้านขายลูกกวาด หลากรส หลายสี หลายแนว ทำโชว์กันเห็นๆ


เมื่อทำการหยิบกันจนหนำใจ ก็พากันขนสมบัติกลับที่พักเอาของไปเก็บ แล้วก็จะไปเริงร่าต่อกันที่ Causway Bay

แล้วก็อีกครั้ง ที่พอหัวพ้นขึ้นมาพื้นโลกได้ ลมแทบจับ เมืองมดอีกแล้วครับท่าน มองไปทางไหนก็ประชาชนล้นหลาม เราปลีกตัวไปเดินห้าง Island Beverly Center เป็นห้างขายเสื้อผ้าวัยรุ่น ทั้งจากญี่ปุ่น เกาหลี และแบรนด์ของฮ่องกงเอง ร้านเล็กๆ ของเก๋ๆ

เดินจนครบทุกชั้นทุกแผนก เกิดอาการปวดฉี่กัน เดินหาห้องน้ำกันอีก การเดินหาห้องน้ำว่ายากแล้ว การได้เข้าห้องน้ำยิ่งยากกว่า หลังจากผ่านการผลักประตู เดินลง 2 ชั้น ผลักประตูแล้วผลักประตูอีก ถึงห้องน้ำซะที ประตูล็อกจ้า ต้องมีกุญแจ ...ป่อย ทั้ง 3 คน ลงแข่งกรีฑาประเภทเดินเร็ว 100 เมตรหญิงมุ่งหน้าไปห้างดัง SOGO ทันที แต่แค่เดินเข้าประตูห้างเท่านั้นก็ไหลไปกับฝูงคน "ออกกันเต๊อะชาวคณะ" ยังกะมาเดินจตุจักรตอนสิ้นเดือน เดินแถไปอีกห้างซึ่งอยู่ข้างๆ กัน เจอห้องน้ำแล้วแต่ คนต่อแถวยาววว มาก ตัดสินใจเดินไปชั้น 2 หาห้องน้ำเจอดีใจสุดๆ เห็นมีคนเดินสวนออกมา เราก็ชะล่าใจ พอประตูปิดเท่านั้นแหละ ล็อกอีกแล้วจ้า....แง๊ (ปวดจนขนลุกขึ้นหน้าแล้วเนี่ย) พอดีมีคนข้างในออกมาอีกครั้ง คราวนี้รีบเอาส้งติงขวางประตูไว้ เบียดร่างเข้าไปต่อแถวได้สำเร็จ แต่ก็อีกแหละ มีตั้งหลายห้อง แต่ดั้นเปิดให้ใช้แค่ 2 ห้อง รอกันไปเถ๊อะ บิดแล้วบิดอีก กว่าจะพ้นสมรภูมิไปได้ ฉี่แทบราด อยากจะถอดกางเกงฉี่ประชดซะหน้าห้องน้ำให้รู้แล้วรู้รอด (เฮ้อ...ฮ่องกงเมืองหวงส้วม)

เมื่อทุกคนเบาตัว พยาธิก็เริ่มประท้วงบ้าง เลยออกไปหาของกินกัน ร้านข้างทางท่าทางน่ากินแต่คงจะมีปัญหากับการสั่งเพราะไม่มีเมนู -*- ไม่มีรูปให้ชี้ เลยตัดใจเดินไปอีกซักระยะ มาเจอร้านขายลูกชิ้น เลยแถเข้าไป ด้านในมีโต๊ะให้นั่ง แล้วมีบะหมี่ขายด้วย มีรูปบะหมี่ชามโตติดที่ฝาผนังร้าน แล้วก็คำบรรยายเป็นภาษาจีน เอิ่ม.......(อ่านไม่ออก) เอาว่ะ สั่งละ พออ้าปากถาม ด้วยภาษาอังกฤษ D+ จึงรู้และเข้าใจว่า พี่แกคงติด F ชัวร์ ต่อมภาษาอังกฤษไม่กระดิกเลย เรียกพ่อครัวที่ลวกหมี่มาก็แล้ว เจ๊หน้าร้านก็แล้ว เลยทำใจ เอาเห๊อะ จิ้มๆ กันไปซักคนละเมนูละกัน มันจะเป็นอะไรก็ช่างเหอะ ตอนนี้ขออะไรลงท้องก่อนละกัน

ระหว่างรอ ได้ยินอาหมวยโต๊ะข้างหลังซดน้ำซุป และเคี้ยวดังไปถึง 4 แยกหน้าร้าน เดาได้ว่าคงอร่อยแบบเหาะได้ พอทุกอย่างมาลงโต๊ะ ซดซุปคำแรก ทุกคนเงยมามองหน้ากัน แล้วต่างคนต่างกินชามของตัวเองกันไปเงียบๆ สังเกตได้ว่าทุกคนกินเหลือ เหลือไม่ธรรมดา แต่เหลือเกือบเต็มชาม ซึ่งผิดวิสัยพวกเรายิ่งนัก เช็กบิลออกจากร้านเงียบๆ



จีนล้วนๆ ใครดูออกช่วยบอกที ว่าเรากินอะไรกันไป -*-

หลังจากรองท้องพออิ่ม ก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ ไล่ตั้งแต่ Bossini, G2000, Giordano, Bonjour, SASA เราทั้ง 3 ปฏิบัติหน้าที่กันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เก็บเรียบหมดย่าน แล้วลงใต้ดินกลับมายังจิมซาจุ่ย แต่หาย่อท้อไม่ เราทั้ง 3 ก็ทำการชอปปิ้งต่อไปอย่างไม่ลดละ จนร้านค้าปิดหมด จึงตัดใจกลับที่พัก พร้อมกับลูกชิ้นอีกเบาๆ พี่คนที่ไม่ค่อยได้เดินบ่อยนักถึงขั้นร่างแหลกไปเรียบร้อย ชนิดเห็นเตียงปุ๊บ แถขึ้นไปปั๊บ ไม่สามารถขยับร่างได้อีก ส่วนอิชั้นกะพี่อีกคนผ่านสังเวียนมาเยอะ เลยยังลัลล้าชื่นชมสมบัติที่ขนกันมาหน้าชื่นตาบาน แล้วก็ต่อแถวอาบน้ำ เอาแผ่นแปะเท้า (เดินหาซื้อมาจาก Bonjour) เป็นผู้ช่วยคลายในการช็อปร่างแหลกของเรา แล้วทุกคนก็หลับแบบทิ้งร่างกันเลยทีเดียว



มีทั้งซื้อฝากและฝากซื้อ (พี่ ตม. ยอมให้เราเข้าประเทศป่าวแว๊)



แผ่นแปะเท้า ได้ผลรึเปล่าไม่รู้ รู้แค่ว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจ



ของที่ขนซื้อกันมาวันนี้



คนนึงร่าเริง อีกคนร่างแหลก



ของกินเล่น (เหรอ??? แลดูจริงจัง)






Create Date : 28 กรกฎาคม 2554
Last Update : 30 กรกฎาคม 2554 14:29:56 น. 2 comments
Counter : 1565 Pageviews.  
 
 
 
 
5555 ฮาดี สนนราคาชอปแหลกไปเท่าไหร่คะ ว่าแต่ช่วงลดทั้งเกาะนี่มีตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไห่่อ่ะ มีแค่ช่วงเดียวหรอ
 
 

โดย: yuechan IP: 119.42.116.57 วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:14:50 น.  

 
 
 
ปีนี้มีตั้งแต่วันที่ 8 กค. - 31 ส.ค. ค่ะ แอนหมดกะช้อปปิ้ง กิน อยู่ 4 คืน 5 วัน เบ็ดเสร็จ 20,000 บาท รวมค่าที่พัก และของที่ฝากซื้อแล้ว (แต่ยังไม่รวมค่าเครื่อง) ส่วนพี่อีก 2 คน ชอปปิ้ง กิน อยู่ ก็หมดคนละประมาณ 30,000 คะ สำหรับแอน ไปช่วงปกติแอนชอบมากกว่า รู้สึกเที่ยวสนุกกว่าคะ ^^
 
 

โดย: Annandant IP: 49.237.195.27 วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:12:37 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

annandant
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add annandant's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com