Group Blog
All Blog
|
◄ Chapter 11 : ชีวิตวันๆของฉันใน America ปรับปรุงข้อมูล ณ 14 July 2012 Chapter 11 : ชีวิตวันๆของฉันใน America ถ้าพูดถึงอเมริกาแล้วละก็รับรองค่ะว่าภาพที่ทุกคนเห็นคงจะเป็นภาพของตึกระฟ้า sky line ที่มีแต่ตึก ตึก ตึก!! แสงสี ความทันสมัยและปาร์ตี้ !! แต่ nakoze…ขอแสดงความเศร้าโศก โศกา เสียใจและไว้อาลัยมา ณ ที่นี้ ก็ไอ้เมือง Bling Bling แบบด้านบนน่ะมันกระจุกตัวอยู่แค่ที่บางเมืองเท่านั้นล่ะ เช่น Los Angeles , San Francisco , Miami , NYC , Chicago และเมืองใหญ่ๆบางเมือง นอกนั้นนะคุณเอ้ย …. จังหวัดปริมณฑลบ้านเรายังคึกคักกว่าเยอะ และเนื่องจากที่ nakoze ไม่เคยมาอเมริกาก็เลยจินตนาการไม่ออก แต่พอมาอยู่ได้ไม่นาน ก็เริ่มตระหนักได้ว่า … มัน เงียบ มาก ซึ่งแน่นอนค่ะเรื่องช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมนั้น ลืมไปได้เลย! แต่ในความโชคร้ายนั้นก็ยังมีโชคดีอยู่บ้างก็ตรงที่บ้านของ nakoze อยู่ใกล้ๆกับห้างใหญ่ถึง 3 ห้าง ก็คือ Target , Walmart แล้วก็ K-mart ส่วน shopping mall นี่ต้องนั่งรถเมล์ไป ดังนั้นแล้วในวันว่างๆของเด็กไทยก็คือการช็อปปิ้งที่ Walmart Walmart เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของอเมริกา ซึ่งสินค้าที่นี่จะราคาถูกกว่าห้างอื่น ถ้าให้เทียบให้เห็นภาพก็จะเป็นเหมือนเทสโกโลตัสที่ไทย ที่ Walmart นี้ก็จะขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบเลยล่ะค่ะ มีทั้งอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ มุมเครื่องปรุงเอเชีย น้ำปลา หนังสือ แต่งสวน เครื่องสำอางค์ ไอแพด กระทั่งจักรยาน และนอกจากแหล่งบันเทิงใจ(แต่เป็นภัยต่อเงินในกระเป๋าสตางค์)ข้างต้นแล้ว Nakoze ก็แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรทำเลย มันน่าเบื่อมากๆเหมือนใช้ชีวิตให้หมดไปวันๆนึง จนกระทั่งวันนึงพี่เบลล์ผู้ใจดีก็เอ่ยปากชวนน้องๆไปพักผ่อนหย่อนใจกัน เย็นวันนั้นทุกคนก็แต่งตัวสวยพร้อมลุยกัน โดยที่ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นที่ไหน รถของพี่เบลล์แล่นไปประมาณ 20 นาทีเราก็ถึงที่หมาย … จินตนาการค่ะ คุณกำลังเห็นหนุ่มสาวพาหมามาเดินเล่น เบื้องหน้าเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีพื้นหญ้าสีเขียวสดดูนุ่มน่านอน … ใช่แล้วค่ะ nakoze กำลังเที่ยวอยู่ที่สวนสาธารณะ!!!! (จริงมันไม่ควรได้บรรญัติอยู่ในหมวดสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองด้วยซ้ำไป) แต่เอาล่ะค่ะในเมื่อมันเป็นของฟรีเราก็ต้องทำใจ ถือเสียว่ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์สวนสาธารณะฝรั่ง
nakozeและเพื่อนๆก็เริ่มออกเดินสำรวจสวนสาธารณะกัน บางมุมเป็นเหมือน unseen ของเมืองก็แวะถ่ายรูปกันก่อนจะเดินต่อไปเรื่อยๆ ชิวๆ พอเดินเรื่อยๆ อากาศเย็นๆ ได้อยู่กับความคิดตัวเองมันก็เริ่มเห็นความสงบ มองไปมองมาการที่มาอยู่ Ames มันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด อย่างน้อยก็มีห้างให้ช็อปปิ้งอยู่หลังบ้าน มีเพื่อนร่วมงานดีๆได้เจอกับคนดีแค่นี้มันก็มีความสุขแล้ว
ขับรถเล่นดูวิวบ้าน(ของคนอื่น)ได้ไม่นานกระเพาะน้อยๆของ nakoze ก็เริ่มส่งเสียงประท้วง พี่เบลล์ก็เลยพาไปร้านบุฟเฟ่อาหารจีน บุฟเฟ่ที่นี่หัวละ $10 กินได้ไม่อั้น เติมน้ำอัดลมได้ฟรี ซึ่งอยากจะบอกว่ามันโคตรอภิมหาคุ้มเลยล่ะ เพราะบุฟเฟ่ที่นี่เค้าเสิร์ฟขาปูอลาสก้าด้วย !!!! และแน่นอนค่ะว่าวันนั้น…..ร้านเจ๊ง 55+ เท่าที่สังเกตจากการไปกินบุฟเฟ่กับเพื่อนร่วมงานฝรั่งแล้ว พบความแตกต่างอย่างนึงของคนไทยและฝรั่ง นิยามของคำว่าบุฟเฟ่สำหรับคนไทยนั้นคือ ยัดจนกว่าจะอิ่ม แต่ฝรั่งเค้าจะกินแค่อิ่ม พออิ่มเค้าก็หยุด ซึ่งแน่นอนว่าวันไหนที่ไปกินอาหารกับเพื่อนฝรั่งนั้นทุกคนจะมองตาค้าง นี่ทำไมพวก you อดอยากกันได้ขนาดนี้ นี่กะว่าถ้าตักใส่กระเป๋าได้กูก็จะตักกลับไปกินบ้านต่อเลยนะนี่ เวลากินบุฟเฟ่ด้วยกันเด็กไทยต้องเกรงใจบอกเค้าว่า เอ่อ...พวกยูกลับไปก่อนเถอะ
นอกจากเรื่องกินแล้ว ที่เมือง Ames ก็ยังมีคล้ายๆ games complex ชื่อว่า Perfect games ก็มีเพื่อนร่วมงานบางคนสงสารเด็กไทยตาดำๆ ก็พาไปเที่ยวบ้าง พาไปดูหนังบ้าง และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ “Alex” สงสารเมตตาเด็กไทยตัวน้อยตาดำๆ อเล็กซ์เป็นฝรั่งผิวขาววัยกลางคน ที่มีความคิดแหวกกระแสชาวโลก ที่บ้านอเล็กซ์ทำธุรกิจขายรถยนต์ ซึ่งแน่นอนว่าอเล็กซ์เป็นคนมีฐานะอยู่พอสมควร แต่ด้วยความที่อยู่สบายๆไม่ได้ อเล็กซ์แกก็เลยตัดสินใจมาสมัครงานที่ McDonald ที่ได้แค่ชั่วโมงละ $7.25 หลังเลิกงานวันนึงอเล็กซ์ก็ชวนเด็กไทยไปโยนโบว์ลิ่งที่ไอ้เจ้า Perfect games นี่แหละ
ซึ่งแน่นอนค่ะว่าวันนั้นอเล็กซ์ได้ท่าโยนแปลกๆแบบ made in Thailand ติดตัวไปเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นท่ายกสองมือลอดหว่างขา หรือว่าจะเป็นท่าโยนแบบโก่งโค้งกลับหัว อเล็กซ์ก็อเมซซิ่งไทยแลนด์มากๆ
นอกจากอเล็กซ์ก็ยังมีเพื่อนร่วมงานสาวชาวลาว แต่เกิดที่ US ชื่อว่าลานนา ลานนาอายุไล่เลี่ยกับเด็กไทยค่ะ กำลังเรียนอยู่ที่ state university นั้นแหละ เด็กไทยชอบลานนากันมาก เพราะว่าลานนาพูดภาษาไทยได้ !!!! …. จากที่แรกๆ เด็กไทยจะรู้สึกเกร็งเวลาทำงานร่วมกับต่างชาติเพราะฟังเค้าพูดไม่รู้เรื่อง แต่หลังๆกลับเป็นต่างชาติรู้สึกเกร็งเวลาทำงานร่วมกันคนไทย เพราะอิพวกนี้เม่งคุยกันแต่ภาษาไทย ยิ่งได้ลานนามาแจมด้วยแล้ว โอ้ย คุณขา มันส์ยิ่งกว่าเปิดรายการล้วงลับตับแตกดูเสียอีก Nakoze เคยถามลานนาว่าทำไมถึงรู้ภาษาไทยทั้งๆที่เกิดที่อเมริกา ลานนาก็บอกว่าเพราะตอนเด็กๆ แม่ ชอบเปิดละครไทยดู ลานนาก็นั่งดูด้วย บอกว่าละครไทย(ตบกัน)สนุกก็เลยชอบ ดูมาแต่เล็กๆ ภาษาไทยก็เลยคล่องบรื๋อแบบทุกวันนี้ 55+ วันหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เด็กไทยก็ขอวัน day off พร้อมกันยกชุด เพราะจะไปเล่น laser tag ที่ Perfect games ว่าแล้วเราก็ทำการแบ่งทีมเป็นทีมสีฟ้า กับทีมสีแดง จากนั้นทางสตาฟก็แจกเสื้อเกราะและปืนมาคนละชุด (เค้าเล่นจริงจังกันดีเนอะ) ที่เสื้อเกราะทีมสีแดงก็จะมีแสงเลเซอร์สีแดงวิ่งกระพริบอยู่ทั่วเกราะ ปืนก็จะเป็นแสงเลเซอร์สีแดง ส่วนสีน้ำเงินก็จะเป็นสีน้ำเงินแทน ระยะเวลาการเล่นนี่ประมาณ 15 นาที ทีมไหนทำคะแนนได้มากที่สุดก็จะชนะไป ก่อนเข้า nakoze ก็บ่น โอ้ยเล่นแค่ 15 นาทีเองหรอ อ่อนมากๆยังวิ่งไม่ทันเหนื่อยเลยแน่ๆ และแล้วเกมส์ก็เริ่มต้นขึ้น nakoze ถูกพามาในห้องมืดๆ ที่มีแสงสลัวๆเพียงน้อยนิดพอให้คลำทางได้ ลักษณะการตกแต่งด้านในทำเหมือนโกดัง 2 ชั้น ที่มีมุมโน้น มุมนี้ให้หลบ ฝ่ายสีแดงของ nakoze ก็วางแผนส่งพิมพ์กับแทมไปเฝ้าฐานเอาไว้ เพราะถ้ายิงฐานจะได้คะแนนเยอะ ส่วนคนอื่นก็ออกล่าและถูกล่าตามอัธยาศัย เมื่อเสียงหวอดังขึ้นก็เป็นเริ่มต้นเกมส์ nakoze ก็วิ่งไปยิงคนโน้นที คนนี้ที (แต่ส่วนมากจะโดนเค้ายิง) ถ้าใครโดนยิงเสื้อเกราะมันก็จะสั่น ต้องรออีกประมาณ 5 วินาทีถึงจะไปยิงคนอื่นได้ต่อ บรรยากาศด้านในต้องเรียกว่าโกลาหนมากๆ เพราะนอกจากเสียงยิงกันแล้วยังเต็มไปด้วยเสียงกรี๊ดของสาวๆ nakoze กับแฟนต้าที่ปกติตัวจะติดกัน แต่คราวนี้โดนแยกทีม เกิดอาการงงเล็กน้อย วิ่งไปต่อสู้ด้วยกันทั้งๆที่มึงกะกูนี่คนละทีมกันจ๊ะ 55+ บางทีมันก็เกิดการสับสนไม่รู้ว่ากูต้องทำอะไรวะเนี่ย วิ่งมาเจอหน้าลานนา (อยู่ทีมตรงข้าม) แทนที่จะยิงกัน กลับวิ่งมากรี๊ดใส่กันเสร็จแล้วก็หันหลังวิ่งหนีกันไปซะงั้น 55+ เจ้าบ้านบางคนมือโปรหน่อยก็จะรู้ทิศทาง ไปรอดักอยู่ชั้นสอง แล้วก็ยิงลงมาด้านล่าง อย่าง nakoze นั่งหมอบรอซุ่มยิงอยู่ด้านล่าง แต่อยู่ดีๆเกราะมันก็สั่นไม่หยุด ทีนี้ก็งงสิใครยิงกูวะเนี่ยมองหารอบๆก็ไม่เห็นมี ท้ายที่สุดไอ้คนยิงมันก็คงจะกลั้นขำไม่อยู่ หลุดหัวเราะกร๊ากมาจากด้านบน nakoze ก็ถึงบางอ้อ วิ่งขึ้นไปสอยมันลงมา แต่อนิจจาโดนต้อนเข้าไปตายซะแล้ว ไอ้ทีมตรงข้ามมันดันตั้งป้อมอยู่กันหลายคน โดนยิงแล้วยิงเล่าไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ จนสุดท้ายหมดเวลา ทีม nakoze แพ้พ่ายไปในที่สุด ถ้ามีใครถ่ายรูป before กับ after ไว้คงจะได้เห็นว่าภาพก่อนเข้านี่ nakoze ปากดีเหลือเกิน เวลาน้อยจังบลาๆๆ พอ after นี่ภาพที่เห็นคือเม็ดเหงื่อผุดขึ้นทุกรูขุมขน ผมเผ้ากระเจิง เสียงก็แหบแห้ง สภาพไม่ต่างจากไปอยู่ในสมรภูมิมาจริงๆ
นอกจากเที่ยวที่ game complex แล้ว ก็มีโอกาสครั้งนึงที่ได้ไปดูหนัง รู้สึกว่าโรงหนังจะราคาคนละ $10-12 จำไม่ค่อยได้ เพราะไม่ต้องควักกระเป๋าเอง งานนี้ได้แดเนียลพาเด็กไทยไปเลี้ยงหนัง ซึ่งไอ้หนังเรื่องที่ว่ามันก็คือ A Nightmare on Elm Street .... พอหนังเริ่มฉาย บางฉากที่ขวัญผวามากๆก็ได้ยินเสียงอเมริกันชนกรีดร้องเป็นระยะๆ ยอมรับว่าหนังค่อนข้างน่ากลัว แต่ถ้าเทียบกับของไทยล่ะก็ … อื้ม เหมือนมวยคนละรุ่น ลองเจอ shutter เวอร์ชั่นไทยเข้าไปละก็ รับร้องว่ากรี๊ดกันโรงแตกแน่ …. โรงหนังเล็กๆที่อเมริกานี่ไม่มีระบุที่นั่งค่ะ ใช้ระบบ first come first serve ใครไปก่อนก็ได้นั่งที่ดี
|
nakoze
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]
Link |
เปงแพะไปซะครึ่งตัว
หลังจากนั้นชีไม่คิดลบก่าฝ้ายไปแล้นหรอ