นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อุตสาหกรรมวิทยุเติบโตลดลง ผู้ประกอบการหลายรายถอยจากตลาด ขณะที่คูล 93 เอฟเอ็มสามารถผ่านวิกฤตต่าง ๆ ได้ เพราะจับกลุ่มผู้ฟังวัยทำงานซึ่งเป็นกลุ่มหลักของผู้ฟังวิทยุโดยบทเรียนในอดีต พบว่าวิทยุมีกลุ่มวัยรุ่นเป็นเป้าหมายหลัก ไม่สามารถยืนอยู่ได้ในสถานการณ์เติบโตที่ถดถอย เพราะรายได้โฆษณาลดลง

"อนาคตแม้ว่าวิทยุไม่ใช่ธุรกิจเติบโตสูงอีกต่อไป แต่ก็ยังมีการเติบโต"

หากแบรนดิ้งของคลื่นวิทยุแข็งแกร่งจะต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นได้ เช่นเดียวกับช่อง"สบายดีทีวี" ที่ผลตอบรับดีทำให้ตัดสินใจขยายสู่ธุรกิจวิทยุอีก 1 คลื่น คือ สถานีเพลงลูกทุ่ง สบายดีเรดิโอ 88.5 ส่งผลให้อาร์เอสมีคลื่นวิทยุ 2 คลื่น

นายศุภชัย นิลวรรณ ในฐานะกรรมการผู้จัดการค่ายเพลงอาร์สยาม กล่าวว่า เป้าหมายของเรา คือ การสร้างธุรกิจเพลงลูกทุ่งครบวงจร ปัจจุบันมีช่องทีวีดาวเทียม โชว์บิซ เพลง อีเวนต์ และการเปิดคลื่นวิทยุ สบายดีเรดิโอ 88.5 FM เจาะกลุ่มผู้ฟังชอบเพลงลูกทุ่ง อายุ 35-45 ปี

ทั้งนี้อาร์เอสได้เข้าบริหารคอนเทนต์แทนบริษัท มีเดีย เลิฟเวอร์ จำกัด เจ้าของสัมปทาน ลงทุน 30 ล้านบาท มีสัญญา 2 ปี คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนทันที เพราะมีรายได้โฆษณาเข้ามาบ้างแล้ว และเตรียมเปิดให้ฟังผ่านเว็บไซต์ด้วย

ปัจจุบันในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีคลื่นวิทยุทั้งหมด 30 คลื่น มีเม็ดเงินโฆษณารวม 6,000 ล้านบาท โดยเดอะนีลเส็น คอมปะนี ประเทศไทย ได้เผยข้อมูลการโฆษณาผ่านสื่อวิทยุใน 5 เดือนแรก 2,460 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 2,355 ล้านบาท ขณะที่คลื่นเพลงลูกทุ่งมี 4 คลื่น

ด้านนายวาสนพงศ์ วิชัยยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลิค-วีอาร์วัน เรดิโอ จำกัด กล่าวว่า บริษัทบริหารอยู่ 4 คลื่นได้แก่ เอฟเอ็ม 101R.R ONE, Get 102.5, 103.5 เอฟเอ็มและ 104.5 แฟต เรดิโอ จะมีแผนการขยายคลื่นอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับกติกา ถ้าต้นทุนลดลง ก็พร้อมเพิ่ม และเจาะกลุ่มผู้ฟังลงเซ็กเมนต์มากขึ้น

ปัจจุบันแนวโน้มค่าสัมปทานยังไม่ลดลง ทำให้รูปแบบบริหารยังไม่เปลี่ยน ทั้งนี้หากเพิ่มเป็น 80 คลื่นและค่าสัมปทานลดลง คลิคฯก็พร้อมเพิ่มคลื่นเช่นกัน

"สถานการณ์วิทยุถือว่าไม่เติบโต ดังนั้นคลิคฯปรับตัวด้วยการเพิ่มรายได้ในการลงทุนสร้างช่องทีวีดาวเทียม ภายใต้ชื่อ แอปเปิ้ล แชนแนล ด้วยการนำคอนเทนต์จากคลื่นวิทยุที่มีเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ช่อง"

นายวาสนพงศ์กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ธุรกิจวิทยุเติบโตลดลง เพราะค่าสัมปทานไม่ลด แต่อัตราค่าโฆษณาไม่สามารถปรับขึ้นได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้อุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะซึม ผู้ประกอบการต้องรักษาส่วนแบ่งตลาดตัวเองไว้ ขณะที่บางส่วนหันไปโฟกัสธุรกิจทีวีดาวเทียม ดังนั้นสิ่งที่คลิคฯต้องทำคือกระตุ้นตลาด

สอดคล้องกับนางอิชยา สันติตระกูล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท แบรนด์คอนเน็คชั่นส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจมีเดียเอเยนซี่ กล่าวว่า อุตสาหกรรมวิทยุเติบโตลดลง เพราะอินเทอร์เน็ตมีบทบาทต่อพฤติกรรมการรับข้อมูลข่าวสารของผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้รับชมหรือเลือกรับข่าวสารเวลาใดก็ได้ ขณะที่วิทยุมีกลุ่มผู้ฟังเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าวิทยุจะไม่หายไปจากตลาด แต่จะมีบทบาทน้อยลง ในอีก 2 ปีข้างหน้า ด้วยการเข้ามาทดแทนของสื่อใหม่ ๆ

* ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ *