ซีรี่ส์เกาหลี I Do, I Do

ซีรี่ย์เกาหลี I Do, I Do ละครเกาลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่จะมาสร้างสีสันในวันชิลๆ ให้บรรดา FC ได้ติดตามกัน I Do, I Do สร้างมาจากการ์ตูน เป็นเรื่องราวของหญิงสาววัย 30+  ที่ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นผู้อำนวยการบริษัทออกแบบและผลิตรองเท้า เธอชื่อว่า ฮวางจีอัน (Kim Sun Ah) แต่เธอดันไปเกิดเหตุ “รักแท้ในคืนหลอกลวง” ทำให้ต้องมาตกอยู่ในบ่วงความโกลาหลวุ่นวาย เธอต้องตั้งท้องกับพนักงานใหม่ ที่ชื่อปาร์คแทคัง (Lee Jang Woo) ผู้ผลิตรองเท้าปลอมที่พร้อมจะหนีทุกครั้งทีตำรวจเข้าบุกจู่โจม เธอต้องเจอกับคู่แข่งตัวฉกาจ รองประธาน ยอมนาริ (Im Soo Hyang) ที่จะมาช่วงชิงตำแหน่งของเธอได้ทุกเมื่อ และต้องพบกับคู่นัดบอดที่พ่อแม่จัดหาให้ โจอึนซอง (Park Gun Hyung) ที่เป็นหมอสูตินรีเวชของเธอเอง ติดตามความรักฉบับพัลวันพันตูเรื่อง  I Do, I Do  ได้ที่ series8-FC.com แห่งนี้

รายละเอียด ซีรี่ส์เกาหลี I Do, I Do

ชื่อซีรีย์เกาหลี  아이두 아이두 / I Do, I Do
ประเภท : Romance, Comedy
จำนวนตอน : 16
สถานีออกอากาศ : MBC
ตารางออกอากาศ  : 30 พ.ค. 2012 ถึง 19 ก.ค. 2012
วันเวลา : วันพุธ  & วันพฤหัสบดี 21:55

นักแสดง ซีรี่ส์เกาหลี I Do, I Do

Kim Sun Ah แสดงเป็น Hwang Ji An
Lee Jang Woo แสดงเป็น Park Tae Kang
Park Gun Hyung แสดงเป็น Jo Eun Sung
Im Soo Hyang แสดงเป็น Yeom Na Ri

นักแสดงสมทบ

Yoon Joo Sang แสดงเป็น Ji An’s father
Oh Mi Yun แสดงเป็น Ji An’s mother
Kim Hye Eun แสดงเป็น Bong Joon Hee
Park Young Kyu แสดงเป็น Park Kwang Suk
Shin Seung Hwan แสดงเป็น Lee Choong Baek
Oh Mi Hee แสดงเป็น Lady Park
Lee Dae Yun แสดงเป็น President Yeom
Jo Hee Bong แสดงเป็น Seol Bong Soo
Kim Bum Yong (김범용)แสดงเป็น Song Ha Yoon
Baek Seung Hee แสดงเป็น Uhm Yoo Jin
Kim Min Hee แสดงเป็น Ma Sung Mi
Han Ji Wan แสดงเป็น Yoo Da In

ฝ่ายผลิต

 * เครดิตจาก series8-fc.com *




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 21:06:09 น.
Counter : 2463 Pageviews.  

งานวิจัยใหม่ค้านการค้นพบแบคทีเรียมีชีวิตในสารหนู 2 ปีก่อน

งานวิจัยที่เคยช็อควงการวิทยาศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อนจากการค้นพบแบคทีเรียซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนสารหนูในดีเอ็นเอได้แทนฟอสฟอรัสเพื่อดำรงชีพนั้น ถูกค้านจากผลการศึกษาของ 2 งานวิจัยใหม่และชี้ให้เห็นข้อบกพร่องในการตีความผลวิจัยที่เคยสะเทือนวงการชีววิทยา
       
       ทั้งนี้ บีบีซีนิวส์อธิบายว่ามีธาตุ 6 ชนิดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต นั่นคือ ออกซิเจน คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและซัลเฟอร์ ดังนั้น การประกาศว่าค้นพบแบคทีเรียที่ดำรงชีวิตได้ด้วยอาร์เซนิก (arsenic) หรือสารหนูเมื่อปี 2010 นั้นย่อมเป็นการค้นพบที่แหกกฎชีววิทยา โดยการค้นพบครั้งนั้นทำให้เกิดการโต้ตอบอย่างรุนแรงในทันที แต่งานวิจัยล่าสุด 2 ชิ้นซึ่งตีพิมพ์ในวารสารไซน์ (Science) ชี้ว่า ถึงอย่างไรแบคทีเรียก็จำเป็นต้องอาศัยฟอสฟอรัสในการเติบโต
       
       ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ธ.ค.2010 วารสารวิทยาศาสตร์ฉบับเดียวกันได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่อ้างว่า จุลินทรีย์ GFAJ-1 ซึ่งพบในตะกอนดินที่อุดมด้วยสารหนูจากทะเลสาบโมโนเลก (Mono Lake) แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ นั้นสามารถดึงสารหนูเข้าสู่ดีเอ็นเอได้เมื่อขาดแคลนฟอสฟอรัส
       
       งานวิจัยเมื่อ 2 ปีก่อนนั้นนำโดย เฟลิซา วอล์ฟ-ไซมอน (Felisa Wolfe-Simon) ซึ่งขณะนั้นประจำอยู่องค์การสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ (US Geological Survey) หรือยูเอสจีเอส (USGS) และได้ยอมรับว่ามีฟอสเฟต (โมเลกุลที่มีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบ) ระดับต่ำๆ อยู่ในตัวอย่างที่ศึกษา หากแต่พวกเขากลับสรุปว่า การปนเปื้อนดังกล่าวไม่เพียงพอให้จุลินทรีย์ GFAJ-1 เจริญเติบโต
       
       ส่วนงานวิจัยใหม่ที่ค้านการค้นพบดังกล่าวนั้นเป็นผลงานตีพิมพ์ของ โทเบียส เอิร์บ (Tobias Erb) และคณะจากสถาบันเทคโนโลยีสหพันธรัฐสวิส (Swiss Federal Institute of Technology) ในซูริค สวิตเซอร์แลนด์ และงานวิจัยตีพิมพ์ของทีมที่นำโดย มาร์แชลล์ รีฟส์ (Marshall Reaves) จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) ในนิวเจอร์ซี สหรัฐฯ
       
       งานวิจัยใหม่ทั้งสองชี้ว่าแม้จุลินทรีย์จะสามารถดำรงชีพได้ในสภาพแวดล้อมที่มีอาร์เซนิกสูงและมีระดับฟอสฟอรัสหรือฟอสเฟตต่ำ แต่จุลินทรีย์เหล่านั้นยังจำเป็นต้องอาศัยฟอสฟอรัสในการเจริญเติบโต บีบีซีนิวส์ระบุอีกว่า งานวิจัยทั้งสองสรุปอีกว่าตัวอย่างของ ดร.วอล์ฟ-ไซมอนนั้นทำภายใต้เงื่อนไขการปนเปื้อนฟอสเฟตที่เพียงพอให้จุลินทรีย์ GFAJ-1 เจริญเติบโตได้
       
       ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยงานใหม่โต้แย้งว่า แบคทีเรียนั้นสามารถใช้ชีวิตอย่างจำกัดภายใต้สภาพแวดล้อมของทะเลสาบที่อุดมด้วยสารหนู ด้วยการปรับตัวให้สามารถค้นหาฟอสฟอรัส ภายในสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย มาใช้เพื่อการเจริญเติบโตได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่า เหตุใดแบคทีเรียดังกล่าวจึงเจริญเติบโตได้แม้ปรากฏสารหนูอยู่ภายในเซลล์
       
       นอกจากนี้งานวิจัยล่าสุดยังไม่พบหลักฐานว่า มีการแลกเปลี่ยนสารหนูในดีเอ็นเอของแบคทีเรียดังเช่นที่งานวิจัยเมื่อ 2 ปีที่แล้วระบุ แต่ถึงแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงถึงการศึกษาที่เผยแพร่ไปเมื่อเดือน ธ.ค.2010 แต่วารสารไซน์ก็ไม่ถอดถอนผลการศึกษาของ ดร.วอล์ฟ-ไซมอนและคณะของเธอซึ่งตีพิมพ์ลงวารสารดังกล่าว

เบคทีเรีย GFAJ-1 ที่อยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่มีสารหนูในปริมาณสูง(บีบีซีนิวส์)
       อย่างไรก็ดี บรรณาธิการของวารสารไซน์ได้ปล่อยแถลงการณ์ออกมาควบคู่ไปกับงานวิจัยใหม่ที่เพิ่งตีพิมพ์ โดยระบุว่างานวิจัยใหม่ได้แสดงให้เห็นว่าแบคทีเรีย GFAJ-1 ไม่ได้แหกกฏการดำรงชีวิตที่ยึดถือกันมายาวนาน ซึ่งขัดแย้งกับวิธีที่วอล์ฟ-ไซมอนตีความข้อมูลวิจัยของกลุ่มเธอ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั้นเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการแก้ไขเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์พยายามทดลองซ้ำเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ผลการวิจัย
       
       การค้นพบในงานวิจัยเก่านั้นเคยเป็นประเด็นในการแถลงข่าวขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ซึ่งมีส่วนร่วมในการค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่น่าจะมีสักแห่งในเอกภพ โดย ดร.วอลฟ์-ไซมอนและคณะได้ชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ ทั้งในหน้ารายงานที่เผยแพร่ในวารสารไซน์ รวมถึงสื่อต่างๆ
       
       ภายหลังเธอได้ถอนตัวจากห้องปฏิบัติการของยูเอสจีเอส โดยมีรายงานว่าเธอมองหาสถานที่อำนวยต่องานวิจัยทางด้านโมเลกุลและพันธุกรรมที่ดีกว่าเดิม หากแต่ในบทสัมภาษณ์กับวารสารป็อปปูลาร์ไซน์ (Popular Science) เธอระบุว่าถูก “ผลักไส” ออกจากห้องปฏิบัติการ
       
       ปัจจุบัน ดร.วอล์ฟ-ไซมอน ทำงานในฐานะนักวิจัยทุนนาซาที่ห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์เบิร์กลีย์สหรัฐ (Lawrence Berkeley National Laboratory) ซึ่งแม้จะมีงานวิจัยที่แย้งการค้นพบของเธอ แต่เธอก็บอกทางไลฟ์ไซน์ว่า งานวิจัยเหล่านั้นไม่ได้หักล้างสิ่งที่เธอพบเสียทีเดียว และแบคทีเรียดังกล่าวอาจยังต้องแลกเปลี่ยนสารหนูปริมาณน้อยๆ เข้าสู่เซลล์อยู่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากผลวิจัยใหม่กล่าวว่าเธอจำเป็นต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความสามารถดังกล่าวของแบคทีเรีย
       
       ในส่วนของรายละเอียดงานวิจัยจากทีมมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันนั้น พวกเขาได้ใส่แบคทีเรีย GFAJ-1 ลงในตัวกลางที่มีความเข้มข้นของสารหนูสูง ซึ่งจากคำอ้างของทีม ดร.วอล์ฟ-ไซมอนนั้น แบคทีเรียจะเติบโตในที่ๆ มีทั้งสารหนูและฟอสเฟต และเมื่อเติมสารหนูเพิ่มแบคทีเรียก็ยังเติบโตได้
       
       หากแต่ในงานวิจัยใหม่ไม่แสดงผลเช่นนั้น โดยการเติมฟอสเฟตช่วยเพิ่มการเติบโตของแบคทีเรีย และไม่มีแนวโน้มว่าแบคทีเรียจะเติบโตโดยพึ่งพาสารหนู อีกทั้งการทดสอบด้วยฟอสเฟตอย่างเดียวกลับให้ผลที่ต่างออกไป จากนั้นทีมวิจัยก็ลองหาสารหนูในดีเอ็นเอของแบคทีเรีย ซึ่งหากมีการแลกเปลี่ยนสารหนูในดีเอ็นเอจริง ทีมวิจัยต้องพบโมเลกุลของสารหนูในหลายรูปแบบ ซึ่งเกิดขึ้นจากกระบวนการ “ย่อย” ทางเคมีของดีเอ็นเอ แต่พวกเขากลับไม่พบสารหนูในดีเอ็นเอที่ทำให้บริสุทธิ์แล้ว

ทะเลสาบโมโนเลกที่มีสารหนูในปริมาณสูง (บีบีซีนิวส์)

       ส่วนงานวิจัยของทีมจากสวิสนั้นพบว่า แบคทีเรีย GFAJ-1 สามารถเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีฟอสฟอรัสน้อยกว่าแบคทีเรียอื่นๆ จะทนได้ รวมทั้งอยู่ในระดับน้อยกว่าที่ทีม ดร.วอล์ฟ-ไซมอนพบเสียอีก และเมื่อความเข้มข้นของฟอสฟอรัสถูกลดลงไปถึงระดับหนึ่งแบคทีเรียชนิดนี้ก็หยุดการเจริญเติบโต
       
       นอกจากนี้ทีมจากซูริคยังพบสารประกอบอินทรีย์ของสารหนูหรือพบสารหนูที่มีองค์ประกอบคาร์บอนอยู่มากภายในเซลล์ของแบคทีเรีย แต่ไม่ใช่ในดีเอ็นเอ โดยน่าจะอธิบายได้อย่างเข้าท่าที่สุดว่า สารประกอบดังกล่าวอาจเกิดขึ้นเองจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำตาลที่ใช้เลี้ยงแบคทีเรียกับสารหนูในสารละลาย มากกว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการของเซลล์
       
       ด้าน ดร.วอล์ฟ-ไซมอนแจงแก่ไลฟ์ไซน์ว่า ข้อมูลของเธอไม่ได้ขัดแย้งกับข้อมูลที่ว่าสิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องใช้ฟอสฟอรัสในการดำรงชีวิต และข้อมูลของเธอก็บอกว่าเป็นไปได้ที่สารหนูอาจจะเข้าไปในเซลล์ในจำนวนเพียงเล็กน้อย โดยงานวิจัยของเธอแสดงให้เห็นว่าแบคทีเรียดังกล่าวทนต่อสารหนู ซึ่งปริมาณสารหนูน้อยๆ อาจเข้าไปในเซลล์เพื่อช่วยให้อยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่มีสารหนูสูงแต่มีฟอสเฟตต่ำ แต่ก็ชี้ว่าเซลล์นั้นต้องการฟอสฟอรัสอย่างที่งานวิจัยใหม่ระบุ
       
       วอล์ฟ-ไซมอนกล่าวว่า เธอยังคงเดินหน้าทำงานวิจัยของเธอต่อไป และวางแผนที่จะตีพิมพ์ผลงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ จอห์น เทนเนอร์ (John Tainer) นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์เบิร์กลีย์ เชื่อว่างานของวอล์ฟ-ไซมอนนั้นมีคุณค่า และงานวิจัยต่อไปในอนาคตอาจจะเผยความเข้าใจเกี่ยวกับการรวมตัวกับสารหนูได้
       
       ส่วน โรซี เรดฟิล์ด (Rosie Redfield) จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย (University of British Columbia) ผู้วิจารณ์งานวิจัยเรื่องนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และเป็นผู้ร่วมเขียนรายงานลงวารสารไซน์ให้ความเห็นว่า หากวอล์ฟ-ไซมอนต้องการให้คนอื่นเชื่อว่าแบคทีเรียใช้สารหนูทดแทนฟอสฟอรัส เธอจำเป็นต้องหาหลักฐานที่หลักแน่นกว่านี้
       
       ท้ายสุดในความเห็นของ จูเลีย วอร์ฮอล์ท (Julia Vorholt) ทีมวิจัยใหม่จากสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่าคำถามที่น่าสนใจจริงๆ คือ แบคทีเรีย GFAJ-1 รอดในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้อย่างไร แม้ว่าแบคทีเรียชนิดนี้ไม่ได้ใช้สารหนูในดีเอ็นเอของตัวเอง หรือนำเข้าสู่ร่างกายด้วยกระบวนการเมตาบอลิซึม แต่แบคทีเรียชนิดนี้ก็พบวิธีที่จะอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ จะตายหมด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 21:01:03 น.
Counter : 1333 Pageviews.  

เจ้าเหมียวสนูปปี้ แมวน่ารักที่กำลังดังสุด ๆ ในอินเทอร์เน็ต



สนูปปี้

สนูปปี้

สนูปปี้

สนูปปี้

สนูปปี้


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก แฟนคลับเจ้าเหมียวสนูปปี้, weibo.com/snoopy409, Instagram snoopybabe
 
             เมื่อก่อนถ้าจะพูดถึงแมวเซเลบฯ ในโลกอินเทอร์เน็ต ชื่อของเจ้ามารุ หรือแมวกล่อง แมวเหมียวพันธุ์สก็อตติช โฟลด์ หน้ากลม ๆ ตาโต ๆ รูปร่างน่ากอด คงลอยมาในหัวเป็นตัวแรก ๆ แต่ ณ บัดนาว เราขอนำเสนอแมวเซเลบฯ คลื่นลูกใหม่ ที่กระแสกำลังมาแรงมาก ๆ ในโลกอินเทอร์เน็ต และเหมียวตัวนี้ก็คือ เจ้าสนูปปี้ นั่นเอง

             ฮั่นแน่! กลุ่มคนรักแมว คงจะร้องอ๋อ เพราะเหมียวตัวนี้ดังจริงดังจัง มีคนทั้งกดไลค์กดเลิฟกดแชร์กันมากมายในโซเชียลเน็ตเวิร์ค จนมีเฟซบุ๊กแฟนเพจภาษาไทยด้วยนะฮ้า ทั้งที่บ้านเกิดเมืองนอนของเขาน่ะอยู่ในแดนมังกร เมืองเฉิงตู ประเทศจีนโน่นแน่ะ ด้วยหน้าตาน่ารักในแบบฉบับสายพันธุ์ เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ (Exotic Shorthair) ตัวสีขาว หางเป็นพวงลายขวางสลับกับสีส้ม และมีแต้มสีส้มที่หน้า บวกกับแววตาเว้าวอน บ้องแบ๊ว มอง ๆ ดูแล้ว ราวกับตุ๊กตาแมวจริง ๆ เล้ย

             และตอนนี้ เจ้าสนูปปี้ ก็โด่งดังมาก ๆ จากความหน้าตาดีของตัวเอง และเจ้าของที่หมั่นแชะภาพความน่ารักของเจ้าเหมียวมาฝากกันเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลา เล่น นอน หรือยามที่หน้าตาฉงนสงสัย รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่เห็นแว้บแรกอาจเข้าใจได้ว่า เจ้าสนูปปี้ เป็นแมวสวย (เพศเมีย) ไปซะแล้ว แต่ความจริงน่ะ เค้าเป็นแมวเหมียว(เพศผู้)ที่หล่อที่สุดต่างหากล่ะ

             ส่วนใครที่เพิ่งรู้จักกับสนูปปี้เป็นครั้งแรก และหลงรักเจ้าเหมียวตัวนี้ล่ะก็ วันนี้กระปุกดอทคอม ก็ขอนำภาพมาฝากคนรักแมวทั้งหลายกันด้วย การันตีเลยว่า คุณจะได้พบกับภาพน่ารักเน้น ๆ ที่ดูเพลินเจริญตาเป็นที่ซู้ดดด ...ขอบอก^^









ประวัติ เจ้าเหมียวสนูปปี้
พันธุ์ : Exotic Shorthair



เพศ : ผู้
 
วันเกิด : 11 พฤษภาคม 2011
 
น้ำหนัก : 3 กิโลกรัม
 
ความยาว : 26 เซนติเมตร
 
อาหารที่ชอบ : เนื้อ, นมแพะ
 
สถานที่ที่ชอบ : โซฟา, เตียง
 
กิจกรรมที่ชอบ : กิน, นอน, เล่น, ดูทีวี
 
ที่อยู่ : เมืองเฉิงตู ประเทศจีน


* เครดิตจาก kapook.com *                                                                   




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 20:50:26 น.
Counter : 3947 Pageviews.  

น้องหมาค่าตัวแพงที่สุดในโลก

ถึงใครจะบอกว่าเงินซื้อความรักและความสุขไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เงินก็ซื้อเพื่อนที่แพงที่สุดได้ และเพื่อนที่ว่านั่นก็คือ "สุนัข" เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์นี่เอง

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ เศรษฐีเหมืองถ่านหินรายหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศจีนได้ซื้อเจ้าสุนัขชื่อ Big Splash หรือชื่อภาษาจีนว่า ฮง ตง (Hong Dong) ไปในราคาย่อมเยา แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วงแค่ สิบล้านหยวน หรือประมาณ 45,900,000 บาท แค่นั้น!

เจ้า Big Splash เป็นสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟตัวสีแดง (Red Tibetan Mastiff) และดูไปดูมาก็เหมาะที่จะมาอยู่กับเจ้าของมหาเศรษฐีรายนี้จริงๆ เพราะเพียงแค่น้ำหนักของเเจ้า Big Splash อย่างเดียวก็ปาไป 82 กิโลกรัมแล้ว แถมยังกินจุใช่ย่อแต่ละวันมันกินทั้งไก่ ทั้งเนื้อ ยิ่งไปกว่านี้เจ้าของยังจะต้องปรนเปรอด้วยอาหารเหลาชั้นดีทั้งหลาย ซึ่งรวมไปถึงหอยชั้นเลิศต่างๆและหอยเปาฮื้ออีกด้วย

นอกจากอาหารชั้นเลิศแล้ว น้อง Big Splash ยังต้องการบ้านของตัวเองหลังใหญ่อีกหนึ่งหลังเพราะขนาดของมันใหญ่มาก และน้ำหนักก็จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกจนถึงประมาณ 129 กิโลกรัมตามขนาดของอายุ

ผู้เพาะพันธุ์เจ้าสุนัขตัวนี้บอกว่า Big Splash เป็นตัวอย่างของสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟอย่างดี และค่าตัวมหาศาลของมะหมาวัย 11 เดือนตัวนี้ จริงๆ แล้วก็ถือว่าเหมาะสมแบบสุดๆ เพราะกว่าจะเลี้ยงมันมาจนขายได้ขนาดนี้ก็จ่ายเงินเดือนลูกน้องไปหลายอยู่ แถมผู้เพาะพันธุ์สุนัขรายนี้ยังแนะอีกด้วยว่าหากเจ้าของสุนัขตัวเมียตัว ไหนอยากให้ Big Splash ไปผสมพันธุ์กับสุนัขของตน ให้เจ้าของปัจจุบันของ Big Splash คิดเงินเจ้าของสุนัขตัวเมียได้เลยเต็มที่ถึงครั้งละประมาณ 10,000 ปอนด์ หรือประมาณ 486,000 บาท

การที่สุนัขตัวหนึ่งมีราคาแพงหูฉี่ถึงขนาดนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกอย่างหนึ่ง ว่าสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟตัวสีแดงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกสถานะของพวกรวยมหาศาลในประเทศ จีนไปแล้ว แทนที่การซื้อจิวเวลรี่ และรถยนต์ ซึ่งดูจะธรรมดาเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้นสีแดงยังเป็นสีที่นำโชคสำหรับคนจีน และสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟยังถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่จะคอยช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บและ นำความปลอดภัยและความมั่นคงมาให้เจ้าของ

ชาวทิเบตมีความเชื่อว่าเจ้าสุนัขพันธุ์นี้มีจิตวิญญาณของพระและชี ผู้ซึ่งจริงๆ แล้วขณะที่มีชีวิตอยู่ไม่สามารถปฏิบัติตนได้ดีเพียงพอที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ อีกครั้ง

ในสมัยอดีต บุคคลประวัติศาสตร์ที่เคยมีสุนัขพันธุ์นี้เป็นเจ้าของ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร และ เจง กีส ข่าน

ในปัจจุบัน ที่ประเทศอังกฤษมีสุนัขพันธุ์นี้อยู่ประมาณ 300 ตัว โดยที่ลูกสุนัขแต่ละตัวราคาประมาณ 850-1,000 ปอนด์ (41,000-48,000 บาท)

ผู้เพาะพันธุ์สุนัขทิเบทัน แมสทิฟชาวอังกฤษผู้หนึ่งเล่าว่าสุนัขพันธุ์นี้คิดเองได้และสามารถมีปราสาท รับรู้อันตรายได้อย่างมีไหวพริบ อีกทั้งพวกมันยังคอยดูแลฝูงสัตว์ และยังรักเด็กอีกด้วย

เมื่อปีที่แล้ว สุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟก็เป็นสุนัขที่แพงที่สุดในโลก โดยที่ขายไปในราคา 915,000 ปอนด์ หรือประมาณ 44 ล้านบาท...เท่านั้น

 ที่มา //www.dailymail.co.uk
แปลและเรียบเรียงโดย ทิพากร ศุภลักษณ์

* เครดิตจาก sanook.com *




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 15:32:41 น.
Counter : 2904 Pageviews.  

วิธีมัดใจแฟน...ไม่ให้นอกใจ

1. ดูแลตัวเองตลอดเวลา ตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะผู้ชายส่วนใหญ่อยากอยู่กับผู้หญิงที่ดูดี เพราะมันทำให้เค้ากระชุ่มกระชวย ตลอดเวลา อย่างน้อยมันก็ทำให้ลดโอกาสที่เค้าจะมองผู้หญิงอื่นได้มากขึ้นเยอะเลย

          2. ขี้อ้อน ความขี้อ้อนเป็นเสน่ห์ของผู้หญิงมากๆ แต่ควรรู้จักอ้อนให้พอดีและถูกกาลเทศะ

          3. เอาใจเก่ง แต่ไม่ใช่ว่าเอาใจเกินเหตุนะ หมายถึงตลอดเวลาที่คบกัน จะรู้ว่าแฟนเราชอบทำอะไร ชอบกินอะไร ประทับใจอะไร ควรจะมีสมุดไดอารี่จดไว้บ้าง

          4. ดูแลเทคแคร์เป็นอย่างดี เช่น เวลาตากพัดลมก็เตือนเค้าว่าเดี๋ยวไม่สบาย, อย่านอนดึกนะเดี๋ยวทำงานไม่ไหว หรือเวลาเค้าไม่สบายก็ดูแลเค้าเป็นอย่างดี, ดูแลเรื่องการแต่งตัว, การกิน ฯลฯ ทุกสิ่งที่ทำไป ยิ่งทำให้เค้าไม่อยากที่จะไปจากคุณเลย

          5. ซื้อของเซอร์ไพส์ให้บ้างบางโอกาส ที่น่าสนใจก็มีนาฬิกา, เสื้อผ้า, กางเกงยีนส์ เป็นต้น แต่ก็ต้องเลือกไซส์ให้พอดีกับเค้าใช้ด้วยนะ คุณจะเห็นรอยยิ้มแบบเขินๆ อย่างผู้ชายแต่ก็อย่าเซอร์ไพรส์บ่อยละกัน

          6. คุยกับผู้ชายคนอื่นบ้าง ไม่ใช่หมายความว่าคบหลายคนนะ แต่หมายถึงคุยกันแบบเพื่อนมากกว่า เหมือนเป็นการให้รู้ด้วยว่า ฉันไม่ใช่ของตายแน่นอน และคนที่พร้อมจะต่อคิว ก็ยังมีผู้ชายที่ไม่ให้แฟนคุยกะคนอื่นเลย ถือเป็นคนใจแคบมาก 

          7. หยิ่งในศักดิ์ศรี ผู้หญิงบางคนยอมให้ผู้ชายข่มอยู่ตลอดเวลาบางครั้งเวลาทะเลาะกันหรือโดน ทำร้ายเราไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายง้อหรือขอโทษ แต่ควรจะตอบโต้อะไรที่มันทำให้เค้ารู้ว่า ไม่มีเธอฉันก็หาใหม่ได้นะ มันจะทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าเค้าไม่มีค่า และความเย่อหยิ่งในตัวเค้าจะลดลง 

          8. ไม่ยอมเสียตัวให้ก่อนเวลาอันสมควร ข้อนี้สำคัญมาก อะไรๆ ที่ได้มาง่ายๆ มันมักจะจบลงง่ายๆ ผู้ชายบางคนเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ถ้าเค้าทนไม่ไหวหรือไม่มีความอดทนมากพอ ก็ปล่อยเค้าให้ไปหาผู้หญิงที่ให้ง่ายๆ แล้วกัน

          9. ไม่มองชายอื่นถือเป็นการให้เกียรติแฟนเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาเจอคนที่หล่อดูดีมากๆ แต่เราก็ไม่เคยที่จะมองเลย 

          10. คำว่า “รัก” ไม่ใช่สิ่งที่พูดง่าย ยิ่งพูดคำว่า “รัก” มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้แฟนเราได้ใจ แต่กลับกันเมื่อใดที่ยังไม่ ได้พูดคำว่า “รัก” ออกไป ผู้ชายย่อมรู้สึกว่ายังเล่นเกมไม่ชนะ

          11. ให้อภัยเสมอเมื่อผิดครั้งแรก เพราะการให้อภัยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตคู่ เมื่อใดที่ทำผิดครั้งแรก ราควรให้อภัยเค้า แต่ถ้าผิดเรื่องเดิมในครั้งต่อๆ ไป อันนี้ก็แล้วแต่คุณจะตัดสินใจละกัน

* เครดิตจาก kapook.com *




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 15:28:12 น.
Counter : 2517 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  

angelica0819
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add angelica0819's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.