|
บทที่ ๓ - การช่วยเหลือ
บทที่ ๓ การช่วยเหลือ
รวมยี่สิบสี่คน
เด็กผู้ชายสาม...ในนั้นเป็นทารกหนึ่งคน เด็กผู้หญิงเจ็ด ผู้หญิงอีกสิบสี่คน
ถ้าซิอ์บุลไม่ฆ่าพวกที่บุกไปแถวบ้านเขา แล้วก็ช่วยพวกที่กำลังจะโดนจับตัวไป คงมีเยอะกว่านี้มาก
อาเมียร์นั่งเงียบ ขณะที่ตัวเลขของผู้ประสบเหตุต่างๆ ถูกแจงเป็นระยะๆ
คนตายล่ะ
สาม
ฝ่ายเรา?
ใช่ ฝ่ายเรา ศพพวกมันเท่าที่เก็บได้ตอนนี้อยู่ที่...สามสิบเจ็ด
สามสิบเจ็ด!
ซิอ์บุลจัดการเสียเกือบหมด นอกนั้นรู้สึกอาเมียร์จะฆ่าไปได้คนหนึ่ง แล้วก็เกล็น...แต่ก็...
เอาเถอะ หัวหน้าหมู่บ้านถอนใจ อย่างน้อยความเสียหายก็ไม่มากเท่าหมู่บ้านอื่นๆ
หลังคำพูดนั้นดูจะมีเพียงความเงียบ จนกระทั่ง พ่อ เป็นฝ่ายตั้งคำถาม
แล้วพวกเราจะตามไปช่วยคนที่ถูกจับไปเมื่อไร
ปกติพวกมันจะตั้งค่าไถ่ของแต่ละคนมา หากรีบหาให้มันได้ก็จะปล่อยตัวกลับ
แล้วถ้าหาไม่ได้ล่ะ พ่อ ซักต่อด้วยเสียงที่เคร่งขรึมขึ้น
ก็... หัวหน้าหมู่บ้านตอบอย่างลำบากใจ ไม่ได้กลับมาในสภาพเดิม
ถูกฆ่าตายหรือ
อีกฝ่ายสั่นศีรษะ แต่ปากเอ่ยอีกอย่าง
ตายทั้งเป็น...ท่านคงเข้าใจ หากรวบรวมค่าไถ่ได้ช้าความปลอดภัยของพวกนางก็ยิ่งลดลง แล้วถ้าไม่ได้จนถึงเส้นตาย พวกมันก็จะส่งไปขายที่ตลาดค้าทาส เท่ากับว่าช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว
แต่หัวหน้า...นี่เพิ่งเริ่มฤดูเพาะปลูกไม่นาน เราจะเอาอะไรไปให้มันได้เล่า
ข้าคงมีแต่จะต้องขายวัว พ่อของเกล็นพูดแข็งๆ ลูกสะใภ้กับหลานข้าทั้งคน แต่พวกมัน...
เรื่องคนตายน่าเสียใจ แต่เพื่อช่วยคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องทำ ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาตบไหล่เบาๆ
มันฆ่า มันทำร้ายพวกเรา...แล้วเรายังต้องเอาเงินไปประเคนให้มันอีกหรือ พ่อ ตั้งคำถามที่ทำให้ทุกคนชะงัก
ก็... หัวหน้าหมู่บ้านพยายามพูดเมื่อสายตาของอดีตนักรบตกอยู่ที่เขา ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่เราทำได้...เราสู้พวกมันไม่ได้หรอก พวกทหารหรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ไม่เคยเหลียวแลเราเลย ถึงส่งจดหมายขอความช่วยเหลือไปถึงเจ้ามณฑลก็ช้าเกินการ...บางทีอาจจะไร้ประโยชน์ด้วยซ้ำ
พ่อ แค่นเสียงเบาๆ
ข้าถึงว่าโจรป่าแถวนี้มีอะไรแปลกๆ ทำไมถึงปล้นแบบเลี้ยงไข้ เอาไปแค่ผู้หญิงกับเด็กเป็นหลัก แต่ฆ่าคนน้อยเสียเหลือเกิน ปกติท่านหัวหน้าหมู่บ้านคงส่ง ค่าคุ้มครอง ให้มันมาตลอดใช่ไหม ถึงได้รอดพ้นมาได้นานขนาดนี้
ชายหลายคนในวงสนทนานั้นเริ่มตกใจ
นี่เจ้า...
ข้าก็แค่พอเดาอะไรได้บ้าง พ่อ ตัดบท แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ ครั้งล่าสุดท่านไม่ได้ส่ง หรือส่งให้พวกมันน้อยเกินไปล่ะ
หัวหน้าหมู่บ้านมีสีหน้าเครียดขึ้นทันควัน
ข้าก็ส่งให้พวกมันตามปกติ ด้วยเงินที่รวมจากบ้านทุกๆ หลัง...ยกเว้นบ้านท่าน
หรือมันจะมาบุกหมู่บ้านเราแค่เพราะมีบ้านเดียวที่ยังไม่ได้ส่งค่าคุ้มครอง ใครคนหนึ่งตั้งคำถาม
...แค่นั้นน่ะหรือ
แล้วทำไมท่านหัวหน้าไม่บอกครอบครัวของซิอ์บุลให้ส่งเล่า! ถ้าเป็นอย่างนั้น...เรื่องนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้! ชายอีกคนขึ้นเสียง ลูกสาวข้าต้องถูกพวกมันเอาตัวไปเพราะเรื่องแบบนี้เท่านั้นเองหรือ!
เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของครอบครัวข้า แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของท่านหัวหน้าหมู่บ้านด้วย พ่อ แย้ง ถึงท่านมาบอก ข้าก็คงไม่ยอมส่ง บ้านเมืองมีกฎหมาย พวกที่ตั้งตัวรีดไถเงิน ทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอย่างโจรพวกนั้นต่างหากที่ผิด
ใช่! เรารู้ว่ามันผิด แต่เราทำอย่างไรได้เล่า! ถ้าไม่ส่งให้มัน...ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรก็เห็นๆ กันอยู่!
เสียงอื่นๆ รับรองคำพูดนั้นด้วยอารมณ์ ทว่าซิอ์บุลยังใจเย็นอยู่
หมู่บ้านนี้มีผู้ชายกี่คน
ทุกคนเงียบไป ดูเหมือนกำลังพยายามนิ่งนึกในใจ
ไม่ต้องตอบมาก็ได้ ข้าก็พอเห็นอยู่ทุกวันว่าพวกท่านมีกันกี่คน แต่โจรกลุ่มนั้นล่ะมีเท่าไร
เราไม่รู้...แต่มันมีฝีมือกว่าเราเห็นๆ ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ทุกคนจะเก่งกาจอย่างท่านนี่
ใช่...พวกท่านไม่จำเป็นต้องเก่งกาจอย่างข้าก็ร่วมมือกันสู้กับพวกมันได้ ถ้าพวกท่านมีใจจะสู้สักนิดล่ะก็นะ พ่อ พูดเรียบๆ แล้วข้าก็หวังว่าท่านจะมีใจสู้ขึ้นบ้าง ถ้าข้าบอกว่าโจรที่มาบุกหมู่บ้านท่านเมื่อวานน่าจะมีไม่เกินหกสิบคน
หลายคนในที่ประชุมเบิกตากว้าง
ท่านรู้ได้อย่างไร
คำนวณจากพื้นที่ของหมู่บ้าน จำนวนศพของโจรที่แยกย้ายไปตามที่ต่างๆ เวลาที่มันล่าถอย รอยกีบเท้าม้าที่ชายหมู่บ้าน แล้วก็จำนวนเชลยที่มันจับไป พ่อ อธิบาย ถ้าตอนนี้พวกมันตายไปสามสิบเจ็ด น่าจะเหลือราวๆ ยี่สิบกว่าคนที่จะสามารถกวาดต้อนเชลยยี่สิบสี่คนได้ หากรีบรวบรวมคนตามไปตอนนี้ พวกมันก็คงไปได้ไม่ไกลนักหรอก พวกท่านพอรู้ไหมว่าพวกมันไปทางไหน
ได้ยินว่ารังโจรอยู่ในหุบเขาเหนือขึ้นไปอีก ใกล้ๆ กับพรมแดนมณฑลอุลทูร์
มีแผนที่ไหม
หัวหน้าหมู่บ้านนิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ
ก็มี...แต่ปัญหาคือ...ถึงพวกมันจะมีคนน้อย แต่พวกเราสู้ไม่เป็น แล้วก็ไม่มีอาวุธด้วย
แล้วที่อยู่ในมือของเกล็นล่ะ พ่อ ติง ก่อนจะโบกมือไปทางโรงเก็บเครื่องมือของหัวหน้าหมู่บ้าน คราด จอบ ขวาน มีดพร้า พวกท่านก็มีกันทุกบ้าน ลองตั้งใจจริงแล้วฝึกให้รู้จุดอ่อนจุดแข็งของอาวุธพวกนี้ ดาบก็ไม่ใช่ของน่ากลัวหรอก
ชายในหมู่บ้านหันไปแลกสายตากันอย่างลังเล จนกระทั่งมีคนเอ่ยขึ้น
แล้วท่านซิอ์บุลใช้เวลาฝึกนานเท่าไรกว่าจะเก่งได้ขนาดนี้
ข้าเคยเป็นทั้งทหารอาชีพและนักรบรับจ้าง ความอยู่รอดของข้าขึ้นอยู่กับการต่อสู้ แต่พวกท่านไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น พ่อ กลับพูดอีกอย่าง
ถ้าอย่างนั้น...พวกเราจ้างท่านกับลูกให้ไปพาเด็กๆ ของเรากลับมาไม่ได้หรือ หัวหน้าหมู่บ้านอ้อนวอน เรายินดีจ่ายเต็มที่...ดีกว่าต้องไปจ่ายให้โจรพวกนั้น
ปัญหาไม่ใช่เรื่องเงิน คนถูกเสนอว่าจ้างปฏิเสธเสียงแข็ง เมื่อคืน ข้าตัวคนเดียวฆ่าพวกมันไปได้เยอะเพราะพวกมันไม่ทันตั้งตัว ตอนพาเชลยหนีพวกมันคงเพิ่มความระวังขึ้น แล้วถ้าที่รังของมันยังมีคนรออยู่อีก ข้าคนเดียวก็ไม่ไหวเหมือนกัน
หมายความว่า...พวกเราต้องช่วยท่าน
นึกว่าท่านจะเข้าใจแล้วเสียอีก
พวกชาวบ้านหันไปมองหน้ากันเองอีกครั้ง อาเมียร์ลอบสังเกตแล้วก็อดรนทนไม่ไหว
ขนาดเกล็นที่ไม่เคยจับอาวุธยังฆ่าพวกมันได้ทั้งคนเพื่อปกป้องลูกเมียเลยไม่ใช่หรือ เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นมา
วงสนทนาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีคนแย้ง
แต่ถ้าตัวเองตายไปด้วย...
ทำไมไม่คิดบ้างเล่าว่าที่เกล็นต้องตายเป็นเพราะเขาสู้อยู่คนเดียว...ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย ทั้งๆ ที่คนที่นี่ก็มีเยอะกว่าโจรพวกนั้นแท้ๆ!
พ่อ ปรายตามองเขาพร้อมกับยื่นมือมาจับบ่า
ใจเย็นไว้ ท่านกระซิบ ก่อนจะกวาดมองคนอื่นๆ ในวงสนทนาอีกครั้ง ข้าขอแผนที่ แล้วใครที่ยินดีจะไปด้วยเพื่อช่วยเหลือญาติพี่น้องก็บอกมา ความสำเร็จของงานครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือของพวกท่าน
หัวหน้าหมู่บ้านลุกจากลานหน้าบ้าน ตรงไปที่ประตูบ้านของตน เหลือเพียงทุกคนที่นั่งเงียบอยู่จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
ข้าจะไปด้วย นั่นคือพ่อของเกล็น ลูกข้าพยายามถึงขั้นนี้แล้ว ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร
ข้าไปด้วย
ข้าด้วย
ดูเหมือนพ่อหรือญาติพี่น้องของเหล่าผู้หญิงและเด็กที่ถูกจับตัวไปจะเริ่มตอบรับอย่างแข็งขัน จนถึง...
ข้าด้วย
เจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาเมียร์ เรียกเสียงถามอย่างแปลกใจจากเพื่อนข้างๆ
ญาติเจ้าไม่ได้โดนเอาตัวไปนี่
ก็ใช่...แต่... เจ้าหมอนั่นก้มหน้าอึกอัก มีคนที่ข้าอยากช่วยอยู่ในนั้น
ชื่อของเด็กสาวคนหนึ่งถูกเพื่อนๆ ในกลุ่มเอ่ยขึ้นทันที ตามด้วยเสียงให้กำลังใจ
เอาเลย!
ไปช่วยนางให้ถึงตัวเลย คราวนี้นางจะได้รับรักเจ้าเสียที!
เสียงหัวเราะที่จู่ๆ ดังขึ้นมาทำให้อาเมียร์แทบเผลอยิ้ม แต่เมื่อเห็น พ่อ ยังมองทุกคนด้วยสายตาเคร่งขรึมก็ยั้งไว้ได้ทัน ให้เขาต้องตำหนิตนเองอีกครั้งที่เกือบคิดเล่นๆ กับเรื่องคอขาดบาดตาย ทั้งๆ ที่เพื่อนสนิทเพิ่งตายไปเมื่อคืนแท้ๆ
พยายามรักษาชีวิตให้ได้ถึงที่สุด พ่อ ยังพูดเรียบๆ ตามเดิม นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ข้าไม่อยากพาคนที่ยังไม่พร้อมไปตายเปล่า
เด็กหนุ่มคนนั้นมีสีหน้าเจื่อนลงทันที
แต่ข้าพร้อมจะไปจริงๆ นะขอรับ
หากพร้อมจริงๆ ก็ดี แต่จำไว้ว่านี่ไม่ใช่การเล่นเป็นวีรบุรุษเพื่ออวดสาว แต่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย
หัวหน้าหมู่บ้านนำแผนที่มาในตอนนั้นพอดี เรื่องล้อเล่นท่ามกลางความเคร่งเครียดจึงจบลงในชั่วครู่นั้น
สิ่งที่ตามมาคือการสำรวจชัยภูมิ อาเมียร์ช่วยคาดเดาและตรวจดูเส้นทางไปยังที่ที่คาดว่าน่าจะเป็นรังโจร จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่าจะตามรอยพวกมันไปทางใด และมีจำนวนคนที่ยินยอมจะไปจริงๆ กี่คน ก่อนจะเริ่มซักซ้อมแผนการและสิ่งที่ควรระวัง เสร็จสรรพแล้วซิอ์บุลจึงได้ให้ทุกๆ คนไปเตรียมตัวให้พร้อม
นี่ก็จวนเย็นแล้ว เจ้าควรจะกลับไปช่วยงานแม่ แล้วก็รออยู่ที่นั่นเสีย พ่อ หันมาพูดกับอาเมียร์ในที่สุด
เด็กหนุ่มสั่นศีรษะ
ข้าจะกลับไปช่วยงานแม่ แต่จะรีบกลับมา พ่อ รอข้าด้วย
พ่อ มีสีหน้าไม่เห็นด้วยนัก
ข้าต้องไปช่วยลีชากับก็อธฟรีด์ อาเมียร์ย้ำ เกล็นเป็นเพื่อนของข้า ก่อนเกิดเรื่องแค่วันเดียว เขาพูดเหมือนจะฝากทั้งสองคนนั้นให้ข้าดูแล ข้าอยู่เฉยไม่ได้หรอก
แต่ต้องมีคนอยู่ดูแลที่บ้าน ตักน้ำ ผ่าฟืน แล้วหน้าที่ดูแลพวกสัตว์ก็เป็นของเจ้าด้วย พ่อ แย้งทางอ้อม
เด็กหนุ่มตีสีหน้าเครียด ด้วยรู้ดีว่านั่นเป็นข้ออ้างแทนเหตุอื่นที่ทำร้ายจิตใจเขาเกินกว่าจะพูดออกมา
ข้าจะตักน้ำ ผ่าฟืนเผื่อไว้ให้พรุ่งนี้กับมะรืนนี้เลย ส่วนของพวกสัตว์ก็มีแต่ให้อาหารเช้าเย็น แม่จัดการได้
นัยน์ตาของทั้งสองสบกันนิ่ง...เหมือนจะรอให้อีกฝ่ายยอมอ่อนลงก่อน
ข้ารู้ว่า พ่อ เป็นห่วงข้า แต่ข้าจะพยายาม ข้าอยากเข้มแข็งขึ้น อยากปกป้องคนอื่นๆ ได้เหมือน พ่อ...ข้าพูดจริงๆ
ในที่สุด พ่อ ก็พยักหน้าช้าๆ
ถ้าอย่างนั้นก็รีบไป แล้วจำไว้ว่าอย่าทำอะไรเสี่ยงอันตรายนัก
เด็กหนุ่มรับคำอย่างหนักแน่น
ตอนกลับไปจัดการงานที่บ้าน แม่ก็ไม่วายถามซ้ำเช่นเดียวกับ พ่อ ว่าเขาจะไปจริงๆ หรือ อาเมียร์ยังรับรองตามเดิม แล้วก็รีบทำงานทุกอย่างให้เสร็จก่อนจะกลับมาให้ทันเวลาที่พ่อนัดไว้...พร้อมกับดาบโค้งแบบทะเลทรายที่ พ่อ ให้เขาและกริชที่เสด็จพ่อมอบไว้ให้เป็นกึ่งของต่างหน้า
จากนั้น กลุ่มผู้ช่วยเหลือจึงได้ออกเดินทางกันในความเงียบ และความมืดที่เริ่มโรยตัวในยามค่ำคืน
* * * ผูกม้าไว้ พ่อ ออกคำสั่งหลังลงจากหลังม้าไปตรวจสอบพื้นที่อยู่ครู่หนึ่ง ใกล้ทางออกของชายป่าติดกับเชิงเขา ที่ที่ทั้งเขากับ พ่อ เห็นพ้องต้องกันว่ามีโอกาสจะเป็นที่ซ่อนของพวกโจรสูงที่สุด
อาเมียร์ เจ้าตามมา เอาหน้าไม้มาด้วย ที่เหลือรออยู่ตรงนี้ อย่าส่งเสียงหรือทำอะไรจนกว่าข้าจะกลับมา
เด็กหนุ่มรับหน้าไม้จากพรานที่มาด้วยกัน แล้วก็ก้าวตามไปไม่รอช้า
อดีตนักรบรับจ้างนามซิอ์บุลย่องแผ่วเบาไปตามแนวต้นไม้ เขาตามไปอย่างระแวดระวังพอกันเมื่อท่านหยุดนิ่งแล้วโบกมือให้ตามมา จนสุดท้ายก็อาศัยความมืดของร่มไม้เข้าไปใกล้เชิงเขานั้น
เจ้าเห็นนั่นไหม พ่อ กระซิบพร้อมกับพยักพเยิดไปทางเชิงเขา
เด็กหนุ่มเพ่งมอง ก่อนจะสังเกตเห็นคนสองคนที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่แถบพุ่มไม้ที่ห่างออกไป
เห็น
เก็บมันคนหนึ่ง แล้วก็ยิงให้เฉียดอีกคนหนึ่ง ไม่ก็ให้มันบาดเจ็บเล็กน้อยแต่ยังพอเดินได้ จากนั้นก็ยิงต่อไปจนกว่าข้าจะบอกให้หยุด ข้าจะตามมันไป แล้วจะทิ้งเครื่องหมายไว้เป็นระยะๆ ให้เจ้ารีบไปตามคนอื่นๆ มา
แต่พวกมันอาจมีกำลังเสริม...
ถ้ามียามแค่สองคนก็เห็นจะไม่มีหรอก พ่อ แย้ง รีบลงมือ
อาเมียร์เล็งอยู่ครู่หนึ่ง...นึกถึงคำของเสด็จพ่อที่ให้เล็งศีรษะ...จุดตายที่ชัดเจนที่สุด สูดลมหายใจลึกให้มีสมาธิและไม่วอกแวก แม้อีกด้านหนึ่งในใจจะเริ่มหวั่นหวาดจนต้องท่องซ้ำๆ
...เราฆ่าเพื่อช่วยคน...เราฆ่าเพื่อช่วยคน...
เด็กหนุ่มปลดสลักหน้าไม้
ร่างนั้นฟุบลงแทบทันที เจ้าเพื่อนที่เดินอยู่สะดุ้งเฮือก อาเมียร์จงใจยิงเฉียดร่างนั้นไปสองสามดอก ยังผลให้โจรที่เหลืออยู่กลับหลังหันแล้ววิ่งไป
พอ!
พ่อ พูดคำนั้นแทบไม่ทันจบก็ปราดออกไปจากพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบราวกับหมาป่ากระโจนตามเหยื่อ ส่วนเขาก็วิ่งไปอีกทางตามคำสั่ง
พวกคนอื่นๆ รีบตามมาทันทีที่เขาบอก...แม้จะวิ่งเสียงดังสวบสาบกันไปสักหน่อย อาเมียร์วิ่งนำให้เร็วที่สุด สายตาจับสังเกตกิ่งไม้ที่ พ่อ ฟันทิ้งไว้เป็นแถบๆ จนกระทั่งถึงปากถ้ำที่ดูเหมือนจะเคยมีกิ่งไม้แห้งๆ สุมไว้ต่างพุ่มไม้ตายเพื่อพรางตา แต่บัดนี้กลับระเนระนาดยับเยินด้วยคมดาบ
เด็กหนุ่มชักดาบตามเข้าไป ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นโจรคนหนึ่งเดินซวนเซกุมแผลที่บ่าออกมา
ครั้นเห็นอาเมียร์ อีกฝ่ายก็ยกดาบขึ้นอย่างฝืดฝืนเชื่องช้า เด็กหนุ่มจึงเพียงกลั้นหายใจหลบกลิ่นเลือด เคลื่อนตัวผ่านไปพร้อมกับฟันที่ขาของศัตรูให้ล้มลง แล้ววิ่งต่อไปในทางเข้าถ้ำซึ่งเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และปักคบเพลิงเป็นระยะๆ
ฆ่ามัน!
เสียงฝีเท้าตึกตักที่วิ่งตามเข้ามาเป็นแถบ...กับเสียงร้องโหยหวนที่ดังไล่หลังมาเพียงเสียงเดียวหลังจากนั้นบอกว่าโจรคนนั้นเห็นทีจะชะตาขาดเสียแล้ว กระนั้นเขาก็ได้แต่พยายามไม่ใส่ใจ และมุ่งหน้าต่อไปเพื่อให้ตาม พ่อ ทันเท่านั้น
ณ จุดที่ถ้ำแยกเป็นสองทางเริ่มมีศพโจรกองระเกะระกะ เสียงร้องสะท้อนก้องมาจากด้านไหนก็ไม่รู้จนอื้ออึงไปหมด อาเมียร์ได้แต่สับสนว่าจะไปทางใดจนต้องหยุดยืนนิ่ง
เขาเย็นแผ่นหลังวาบขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก...แล้วก็เสียงกรีดร้องของผู้หญิง เหมือนในวันนั้น...
อาเมียร์! เป็นอย่างไรบ้าง!
เด็กหนุ่มมาได้สติเพราะเสียงคนที่ตามมา ซึ่งสะท้อนก้องเช่นเดียวกับเสียงร้องของเด็กและผู้หญิงที่เขาได้ยินอยู่
...เสียงเหล่านั้นเป็นของจริง...
แยกย้ายกันไป! อาเมียร์พูดแล้วก็ตัดสินใจวิ่งนำไปทางด้านซ้าย
โจรที่บาดเจ็บจนขยับตัวไม่ได้หรือหายใจรวยรินกองระเกะระกะอยู่ข้างทาง เด็กหนุ่มเพียงวิ่งผ่านพวกเขา จนกระทั่งมาชะงักกึกเมื่อหลบหลังหลืบหินงอกที่เป็นเสมือนที่กั้นห้องธรรมชาติแล้วมองลอดออกไป
ใต้แสงตะเกียง เขาเห็นคูหาถ้ำซึ่งกว้างออกไปเหมือนห้องรูปกลม มีถังไม้ซึ่งคงใช้ใส่น้ำหรือเสบียงอื่นๆ วางเรียงรายพิงผนัง
ที่ข้างๆ ถังเหล่านั้นพวกผู้หญิงและเด็กขดตัวซุกเข้าหากันอย่างหวาดกลัว ขณะที่ตรงกลางคูหามีโจรคนหนึ่งเอามีดสั้นจี้คอเด็กสาวคนหนึ่งไว้
ย...อย่าเข้ามา!
พ่อ ยืนถือดาบจังก้าอยู่เบื้องหน้ามัน แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ไปมากกว่านั้น และใช้วิธีเจรจาแทน
พวกของเจ้าจะตายกันหมดแล้ว ถึงฆ่านางไปก็หนีไม่พ้นหรอก
ล...แล้วเจ้ากล้าให้นางตายหรือ ชีวิตคนทั้งคน ข้ารอดนางรอด อย่างมากก็ตายด้วยกันล่ะ!
ซิอ์บุลยืนตีสีหน้าเครียดขรึม ไม่ตอบหรือมีทีท่าว่าจะบุกเข้าไป
เสียงฝีเท้าและเสียงร้องก่อนตายของโจรอื่นๆ ที่เด็กหนุ่มผ่านมาระหว่างทางเริ่มดังสะท้อนไล่มาเรื่อยๆ อาเมียร์รีบวางดาบแล้วควานหาหน้าไม้ที่เขาสะพายไว้ด้านหลัง ด้วยรู้ว่าเสียงนั้นอาจกดดันให้โจรทำร้ายตัวประกันด้วยความจนตรอกในไม่ช้า
ข้างศีรษะของโจรนั้นกลายเป็นเป้าหมาย...
ร่างนั้นล้มตะแคงพร้อมกับหลุดเสียงร้องเพียงสั้นๆ ขณะที่ซิอ์บุลทิ้งดาบแล้วใช้มือที่เหลืออยู่ข้างเดียวกระชากแขนเด็กสาวเข้ามาหาตัว ไม่ให้ถูกน้ำหนักของโจรดึงจนล้มศีรษะฟาดพื้นไปด้วย
เด็กหนุ่มสะพายหน้าไม้กลับ หยิบดาบ แล้วจึงวิ่งเข้ามาในคูหาถ้ำ
ทุกคนไม่เป็นไรใช่ไหม
เหล่าเชลยที่เพิ่งได้รับอิสระเมื่อครู่ดูจะใช้เวลาตั้งสติชั่วอึดใจ
พวกเราไม่เป็นไร หญิงคนหนึ่งตอบ แต่...ลีชา...
ลีชา อาเมียร์ชะงักเมื่อได้ยินชื่อนั้น เพิ่งสังเกตว่าก็อธฟรีด์น้อยร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมแขนของผู้ตอบ...แทนที่จะเป็นมารดา ลีชาเป็นอะไรไป!
พวกผู้หญิงกระจายตัวออก เผยให้เห็นร่างที่ขดคุดคู้อยู่บนพื้นราวกับทรงกายไม่อยู่
เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อพบว่าร่างนั้นไม่น่าจะใช่เด็กสาวตัวเล็กบอบบางที่ดูสดใสเจิดจ้าราวกับแสงตะวันคนนั้น ผมสีทองที่เคยหยักศกสลวยกลับยุ่งเหยิงจับเหนียวเป็นกระจุก...ปกคลุมใบหน้าที่ก้มลงต่ำ สองแขนที่มีรอยฟกช้ำพยายามป้องปิดร่างที่ปกคลุมด้วยเสื้อนอนรุ่งริ่ง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...อาเมียร์ถามตนเองอย่างเร่งร้อนอยู่ในใจ ขณะกวาดมองเชลยหญิงคนอื่นๆ ที่ส่วนมากอยู่ในเสื้อนอนเช่นกันและมีสภาพอิดโรยหวาดกลัว แต่ก็ไม่มีใครที่ดูเหมือนจะถูกทำร้ายหนักขนาดนี้
นาง... หญิงอีกคนทำท่าจะเอ่ย แล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนนึกเปลี่ยนคำพูด ...นางคงเดินไม่ไหว
เจ้าอุ้มนางไป พ่อ พูดขึ้นบ้าง
อาเมียร์สอดดาบเข้าฝัก กลืนน้ำลายฝืดๆ แล้วก็ก้าวเข้าไปช้าๆ
ลีชา เขาเรียกเบาๆ
เด็กสาวเหลือบตาสีมรกตขึ้นมองเขาแวบเดียวก็หลุบตาลงต่ำเช่นเดิม กระทั่งเด็กหนุ่มยังเย็นวาบกับดวงตาเลื่อนลอยไร้ความรู้สึกของเธอ รอยช้ำใต้ขอบตาดำคล้ำ...กับริมฝีปากที่มีรอยแตกตรงมุมและเผยอโดยไร้เสียง
พวกเรามาช่วยแล้ว เขาถอดผ้าคลุมตัวนอกออกคลุมให้เธอ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย...เชื่อข้าเถอะ ไม่มีคำตอบจากลีชา อาเมียร์ได้แต่ค่อยๆ วางมือลงบนหลังของเด็กสาวที่นั่งนิ่งเหมือนตุ๊กตา แล้วก็ช้อนร่างเบาหวิวเหมือนไร้น้ำหนักขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืน เด็กหนุ่มใจร่วงวูบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพบคราบของเหลวข้นๆ สีแดงคล้ำซึ่งยังไม่แห้งดี...บนพื้นที่เคยมีร่างของเด็กสาว เขาได้แต่เบือนหลบภาพนั้น แล้วข่มใจให้นิ่งเฉย รีบก้าวแหวกวงคนอื่นๆ ไปท่ามกลางเสียงพูดคุยโหวกเหวกและเสียงตะโกนอย่างดีใจของเหล่าญาติมิตรที่ได้คนที่ตนรักคืนมาอย่างปลอดภัย
* * * ลีชาไม่พูดอะไรสักคำระหว่างที่ขี่ม้าไปกับเขา และก็ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับลีชา ใครๆ ล้วนแต่ยินดีกับการช่วยเหลือที่ประสบความสำเร็จ และการสังหารพวกโจรป่าจนสิ้น
เมื่อพวกเขาขี่ม้ากันเข้ามาในหมู่บ้าน ก็ดูเหมือนคนในบ้านแทบทุกหลังจะปรากฏตัวออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี เหล่าญาติของเชลยที่ถูกช่วยกลับมาโดยเร็วต่างพากันขอบคุณซิอ์บุลผู้เป็นต้นคิดและหัวแรงใหญ่กันไม่ขาดปาก ซ้ำยังมีใครสักคนที่เริ่มพูดถึงงานเฉลิมฉลองขึ้นมา...ทั้งๆ ที่ศพของคนตายยังต้องถูกฝังในวันพรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ
ครั้นลงจากหลังม้าที่ใกล้ๆ บ้านตน อาเมียร์รีบปลีกตัวมากับลีชา และพ่อของเกล็นซึ่งอุ้มทารกน้อยไว้
หญิงวัยกลางคนที่หน้าประตูรับหลานชายไปอุ้มพร้อมกับร้องไห้ออกมา
ก็อธฟรีด์...ขอบคุณสวรรค์...
ลีชาบาดเจ็บมาก รีบให้นางเข้าไปพักข้างในเถอะขอรับ เด็กหนุ่มเตือน แล้วก็รีบตามหมอมาดูอาการของนางด้วย
ชายวัยกลางคนทำท่าจะเปิดประตูให้เขาพาเด็กสาวเข้าไป แต่ผู้เป็นภรรยาดูจะกวาดมองร่างที่ซบไหล่เด็กหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น
พ่อหนุ่ม ถ้าจะให้ลีชาไปพักรักษาตัวที่บ้านเจ้าก่อนได้ไหม...อย่างน้อยก็สักสองสามวัน
อาเมียร์กะพริบตาอย่างงุนงง
แม่เจ้ามีความรู้เรื่องยากับการพยาบาลไม่ใช่หรือ...หากลีชาอยู่ใกล้ๆ นางคงจะดีกว่า พวกเราไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย
อันที่จริง แม่ข้าก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอกขอรับ เด็กหนุ่มแย้ง ก็แค่เคยช่วยรักษาพยาบาลมาบ้างเท่านั้นเอง
แม่พอรู้เรื่องนี้ก็จริง...แต่ไม่เคยร่ำเรียนมาถึงขั้นจะเรียกตัวได้ว่าเป็นหมอยาหรือหมออะไรก็ตาม มีแต่พวกชาวบ้านนั่นล่ะที่คิดไปเองว่าคนรู้หนังสือน่าจะรู้วิชาแพทย์เสียด้วย เวลาตามตัวหมอหญิงวัยใกล้ชราคนเดียวในหมู่บ้านไม่ได้ หรือหมอตัวจริงมีธุระยุ่งอยู่จึงวิ่งมาที่บ้านของเขาแทนเป็นประจำ
แต่อย่างน้อยบ้านเจ้าก็อยู่ใกล้ร้านหมอมากกว่า หากนางเป็นอะไรขึ้นมากะทันหันจะช่วยได้ทันกว่านะ นางยังให้เหตุผล ส่วนก็อธฟรีด์ให้อยู่ที่นี่ก่อน แม่อาการหนักขนาดนี้คงดูแลไม่ได้หรอก
เด็กน้อยร้องไห้ขึ้นมาในขณะนั้น อาเมียร์รู้สึกเหมือนลีชาสะดุ้งน้อยๆ และเหลือบไปทางลูกอย่างเป็นห่วง
...เป็นปฏิกิริยาเดียวที่ทำให้เขารู้สึกขึ้นมาว่าเธอยังมีชีวิตอยู่...
เอ...ผ้าอ้อมก็ไม่เปียก นี่คงหิวนม...ท่าทางจะไม่ได้กินนมมานานเชียว เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนแม่ของเกล็นพูดเองเออเอง ลีชา เจ้าไม่ต้องห่วงนะ ไปพักรักษาตัวเถอะ ข้าจะดูแลก็อธฟรีด์ให้เอง
ว่าแล้ว...หญิงวัยกลางคนก็อุ้มทารกน้อยเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไรอีก
พ่อของเกล็นยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเหมือนจะกลั้นเสียงถอนใจไว้ ก่อนจะหันมาพูดกับอาเมียร์
ฝากด้วยนะ อาเมียร์ ข้าก็อยากให้ลีชาหายดีเร็วๆ เหมือนกัน แล้วลีชา...เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ...โดยเฉพาะเรื่องก็อธฟรีด์
ชายวัยกลางคนค้อมศีรษะน้อยๆ เหมือนจะขออภัย แล้วเขาจึงกลับเข้าบ้านไปอีกคนหนึ่ง
* * * ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับอาเมียร์นอกจากอุ้มเด็กสาวกลับมาที่บ้านของตน
แม่บอกให้พาลีชาไปนอนพักที่ห้องของเขาก่อนจะได้ฟังคำอธิบายอย่างรวบรัดเสียด้วยซ้ำ จากนั้นเขาก็ถูกสั่งให้ไปตักน้ำและต้มน้ำไว้สำหรับเช็ดตัวกับต้มยา ขณะที่ท่านค้นหาหยูกยาสมุนไพรเท่าที่พอมี จำพวกยาแก้ปวดหรือแก้อักเสบ
พี่ลีชาเป็นอะไรเหรอ ฟาร์ฮานาห์ตั้งคำถามเมื่อแม่ผลุบเข้าห้องไปพร้อมกับอ่างน้ำและถ้วยยา
พี่เขาไม่สบาย คงต้องมารักษาตัวที่บ้านเราสักพักหนึ่ง เด็กหนุ่มอธิบายง่ายๆ
เด็กหญิงเอียงคออย่างสงสัย
แต่พี่ลีชาก็มีบ้านนี่
ให้มารักษาที่บ้านเราสะดวกกว่า อาเมียร์ได้แต่ให้คำตอบที่เขาไม่เห็นด้วยเอาเสียเลย
เพราะน้ำแกงของแม่อร่อยที่สุดใช่ไหม นาสิราให้เหตุผล เวลาใครๆ เป็นหวัดขึ้นมา กินน้ำแกงของแม่ทีเดียวก็หายเลยนี่ เดี๋ยวพี่ลีชาก็หายแล้วเนอะ
อือ เด็กหนุ่มรับฝืนๆ
พ่อ ยังคงนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะ หน้าสำรับอาหารที่พร่องไปครึ่งหนึ่ง เนื่องจากหยุดรับประทานไปตั้งแต่ตอนที่เขาพาลีชาเข้ามาและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นขณะเตรียมของตามคำสั่งของแม่ ส่วนอาหารที่แม่เตรียมไว้ให้เขานั้น...เขายังไม่ได้แตะต้องและไม่มีความรู้สึกอยากแตะต้อง แม้นตั้งแต่บ่ายจนค่ำวันนี้จะใช้แรงไปไม่น้อย
ภาพร่างบอบช้ำของลีชาที่เหมือนถูกสูบเอาวิญญาณไป...ทิ้งเพียงเปลือกร่างว่างเปล่าอย่างคราบจักจั่นยังติดตรึงอยู่ในสำนึก เด็กสาวที่ยิ้มแย้มสดใส...พูดจาง่ายๆ เป็นกันเองคนนั้นดูเหมือนจะกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่รู้จักไปเสียแล้ว
...ทั้งๆ ที่เกล็นเคยช่วยเธอออกมาจากขุมนรก...และทำให้เธอได้พบกับชีวิตที่ควรมีความสุขเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไปบ้างแท้ๆ...
แล้วการช่วยเหลือครั้งนี้จะไปมีความหมายอะไร...
ใช่...พวกเขาช่วยชีวิตเชลยทุกๆ คนได้ แต่สำหรับลีชาก็ดูเหมือนจะสายเกินไป...เธอต้องสูญเสียสามี...ทั้งยังถูกทำร้ายอย่างทารุณอย่างนั้น...
เราพยายามทำดีที่สุดแล้ว พ่อ เอ่ยขึ้นลอยๆ อย่าโทษตัวเองเลย
เบื้องหน้าเด็กหญิงเล็กๆ ทั้งสอง อาเมียร์ได้แต่ถอนใจยาว ไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรสำหรับลีชา...ภรรยาม่ายของเพื่อนสนิทของเด็กหนุ่ม...เจ้าของภูมิหลังที่มีเขาเพียงคนเดียวในหมู่บ้านแห่งนี้ได้รับรู้จากปากของเกล็น
...หารู้ไม่...ว่าเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง...ที่มาของลีชาก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป...แม้นจะไม่ได้มาจากปากของเขา...
บทที่ ๔ โฉมหน้าอันดำมืด
* * *
ในวันนี้ ตัวผมเองขอสุขสันต์วันคริสต์มาสกับผู้อ่านทุกๆ ท่านครับ ถึง...บรรยากาศในเรื่องจะผิดกันสักหน่อยก็เถอะ
ลีชาคงเป็นตัวละครหญิงที่เคราะห์ร้ายที่สุดในเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นตัวแทนของหญิงชาวบ้านธรรมดาๆ ในอาณาจักรที่กำลังระส่ำระสายที่อาจเผชิญเคราะห์กรรมอย่างคาดไม่ถึง ผมยังยึดมั่นความคิดแบบเดียวกับในอาณาจักรมนตรา ที่ว่า "ความสุขเป็นสิ่งที่สามารถกลับคืนมาได้" และก็จะให้ลีชาได้เรียนรู้ความจริงนี้เช่นกันครับ
ส่วนอาเมียร์ในตอนนี้เหมือนอาการกลัวเลือดหายไปเป็นปลิดทิ้ง ^^;;; ไล่ยิงโจรตายไปราวสองคนได้ แต่คงเพราะใช้อาวุธไกล และสถานการณ์ก็กำลังเร่งด่วน จึงไม่มีเวลาให้คิดมาก ที่จริงเจ้าตัวก็ยังเกลียดกลัวเลือดอยู่ดีนั่นล่ะครับ เพียงแต่ทนได้ในบางสถานการณ์
แล้วถ้าดูจากแผนการต่อสู้แล้ว ซิอ์บุลไปสดกับอาเมียร์สองคนเลยยังได้ แต่ก็ยังพาชาวบ้านไปด้วย (เพื่อพาตัวประกันกลับ) แล้วว่าไปก็เป็นการทำให้ชาวบ้านกล้าที่จะปกป้องตัวเองและสู้กับโจรมากขึ้น เหมือนแม่เสือเอาเหยื่อที่ตบให้ขาหักพอกะเผลกๆ มาให้ลูกฝึกล่าล่ะมั้งครับ
...เปรียบเทียบไปได้เนอะ ^^;;;
น้อมรับความเห็นเช่นเคยขอรับ
Create Date : 25 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 12:45:35 น. |
|
1 comments
|
Counter : 287 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
[ Click Me ]