|
=> สังคมไทยวิกฤติคนแก่พุ่ง หนุนมีบุตรลดการขาดดุล
สังคมไทยวิกฤติคนแก่พุ่ง หนุนมีบุตรลดการขาดดุล ชี้สังคมไทยวิกฤติคนแก่พุ่งเด็กเกิดน้อย พบคนชรากว่าร้อยละ 25 อยู่ในครัวเรือนที่จนที่สุด จี้รัฐปรับโครงสร้างประชากรคาด 10 ปีตายเพิ่ม 1 แสน หนุนมีบุตรมากขึ้น เพื่อลดการขาดดุล...
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. รศ.ดร.วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยผลการวิจัยเรื่องชีวิตคนไทย:เด็กกับผู้สูงอายุว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านพบว่า จำนวนเด็กและครัวเรือนที่มีเด็กลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งเมืองและชนบท จากข้อมูลปี 2529 พบว่ามีเด็กอยู่ในครอบครัวร้อยละ 66 ของประชากรและปี 2551 มีเด็กร้อยละ 48 และปัจจุบันลดลงเหลือเพียงร้อยละ 22 ของประชากร และยังพบอีกว่าปี 2540 การเกิดแล้วมีชีพ ลดลงถึงร้อยละ 5 และปี 2542 ลดลงร้อยละ 14 นั่นหมายความว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งที่พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกเกิดมากขึ้น
ข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2552 พบว่า เด็กอยู่กับพ่อ และแม่มีจำนวนน้อยลง ทั้งในเมือง และชนบท แต่อยู่กับผู้สูงอายุมากขึ้น โดยเด็กที่อยู่ในกลุ่มนี้จะถูกเลี้ยงดูแบบตามใจมากกว่าการอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งงานวิจัยในต่างประเทศระบุว่า เด็กในกลุ่มดังกล่าวจะด้อยกว่าเด็กอื่นๆ ทางด้านแรงจูงใจในการศึกษา และการประสบความสำเร็จส่วนการที่เด็กไม่ได้อยู่ กับพ่อแม่ ร้อยละ 49 มีสาเหตุมาจากพ่อแม่ทำงานคนละจังหวัด พบมากที่ภาคอีสาน รองลงมา คือ ภาคเหนือ ส่วนร้อยละ 32 เกิด จากสาเหตุพ่อแม่แยกทางกัน มีมากที่กรุงเทพฯ และภาคกลาง ส่วนภาคที่มีอัตราการหย่าร้างน้อยที่สุด คือ ภาคใต้ และว่าขณะนี้ประเทศไทยมีอัตราการเกิดต่ำควรสร้างสมดุลทางโครงสร้างประชากร ด้วยการสนับสนุนให้คนมีลูกมากขึ้น เพื่อลดการขาดดุลประชากร
นักวิชาการทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงผลวิจัยเกี่ยวกับคนชราว่า คนไทยมีอายุยืนขึ้น และมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น ทั้งในเมือง และชนบท โดยมีมากในภาคเหนือ และภาคอีสาน มีข้อมูลว่า คนชรากว่าร้อยละ 25 อยู่ในครัวเรือนที่จนที่สุด และพบว่าครัวเรือนที่ผู้สูงอายุอยู่กันเองมีมาก ถึง 1.08 ล้านคนหรือร้อยละ 5.5 ของประชากรไทย นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่พึ่งพิงรายได้จากลูกถึงร้อยละ 67 รองลงมา คือ การทำงานและรายได้จากการออมเพียงร้อยละ 3 โดย 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุทั้งหมดไม่มีเงินออม ดังนั้นการที่คนมีลูกลดลงก็จะทำให้ผู้สูงอายุในอนาคตจะต้องพึ่งพิงรายได้จาก แหล่งอื่นมากขึ้น
ทั้งนี้ มีตัวเลขที่น่าสนใจว่าผู้สูงอายุมีการคิด หรือเตรียม เพื่อเข้าสู่วัย สูงอายุ โดยเตรียมด้านจิตใจถึงร้อยละ 67 เพราะไม่ได้เป็นการลงทุนใดๆ ส่วนการเตรียมการด้านการเงินมีร้อยละ 53 ทั้งนี้ ยังพบอีกว่าสัดส่วนวัยแรงงานดูแลคนชรานั้นมีอัตรา 2 ต่อ 1 คือ วัยแรงงาน 2 คนดูแลคนแก่ 1 คน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยพบว่าคนที่ดูแลคนชราส่วนใหญ่เป็นลูกสาวมากกว่าลูกชาย จากข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าทัศนะคติของคนไทยนั้นให้คุณค่ากับคนในครอบ ครัวสูง โดยเฉพาะคนในพื้นที่ภาคใต้
สำหรับสวัสดิการทางสังคมมีผู้สูงอายุได้รับสิทธิตามนโยบายนี้แล้วกว่าร้อยละ 70 ส่วนสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลนั้นส่วนใหญ่ได้รับสิทธิประกันสุขภาพ 30 บาท มีเพียงร้อยละ 19 เท่านั้นที่ไม่ได้รับสวัสดิการรักษาพยาบาลใดๆ ส่วนข้อมูลเรื่องการตายนั้นมีการคาดการณ์ว่า มีตัวเลขการตายถี่ขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาและคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าคนตายจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 แสนคน.
โดย ทีมข่าวการศึกษา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 20 มี.ค. 2554, 15:32 น.
Create Date : 21 มีนาคม 2554 |
Last Update : 21 มีนาคม 2554 18:28:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 328 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|