It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
All blogs
 
แม่ทัพผู้มียศบรรดาศักดิ์เจอวิสัยทัศน์ของชาวบ้านป่า




 เมื่อเช้านั่งจิบชาผู่เอ๋อไป ก็อ่านปรัชญาจีนไปด้วยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ขาดเพียงไม่มีเคราให้ลูบเล่นยามขบคิด




อ่านไปเจอเรื่องที่สะดุดใจ เป็นเรื่องของเซียนหมากล้อม ๒ ท่าน ที่ประลองฝีมือกัน ท่านแรกเป็นแม่ทัพที่กำลังจะไปรบ อีกท่านเป็นชาวบ้านป่าธรรมดา ที่กล้าเขียนป้ายหน้าบ้านว่า "เล่นหมากล้อมอันดับ ๑ ของประเทศ" ก่อนไปรบประลองกัน ๓ กระดาน แม่ทัพชนะรวด จึงบอกให้เอาป้ายลงได้แล้ว แต่พอรบชนะกลับมาผ่านหมู่บ้าน ก็เห็นป้ายยังอยู่ เลยเข้ามาท้าอีก ๓ กระดาน คราวนี้แม่ทัพแพ้รวด แม่ทัพงุนงงสงสัยสิว่า หากเล่นเก่งขนาดนี้ ทำไมคราวโน้นกลับแพ้ ชายชาวบ้านป่าจึงบอกว่างวดนั้นเห็นแม่ทัพจะไปรบหากบั่นทอนกำลังใจ ความฮึกเหิมจะหายไป จะมีผลเสียกับการรบ แต่งวดนี้แม่ทัพชนะศึกกลับมาแล้ว เลยไม่ต้องออมมือ




ที่สะดุดใจมีอยู่ ๒ ประเด็นใหญ่ ๆ 

 ๑. แม่ทัพท่านนี้ เพียงแค่เห็นป้ายว่า เล่นหมากล้อมอันดับ ๑ ของประเทศ ก็ทนไม่ไหวแล้ว ฟ้องถึงวิสัยของผู้มีอำนาจ ที่มักจะทนไม่ได้ หากมีใครที่จะมาแสดงความเก่งเหนือกว่าตนเอง 

 เหตุการณ์ทำนองนี้ ในสมัยพุทธกาลก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ที่มีพราหมณ์ยากจนเอาชนะใจของตนเองยอมถวายผ้าที่ตนมีอยู่ แล้วเปล่งเสียงด้วยความปีติว่า ชิตังเม ๆ แปลว่า เราชนะแล้ว ๆ พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ยินเข้ายังอดหงุดหงิดไม่ได้เลย

 มาในยุคปัจจุบัน ก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไรนัก เพราะกิเลสก็ตัวเดิม โลภะ โทสะ โมหะ หากผู้มีอำนาจเห็นใครก็ตามที่มีผู้คนมาห้อมล้อม แห่แหน มาเปล่งเสียงชิตังเมกันสนั่น ก็คงจะรู้สึกเคือง ๆ ทั้งที่ความหมายคือ เขาดีใจที่เอาชนะกิเลสในตัวได้



ในสมัยพุทธกาลนับว่ายังดี ที่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังอยู่ พระองค์ยังสามารถชี้ให้เห็นความจริงในเรื่องต่าง ๆ ได้ แต่มาในยุคนี้ หากผู้มีอำนาจไม่พอใจใครแล้ว ก็ยากที่จะห้ามได้ ยิ่งถือกฎหมายอยู่ในมือ ก็หาความผิดกันได้ตลอด พระอยู่ในป่าก็ขับไล่ว่ารุกป่า พอพระจะมาเดินธรรมยาตราในเมือง ก็บอกว่าทำไมไม่ไปเดินในป่า ตกลงจะให้ไปอยู่ดาวอังคารซะก็ไม่รู้ เห็นบางท่านแนะนำอย่างนั้นซะด้วย



๒. วิสัยทัศน์ของชายชาวบ้านป่า น่าทึ่งทีเดียวที่แม้เป็นชาวบ้าน แต่กลับคิดถึงเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมืองได้ 

   ลองนึกภาพว่า หากชายชาวบ้านป่าไม่ยอมออมมือ มุ่งเอาชนะแม่ทัพทั้ง ๓ เกม รับรองว่าท่านแม่ทัพจะต้องท้อแท้ หดหู่ ไม่มีความฮึกเหิม จะส่งผลไปถึงการบัญชาการรบอย่างแน่นอน และนั่นก็ย่อมมีผลมาถึงประเทศชาติ


ดูหนังดูละครแล้วก็ย้อนมาดูตัว หากผู้นำที่ใดก็ตาม มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ก็จะมองถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ได้คิดถึงแค่ผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง ไม่ได้คิดถึงแต่ฐานอำนาจของตนเองว่า หากคนนั้นขึ้นฉันจะมั่นคง หากคนโน้นขึ้นฉันอยู่ไม่ได้แน่ โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะเดือดร้อนแค่ไหน ประชาชนเขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นอะไร เขาสนใจแค่ว่ารัฐบาลไหนที่จะช่วยให้เขาลืมตาอ้าปากได้บ้าง ไม่ใช่บอกว่าเศรษฐกิจดี แต่เขาแทบไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ 

 ที่สำคัญผู้มีวิสัยทัศน์ย่อมมองออกว่า การจะพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองนั้น จะต้องพัฒนาคนให้มีคุณภาพด้วยศีลธรรม จริยธรรม และคุณธรรม ไม่ใช่การไล่ล่าพระสงฆ์องค์เจ้าเหมือนที่บางประเทศทำกัน 

 ก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลของหลาย ๆ ประเทศคงจะเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและคำนึงถึงความสุขโดยรวมของประชาชน 


หากคิดไม่ได้ก็อายชายชาวบ้านป่าเนอะ
~~~~~~~~~~~~~~

ขอขอบคุณภาพจากgoogle.com
อนาคาริก
08/28/16
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



Create Date : 29 สิงหาคม 2559
Last Update : 29 สิงหาคม 2559 1:56:37 น. 0 comments
Counter : 1081 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.