|
อยากได้ประชานิยม โปรดระวังความเสี่ยงทางการคลัง
คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย นภาภรณ์ พิพัฒน์
ประชานิยมกำลังเป็นนโยบายยอดฮิตในประเทศไทย และดูเหมือนรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จะหลงเสน่ห์นโยบายเศรษฐกิจรูปแบบนี้เอา อย่างมาก เห็นได้จากแม้เศรษฐกิจของไทยในปีนี้ มีแนวโน้มจะเติบโตที่อัตราแข็งแกร่ง 6-7% แต่รัฐบาลยังคงส่งสัญญาณว่า จะต่ออายุ 5 มาตรการ 6 เดือน ที่จะสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2553 ออกไปอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ในปีหน้า
ด้วยเหตุผลที่ยังไม่ชัดเจนว่า เพื่ออะไร ระหว่างการอุดหนุนประชาชนในช่วงที่ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ยังสูง กับผลประโยชน์พลอยได้ในเชิงการเมือง แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่การลดผลกระทบต่อสังคม จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และราคาน้ำมันที่แพงลิ่วเหมือนในอดีต
สิ่งที่น่าสนใจคือ มีแนวโน้มว่า 5 มาตรการ 6 เดือน
ซึ่งอาจจะทั้งหมด หรือบางส่วน อาจแปรสภาพเป็นมาตรการด้านสวัสดิการประชาชนอย่างถาวร หากพรรคประชาธิปัตย์ มีโอกาสชนะเลือกตั้งสมัยหน้า (ปี 2554) และได้กลับมา เป็นแกนนำรัฐบาลอีกครั้ง แนวทางประชานิยมในร่างทรงของนโยบายมุ่งไปสู่รัฐสวัสดิการของพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงได้รับการต่อยอด ต่ออายุ อยู่ร่ำไป
ลำพัง "5 มาตรการ 6 เดือน" และสารพัดนโยบายฟรี อาทิ เรียนฟรี 15 ปี และโครงการหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ เมื่อบวกเข้ากับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร
อย่างการประกันราคาข้าว และพืชผลการเกษตรต่าง ๆ แล้ว เป็นภาระแก่รัฐบาลในแต่ละปีกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว
รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังมองไปข้างหน้า คิดไกล แต่ไม่ใช่ของใหม่ เล่นกับกิจกรรมนอกระบบ ซึ่งเคยเป็นนโยบายไฮไลต์ของ"ต้นแบบ" ประชานิยม อย่าง ไทยรักไทยมาก่อน
สินเชื่อจำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีใครทราบว่าจะมีมูลค่ามหาศาลขนาดไหน กำลังจะถูกตั้งวงเงินไว้ในบัญชีธนาคารรัฐ เป็นเงินปล่อยกู้ให้แก่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ และหาบเร่แผงลอย แต่จะเป็นธนาคารรัฐใดบ้าง ไม่อยู่เหนือการคาดเดา ถ้าเป็นเจ้าเก่าที่รับบทธนาคารประชาชน คงเป็นธนาคารออมสิน แต่จะมีธนาคารวิสาหกิจขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ กรุงไทย และผองเพื่อนธนาคารรัฐอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ ไม่เกิน 17 ธันวาคมนี้ คงรู้กัน
โปรเจ็กต์ใหม่ที่ได้ อาจารย์สังศิต พิริยะรังสรรค์ มาเป็นหัวหน้าทีม ในฐานะประธานคณะทำงานเศรษฐกิจนอกระบบ ถ้าทำครบทั้งระบบที่คณะทำงานชุดนี้เสนอคาดว่า ต้องใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ครอบคลุมแรงงานนอกระบบประกันสังคม 24 ล้านคน
ถามว่า เป็นแนวคิดที่ดีไหม คงไม่มีใครปฏิเสธ หากมองไปที่ "หลักการ" แต่แปลกที่พอหลับตานึก เห็นภาพกระปุกออมสินถูกทุบแล้ว ใจหายพิกล
แม้โดยหลักการ ถือว่า ดี คือ ดึงคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบประกันสังคม ให้ได้รับสวัสดิการจากโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เทียบเท่าแรงงานในระบบเคยได้รับ
แต่ทุกอย่าง มีได้ ก็ต้องมีเสีย (trade-off)
ทางหนึ่ง แรงงานนอกระบบในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5.2 ล้านคน และรวมทั้งประเทศ 24 ล้านคน จะได้รับการดูแล ทั้งในแง่สุขภาพ และรายได้ ซึ่งเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การทำให้คุณภาพชีวิตของประชากรเหล่านี้ "ดีขึ้น"
แต่อีกทางหนึ่ง เม็ดเงินที่ถูกนำมาใช้ แม้ไม่ได้ปรากฏอยู่ในงบประมาณ เพราะเป็นภาระที่ธนาคารรัฐต้องถือไว้ แต่ในไม่ช้า ก็จะกลับมาเป็นภาระได้ในอนาคต หากโครงการดังกล่าวเกิดความเสียหาย นั่นอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงทางการคลังตามมา
มองจากแนวโน้มที่มาตรการประชานิยมหลายมาตรการ จะกลายเป็นภาระในรายจ่ายประจำของรัฐบาล ตัวเงินที่ถูกใช้ไปกับโครงการและมาตรการเหล่านั้น มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
บางคนเริ่มเตือนดัง ๆ ว่า ระวังไทยจะซ้ำรอยอาร์เจนตินา ซ้ำรอยวิกฤตหนี้ยุโรปบ้างแล้ว
แต่สำหรับผู้เขียน ไม่ได้มองไกลไปขนาดนั้น แค่อยากเตือนความทรงจำรัฐบาล เมื่อครั้งที่ท่านเป็นฝ่ายค้าน ท่านตำหนินโยบายประชานิยมของพรรครัฐบาลในอดีตว่า มีแต่จะทำให้ประชาชนเสพติดกับสิ่งที่เคยได้รับ จนไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แม้แต่ความเสี่ยงทางการคลัง ก็เคยเป็นประเด็นสำคัญในการอภิปรายในสภา
ไม่ทราบว่า ความทรงจำเหล่านี้ลบเลือนไปหมดหรือยัง
//www.prachachat.net
Create Date : 18 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 18 ธันวาคม 2553 9:27:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1049 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
- ❀จันทร์ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑✼ภาพหมู่พระธรรมยาตราที่วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
- ❀ภาพ ณ วัดโบสถ์(บน) บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
- ❀ชมภาพ วัดโบสถ์(บน) ,วัดไผ่หูช้าง ,วัดนครอินทร์ ,วัดคลองขวาง จังหวัด นครปฐม - นนทบุรี
- ❃วันที่๒๒มีนาร่วมพัฒนาชุมชน วัดบ่อทอง ,วัดตาก้อง ,วัดรางกำหยาด ,วัดบัวแก้วเกษร ,วัดบ่อทอง จ.นครปฐม
- ✿ภาพชุดชุมชนร่วมพัฒนา วัดบัวแก้วเกษร ,วัดนาราภิรมย์ ,วัดบ่อทอง จ.นครปฐม, ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑
- BlogGang.com
|
|
|
|