รัก หรือแค่.. รู้สึกดี ?
Group Blog
 
All blogs
 

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง สูง หนาว เหนื่อย Part 1


เมื่อพูดถึงภูกระดึงคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ แต่ถามว่าได้ไปเหยียบที่นั้นกันทุกคนแล้วหรือยัง ? ตอบได้เลยว่ายังครับ เอาแค่คนรอบๆกายผมก็มีไม่กี่คนที่ขึ้นไปบนนั้นมาแล้ว เพื่อนผมหลายๆคน มักจะปริปากบ่นตอนที่ชวนไปตลอด ว่า "กลัวลำบาก กลัวเหนื่อย จะไหวหรอ " (นี้ยังไม่ลองก็ถึงกับท้อแล้ว)
สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมไปมาแล้ว สามครั้ง ในแต่ละครั้ง ก็จะสนุกแตกต่างกันไปในแต่ละรูปแบบ เพราะไปต่างฤดูกัน แม้ว่าจะหนาว ฝนตก ร้อนแดดออก

การเดินทางก็ง่ายๆครับ
เดินทางจาก ขอนแก่น ขึ้้นรถสาย ขอนแก่น – เมืองเลย ค่ารถประมาณ 98 บาทรถเที่ยวแรก 05.00 น. รถมีทุกครึ่งชม.ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. ก็จะถึงตัวอำเภอภูกระดึง และต่อรถสองแถวเข้าไปที่ตัวอุทยาน (คิดราคาเหมาประมาณ 120-200)
ส่วนถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ก็ขับมาทางชุมแพ ตรงมาเรื่อยๆ ไม่อยากเลยครับ มีป้ายบอกตลอดทาง


นี้ครับบรรยากาศ ครั้งแรกนี้ผมไป วันที่ 5 ธันวาคม 2553 ช่วงนี้กำลังหนาวเลยครับ พอไปถึงก็เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อเสียค่าธรรมเนียมอุทยานผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10 บาท นักศึกษานักเรียน 10 บาท ( ใช้บัตรมายืนยัน ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบมา ) ถ้าชาวต่างชาติก็ 200 บาทครับ และแวะเสียที่ค่าพักซักหน่อย มีบ้านพักอำนวยความสะดวกมากมาย หรือใครที่ชอบธรรมชาติก็นอนเต้นครับ คืนละ 30 บาทเท่านั้น ส่วนใครจะจ้างลูกหาบแบกสัมภาระก็จ้าง ตรงนี้เลยนะครับ กิโลกรัมละ 15 บาท
การเดินขึ้นภูกระดึงนั้น ควรมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ฟิตร่างกายให้พร้อม รองเท้าควรเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้ารัดส้น น้ำดื่ม(ซึ่งข้างบนจะแพงมาก) เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วก็จากนั้นก็ลุยกันเลยครับ


การปีนขึ้นเขาภูกระดึง จะมีที่พักเหนื่อย หรือ เรียกว่า " ซำ " นั้นเอง มีอยู่ทั้งหมด 8 ซำ จึงจะถึงหลังแป ที่เป็นจุดหมายของเรานั้นเองครับ ซึ่งแต่ละซำจะมีความยากง่ายต่างกัน อย่างเช่น ซำแฮก กับ ซำแคร่ ที่ต้องใช้มือช่วยปีนขึ้นไป หลังจากนั้นก็สบายๆครับ


ยิ่งสูงก็จะยิ่งหนาว แต่ความเหนื่อยเท่าเดิม แถมพลังในกายของเราก็ลดลง


ลูกหาบแบกของครับ บางคนแบก100กว่าโล ทั้งสัมภาระ ทั้งอาหารการกิน น้ำ น้ำแข็ง อุปกรก่อสร้าง ทุกอย่างที่อยู่บนภู นั้นมาจากลูกหาบทั้งนั้น
บรรยกาศตอนเดินขึ้นเราก็จะมีเพื่อนเยอะเลยครับ เดินขึ้นพร้อมเรา ไม่ต้องกลัวว่าจะโดดเดี่ยวหรือหลงทางนะครับ เพราะทางปีนขึ้นก็ตรงอย่างเดียวโลด




เมื่อเราปีนขึ้นมาถึง หลังแปนั้น ผมใช้เวลาประมาณ 6 ชม. รวมระยะทางทั้งหมดที่เราปีนขึ้นมา ประมาณ 5 กิโลเมตร (เป็นการวัดแบบระยะกระจัด) และต้องเดินจากหลังแปรไปที่พักอีก ประมาณ 4 กิโลเมตร (กิโลแม้ว) ทำให้ผมรู้ซึ้งเลยว่ากิโลแม้วมันไกลมาก อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าในการปีนภูขึ้นมา เล่นเอาหายใจหอบไปตามๆกัน ระหว่างทางเราก็จะเจอป่าสนขึ้นเต็มไปหมด สวยดีครับ อุณหภูมิบนนี้ก็ประมาณ 12-13 องศาได้


เมื่อถึงที่พักอุทยาน ก็เข้าที่พักครับ สำหรับคนที่จ้างลูกหาบแบกสัมภาระ ก็ติดต่อรับสัมภาระได้เลย
ในกรณีของผม ผมเลือกที่จะนอนเต้น แถมแบกสัมภาระขึ้นมาเองทั้งหมด แยกย้ายกันกางเต้น ทำธุระส่วนตัวและหาเช่าผ้าห่มและเครื่องนอนครับ ที่หลังแปนี้มีร้านขายของอำนวยความสะดวกหลายร้านเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง หมูกระทะ ฯลฯ ซึ่งของแต่ละอย่างก็จะสูงขึ้นเยอะจากราคาด้านล่าง ตัวอย่าง เช่น น้ำสิงห์ ขวดละ 14 บาทตาม 7-11 แต่ขายบนนี้ขวดละ 50บาท โอ้พระเจ้า !!!! แพงมากกกก
เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนรวมทั้งความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ทำให้ทั้งทีมของผม เผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัวตั้งแต่ 17.45 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เร็วมากสำหรับคนอย่่างผม (ไม่ปกติ)



เมื่อเช้าวันใหม่มาถึงอากาศหนาวมากครับ หายใจเป็นไอ ออกมาเหมือนอยู่เมืองนอกเลย ฮ่าๆ
อากาศแบบนี้หาตามเมืองใหญ่ๆไม่ได้แน่นอน สังเกตุเห็นกวางเล็มหญ้าอยู่บริเวณชายป่า ตัวใหญ่มากครับ หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันออกไปทำธุระส่วนตัว เพื่อเตรียมพร้อม ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ

วันนีเราวางแผนกันว่า เราจะเดินทางไปดูใบเมเบิ้ลสีแดงนั้นเอง และไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักโดยใช้เส้นทางผ่านสระอโนดาด และ ศูนย์โทรคมนาคม และกลับที่พักโดยเดินผ่านเส้นทางเรียบหน้าผา ระยะทางก็ประมาณ 9 กิโลเมตร ไกลเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย





ในที่สุดเราก็เจอใบเมเบิ้ลครับ สีแดงอมน้ำตาล ต้องมาในช่วงนี้เท่านั้นนะครับ ไม่งั้นใบก็ยังเขียวๆอยู่ ถ่ายรูปซะหน่อย เพื่อเป็นที่ระลึกในการมาเที่ยวครั้งนี้
เต็มไปหมดเลยครับ แดงฉานนนไปทั้งป่า
อ่ะ ตรงนี้ก็แดง แดงไปหมด

โปรยลงมาก็แจ่ม!!!!

หลังจากชื่นชมความงามของใบเมเบิ้ลจนพอแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปเพื่อไปต่อที่สระอโนดาด ระหว่างทางก็จะมีทุ่งหญ้าสลับกับแนวสน อุณหถูมิสูงขึ้นจากเมื่อเช้า แต่ไม่ถึงกับร้อนมาก เส้นทางที่มาเที่ยวนี้จะไม่มีชาวบ้านน้ำอาหารหรือน้ำมาขาย เพราะฉนั้นควรเตรียมมมาเองด้วยนะครับ เผื่อหิวกลางทางก็นั่งล้อมวงกันเลย
นายแบบหน้าเหมือนพรานป่า

ถึงแล้วครับสระอโนดาด เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนว ยามน้ำน้อยสามารถไปนั่งเล่นได้นะครับแต่ตอนน้ำ้เยอะ จากบริเวณสระอโนดาดยังมีทางเดินไปต่อบรรจบกับเส้นทางเดินเท้าสู่ถ้ำสอและถ้ำน้ำได้ สระนี้เป็นแหล่งน้ำแก่สัตว์ป่าบนภูกระดึง พบรอยเท้าสัตว์อยู่เยอะแยะเลย



แช๊ะๆๆๆ

ลำธารเล็กๆระหว่างทางไปผ่าหล่มสัก น้ำเย็นมากครับ นั่งพักได้แรงอีกเยอะเลย


เวลาเดินทางก็ " ระวังช้าง " ด้วยนะครับ


แต่ช้างนี้ สบายครับ แช่ซะหน่อยจะได้เย็นถึงปอด
หลังจากจัดการช้างเสร็ดเราก็ต้องโพสท่าซะหน่อย


ถึงแล้วครับ ผาหล่มสัก ถึงประมาณ บ่าย 3 ได้ จุดนี้เป็นไฮไลท์ของภูกระดึงเลยก็ว่าได้ มองลงไปยังพื้นด้านล่าง เสียวมากครับ โหหหหหห สูงเพี้ยวเลย !!!! แต่ตอนนี้เพิ่งบ่าย พักกินข้าวเอาแรงหน่อย ส่วนคุณป้ารา้นข้าวก็ช่างใจดี ใหห้ยืมเสื่อไปนอนใต้ต้นไม้รอดูพระอาทิตย์ตก ตอน 5 โมงเย็น คร๊อกก ~ ก


เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ตก คนก็ไม่รู้มาจากไหนเยอะมากครับ อย่างที่บอกที่นี้คือไฮไลท์ของภูกระดึง คนเยอะมาก ต้องแย่งกันถ่ายภาพ (ถ้าถ่ายตั้งแต่บ่าย 2 ก็จบแล้ว )


อ่ะ ตกเสียที
ลาผาหล่มสักไว้แค่นี้ก่อนนะครับเดียวจะมืดซะก่อน เดียวอันตราย

ระยะทางเดินกลับก็ประมาณ 10 กิโลได้ครับ เป็นทางเดินเรียบไปตามหน้าผา ถ้ามาตอนเช้าๆจะมองเห็นเมืองด้านล่างเลย แต่ตอนนี้มืดมากครับ มองไม่เห็น แนะนำถ้าใครจะมาก็เตรียมไฟฉายมาคนละกระบอกไปเลย เพื่อจะได้สะดวกหรือซื้อโคมไฟรีไซเคิลที่ทำจากขวดน้ำพลาสติก ของชาวบ้านก็ได้นะครับ

จบแล้วครับ สำหรับทริปครั้งนี้ ไว้ครั้งหน้าจะพาเที่ยวที่ไหนก็ติดตามกันได้นะครับ ส่วนใครมีข้อเสนอแนะในการเขียนบล็อกก็แนะนำเข้ามาได้ นะครับ





amonize35




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2554 12:02:14 น.
Counter : 2623 Pageviews.  


amonize35
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอเพลงที่อยากให้แปรได้นะครับ ^ ^
Friends' blogs
[Add amonize35's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.