สน. ริมทราย
Group Blog
 
All blogs
 
ร้อยกรองในดวงใจ...♥

~*~ ..ชมไม้.. ~*~


๏ ด่วนเดินดูหมู่ไม้....................ระเมียรตา
เขียวโขดเขินเนินศิลา................เลื่อมรุ้ง
คิดไม้มิ่งพฤกษา......................สวนหย่อม
อยู่กระถางคาคุ้ง.......................ค่อยตั้งแต่งตาม

๏ งามใบงามต้นฝาก..................ฝ้ายคำ
มือหนึ่งปลูกหนึ่งกำ....................หนดเกล้า
ปลูกจิตปลูกใจสำ......................นึกจด
เพื่อนใฝ่เพื่อนฝังเฝ้า...................ฝากฝ้ายคำแฝง

๏ แห้งจิตหักจิตปั้น.....................จำปูน
ยืนเดี่ยวยิ่งอาดูร........................เดี่ยวย้ำ
ไม้ป่าปลูกเมืองสูญ.....................สง่าป่า
รังแต่เหี่ยวเฉาช้ำ........................ช่อไม้ใบเหลือง

๏ พลับพลึงเปลื้องกลีบแก้ว...........เกสร
ใบดาบปลาบปรกงอน...................ระชดช้อย
ปรงปลิวลิ่วอรชร.........................แตกช่อ
รสสุคนธ์ดอกน้อย.......................หนึ่งน้ำใจหอม

๏ แก้วเจ้าจอมแจกก้าน................ใบกลม
เกลื่อนกระเจิงเริงลม....................ลู่ริ้ว
ศรีตรังแตกใบสม........................เสมอกิ่ง
ละเอียดเพียงแพรพริ้ว..................กระเพื่อมโต้ตะวันฉาย

๏ ส่ายใบโบกระบัดเจ้า..................เมืองตรัง
คือพัดโบกบังสูรย์........................สง่าป้อง
หมากหอมหมากแดงดัง.................แดงชาติ
ขาวผ่องพวงเงินต้อง.....................แตกเส้นแดงสี

๏ ช้องนางคลี่ระส่ายเส้น...............เกษา
สวยสิบสองปันนา........................ประหนึ่งสร้อย
ไทรแคระคลี่ใบหนา.....................ใบนิด
ใบซ่อนใบซ้อนช้อย.....................เชิดชั้นชุมใบ

๏ ไม้ป่าจากป่าแก้ว......................กระถางกรุง
หอมป่าปลอมปรนปรุง...................ป่าไม้
พอชื่นฉ่ำบำรุง.............................บริรักษ์
เห็นชื่อหอมฉ่ำให้.........................ห่างช้าลาหาย



ชักม้าชมเมือง : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์





..เมื่อเข้าเรือนอุปโลกน์หลังใหม่ อย่างแรกต้องขอนำโคลงในดวงใจชุดนี้
ของกวีรัตนโกสินทร์ผู้ที่เรายกย่องให้เป็นเป็นปรมาจารย์กวี เข้ามาวางไว้
ประหนึ่งเป็นการเจิมเพื่อให้เกิดศิริมงคลก่อนเลย..




Create Date : 08 สิงหาคม 2548
Last Update : 14 สิงหาคม 2548 20:51:15 น. 14 comments
Counter : 1328 Pageviews.

 
..นี่ก็กลอนในดวงใจ ♥


~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

------ หน้าต่างตา ปิดตาย ไว้แน่นหนา
ยังงัดกลอน หน้าต่างตา เข้ามาได้
ประตูหน้า ขึงขัง ระวังระไว
ยังลอบใช้ กุญแจยิ้ม มายิ้มแย้ม
------ เปิดประตู หน้าต่าง ทั้งหน้าตา
แล้วแอบมา ขโมยหอม ในไร่แก้ม
ซ้ำเด็ดดวง ดอกรัก มาปักแซม
ให้มอมแมม ดอกหญ้าเคล้า กับความงาม
----- ปัญญาเอย ปัญญาไย ไม่เอื้อนเอ่ย
อารมณ์เอ๋ย อารมณ์ไย ไม่หักห้าม
สติเอย สติไย ไม่อยู่ยาม
ปล่อยขโมย มาข้าม มายกเค้า
----- มาทลาย รั้วระวัง ให้พังราบ
มาร่ายเสก มนต์สาป ให้หมดเศร้า
มาให้ห่วง คิดถึง ทุกค่ำเช้า
มาปล้นเอา หัวใจ ไปหมดแล้ว......♥

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


โดย: อังศนา วันที่: 8 สิงหาคม 2548 เวลา:16:33:38 น.  

 
..ขออีกบท ♥

---------------------------------------~*~

------ ๏ ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวหลายคราวครั้ง
ผ่านทั้งรักทั้งชังหวังสลาย
ก็ยังยิ้มยังเย็นไม่เห็นตาย
ใช่โชคร้ายจะจองล้างอยู่ข้างเดียว
------ ๏ ขอเพียงมีกำลังขวัญเข้าฟันฝ่า
กระจอกน้อยก็หาญท้าพญาเหยี่ยว
เมื่อบาดเจ็บไร้ผู้อยู่ยาเยียว
จะเด็ดเดี่ยวเลียแผลให้แก่ตน
------ ๏ ก็ผ่านมาแล้วผ่านไปหลายหลายเรื่อง
ก็เปล่าเปลืองปวดใจหลายหลายหน
ก็ทนเถิดทนให้ธรรมย้ำให้ทน
เพื่อที่สุดหลุดพ้นเลิกทนทุกข์......

โดย " อิศรา" จากหนังสือ "ดอกหญ้าในนาคร"


โดย: อังศนา วันที่: 8 สิงหาคม 2548 เวลา:16:38:52 น.  

 


โย่ว!! คนแรกปะเนี่ยะ!?




รีบทักทายก่อนนะครับ อาจารย์ อิอิ
ปุเลี้ยว จะเอาโคลงมาแอบวางๆ





โดย: จอมอสูร วันที่: 8 สิงหาคม 2548 เวลา:20:57:17 น.  

 
มาทักทายบ้านใหม่ก่อนค่ะ
แล้วจะมาอีกที(แต่...อาจจะพักนึงนะค่ะ)


โดย: หญ้าหนวดแมว วันที่: 8 สิงหาคม 2548 เวลา:21:18:33 น.  

 
ฮ่ะ ฮ่ะ ..ใช่แล้วค่ะ คุณจอมอสูร มาคนแรกเลย

สวัสดีค่ะ น้องหญ้า

..ตอนนี้ยังเป็นแค่ทดสอบนู่นนี่ ยังเงอะงะงมโข่งอยู่เลย
ไม่แน่นะคะว่ากลับมาอีกทีอาจจะจำไม่ได้.. อิอิ


โดย: พี่อังฯ (อังศนา ) วันที่: 9 สิงหาคม 2548 เวลา:7:22:17 น.  

 


สวัสดีครับ...

มาเยี่ยมบ้านใหม่ พี่อังฯ ครับ



โดย: ลำน้ำ C วันที่: 9 สิงหาคม 2548 เวลา:9:40:56 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณลำน้ำฯ

อิอิ.. บ้านช่องยังโล่งโถง ไม่มีอะไรน่าดูเท่าไหร่
ขายหน้าเล็กๆ


โดย: อังศนา วันที่: 9 สิงหาคม 2548 เวลา:17:53:50 น.  

 


นั่นแน่...พี่อังคะ
ยินดีด้วยนะคะกับบ้านหลังใหม่แห่งนี้
ทีนี้คงได้แวะไปมาหาสู่กันสะดวกขึ้นละค่ะ
ก็แค่กดคลิกหางปลาก็ลัดฟ้าได้ทันที อิ อิ

มาทักทายกันไว้ก่อนค่ะ


โดย: ยี่หร่า@ วันที่: 10 สิงหาคม 2548 เวลา:7:30:47 น.  

 


ฮิฮิ.. ขอบคุณค่ะ หนูยี่

..กว่าจะเป็นมนุษย์มนา สงสัยคงต้องรออีกอสงไขย


โดย: อังศนา วันที่: 10 สิงหาคม 2548 เวลา:19:12:05 น.  

 

..มาต่อด้วยงานครูอีกที

..........ใบไม้ป่า..........
~*~*~*~*~*~

ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
ยังดีกว่าใบไม้เหลืองในเมืองหลวง
ที่รอปลิดหล่นเปล่าประโยชน์ปวง
เป็นด่างดวงดำเปื้อนในป่าคน

ใบไม้ป่าร่วงแล้วได้เลี้ยงป่า
ทิ้งลงมาเลี้ยงรากเลี้ยงลำต้น
เหมือนแม่ให้นมลูกปลูกฝังจน
ลูกเติบตนโตแทนเต็มแผ่นดิน

เมื่อเมืองคนคับคั่งด้วยคนป่า
คนดีก็ด้อยค่าเหมือนกรวดหิน
เมื่อสัตว์ป่าสร้างป่าไว้หากิน
สัตว์เมืองก็ต้องสิ้นวิสัยเมือง

ใบไม้ป่าชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์
ได้ร่วงแล้วลงเป็นหลักให้โลกเลื่อง
ดั่งเทียนป่าปลุกแสงขึ้นแรงเรือง
ไม่เปล่าเปลืองลมปราณที่ต้านลม

ลมประสานเสียงแคนว่าแค่นแค้น
เปิบข้าวทุกคราวแค่นความขื่นขม
เหงื่อกูรินตากูแล้งน้ำแห้งตรม
ร่างกูซมซานไข้จนเขียวคาว

เสียงปืนดังเปรี้ยงกว่าเสียงปาก
ก็ปิดฉากชีวิตมืดมิดหนาว
แต่วิญญาณคือทิพย์ที่ยืนยาว
ดั่งดวงดาวยิ่งดึกยิ่งตื่นตา

กาลเวลาฆ่าจิตร ภูมิศักดิ์
กาลเวลาก็ตระหนักประจักษ์ค่า
กาลเวลาฆ่าคนดีทุกทีมา
แต่เวลาก็ทูนเทิดเชิดคนดี

ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
เพื่อแตกมาเป็นใบใหม่ในทุกที่
จิตรหนึ่งดวงดับไปในวันนี้
เพื่อจะมีจิตรใหม่มากมายดวง

ถ้าสัตว์เมืองสร้างเมืองเป็นป่าได้
เราก็เหมือนใบไม้ในเมืองหลวง
ที่โหยหาป่าเขาเปลี่ยวเปล่าปวง
จิตรจะร่วงลงทั้งป่าเข้ามาเมือง

..เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์..



โดย: อังศนา วันที่: 12 สิงหาคม 2548 เวลา:16:33:32 น.  

 

♥..หอมหัวใจ..♥

๏ เลือกเด็ดไม้ดอกได้.............สามดอก
แต่ละดอกยังบอก..................วิบากพร้อม
น้อมจิตอธิษฐานออก..............อารักษ์
หอมยิ่งหอมแห่งอ้อม...............อกพู้นเพรงถวิล๚

๏ รินรินระเร่งล้วน...................ความหลัง
ดอกหนึ่งหนึ่งวัยยัง................หยาดชื้น
ชีวิตฉ่ำความหวัง...................ไหวหวั่น
ความรักกระอักสะอื้น...............อิ่มแล้วราหาย๚

๏ กำจายไม้ดอกนี้..................คะนึงหวาน
กลกุหลาบอลังการ.................กลิ่นแก้ว
มายาระยับฉาน.....................ฉายกลีบ
มานะพละเพริศแพร้ว...............เพ่งเพ้อละเมอฝัน๚

๏ ถนอมมั่นไม้ดอกนี้..............นี่เอย
ชีวิตนับวันเลย.......................ล่วงพ้น
ดอกสองตระกองเกย..............กับอก
ทานตะวันวันด้น....................ระด่าวดิ้นโดยเดียว๚

๏ เรียวนิ้วนิ้วสิบนี้...................เวทนา
หนักเนื่องเครื่องทรมา.............มากแพ้
แพ้พ่ายวุ่ยวายสา...................หัสนัก
ชีวิตเอยจักแก้.......................จักกู้กันไฉน๚

๏ วัยวันอันต่อสู้.....................สารพัน
สารพัดสารพิษอัน..................ลวกร้อน
ประสงค์สิ่งยิ่งฝัน...................ยิ่งฟุบ
ฟุบฟกอกยอกสะท้อน.............สะท้านสะเทือน๚

๏ เสมือนสิ่งซึ่งอยู่ใกล้.............กับมือ
ฉวยก็พลัดพรายถือ................แต่เถ้า
โอ้ไม้ดอกสองคือ....................ความวุ่น
วุ่นแต่ต่อสู้เข้า........................ข่ายรั้วตะรางใจ๚

๏ ฝังไว้ในอดีตโพ้น.................เพรงกาล
ดวงตะวันแห่งวาร...................วาดฟ้า
ชีวิตเริ่มหวังศาน.....................ติสุข
รอร่มไม้ใบหญ้า......................ต่างเหย้าเนานิรันดร์๚

๏ ดอกไม้จันทร์กะพ้อ..............พร่างพรู
ขณะเด็ดดอกสามชู.................กระชับก้าน
วันอันโอ่อ่าตรู.........................ตราหลับ
พักผ่อนนอนในบ้าน................บ่มเนื้อนาบุญ๚

๏ วุ่นวายคลายเครียดร้อน..........ร่มเย็น
เย็นร่มเงาเอาเป็น......................ปลดล้า
หวังเห็นห่อนให้เห็น...................หนทิศ
หน่ายโลกนี้โลกหน้า..................เหนื่อยน้ำใจหวัง๚

๏ นั่งนับดอกไม้ซ้ำ...................ครบสาม
คือดอกไม้แห่งความ.................คิดได้
ชีวิตวุ่นวายหวาม.....................ไหวหวั่น
ถวายดอกไม้ใจให้....................เหือดน้ำตาตะวัน๚

๏ รุ่งนั้นพลันสว่างเรื้อง..............อร่ามวัน
แถวพระบิณฑบาตผัน................ผ่านอ้อม
ริมทางผ่านพระพลัน.................พบภาพ
ยายเฒ่าขอทาน น้อม................นบนิ้วริวเรียว๚

๏ มือเหี่ยวชูดอกไม้................สดละออ
ภิกขุรับนิมนต์ชะลอ................ช่อไม้
ผู้ขอโปรดผู้ขอ......................ชั่วขณะ
ณ ที่นั้นพลันได้......................สงบด้วยความหอม๚ะ๛


คำหยาด : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


โดย: อังศนา วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:02:25 น.  

 

*...วารีดุริยางค์...*


๏ แทบฝั่งธารที่เราเฝ้าฝันถึง
เสียงน้ำซึ่งกระซิบสาดปราศจากเสียง
จักรวาลวุ่นวายไร้สำเนียง
โลกนี้เพียงแผ่นภพสงบเย็น

เพื่อชื่นชมรมณีย์กับชีวิต
ที่จะคิดที่จะทำตามคิดเห็น
ระเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉ่ำลืมลำเค็ญ
ลืมความเป็นปรัศนีของชีวิต

หางนกยูงระย้าเรี่ยคลอเคลียน้ำ
แพนดอกฉ่ำช้อยช่อวรวิจิตร
งามดั่งเปลวเพลิงป่ามานิรมิต
สร้อยโสภิตอภิรุมพุ่มหัวใจ

เพชรน้ำค้างค้างหล่นบนพรมหญ้า
เย็นหยาดฟ้ามาฝันหลงวันใหม่
เคล้าเคลียหยอกดอกหญ้าอย่างอาลัย
เมื่อแฉกดาวใบไผ่ไหวตะวัน

มโหรีจากราวป่ามาเรื่อยรี่
ราชินีแห่งน้ำค้างจะห่างหัน
ฝักต้อยติ่งแตกจังหวะประชันกัน
จักจั่นจี่เจื้อยรับเรื่อยร้อง

ลมระเริงลู่หวิวพลิ้วระลอก
สัพยอกยอดไม้ไปลิ่วล่อง
แล้วใบไม้ก็ไหวส่ายขึงข่ายกรอง
ทอแสงทองทอดประทับซับน้ำค้าง

ดอกไม้ป่าปรุงกลิ่นประทิ่นป่า
อบบุหงามาลัยทั่วไพรกว้าง
หอมจนหอบหัวใจไปเคว้งคว้าง
เคลิ้มถวิลกลิ่นปรางอบกลางทรวง

ผีเสื้อสวยแต้มสีที่กลีบแก้ม
ชมพูแย้มแดงระยับสลับม่วง
ก้านเกสรอ่อนฉ่ำน้ำผึ้งรวง
หยาดหยดพวงพุ่มระย้าจากคาคบ

และเราลิ้มรสหวามของความหวาน
จากสายธารที่ไหลไม่รู้จบ
จากสายใจไหลย้อนซอกซอนซบ
เงียบสงบระงับลงตรงมุมนี้

เลิกความคิดขันแข่งปรุงแต่งจิต
เลิกชีวิตวุ่นวายในทุกที่
เลิกเดือดร้อนดิ้นรนคนไยดี
ไม่ต้องมีปรารถนาในอารมณ์

ฟังต้นไม้สายน้ำย้ำให้หยุด
หยุดเสียทีเถิดมนุษย์หยุดสะสม
หยุดปรุงแต่งแสร้งตามความนิยม
สร้างสังคมโสโครกโลกจึงร้อน

จงหยุดชมชื่นใจในใจเถิด
ทุกสิ่งเกิดก่อไว้ในใจก่อน*
สมมติจากหัวใจไปทุกตอน
ใจจึงซ่อนทุกสิ่งจริงลวงไว้

สงสารใจ ใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยนิ่ง
วนและวิ่งคืนและวันหวั่นและไหว
เหมือนถูกกายกำบังกักขังใจ
ใจจึงได้ดินรนทุกหนทาง

กลางคืนคอยเป็นควันอัดอั้นไว้
ครั้นกลางวันก็เป็นไฟไปทุกอย่าง
ร่างกายถูกผูกพันสรรพางค์
เป็นสื่อกลางแก่ใจรับใช้การ

เมื่อใจทุกข์กายก็ต้องทนครองทุกข์
ครั้นใจสุขกายก็สุขสนุกสนาน
วนเวียนหว่างทุกข์สุขทุกวันวาร
แล้วสะสมสันดานการเป็นคน

ทุกวิถีที่ใจได้เที่ยวท่อง
ล้วนขึ้นล่องอยู่ระหว่างกลางปลายต้น
ที่โคจรของใจไม่เคยจน
ไม่เคยพ้นไม่เคยพรากจากวงจร

ใจจึงหน่ายจึงเหนื่อยจึงเมื่อยล้า
วุ่นผวาว่อนไหวถูกไล่ต้อน
เกิดแล้วก่อล่อแล้วเร้นเย็นแล้วร้อน
ไม่พักผ่อนเพียงสักคราวเฝ้าแฟบฟู

รู้และเห็นเป็นไปตามใจอยาก
จึงเหมือนฉากขวางขวางกำบังอยู่
หยุดเสียทีหยุดเสียเถิดเปิดประตู
เพื่อได้รู้และได้เห็นตามเป็นจริง

ขอกายเจ้าจงเป็นเช่นต้นไม้
ยืนอยู่ได้โดยภพสงบนิ่ง
เพื่อแผ่ร่มและเป็นหลักให้พักพิง
แต่งดอกพริ้งผลัดฤดูอยู่ชั่วกาล

และใจเจ้าจักเป็นเช่นสายน้ำ
ใสเย็นฉ่ำชื่นแล้วไหลแผ่วผ่าน
เพื่อเลี้ยงชีพชโลมไล้ให้เบิกบาน
เพียงพ้องพานผิวแผ่วแล้วผ่านเลย

อิสระเสรีที่จะไหล
ด้วยเพลงไพเราะล้ำร่ำเฉลย
ชมดอกไม้สายลมพรมรำเพย
และชื่นเชยกับชีวิตทุกทิศทาง*

วงของน้ำทำประกายกับสายแดด
ร้อนจะแผดเผาทรายพริบพรายพร่าง
ราวกากเพชรเกล็ดโปรยโรยระวาง
หาดกรวดกว้างกลางน้ำเริ่มคร่ำครวญ

ไม่ไยดีปรีดาประสาโลก
ไม่ทุกข์โศกเสียใจหรือไห้หวน
มีความสุขอยู่ทุกยามตามที่ควร
ไม่ปั่นป่วนไปตามความเร่าร้อน

รู้จักเพียงพอดีที่จะรับ
ความเกิดดับธรรมดาอุทาหรณ์
พร้อมรู้สึกตามวิสัยไปทุกตอน
เหมือนทุกก้อนกรวดทรายย่อมคล้ายกัน๚ะ๛


เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จากหนังสือวรรณลักษณวิจารณ์ เล่ม ๒


โดย: อังศนา วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:09:58 น.  

 
รู้ไหมว่ามีคนคิดถึง


โดย: old[cat] IP: 124.120.3.95 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:23:11 น.  

 
:)


โดย: ดวงที่ 14 IP: 124.122.205.143 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:21:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อังศนา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Friends are like stars
Not always seen
But always there

๏ มิ่งมิตรนั้นเปรียบแม้น..........หมู่ดาว
กระพริบพร่างกลางหาว...........ห่อนล้า
ยามรวิแจ่มจันทร์สกาว............แสงกลบ
คงจรัสเป็นเพื่อนฟ้า................อยู่แม้ไม่เห็นฯ


~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~












Friends' blogs
[Add อังศนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.