บอกแล้วไม่ฟัง
Group Blog
 
All blogs
 
=> ครึ่งหลังของชีวิต

ครึ่งหลังของชีวิต


คนงานที่ใช้แรงงานมักไม่กังวลเกี่ยวกับครึ่งหลังของชีวิตแต่เพียงรักษาสิ่งที่ทำไว้ ถ้าโชคดีที่จะอยู่รอดจากการทำงานหนักถึง 40 ปีในโรงงานหรือองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชนโดยมีความสุขที่จะได้อยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไร อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้งานส่วนใหญ่คืองานที่ต้องใช้ความรู้ และคนที่ใช้ความรู้มักไม่ได้สิ้นสุดหลังจาก 40 ปี แห่งการทำงานเพียงแต่อาจอยู่ในสภาวะเบื่อหน่ายเท่านั้น


การพูดคุยของคนช่วงกลางวัยของผู้บริหาร ส่วนใหญ่มักพูดเรื่องของความเบื่อหน่าย พวกเขาอาจจะเก่งกาจเรื่องงาน แต่ไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้ ทุ่มเท ไม่ได้รับความท้าทายหรือความพึงพอใจจากงานแต่เขาก็ยังคงมีท่าทีว่าจะต้องทำงานต่อไปอีก 20 หรือ 25 ปี นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม การบริหารจัดการตัวเองที่เพิ่มขึ้นทำให้บุคคลเริ่มต้นอาชีพที่สอง




วิธีการพัฒนาอาชีพที่สอง มีอยู่ 3 วิธี คือ

วิธีแรก : การลงมือเริ่มต้นทำบางอย่าง บ่อยครั้งที่สิ่งนี้คือการเปลี่ยนจากองค์กรประเภทหนึ่งไปสู่องค์กรอีกประเภทหนึ่ง ตัวอย่าง ผู้ตรวจสอบระดับแผนกในองค์กร กลายมาเป็นผู้ตรวจสอบของโรงพยาบาลขนาดกลาง แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ย้ายไปทำงานด้านอื่นๆ ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เช่น ผู้บริหารองค์กร หรือ เจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้เข้าสู่กระทรวง/คณะรัฐมนตรี ในวัย 45 ปี หรือผู้จัดการระดับกลางออกจากองค์กร เพื่อเข้าโรงเรียนกฎหมาย และกลายมาเป็นทนายความ เราจะได้เห็นอาชีพที่ 2 มากขึ้น จากผู้คนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในงานแรกของเขา เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง และรู้วิธีการที่จะทำงานเป็นอย่างดี พวกเขาต้องการสังคม - เพราะว่าบ้านว่างเปล่าเนื่องจากเด็กๆโตหมดแล้วไม่ต้องการรายได้เป็นเรื่องหลัก


วิธีที่ 2 ที่จะเตรียมตัวเข้าสู่ครึ่งหลังของชีวิต คือ การพัฒนาอาชีพคู่ขนาน หลายคนที่ประสบผลสำเร็จในอาชีพที่ 1 ยังคงทำงานเดิมอยู่ ไม่ว่าจะทำเป็นงานประจำ งานพาร์ทไทม์ ในขณะเดียวกันเขาก็ทำงานอื่นคู่กันไปด้วย โดยส่วนใหญ่ทำงานให้แก่องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ ตัวอย่าง เช่น การทำงานบริหารให้แก่โบสถ์ของเขา หรือการเป็นนายกสภายุวกาชาดท้องถิ่น หรือสร้างสถานพักพิงให้แก่สตรีที่ถูกทำร้าย ทำงานเป็นบรรณารักษ์ให้แก่เด็กๆ สำหรับห้องสมุดสาธารณะท้องถิ่น หรือเป็นคณะกรรมการโรงเรียน เป็นต้น


วิธีที่ 3 : การบุกเบิกงานด้านสังคม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ที่ประสบผลสำเร็จในอาชีพที่ 1 มักจะทำ เนื่องจากเขายังรักการทำงาน แต่งานไม่ท้าทายต่อเขาอีกแล้ว ในหลายๆกรณี เขายังคงทำงานเดิมอยู่แต่ใช้เวลาน้อยลงเรื่อยๆ เขาเริ่มมีกิจกรรมอื่นๆทำด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรที่ไม่หวังกำไรบุคคลที่บริหารจัดการครึ่งหลังของชีวิตอาจจะเป็นเพียงคนส่วนน้อย คนส่วนใหญ่มักจะรอเกษียณจากงาน และนั่งนับปีจนกระทั่งถึงวันที่เกษียณ


ผู้คนที่เกษียณแล้วจำนวนมากกลายมาเป็นอาสาสมัครให้แก่องค์กรไม่หวังผลกำไร แต่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าบุคคลไม่เริ่มที่จะเป็นอาสาสมัคร ก่อนอายุ 40 ปี เพราะเขาจะไม่เริ่มเป็นอาสาสมัครเมื่ออายุเกิน 60 ปี เช่นเดียวกับ ผู้นำทางธุรกิจมักเริ่มทำงานในอาชีพที่ 2 ก่อนที่จะประสบความสำเร็จสูงสุดในองค์กรธุรกิจแรกของเขาลอง พิจารณาจากตัวอย่างกรณีทนายความที่ประสบความสำเร็จ อาจเริ่มจากการเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย นำทางไปสู่องค์กรขนาดใหญ่ โดยการเริ่มเป็นอาสาสมัครด้านกฎหมายสำหรับโรงเรียนเมื่อเขาอายุ 35 ปีจากการได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการโรงเรียนเมื่ออายุ 40 ปี เมื่ออายุ 50 ปี เขาก็มั่งคั่ง




Create Date : 20 ตุลาคม 2553
Last Update : 31 ตุลาคม 2553 18:55:51 น. 0 comments
Counter : 559 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

amaridar
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add amaridar's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.