Group Blog
All Blog
|
◄ Chapter 16 : Second job ที่ร้านไทย ร้ายกว่าที่คิด (แก้ไข ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2555) Chapter 16 : Second job ที่ร้านไทย ร้ายกว่าที่คิด (ขอบคุณภาพจาก : //sandragouvea.blogspot.com/2012/07/word-of-day-argue.html) สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน หลังจากที่ nakoze หายหัวไปนานมากกว่าจะมาอัพเดทบล็อก หวังว่าทุกท่านคงสบายดี ตอนนี้เด็ก WAT ทั้งหลายก็คงเตรียมตัวสัมภาษณ์งานกันแล้ว เย่ๆ สู้เค้านะจ๊ะ ท่องเอาไว้ว่าคุณทำได้ๆ สำหรับใครที่ส่งเมล์มาถามเรื่องคำถาม เรื่องการเตรียมตัวสำภาษณ์ ก็ยินดีเสมอจ้า ยิ่งตอนนี้ปิดเทอมไม่มีอะไรจะทำแล้ว ก็ยิ่งยินดีช่วยเกริ่นก่อนว่า nakoze ไม่ใช่คนเก่ง แต่ nakoze สัมภาษณ์มาเยอะมากๆ แม้แต่ที่ๆเค้าว่าสัมภาษณ์โหด อย่างงานที่ต้องการภาษา Advance หรือ Walt Disney เราก็ไปสัมภาษณ์มาหมดแล้ว ดังนั้นแล้ว อย่าได้กลัวที่จะแอดเมล์ แอดเฟส หลังไมค์และอื่นๆมาถามกันยินดีเสมอจ้าาาา (แอดเฟสกรุณาส่งแมสเสจมาก่อนนะจ๊ะ) เข้าเรื่องของเราดีกว่าค่ะ วันนี้ nakoze มีเรื่องเมาท์มันส์ๆมาอัพเดทชีวิตเด็ก WAT อีกเช่นเคย วันนี้เป็นเรื่องราวที่ nakoze พยายามหางาน second job ที่ร้านอาหารไทย จะดุ เด็ด เผ็ด มันส์ แค่ไหน ไปอ่านกันเลยค๊า .... หลังจากชีวิตเริ่มลงตัว งานหลักก็ระบุวันและเวลาทำงานได้สมใจ ที่ซุกหัวนอนก็มีเป็นหลักเป็นแหล่ง กว่าชีวิตจะนิ่งถึงวันนี้ได้ก็กินเวลาไปเกือบเดือน nakoze ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะออกหางาน หาเงินเพิ่มให้กระเป๋าตุง ก่อนที่จะไปช็อปให้กระเป๋าฉีกได้อย่างสบายใจ ว่าแล้ว nakoze ก็ไปดูประกาศรับสมัครงานจากร้านน้ำตาล [คนนิวยอร์คคงรู้จักดี] ก็จดเบอร์โทรแล้วเริ่มโทรหาทีละร้านๆ แต่ส่วนมากก็จะเป็นแนวที่ว่า ได้คนแล้วไม่ต้องการเพิ่มแต่ยังไม่ได้เอาประกาศออก หรือบางร้านที่มีหลายสาขา เค้าก็จะมึนๆประมาณว่าเป็นสาขาอื่นหรือเปล่า สาขานี้ไม่ได้รับคนเพิ่มนะ แล้วก็จะมีอีกแนวว่า ร้านจะเปิดในอีก 2 เดือนข้างหน้าแต่ว่าต้องการหาคนก่อน[แต่ตอนประกาศไม่ได้เขียนนะว่าอีก 2 เดือนถึงจะเปิด] nakoze โทรไปจนเกือบครบทุกร้านใน Manhattan ก็ถอดใจสงสัยจะไม่ได้งานสอง จนกระทั่งวันนึง โทรศัพท์ nakoze ที่ไม่ค่อยจะมีคนโทรเข้า ก็ดังขึ้น ตอนนั้นจำได้ว่า เป็นวันหยุดงาน เลยไปเดินเล่น window shopping ไปตามประสาคน[ไม่]มีอันจะกิน ปลายสายโทรมาจากร้านไทยใน Manhattan ร้านนึงที่ nakoze เคยโทรไปสมัคร ซึ่งตอนที่โทรไปคราวที่แล้ว เค้าก็ถามเรื่องประสบการณ์ร้านอาหารไทย ซึ่ง Nakoze ก็บอกไปว่าไม่มีประสบการณ์ เคยมีแต่แบบไปช่วยเสริฟเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้จริงจังขนาดทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ซึ่งตอนนั้นร้านนี้เค้าก็ปฏิเสธไป ไอ้เราก็ไม่ได้อะไรเพราะเข้าใจว่าร้านไหนๆก็ต้องการคนที่มีประสบการณ์มาก่อน จนกระทั่งร้านนี้โทรมาอีกครั้งนึงเค้าก็ถามเรื่องประสบการณ์อีกรอบ nakoze ก็บอกไปอย่างที่ท่านผู้อ่านทราบว่าไม่มีประสบการณ์อย่างจริงจัง แต่เคยไปช่วยงานร้านไทยตอนช่วงที่เค้า Busy ครั้งสองครั้ง แล้วตอนนั้นไปเป็น เด็กเสิร์ฟ ไม่ได้ทำงานในครัว แล้วปลายสายก็ถามบอกว่าแล้วอย่างนี้จะทำงานได้ไหมล่ะเนี่ย [อ้าวตอนกรูโทรไปครั้งก่อน กรูก็บอกตรงๆไม่มีประสบการณ์ เจ๊ไม่สนใจหนู แล้วเจ๊จะโทรมากระแนะกระแหนหนูทำไมคะเนี๊ย ] แต่ด้วยความที่อยากได้งานเราก็่บอกกลับไปว่า อ๋อคงต้องลองค่ะ หนูก็ไม่ใช่คนเกี่ยงงานอยู่แล้ว ว่าแล้วปลายสายก็ถามย้ำๆเรื่องประสบการณ์ ที่จะย้ำยังไง nakoze ก็บอกไปตามตรงว่าไม่มี แล้วสุดท้ายเจ๊คนนี้ก็บอกว่า ให้มาเทรนงานตอนนี้เลยได้ไหม ให้ไปให้ถึงภายใน 1 ทุ่ม!! ไอ้เราก็ตกใจ ตอนนั้น 6 โมงกว่าค่ะเดินช็อปอยู่ Queens Mall อยู่เลย ให้เข้าไปฝั่ง West Side ภายใน 1 ชั่วโมงนี่ยาก ถ้าคุณอยู่นิวยอร์ค ก็จะรู้ว่าเวลาที่มันไม่มีรถ express train มันใช้เวลานานขนาดไหน แต่เอาวะ ไหนๆก็มีคนมาเสนองานให้แล้ว สรุป nakoze ก็รีบไป ไปถึงก็สายไปพอสมควร มัวแต่เดินหลงทาง ไปฝั่ง West ทีไรงงแตก....ไม่ค่อยได้ไป ปกติเป็นสาว Gossip girl อยู่แต่ฝั่ง Upper East Side อุ้ย..เลิศศค่าาาา กลับมาเข้าเรื่องของเราต่อ พอไปถึงร้านก็มีพี่ปู้จายคนนึงเดินออกมาทักทายแบบอัธยาศัยดีมากกก แต่พอบอกว่ามาสมัครงานเท่านั้นแหละ หน้ามือ พลิกปั๊ปเป็นหลังส้น....ทันที จริงๆไอ้เรื่องแบบนี้ได้ยินมาเยอะว่าเค้ากลัวเราจะไปแย่งงาน แย่งทิป แต่ขอทีเถอะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมบ้างจะได้ไหม ถ้าเค้าไม่จำเป็นต้องใช้คนจะมีใครอยากเทรนคนใหม่มาเพิ่มให้เปลืองค่าจ้างวะ พอบอกเค้าไปเสร็จ เค้าให้เข้าไปรอด้านใน จนสักพักนึงเจ๊คนที่โทรมาหา nakoze เค้าก็ออกมารับ เค้าก็ถามด้วยสีหน้าเหยียดๆคนนี้ใช่มั๊ย ที่ไม่มีประสบการณ์ ? [เอ่า ตกลงจะเรียกกรูมาเหยียดหยามใช่มั๊ย] และต่อไปจะเป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริงระหว่างเรากับอิเจ๊ อิเจ๊ : เอาชุดมาเปลี่ยนมั๊ย ? Nakoze : ไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ หนูรีบมามากๆ อิเจ๊ : แค่นี้ก็ไม่รู้หรือไง ว่าต้องเตรียมชุดมา Nakoze : [คิดในใจว่า เออ ... กรูไม่รู้] แต่ภายนอกทำได้แค่ยิ้มหวานนนนนน อิเจ๊ : หมวกล่ะ หมวกๆ Nakoze :ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้เตรียมมาเลยจริงๆ หนูอยู่ข้างนอก พอพี่โทรมา หนูอยากได้งานก็รีบมาเลยค่ะไม่ได้เตรียมตัวจริงๆ อิเจ๊ : เดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาผืนนึงวางแปะบนหัว nakoze [จะให้กรูเอามาทำอะไร ช่วยบอกกรูที ] nakoze ผู้โง่เขลาก็ยังไม่รู้ว่าอิเจ๊เอาผ้าเช็ดหน้ามาโปะหัวกรูทำไม หรือเค้ากลัวรังแคกรูจะกระเด็นลงหม้อก๋วยเตี๋ยว ? หรือเค้ากลัวแขกเห็นว่าหัวกรูล้านผมหายไปครึ่งหัว ? หรือเค้าให้ปิดหน้าปิดตาแบบในหนังแขก ประมาณว่าตื่นเต้นเร้าใจดี ? หรือให้มาซับน้ำตาตอนโดนเค้าไล่ออก ? ในหัวมีแต่คำถาม ????? เต็มไปหมด แต่แล้วอิเจ๊ก็มาสกัดความคิดบ้าๆบอๆที่กำลังจะตามมาด้วยการบอกว่าให้เอาผ้าผืนนั้นแหละมาทำเป็นหมวก nakoze ก็ยังไม่เข้าใจว่าอิผ้าบานๆผืนนี้จะมาเป็นหมวกได้ไงวะ ?? ก็เลยตอบออกไปอย่างเขินอายว่า พี่ขาช่วยผูกให้หน่อยได้ไหมหนูทำไม่เป็น โอ้ยคุณ คุณจะหัวเราะอิฉันก็เอาเถอะค่ะ นี่คุ๊ณการใช้ผ้าเช็ดหน้าผูกหัว มันเป็นปัญหาระดับชาติเลยนะ อิฉันเชื่อว่า มีประชากรอีกหลายสิบล้านคนที่เค้าผูกไม่เป็น แหม แค่ผูกด้านหน้าอิฉันก็ว่ามันลำบากแล้วนะ อันนี้ยังให้ขมวดปมอยู่ด้านหลังอีก โอ้ยใครจะทำได้วะ (จริงๆแล้ว nakoze อาจจะเป็นคนเดียวในประเทศไทยที่ทำไม่เป็น 555) ว่าแล้วอิเจ๊ก็เดินกระแทกเท้ามาผูกให้ด้วยอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ ก่อนจะพา nakoze เข้าไปในครัว ในครัวก็มีมือผัดคนไทยอยู่ 3 คน และก็มีแม็กซิกันอีก 3 คน คอยทำเมนูง่ายๆบางชนิด nakoze ก็ยังคงมองดูด้วยความตื่นเต้นโดยไม่รู้ว่าช่วงเวลาอันเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น อิเจ๊ที่ยังหงุดหงิดอยู่ก็ดุ่มๆก็พูดขึ้นมาว่าให้ทำแบบพวกเค้าเนี่ยทำได้มั๊ย ? Nakoze ก็ว่าค่ะ เดี๋ยวต้องลองทำดู ช่วงแรกๆหนูอาจจะยังไม่ค่อยคล่อง พร้อมยิ้มหวานมัดใจไป 1 ที แทนที่อิเจ๊จะรับคำ ให้กำลังใจ สอนงานหรืออะไรก็ตาม อิเจ๊กลับเลือกที่จะปาลูกดอกอันเบอเริ่มเข้ากลางหัว nakoze ด้้วยการตอกกลับว่า " ก็แน่สิ ไม่มีประสบการณ์มาเลยนี่ อย่างเธอเดือนนึงจะจำเมนูจะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ " ตอนนั้น nakoze ก็ไม่รู้จะทำหน้าตายังไง ก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน พร้อมยิ้มหวานให้อีกรอบ อิเจ๊ก็ยังไม่ปรานี ถามคำถามต่อมาอีก ทำไมถึงอยากมาทำงาน ? Nakoze ก็ว่าอยากได้เงินเพิ่มอีกค่ะ [เอ๊า ก็เรื่องจริง ใครๆก็อยากได้เงิน] แต่สิ่งที่ nakoze ไม่คิดว่าจะได้ยินจากอิเจ๊คนไทยด้วยกันคนนี้ คือการที่มันหันกลับไปตะโกนให้มือผัดฟังว่า " เฮ้ย ฟังดิวะพวกเรา เค้าบอกว่า เค้าอยากได้เงินว่ะ แล้วก็หัวเราะแบบนางอิจฉาในละคร " ไอ้เราก็เฮ้ย หัวเราะเยาะเราทำไมวะ มันผิดตรงไหนกับการอยากทำงานอยากได้เงิน แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยิ้มไป แล้วก็อธิบายว่าตอนมาถึงแรกๆค่าใช้จ่ายหนูเยอะ หนูก็อยากได้เงินเพิ่มก่อนกลับไทยบ้าง แล้วซักพักนึง ออเดอร์ก็เริ่มทยอยเข้ามา ออเดอร์แรกเป็นขนมจีบ อิเจ๊ก็อธิบายมาว่าขนมจีบนี้ ต้องหยิบกี่อัน แล้วเอาไปนึ่งในไมโครเวฟกี่นาที ซึ่ง nakoze แอบมองเข้าไปในไมโครเวฟที่ใช้อบ คุณขา คุณรู้ไหม ภาชนะที่เขาใช้บรรจุขนมจีบเข้าไปอบ มันเป็นแค่กล่องพลาสติกบางๆค่ะ โอเคถ้าเป็นแบบพลาสติกหน้าเราก็จะไม่อะไรใช่ไหม แต่นี่คือพลาสติกแบบที่เวลาคุณสั่งข้าวยำไก่แซบของ KFC กลับบ้าน หรือข้าวไก่เผ็ดจากซิสเลอร์กลับบ้าน มันคือกล่องแบบนั้น !!!!! ซึ่งว่าโอเคมันอาจจะทนความร้อนได้ แต่นี่ความร้อนในไมโครเวฟนะ วันๆนึง ใช้มันไม่ต่ำกว่า 20 ครั้งแน่นอน ซึ่งเห็นสภาพแล้ว บอกตรงๆว่าอึ้งจริงๆ แทนที่จะอยู่เฉยๆ nakoze ก็เสือกหาเรื่องเข้าตัวอีก ก็ดันหันไปเห็นว่าขนมจีบมันมี 2 สี มีสีเหลืองกับสีเขียว ก็หันเลยถามอิเจ๊ไปว่า พี่ขาขนมจีบ 2 สีนี้มันต่างกันยังไงหรอคะ อิเจ๊ก็ตอบด้วยความกวนตรีนว่า " ก็ไม่เห็นหรือไง อันนึงมันเป็นสีเขียว อีกอันมันเป็นสีเหลือง " ....... ทึ่ง ทึง ทึ๊ง หน้าเสียไปเลยค่ะ ดูคำตอบแกสิคะ คือใจเราเนี่ยที่ถามเพราะอยากรู้ว่าสีเขียวนะเป็นหมู สีเหลืองเป็นกุ้งหรือเป็นปูเป็นอะไรก็ว่าไป คือ...จะตอบแบบนี้อย่าตอบเลย กวนตรีนแบบไร้สาระ แบบนี้เค้าเรียกว่า "แก่กะโหลกกะลา" แต่ nakoze จะทำอะไรได้ ได้แต่ท่องไว้ในใจว่าพระพุทธเจ้าท่านยังมีมารฤทธิ์เดชแกร่งกล้ามาผจญแต่ท่านก็เฉย ส่วนเรากับแค่อิมารอารมณ์ตัวนี้ ทำไมเราจะผ่านมันไปไม่ได้ ถ้าอยากได้งานก็ต้องอดทน!! พอสติมาปัญญาก็เกิด ก็ได้แค่ยิ้มหวานให้เหมือนเดิมแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง ชวนคุยเรื่องอื่นแทน Nakoze : พี่ทำงานที่นี่มานานแล้วหรอคะ พี่เก่งจังทำอะไรดูคล่องไปหมด อิเจ๊ : ทำนานหลายปีแล้ว อย่างเธอเดือนนึง อย่างดีก็คงจะท่องได้แค่บางเมนู ..... ทึ่ง ทึง ทึ๊ง ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้ระดับความดันในสมอง nakoze พุ่งมาที่ 160 มม.ปรอท เฮ้อ ~ อุตสาห์ชวนนอกเรื่อง ทำไม๊มันวกกลับมากัดกรูได้วะเนี๊ย .... เป็นอะไรมากไหมอิเจ๊นี่ด่าอย่างเดียว ปากว่างไม่ได้ต้องพูดจาดูถูกดูแคลน แล้วอิเจ๊ก็เริ่มบทสนทนาอันเลวร้ายของมันต่อ อิเจ๊ : นี่เธอทำอาหารไทยเป็นไหม ? Nakoze : เป็นค่ะหนูชอบทำอาหาร แต่ทำเป็นแค่บางเมนูยังไม่ค่อยเก่งค่ะ อิเจ๊ : ทำอะไรได้บ้าง ? Nakoze : ก็เป็นแกงง่ายๆค่ะ พวกมัสมั่น แกงเขียวหวาน พะแนง ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว อิเจ๊ : รู้จักอาหารไทยแค่นี้หรือไง ? ไม่เคยกินอาหารไทยหรอ ? Nakoze : ยิ้มแห้งๆ อิเจ๊ : ทำไม ? หรือเด็กรุ่นใหม่มันทำอาหารไม่เป็น คงจะทำเป็นแต่อาหารฝรั่งสินะ กินก็คงจะกินแต่อหารฝรั่ง อยู่บ้านว่างๆก็คงจะไม่เคยทำอะไรได้แต่ใช้เงินพ่อแม่เล่น ..... ทึ่ง ทึง ทึ๊ง ขณะนี้ ปรอทวัดความดัน พุ่งมาที่ 190 เส้นเลือดในสมอง เรียงตัวใหม่ อ่านเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า S H I T !! ใครก็ได้ช่วยเอาอิเจ๊ไปแดรกยาระงับประสาทที มันเป็นอะไรมากไหมคะเนี่ย และก่อนที่ nakoze จะได้บีบคออิเจ๊ตายห่า คาหม้อต้มพะแนงของมัน ชาวแม๊กซิกันในครัวที่ไม่รู้ว่า เราคุยกันเรื่องอะไร แต่ก็คงพอจะจ้ับน้ำเสียอิเจ๊เวรนี่ได้ ก็พยายามส่งสายตาเห็นใจมาให้ ประมาณว่า โชคดีจังที่กรูฟังภาษาไทยไม่ออก ไม่งั้นพวกกรูพรุนเหมือนเมิงแน่ nakoze เอ้ยย และแล้วก็มีแขกใจดีสั่งอาหารมาขั้นเวลาสงครามประสาทของ nakoze กับ อิเจ๊ อิเจ๊ก็สอน nakoze ทำอาหารเป็นอย่างแรก แล้วก็ทำให้ nakoze รู้ซึ้งว่า ร้านไทย[บางร้าน]กับร้านฝรั่งมันต่างกันตรงไหน ? fast food ธรรมดาๆของฝรั่ง ที่ราคากลางๆแต่เค้าให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาดเป็นเลิศ ของทุกชิ้นต้องใช้ถุงมือจับ เปลี่ยนถุงมือชั่วโมงละ 2 คู่ หรือเมื่อรู้สึกว่ามันสกปรกเปลี่ยนทันที ตอนทำงานร้านฝรั่ง Nakoze เปลี่ยนถุงมือ วันนึงไม่ต่ำกว่า 10 คู่ อาจจะถึง 20 ด้วยซ้ำไป แต่คุณขา ร้านไทยร้านนี้ให้อิฉันใช้มือเปล่าหยิบเครื่องปรุงค่ะ แล้วคุณขา คุณๆกล้ากินหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าอิฉันจกมันฝรั่งที่ผ่านการบดและต้มเละๆมาแล้ว เอามาทำมัสมั่นให้คุณๆ ลองนึกถึงภาพมันฝรั่งมันติดอยู่ในซอกเล็บอิฉันสิคะ แหวะ แล้วนอกจากเรื่องมันฝรั่งในซอกเล็บแล้ว ก็มีอีกเรื่องที่ nakoze รับไม่ได้อย่างแรงนั่นก็คือ มีออเดอร์นึงเค้าสั่งปลาแซลมอน ราดซอสอะไรซักอย่าง ซึ่งพอทำสเต็กแซลมอนเสร็จ ก็จะให้แม็กซิกันเป็นคนบีบซอส แล้วเอาไปวางเตรียมเสิร์ฟ ซอสนี้ก็เป็นสูตรของทางร้านที่ทำเอง ทีนี้พอแม็กซิกันคนนี้บีบซอสราดปลาแล้ว ปรากฏว่ามันออกมาเป็นฟอง ลักษณะว่าบูด ซึ่งก็คือเปื้อนปลาหมดแล้วนะ คนแม็กซิกันก็เลยเอาไปให้อิเจ๊ บอกประมาณว่า นี่ๆมันเสียแล้วมันเป็นฟอง คุณขาอิเจ๊ทำไงรู้ไหมคะ? คุณอาจจะคาดหวังให้เค้าทำสเต็กปลาใหม่ แต่สิ่งที่อิเจ๊ทำก็คือ อิเจ๊คนนี้เอาปลาตัวนั้นไปล้างน้ำเปล่า แล้วเทซอสใหม่ราดลงไปค่ะ !!!!!! เฮ้ย !! เฮ้ย !!! เฮ้ย !!!! อิเจ๊แรงมาก เจ๊กล้าทำอย่างงี้ได้ไงวะ นอกจากให้กรูเอามือเปล่าจกส่วนผสม ยังเอาปลาไปล้างซอสเน่าหน้าตาเฉย กรูอยากจะไปเรียก inspector มาเดินตรวจซะเดี๋ยวนั้นเลยอ่ะ จบจากการคั่นรายการโดนด่า ด้วยการอึ้งกับการทำอาหารของอิเจ๊ อิเจ๊ก็คงนึกได้ว่าควรจะด่าnakozeต่อ อิเจ๊ก็หันมาวีน nakoze ที่พึ่งไปถึงวันแรก และเพิ่งทำงานได้แค่ราวๆ 2 ชั่วโมง ตอนนั้นไม่มีออเดอร์อะไรมาเลย แล้ว nakoze ก็เช็ดมีด เช็ดเขียงสะอาดทุกอย่างแล้ว ก็เลยยืนดูคนแม็กซิกันเค้าปิ้งหมูสะเต๊ะ ปรากฏอิเจ๊ก็วีนแตก "นี่ จะมาทำงาน มายืนงอมืออยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้นะ" เอ่า....แล้วจะให้กรูทำอะไร คุณขาาาาา คนเพิ่งมาถึงแค่ 2 ชั่วโมง แค่หาที่เก็บมือเก็บไม้แก้เขิน มันยังไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหนเลย จะให้กรูทำงานให้คล่องเหมือนเมิงได้หรอ? ให้กรูกินยาซุปเปอร์แมนไป กรูยังจะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เรียกกรูมาเทรน คือสอนกรูดีๆก็ได้หรือถ้าไม่เอาก็อย่าเรียกกรูมา โอเคไหม พอโดนด่ารอบสุดท้าย nakoze ก็ถามอิเจ๊ไปว่าร้านเปิด-ปิดกี่โมง อิเจ๊ก็ยังคงไว้ลายกวนตรีน ตอบกลับมาว่าปิดดึก ตี 1 โน่นแหละกว่าจะเก็บร้านถ้าจะกลับไปเลยก็ได้นะ อ่าว...ตกลงไล่ให้กรูกลับบ้านซะงั้น nakozeก็โอเคพอแล้ว ไม่ทนต่อ โอเคงั้นกลับเลยแล้วกัน อิเจ๊ก็ถาม จะกินอะไรไหมก่อนกลับ ? เราก็บอกไปว่าไม่เป็นไรค่ะไม่รบกวน แต่คุณลุงใจดีมือผัดในร้านก็แย้งขึ้นมาเบาๆว่าเอาผัดไทยไหม เดี๋ยวลุงทำให้กินซะหน่อยเถอะ nakoze ก็เลยไม่ปฏิเสธคุณลุง ตอนแรกจะขอให้เขาใส่ถุงกลับบ้าน เพราะไม่อยากหายใจเอาอากาศเข้าร่วมกับอิเจ๊อีกแม้แต่ 1 วินาที แต่อิเจ๊ก็บอกว่าไม่ให้กลับบ้านให้กินที่นี่ ซึ่งตรงนี้เราโอเค เราพอจะทราบมาว่าบางร้านจะไม่ให้ห่อกลับบ้านเราก็ไม่มีปัญหา พอคุณลุงทำผัดไทยให้เสร็จ คุณลุงก็เอามาให้ เราก็หันไปถามอิเจ๊ว่าให้ไปนั่งกินตรงไหน คุณขา...อิเจ๊มันพูดว่า " ไม่มีหรอกที่นั่งกินข้าว ยืนกินตรงนี้แหละ!! " เอ่า อิห่า แล้วกรูจะกินยังไง เมิงทำงาน หั่นผัก ฉั่บ ฉั่บ ฉั่บ แล้วให้กรูก้มลงไปกิน เกิดหั่นผิดหั่นถูก หั่นหัวกรูไปใครจะรับผิดชอบ !! จริงๆปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก แต่ประเด็นคือ นึกออกไหมแค่กรูอยู่ของกรูเฉยๆอิเจ๊เม่งยังขุดเรื่องมาด่ากรูได้ ถ้ากรูเพิ่มความแรงเข้าไปโดยการยืนโซ้ยผัดไทยต่อหน้าเจ๊ตอนเจ๊ทำงานความผิดกรูจะโดนลงอาญาถึงขนาดไหนวะเนี่ย !! ว่าแล้ว nakoze ก็รีบยัด แล้วก็ทนไม่ไหวเพราะอิเจ๊เล่นยืนมองแล้วส่ายหน้าพร้อมกับสายตาดูถูก แล้วส่ายหน้าอีกรอบ ทำซ้ำๆอยู่อย่างนี้ nakoze กินไปได้ประมาณ 7 คำ ก็เลยหยุดกินแล้วบอกว่า เอ่อ..หนูอิ่มแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ อิเจ๊ก็ยังทิ้งท้ายไว้ลายปากเสีย อิ่มแล้วหรอไงเห็นตัวอ้วนขนาดนี้ ....... ตึ่ง ตึ่ง โป๊ะ ความดันพุ่งขึ้นไปที่ 200 มิลลิเมตรปรอท nakoze เอาถ้วยไปเก็บหลังร้าน แล้วก็ลาอิเจ๊ ลา Manager ก่อนกลับ Manager ยังถามอีก บอกว่าพรุ่งนี้มาเทรนกี่โมง เราก็บอกคงไม่ได้มาแล้วค่ะ เค้าก็ถาม อ้าวทำไมล่ะทำไม่ไหวหรอ ? เราก็บอกไปว่างานหนักหนูไหวนะคะพี่ แต่มายืนด่าหนูแบบนี้หนูไม่ไหวค่ะ แล้วก็เดินออกจากร้านด้วยท่าทีดุจนางพญา[ยม] ก่อนกลับบ้านด้วยอารมณ์ค้างๆ เหมือนเป็นกระโถนอะไรซักอย่างที่คอยรองให้อิเจ๊ถ่มน้ำลาย คือคุณจะสอน คุณก็สอนดีๆ คุณไม่ต้องมาจวกกันแบบนี้ก็ได้ ถ้าคุณเห็นว่าไม่ไหว คุณก็พูดดีๆ ว่าเออเห็นท่าทางแล้วไม่น่าไหวนะ พูดจารักษาน้ำใจกันหน่อย เอาใจเขามาใส่ใจเรา นึกถึงวันแรกที่คุณเริ่มงาน หากคนที่เขาสอนคุณ เขาสอนคุณดีๆ คุณก็ happy ก็เอาความดีนั้นมาสอนต่อ สอนแบบที่คนอื่นจะ happy ไปด้วย แต่ถ้าคนที่สอนคุณ เค้าสอนคุณแบบเลวร้าย ก็ขอให้จำว่าคุณรู้สึกยังไง จำเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาทำใส่คนอื่น ไม่ใช่จำแล้วมาทำเพื่อการแก้แค้นหรือเพื่อสนุกสะใจ จะว่าไปนี่เหมือนตอนรับน้องมหาวิทยาลัยเลยเนอะ ตอนปี 1 อิพวกเด็กปี 1 ก็ด่ารุ่นพี่ พอตัวเองมาเป็นรุ่นพี่ ก็กลับไปทำรุ่นน้องเพื่อความสะใจ เฮ้อ ... เอาล่ะค่ะเห็น nakoze จวกร้านไทย ยับขนาดนี้ เพื่อนเด็ก WAT ที่คิดจะไปหางาน 2nd job ก็ทำใจไว้แล้วกันจ่ะ บางร้านเขาก็ดี บางร้านเขาก็ร้ายและส่วนมากบอกได้เลยนะ ว่าร้านอาหารไทยในอเมริกา ขึ้นชื่อเรื่องการเทรนยาว และการเทรนของร้านไทย มักจะไม่ให้เงินค่ะ แต่อาจจะได้กินข้าวฟรี 1 มื้อ บางคนโดนเทรนฟรีไปแค่ 3-4 วันแล้วไม่ได้งาน เค้าก็บอก อย่างนี้นี่ยังดี เพื่อน nakoze บางคน โดนเทรนงานไป 3 อาทิตย์ค่ะแล้วไม่ได้งาน ก็ไปเสียเวลาฟรีๆ แต่คนที่เทรนสั้นแล้วได้งานจริง ก็มีนะคะ ไม่อยากเหมารวมด่าร้านอาหารไทยทุกร้าน เพราะร้านดีๆก็คงยังมีอีกเยอะ แต่สงสัย nakoze จะบุญน้อย เจอแต่คนร้ายๆ ส่วนเรื่อง 2nd job ร้านไทย มีแต่คนถามทั้งในบอร์ดพันทิป ส่งเมล์ หลังไมค์ อะไรก็ตามแต่อยากบอกคุณไว้ว่าให้เผื่อใจค่ะ จะเข้าร่วมโครงการนี้ต้องเผื่อใจจริงๆ ถ้าคุณเจอคนดี เจอเรื่องดีๆ คุณก็จะมองว่ามันดี ถ้าคุณเจอแต่เรื่องร้ายๆ คุณก็จะมองว่าโครงการมันไม่ดี สรุปแล้วจะมาโครงการ WAT ให้ทำความเข้าใจในจุดประสงค์ของโครงการค่ะ ลองคิดดูว่าคุณอยากมาจริงๆหรือเปล่า แล้วคนบางประเภทที่มาตั้งคำถามแล้วพอตอบไปไม่โดนใจ มาด่าว่ากันแบบนี้วันหลังก็อย่ามาถาม ถ้าถาม nakoze นะ ว่าสรุปแล้ว WAT มันดีหรือไม่ดี ถ้าคุณอ่าน Blog nakoze มาตั้งแต่ปี 2010 หรือก่อนหน้านั้น 2009 ที่ออสเตรเลีย คุณจะรู้ว่า nakoze เจอเรื่องร้ายมาเยอะมาก ยิ่ง WAT งานก็หนัก โดนโกงเงินเป็นหมื่น ทำไมยังไปอีก ก็เพราะ nakoze รับได้ไง เราไม่ได้เห็นแค่ด้านโป้ง หรือด้านก้อยของเหรียญ แต่เรามองจากสัน ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันจะออกโป้งหรือก้อย ความสนุกของชีวิตมันก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ เราไม่รู้ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น และมันไม่สำคัญด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่มันสำคัญที่ว่า ถ้าด้านที่คุณกลัวเกิดขึ้นแล้วคุณจะแก้ไขมันยังไง โอเคเข้าเรื่องของเราต่อ เอ๊ะทำไมออกไปไกลจังวะ เอาล่ะเรื่อง 2nd job ที่ร้านอาหารไทย โอเคคุณฟังจากคนอื่น เขาอาจจะบอกคุณว่าเค้าได้ทำหลายงานเขาหางานได้ แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าเบื้องหลังมันมีอะไรอีกเยอะ จะเมาท์ให้ฟังก็ได้นะ มาๆเอาหูมาใกล้ๆ รู้แล้วเหยียบให้แซ่ดเลยนะ เด็ก WAT ส่วนมาก ร้านไทยเค้าไม่จ้างค่ะ เหตุผล 1. เด็ก WAT เป็นนักศึกษา ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีประสบการณ์ในครัว ซึ่งเดี๋ยวนี้มันน้อยจริงๆค่ะ เด็กที่จะเข้าครัวพร้อมคุณย่า แล้วไปนั่งร้อยมาลัยกับคุณยาย 2. อยู่ได้แค่ 3 - 4 เดือน ซึ่งส่วนใหญ่กว่าชีวิตจะลงตัว กว่าจะออกหางานสองได้เวลาก็ผ่านไประยะนึง ก็ยิ่งเหลือน้อยเข้าไปใหญ่ พอเค้ารับคุณเทรนคุณเสร็จจนคุณเป็นงาน คุณก็ต้องกลับ คุณอย่าลืมว่าร้านอาหารไทยที่เมืองนอก กับเมืองไทยมันต่างกันนะ 3. เค้าจะจ้างคุณทำไม ในเมื่อคนไทยที่ไปโดยวีซ่าอื่นๆ ที่เค้าไม่มีข้อผูกมัดกับงานหลัก มีอยู่ตั้งเยอะแยะ ขณะที่คนอื่นพร้อมทำงานให้เค้า full time แต่คุณต้องไปเอาดีกับงานหลักให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าคุณมีปัญหา นายจ้างจะส่งเรื่อง terminate visa คุณ ยิ่งเมืองใหญ่ๆคนไทยอยู่หลายร้้อย หรือหลักพันค่ะ เค้าไม่แคร์คุณหรอก เค้ามีคนอื่นที่พร้อมกว่าคุณ อันนี้ไม่ได้ว่าคนที่ได้ทำงานที่ร้านอาหารไทยนะ เค้าอาจจะมีความสามารถจริงๆก็ได้ แต่เอาคนที่เราสัมผัสมาแล้วกันสิ่งที่ทำให้เค้าได้งาน คือเค้าไปโกหกกว่าเค้าไม่ได้มา WAT คือโกหกว่ามาวีซ่าท่องเที่ยว บางคนก็โกหกว่ามาเรียนภาษา เพราะวีซ่าพวกนี้มัน อยู่ครึ่งปีหรืออาจอยู่ได้เป็นปี หรือกรณีคนที่ไม่ได้โกหกเรื่องวีซ่า มันก็โกหกว่าจะไม่กลับไปรับปริญญาอยู่ได้นานก็เป็นซะแบบนี้ เราเห็นใจร้านไทยหลายๆร้านนะ ที่โดนโกหกแล้วแบบนี้เค้าก็ติดลบกับเด็ก WAT อย่างเราๆ ไม่อยากจะช่วยแล้ว เพราะช่วยเรามันก็ทำให้เค้าเสียโอกาส แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด แต่อย่างน้อย nakoze คนนึงหล่ะ ที่จะไม่โกหกเพื่อให้ได้ทำงาน หรือคุณไม่เชื่อ ว่าเวรกรรม มันมีจริง .... ราตรีสวัสดิ์ประเทศไทย คลิกเพื่ออ่านต่อ Chapter 17 : นิวยอร์คซิตี้ ... เมืองนี้มีแต่คนป่วย คลิกเพื่อย้อนกลับไป Chapter 15 : ทำงานที่นี่คุณต้องทน ถ้าคุณไม่ทนเราก็ไม่มีงานให้คุณทำ ... คุณถูกไล่ออก ชีวิตจริง ไม่ใช่อย่างที่เขาเอาไปสร้างเป็นหนังหรือเป็นละคร สิ่งที่น้องเจอยังน้อยกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ กับชีวิตของคนไทยที่มาทำงานร้านอาหารไทยอย่างผิดกฎหมาย เมื่อลงทุนมาอเมริกาแล้ว ก็ถอยกลับไปไม่ได้ ทำได้อย่างเดียว คือ"เดินหน้า" กว่าพี่ๆเหล่านั้นจะก้าวขึ้นมา"เป็นเจ้าของร้านอาหารไทย"ล้วนผ่านช่วงเวลา"อันไม่พึงต้องประสงค์"เช่นนั้นมาแล้วทั้งสิ้น ให้อภัยพี่ๆเขาเถอะ ถ้าพี่เขามีทางเลือกที่ดีกว่านั้น พี่เขาคงกลับไปนั่งเป็นคุณนาย มีคนขับรถ มีคนรับใช้คอยทำงานบ้าน ที่เมืองไทยนานแล้ว เพราะชีวิตพี่เขาเอง ยังต้องทำงานห้ามรุ่งห้ามค่ำอยู่เลย น้องคงต้องเข้าใจถึงความเก็บกดที่มีอยู่ในใจของพี่เขา
โดย: แม่ครัวร้านอาหารไทยประสบการณ์สิบปีเป็นประกัน IP: 71.203.19.77 วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:3:30:49 น.
เข้าใจค่ะคุณแม่ครัวร้านอาหารไทยประสบการณ์สิบปีเป็นประกัน
แต่ไอ้ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเอาแต่ด่า ด่าอย่างเดียว ถ้าจะสอนคน มันมีตั้งหลายวิธีนี่คะ ไม่รู้สิคะ ดิฉันยึดหลักเอาใจเขามาใส่ใจเราน่ะ โดย: nakoze วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:10:56:45 น.
เป็นคนเอาใจเขามาใส่ใจเราเหมือนกันค่ะ และไม่ชอบการกระทำลักษณะแบบนี้ ต่อให้อ้างว่า ผ่านอะไรๆมามากมายแค่ไหน แต่การให้เกียรติตัวเองและคนอื่นนั้นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์ เห็นไหมเวลาหมามันโกรธกันนะมันไม่อธิบายเหตุผลนะ แต่คนพูดได้
โอ้ยถ้าพี่เจอแบบนี้ รับรองว่า .....สนุก ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะสู้ๆๆ โดย: คนอยากเป็นเจ้าของร้านอาหารไทย IP: 143.176.16.247 วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:12:53:48 น.
สวัสดีค่ะพี่ nakoze สบายดีนะคะหายไปนานเลย วันนี้เพิ่งจะมาอ่านเรื่องราวตอนที่ 16 ค่ะ แหม ทำงานที่ร้านอาหารไทย ทรหด จังเลยนะคะเจ๊แกก็ไร้เหตุผลเกินไปหน่อย คนๆหนึ่งนิสัยไม่เหมือนกันเนอะจะเหมารวมหมดมันก็ไม่ใช่
อย่างที่แม่ครัวบอกคือ มันก็เหมือนความในใจอย่างหนึ่งสำหรับคนที่เป็นแม่ครัวเนอะมันก็ดีสำหรับการที่เอาใจเขามาใส่ใจเรามันก็ดีค่ะอยู่ด้วยกันอย่างสุขสันต์ ^^ โดย: NokJbz IP: 124.121.67.193 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:22:08:11 น.
สวัสดีค่า จริงๆพี่อัพไปหลายบล็อกมากเลยช่วงนี้
ลองตามอ่านดูนะจ๊ะ โดย: nakoze วันที่: 19 ตุลาคม 2554 เวลา:0:26:50 น.
ต่อทีเดียวให้บเลยไม่ได้หรอ มันค้างคาอ่า อยากอ่านมากๆ เห็นใจมั่งจิ ฮือๆ
โดย: Aorm IP: 182.53.82.60 วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:19:21:56 น.
อ่านแล้วเห็นภาพเลยคะ
มันส์มากๆ 555 โดย: Prim IP: 180.214.218.83 วันที่: 25 ตุลาคม 2554 เวลา:10:45:03 น.
รู้สึกสงสาร อิเจ๊นั่น ที่ทำตัวน่ารังเกียจขนาดนี้
ชื่นชม คุรnakoze ที่อดทนค่ะ แล้สเห็นด้วยกับคุณ แม่ครัวร้านอาหารไทยประสบการณ์สิบปีเป็นประกัน ที่จะให้อภัย อิเจ๊ ว่าเขาผ่านอะไรมา แม้คนเราเจออะไรมาร้ายๆเหมือนกัน แต่ก็เลือกแสดงออกได้ต่างกันค่ะ ถ้าไม่มีใครบอก หรือเป็นกระจกล่องให้อิเจ้ คิดได้ซะที "อิเจ๊" ก็จะต้องเก็บกดแบบนี้ต่อไปจน สมองจะระเบิด แน่ๆ เพราะคงเอาความร้ายกาจมาลงที่เด็กไทยไปเรื่อยๆ รุ่นต่อรุ่น แกคงไม่มีคนดูแลแกตอนแก่อ่ะค่ะ แล้วถามว่า ความเกลียดชังที่ฝังอยูาในใจแก ทำให้แกเป็นแบบนี้ใช่ไหม ก็ตัวแกเองอ่ะค่ะ แทยที่จะอยู่แบบมีความสุข ทำงานหนักได้ แต่ทำไมต้องเครียดแล้วด่าคนอื่นด้วย โดย: wii IP: 124.121.184.93 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:09:29 น.
พี่ nakize คะ พอดีอยากไปเวิร์คที่ NY คะ เลยอยากขอค่ำแนะนำอ่ะ ทางไหรก็ได้ที่คฺณพี่สะดวกค่ะ
โดย: กิ๊ฟท์ IP: 202.12.73.129 วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:15:40:49 น.
พี่ nakize คะ พอดีอยากไปเวิร์คที่ NY คะ เลยอยากขอค่ำแนะนำอ่ะ ทางไหรก็ได้ที่คฺณพี่สะดวกค่ะ
โดย: กิ๊ฟท์ IP: 202.12.73.129 วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:15:41:39 น.
คลิกดูเมล์ที่ Profile ค่ะ ส่งเมล์หรือแอดเอ็มมานะคะ พี่ไม่รับแอดเฟสคนที่ไม่รู้จักจ้า
โดย: nakoze วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:19:24:43 น.
ขอบคุณค่ะ กำลังจะส่งไปแล้วค่ะ พอดีเพิ่งจะสอบเส็ด โทษทีที่เพิ่งมาเห็นค่ะ
โดย: กิ๊ฟท์ IP: 202.12.73.4 วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:7:52:37 น.
เฮ้ออ ... อารมณ์ระงับได้ดีจริง ๆ เป็นเราคงเอาจานผัดไทยใส่หัวนังนั่นไปแล้ว ยุบหนอ พองหนอ ขันแตก
โดย: เด็กน้อยตัวแสบ วันที่: 2 สิงหาคม 2555 เวลา:13:54:43 น.
@ คุณเด็กน้อยตัวแสบ : ถ้าอยู่นานกว่านี้ก็ไม่รู้จะทนยิ้มไหวหรือเปล่าเหมือนกันล่ะค่ะ
โดย: nakoze วันที่: 3 สิงหาคม 2555 เวลา:3:39:47 น.
อดทนได้เก่งมากกกก ระงับอารมณ์สุดยอดมาก
ถ้าเป็นเรา เราอาจน้ำตาคลอ ไม่ก็ออกมาจากร้านตั้งนานแล้วว สุดยอดๆๆๆ เก่งมากค่ะ :) โดย: Joob IP: 124.122.217.252 วันที่: 6 สิงหาคม 2555 เวลา:1:41:39 น.
โหว นึกภาพได้เลยค่ะ เราทำงานครัว ค่ะ มันกดดัน ถ้าออเดอร์ มาเยอะๆ ต้องทำให้ทัน อ่ะ ค่ะ ไม่งั้น ก็โดนด่า เหมือนกัน แต่เราทำแถวพารากอน อ่ะ เห็นใจ และ เข้าใจ ค่ะ บอกตามตรง งานครัวในไทย ก็ไม่ต่างจาก ต่างประเทศ แต่ต่างกันตรงที่อารมณ์เหมือน อยู่ในบ้าน และ กับอารมณ์ที่อยู่ต่างแดน มันเหงา พอโดนว่า โดนดูถูก มันทำให้เรา หมดกำลังใจ เหมือนกัน แต่ถ้าคนสู้ไม่ถอย ก็ดี ค่ะ เอาใจช่วย นักเรียน WAT ทุกคน น่ะค่ะ ร่วมถึง คุณ nakoze ด้วย ที่ให้ความรู้ และบทเรียน มาแบ่งปันกับคนอื่น ดี มากๆ ค่ะ
โดย: Loann IP: 58.9.188.194 วันที่: 6 ธันวาคม 2555 เวลา:17:35:31 น.
อ่านมันส์มากๆค่า
โดย: kung IP: 58.9.251.48 วันที่: 5 มีนาคม 2557 เวลา:22:39:43 น.
ชอบอ่ะค่ะที่พี่พูดมีหัวมีก้อย อยากให้พี่เล่าด้านดีๆบ้างอ่ะค่ะ พี่เจออะไรไม่ดีเยอะเลย แต่พี่ก็สู้มากค่ะ
โดย: nack IP: 1.46.195.94 วันที่: 17 พฤษภาคม 2557 เวลา:22:23:52 น.
|
nakoze
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]
Link |