All Blog
◄ Chapter 3 : ตูดบาน at Seattle,USA

แก้ไขเนื้อหา ณ วันที่ 22 Jun 2012


Chapter 3 : ตูดบาน at Seattle,USA


หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งบนเครื่องบินเป็นเวลายาวนานกว่า 11 ชั่วโมง 

ในที่สุด nakoze ก็มาถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว อ๊าาาา...กลิ่นไอของเสรีภาพช่างหอมหวลยิ่งนัก 




เราถึงสนามบิน Sea-Tac Airport , Seattle เวลาประมาณบ่ายแก่ๆ

พอลงเครื่องได้ก็ต้องมาต่อแถวเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง

ครั้งนี้ตื่นเต้นกว่าตอนผ่านด่าน ต.ม ที่เกาหลีมากๆ เพราะว่าจะได้เจอกับเจ้าของภาษาตัวเป็นๆแล้ว

แล้วด้วยความที่อเมริกาเป็นประเทศที่ nakoze คิดไปเองว่าเค้าคงจะเข้มงวดมากๆ

เลยส่งผลให้เกร็งเข้าไปใหญ่  ไม่รู้จะเค้าถามอะไรบ้าง พยายามเคลียหูสุดฤทธิ์

และแล้วก็ถึงคิวของ nakoze เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับ ต.ม ตามลำพัง

ต.ม : สวัสดีครับ (พูดเป็นภาษาไทยซะด้วย)

nakoze : สวัสดีค่ะ (แน่นอนว่าตอบกลับเป็นภาษาไทย)

ต.ม : คุณมาจาก bangkok ใช่ไหม ?

nakoze : ใช่ค่ะ

ต.ม : Can you tell me the whole name of Bangkok ?

nakoze : ( คิดในใจ ซวยแล้วกู!!! นอกจากเอาไว้เล่นตบแปะตอนป.2 แล้วไอ้ชื่อเต็มของกรุงเทพนี่
กูก็ไม่เคยจะใส่ใจมันเล๊ย  เวลาเรียกก็แค่กรุงเทพๆ ใคร๊มันจะไปคิดว่า ต.ม อเมริกาเสือกจะมาถามชื่อเมืองหลวงของประเทศกูซะงั้น)

ต.ม : ...... go ahead

nakoze : okey แล้วก็เริ่มเป็นผีอีตบแปะเข้าสิง ร้องไปตามจังหวะ...กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์   
มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน .... เอ่อ...อะไรยังไงต่อวะคะเนี่ย
ท่านผู้ช๊ม!!! nakoze ลืมเนื้อท่อนต่อไปค่ะ ไปต่อไม่ถูกก็ได้แต่ยืนนิ่ง ใจสั่นตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ....
จนในที่สุดก็ต้องหน้าซีดยอมรับออกไปว่า I'm sorry, I forgot.

ต.ม : คนไทยหรือเปล่า ทำไมถึงพูดชื่อกรุงเทพไม่ถูก (เป็นภาษาไทย)

nakoze : ยิ้มสยามโชว์ฟันขาวสะอาดครบทุกซี่

ต.ม : หัวเราะอย่างสะใจ .... ผมแกล้งคุณเล่น enjoy your trip!

nakoze : อี  #%^7*)#@_!  (แน่นอนค่ะว่าคิดในใจ)


พอผ่านด่าน ต.ม ได้  เพื่อนที่เจอกันบนเครื่องบินก็เดินมาทักว่าเค้าให้ทำอะไร

ทำไมต้องร้องเพลงด้วย แล้วบอกให้ nakoze อายเล่นๆว่า ตอนที่ nakoze ยืนร้องเพลงอยู่นั้น

ต.ม ช่องอื่นๆเค้ามองกันใหญ่  ซ้ำร้ายไอ้พวกเด็กไทยที่รู้ภาษาก็พากันหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล

อื้ม.... nakoze เพิ่งเข้าใจหัวอกแรงงานต่างด้าวที่เค้าบังคับให้ยืนเรียงแถวร้องเพลงชาติไทยก็วันนี้แหละ

แต่!!! นี่มันประเทศมึงไม่ใช่เรอะ!! ให้กูร้องเพลงของชาติกูทำไมกัน !!!




เนื่องจากว่า nakoze ต้องต่อเครื่อง domestic บินไปที่เมือง Des Moines,IA 

ก็เลยต้องไปรับกระเป๋าเดินทาง เพื่อเอาไปโหลดเข้าสำหรับการเดินทาง flight ถัดไป

เสร็จแล้วก็มานั่งรอเวลาที่เดินผ่านไปอย่างช้าๆ เข็มวินาทีค่อยๆกระดิกไปทีละนิดเหมือนถ่านจะหมด


nakoze ก็เดินไปหมายจะโทรศัพท์กลับไทย  แต่...ไม่รู้ทำไม โทรไม่ติดต่อสายไม่ได้


จะเอาโน๊ตบุคมาเล่นก็ ... ที่ชาร์จแบตนางโหลดลงใต้ท้องเครื่องเป็นที่เรียบร้อย

(เห็นไหม..nakoze เป็นคนเจ็บแล้วไม่จำ  อะไรสำคัญๆเม่งโหลดใต้ท้องเครื่องหมด !!)

nakoze กับเพื่อนก็นั่งแกร่วรอ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ... เครื่องลงบ่าย ต่อเครื่องอีกทีตอนบ่ายสอง..เจริญละกู


นั่งหมดอาลัยตายอยากจนเกือบถึงค่ำ ก็เกิดไอเดียแว๊บขึ้นมา !!

ทำไมเราถึงไม่ออกไปทัวร์ Seattle ล่ะวะเนี่ย !! ไหนๆก็มาถึงที่แล้ว ออกไปสนุกกันดีกว่า

เดินไปเดินมา อาจฟลุคได้เจอกับ Jay Park ก็เป็นได้ (ช่วงนั้นปลื้มแจบอม)


ว่าแล้ว nakoze ก็หันไปหาสมาชิกร่วมภารกิจ ใครจะไปยกมือขึ้นนนนนน !

เอาล่ะนับนะ หนึ่ง ... หนึ่ง ... หนึ่ง ..... สมาชิกร่วมภารกิจพิชิต seattle มีทั้งหมด 1 คนถ้วน

รวมกับ nakoze อีกหนึ่งคน เป็นทั้งหมด 2 คน บร๊ะ !!

แต่ ... ณ จุดนี้ก็ไม่มีอะไรมาฉุด nakoze ได้อีกแล้ว 

ว่าแล้ว nakoze และสหายร่วมสาบานก็เดินไปซื้อตั๋วรถ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ city tour อะไรหรอก

มันเป็นแค่รถบัสเข้าเมืองธรรมดาๆนี่เอง  ค่าตั๋วก็ชิวๆค่ะ $18 พูดไปแล้วน้ำตาจะไหล

อะไรจะแพงขนาดนี้แค่นั่งเฉยๆเข้าเมืองเนี่ยนะ




เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ภาพเบื้องหน้าก็เริ่มเห็นตึกสูงใหญ่ของดาวทาวน์ซีแอตเทิล

คุณลุงคนขับรถแกก็ดีใจหาย พยายามจะชวนคุย

จะไม่ชวนคุยก็กระไรอยู่เพราะในรถมีแค่ ... เธอกับเขาและรักของเรา มีกันอยู่แค่ 3 คน โอ้ยโคดวังเวง 

ในที่สุดคุณลุงก็จอดให้ nakoze ลงตรงหน้าโรงแรมอะไรไม่รู้ แล้วก็นัดว่าเดี๋ยวจะมารับกี่โมง 

แล้วก็ปล่อยให้ nakoze เผชิญกับสภาพอากาศโคดหนาว ในเดือนมีนาคมของเมือง seattle ตามลำพัง

และแน่นอนค่ะ สิ่งที่ช่างเจ็บปวดกว่านั้น ...

ไอ้รองเท้าแตะบ้านั่น มันยังคงเป็นคู่เดิมที่ไม่ช่วยให้ตรีนของตรูรู้สึกอุ่นขึ้นมาได้เลย

nakozeกับสมาชิกในทีม ... อย่าเรียกว่าทีมเลยกระดากปากจัง เรียกว่าเราสองคนแทนแล้วกัน

เราสองคนก็เริ่มเดินสำรวจ seattle วูบแรกที่รู้สึก .... มันเงียบมาก

ถ้าไม่มีแสงไฟจากตึก จะนึกว่านี่คือเมืองร้างจริงๆนะเออ  บนถนนคนก็ไม่ค่อยพลุกพล่าน

เราทั้งสองก็เดินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเจอกับร้านรวง เจอกลุ่มวัยรุ่นเดินผ่านไปเป็นกลุ่มๆ

nakoze กำลังจะเดินเข้าไปในร้านที่ชื่อว่า ROSS ดูจากภายนอกเหมือนร้านขายเสื้อผ้าธรรมดา

แต่ยังไม่ทันจะได้เดินเข้าไป คุณเพื่อนก็สะกิดว่าจะเข้าไปซื้อซิมส์โทรศัพท์เสียหน่อย

พอเดินเข้าไปในร้านพนักงานก็ออกมาต้อนรับ ไถ่ถามความต้องการเป็นที่เรียบร้อย

ได้ซิมส์โทรศัพท์ โทรไม่อั้นมูลค่าเดือนละ $65 (แพงขนาดนี้มันก็ยังเอา) แถมมันเหมาจ่ายไป 3 เดือนรวด

ก่อนออกจากร้านเพื่อน nakoze ก็หันไปถามว่า ไอ้ซิมส์เนี่ย เอาไปใช้ที่ Chicago ได้ใช่มั๊ย

คนขายก็ทำหน้างง  ทวนคำซ้ำๆ  ไม่เข้าใจว่าอะไรคือ ชิคาโก้

เดือดร้อนมาถึง nakoze ต้องใช้สำเนียงกระแดะสุดฤทธิ์

โอ้วววว " ชิ แค๊ โก้วว " ถึงจะพยักหน้าหงึกหงัก say yes ได้เสียที


พอออกจากร้านโทรศัพท์ nakoze ก็เดินเข้าไปดูร้าน ROSS ที่หมายตาไว้

ปรากฏว่ามันน่าสนใจกว่าที่คิดไว้เยอะมากกก  เพราะมันเป็นร้านรวมแบรนด์ที่โล๊ะสต๊อก

ของในร้านก็เป็นสินค้ายี่ห้อดัง  แต่เอามาขายกันถูกมาก

nakoze คว้ากระเป๋าสตางค์ CK มาให้พ่อใบนึง ราคาป้ายเขียนว่า $45

แต่ nakoze จ่ายไปเพียง $12 ขอเสียงปรบมือหน่อยค๊าาาาาาา




ช็อปไปช็อปมาพลิกมาดูนาฬิกาอีกทีก็ได้เวลานัดพอดี

ยืนรอรถไม่นานคุณลุงคนขับคนเดิมก็แวะมาจอดรับเราสองคนขึ้นไป

คุณลุงบอกว่า มาจากรัสเซีย มีญาติเป็นอินเดีย และอยากจะไปอยู่ไทย

บอกว่าไทยแลนด์สวยมากกก แหม่พูดแบบนี้มันน่าให้รางวัล

จะบอกว่าคุณลุงคนขับรถแกใจดีมากจริงๆ เพราะตอนแรกที่ว่าจะเข้าเมืองกะจะไปกันทั้งกลุ่ม

แต่ทีนี้ค่ารถมันโหดเกิน สมาชิกก็เลยหดหายเหลือแค่ 2 หัวเท่าที่เห็น  คุณลุงก็เข้าใจ

บอกว่าเดี๋ยวจะวนรถเข้าสนามบิน จะรับพาเพื่อนมาด้วยมานั่งรถชมเมือง ...

โอ้โห่ ~~~ เอาไปเลย เอาไป ใจเราเอาไปได้เลย

คุณลุงแบบว่าประทับใจมากอ่ะ จนถึงทุกวันนี้ยังคิดถึงแกอยู่เลย

แต่สุดท้ายเพื่อนก็ไม่มีใครขึ้นรถมาด้วย....แต่ก็เข้าใจนะเป็นใครจะไปล่ะ อยู่ดีๆคนไม่รู้จักเดินมาบอกให้ขึ้นรถ

ระหว่างทางกลับคุณลุงก็อารมณ์ดี เพราะมีผู้โดยสารเพิ่มมาอีกเป็นทั้งหมด 6 คนบนรถ

พอผ่านตึกอะไรซักอย่างคุณลุงแกก็เริ่มเล่าว่า นี่..หลานเฮ้ย อย่าผ่านเข้ามาแถวตึกนี้นะ

มันอันตรายมากๆเลยล่ะ  ไอ้เราก็นึกว่า โหย!!ซ่องโจรแน่เลย  นี่แหละมุมมืดของอเมริกา

ไม่ปล่อยให้เพ้อได้นาน คุณลุงแกก็สานต่อ.....มันมีแต่คนไม่ดีอยู่กัน ที่ระแวกนี้

เราก็มั่นใจเลย ซ่องโจรแน่ๆ ซ่องโจรๆๆ

ลุงก็บอกว่า เปล่าลูก ..... มันเป็นคุก ป๊าด...จริงของลุง

เรากลับมาถึงสนามบินตอน 4 ทุ่มกว่า

กะจะมาให้ทัน say goodbye สหายร่วมทีมที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปคนละมุมโลก

nakoze เคว้งคว้างหลุดกลุ่มไปอยู่ Ames,IA คนเดียว 

อีกสองคนได้งานที่ Chicago,IL ส่วน 4 คนที่เหลือกระเด็นไปไกลถึงฟลอริด้าโน้นนนนนน




กำลังจะเริ่มร่ำลากันได้ไม่เท่าไร ก็เห็นกลุ่มเด็กไทยที่นั่งเครื่องมาด้วยกัน วิ่งมาบอกข่าวร้าย

บอกว่า ไฟลท์ที่จะไปฟลอริด้ามันดีเลย์ (หรือcancleนี่แหละจำไม่ได้ละ)

กลายเป็นว่าเครื่องจะออกอีกทีคือพรุ่งนี้เช้า !!!!!!

โอ้โห่....นี่มันซวยซ้ำ ซวยซ้อน ซวยแบบซ่อนเงื่อนเลยว่ะค่ะ 

กลายเป็นจากที่จะได้ไปกลุ่มแรก ต้องนอนรอเป็นกลุ่มสุดท้าย แล้วเข้าใจอารมณ์ป่ะ

คือภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เลิศ  มาต่างประเทศก็เพิ่งมากันครั้งแรก ต้องมานอนคว้างที่สนามบิน

...... มันช่างเจ็บปวด



พอเวลาผ่านไปไม่นาน ก็ถึงเวลาของ nakoze ที่จะต้องเดินออกมาจากไข่ มาเจอโลกแห่งความจริงเสียที

nakoze ก็ร่ำลากลุ่มที่ต้องนอนอยู่สนามบินเสร็จแล้วก็หันหลังเดินจากมา

เข้าไปนั่งรอเวลา boarding ขึ้นเครื่อง .....

เฮ้อ .... Ames,IA จะเป็นอย่างที่คิดไว้มั๊ยหนอ....

ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะสุข จะทุกข์ หัวเราะ สมหวังหรือร้องไห้

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น nakoze จะไม่เสียใจ เพราะนี่คือสิ่งที่ nakoze เป็นคนเลือกเองไม่มีใครบังคับให้มา

โลกแห่ง Work and Travel กำลังรอ nakoze อยู่ข้างหน้า

ตื่นเต้นจังเลย ........





ว่าด้วยการเลือกสนามบิน  เรื่องก็มีอยู่ว่าในการมาประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถ้าคุณไปเมืองเล็กๆ

แน่นอนค่ะว่าไม่มีเครื่องบินจากไทยไปถึงเมืองนั้นแน่นอน เครื่องบินที่ไม่ใช่สัญชาติอเมริกา

(ไม่ใช่ American airlines , Delta airlines , US airways , United airlines)

เค้าจะจอดส่งแค่ port หลักหรือที่เรียกกันว่า Hub

ซึ่งสนามบินที่เป็น Hub ก็ได้แก่สนามบินที่

Los Angeles , San Francisco , Las Vegas , Seattle , Chicago , Atlanta

Detriot , Dallas , Boston , New York City , Washington DC

แล้วแต่สายการบิน  ว่าจะมี Hub ไหนให้เลือกบ้าง 

ดังนั้นแล้วการมาอเมริกาไม่ใช่ว่าบินตรงมาได้เลย  คือต้องเข้าใจว่าอเมริกาเป็นทวีปและมันใหญ่มาก

การจะเข้าไปเมืองย่อยๆมันต้องต่อเครื่องบินหลายต่อ บางครั้ง 4-5 ต่อก็ยังมี

อย่างไรก็ตาม ตอนจองตั๋วคุณสามารถบอกความต้อการกับเอเจนซี่ได้ว่า คุณต้องการลงที่ Hub ไหน

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก็คือ ถ้าจะไปรัฐทางฝั่งตะวันตก ก็ควรเลือก Hub ที่อยู่ฝั่งตะวันตก

ถ้าจะไปรัฐทางตะวันออกก็เลือกพอร์ต ฝั่งตะวันออก  เอาให้ใกล้ไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องบ่อยๆ

อีกสิ่งหนึ่งก็คือ ราคาตั๋วเครื่องบินทางฝั่งตะวันตก จะถูกกว่าฝั่งตะวันออกค่อนข้างมาก

อย่างปีที่ nakoze ไปลง Hub ตะวันตก ถูกกว่าตะวันออกอยู่ 6,000 กว่าบาท



และบางทีมีคำถามว่าทำไมตั๋วเครื่องบินไปบางรัฐถึงแพงมากๆเลยล่ะคะ ?

ค่ะก็คือว่าบางเมืองเนี่ย เป็นเมืองที่ประชากรค่อนข้างน้อย

สายการบินคู่แข่งก็ไม่มี ดังนั้นสายการบินก็ไม่จำเป็นที่จะทำโปรโมชั่นล่อตาล่อใจออกมาแข่งกับใคร

มันก็เหมือนกับว่าเอ๊ะทำไม บางสายการบินถึงมีแต่โปรของภูเก็ตกับเชียงใหม่นะ

ทำไมจังหวัดอื่นๆไม่ค่อยจะมีโปรบ้างเลย  นั่นแหละค่ะเหตุผลเดียวกัน

เส้นทางบางเส้น มันเป็นเส้นทางแข่งขัน เค้าเลยดึงลูกค้าให้ได้เยอะที่สุด



และสำหรับคนที่เมล์มาถามเรื่องราคาตั๋วเครื่องบินนะคะ

ก่อนอื่นต้องแจ้งให้ทราบว่าราคาของตั๋วเครื่องบิน จะถูก-แพงอยู่ที่

1. สายการบิน

2. ปลายทาง

3. วันเดินทาง

4. class ของตั๋ว แม้จะเป็น economy เหมือนกันก็ยังแบ่ง sub class ย่อยอีกค่ะ

แต่โดยรวมคร่าวๆแล้ว ถ้าบินไปHubใหญ่ฝั่งตะวันตก ราคาจะอยู่ประมาณ 27,000 - 37,000 บาท

บินไป Hub ใหญ่ฝั่งตะวันออก ก็จะประมาณ 32,000 - 45,000 บาท

แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่มีการต่อ Domestic หรือการต่อเครื่องภายในประเทศ

ราคาตั๋วก็จะอยู่ราวๆ 45,000 - 51,000 แล้วแต่จุดหมายปลายทาง


Smiley คลิกเพื่ออ่านต่อ
Chapter 4 : Ames,IA...ที่รัก

Smileyคลิกเพื่อย้อนกลับ
Chapter 2 : อันยอง ฮาเซโย Korea !!



Create Date : 18 สิงหาคม 2553
Last Update : 10 กันยายน 2556 20:42:39 น.
Counter : 5910 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nakoze
Location :
  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]



New Comments