Update! • Kenny Keng Web• Activity • Article • Imagine • My ARTWORK • BackPack/Journey • Sketch • All Art • alphafo

alphafoBasic Sketch • • 333 STUDIO KENNY KENG Blog


ALPHA FO
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]








**อันนี้ก็สำคัญครับ กับเรื่องของสิทธิ
คือว่าถ้าหากเพื่อนๆท่านใด
ต้องการนำภาพหรือบทความไปเผยแพร่
กรุณาแจ้งผมด้วยนะครับ

**ขอบคุณครับ**

alphafo

New Article : JAN 2015

Art trip : My Journey
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม"ฮานอย1 เวียดนาม:13/02/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา3 เวียดนาม:31/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา2 เวียดนาม:16/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา1 เวียดนาม:14/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" เดียนเบียนฟู เวียดนาม:09/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" หลวงพระบาง ลาว:07/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ไชยบุรี2 ลาว:26/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียนาม" ไชยบุรี1 ลาว:25/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ปาด แปด 8:23/12/14
• "เริ่มใหม่...ได้ทุกเมื่อ":25/02/14
• "ปั่นคิดที่กองโค":19/12/12
• "12 12 12":12/12/12

• "ลับแล ซะที" :06/08/12

• BEST OF THE BEST:05/03/12

alphafo

• กาแฟสดบ้านหมึกจีน coffee and china's art gallery:16/02/12

Update! • อุปกรณ์การวาด carbon powder
•เทคนิคการทำเฟรมเขียนสีน้ำมัน
•เทคนิคการทำเฟรมสีน้ำมัน
•ปลอกต่อดินสอ EE กรณีดินสอของท่านหดสั้นจุ๊ดจู๋
•การทำสมุดเสก็ตซ์อย่างง่ายและประหยัด
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 1
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 2
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 3



Update!เทคนิค ขั้นตอน การวาดภาพการ์ตูน
• : เทคนิคการวาดภาพผงคาร์บอนพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหัก
• การวาดการ์ตูนล้อเลียน
• พื้นฐานการวาดการ์ตูน
•เทคนิคการวาดภาพคนสีชอล์ก(หลวงปู่แดง)
•เทคนิคการวาดภาพคนเหมือนเต็มตัวสีน้ำมัน
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบหญิง
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบชาย
•เทคนิคการวาด carbon powder
•การวาดสีชอล์กแท่ง พระยาพิชัยดาบหัก
•การแก้ไขภาพสีน้ำมัน landscape
•เทคนิควาดภาพสีน้ำมัน Landscape
•พื้นฐานการวาดภาพสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่(Basic)
•เทคนิคการวาดเส้นหุ่นนิ่ง(Drawing)
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ตา"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "จมูก"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ปาก"
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนด้วยดินสอ EE(drawing portrait-woman)
•เทคนิคการวาดเส้นคนเหมือน (Drawing sketch)
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนภาพสีด้วยสีชอล์กแท่ง(pastel portrait)
•เทคนิคการใช้สีชล์อกแบบ drawing
•เทคนิคการแกะสติ๊กเกอร์แบบปลอกล้วย(จริงๆ)

alphafo ART ARTICLE :
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 6(สุดท้าย): โบนัสพิเศษกับงานศิลปะ
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 5 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 2)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 4 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 1)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 3 : ตามหามุมบันทึก(วาดเส้น)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 2 : ทำไมต้องเป็นถ่าน?
• "เที่ยวไปกับถ่าน" ตอนที่ 1: เด็กน้อยกับฝาบ้าน
**ภาพสเก็ตซ์สีชอล์กน้ำมัน
**เทคนิคประสม...ใคร ??
ศิลป์(ป่ะ) “ต้องเป็นตัวของตัวเองดิ๊” ...

ภาพวาดที่ฉีก: ผมยืนมองภาพพร้อมกับฟังเสียงหล่น..
ANATTA: วันที่ความหดหู่ หดเหี่ยว หรือเหี่ยวจนหด...
alphafo
alphafo

alphafo
alphafo


Sketch crawl ร่วม Sketch กับเพื่อนๆทั่วโลก

alphafo ALPHA FOCUS หนังสือพิชัย เมืองเล็กฯ เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองหน้าด่านของสยามประเทศในอดีต.....
alphafo
โอกาสที่ท่านมุ้ยมอบให้ สิ่งที่ผมเฝ้าศึกษาและสังเกตุ จะมีเรื่องราวและข้อมูลไปพ้องกับใครบางท่านเข้าอย่างจัง...

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ALPHA FO's blog to your web]
Links
 

 

"คือเธอ.....นั่นเอง"




เป็นงานแนวกึ่งนามธรรมที่ลองทำอยู่ คิดดูแล้วก็วาด
จู่ๆก็คว่ากระดาษ กับ Pastel color แล้วนั่งมอง
ผมค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้ภาพที่เห็นข้างในปรากฏ
และล่องลอยออกมา.....

ไม่มีการวางแผน ไม่กำหนดรูปทรง
ไม่คิดเรื่องสี หยุดคิดเรื่องราว ดูสีที่เห็นในกล่อง
แล้วก็หยิบขึ้นมาวาด ขีด จับสีโน้น เปลี่ยนสีนี้ไปเรื่อยๆ
ตามดวงจิตที่สั่งมา

มีคนเคยพูดไว้ว่า "จิตสั่ง+ลงมือทำ = จิตรกร"
ผมเองก็อยากจะทำแบบนั้นบ้าง
ไม่เหมือนตอนเรียนที่ต้องคิดก่อนทำ
แต่สิ่งนี้ทำโดยแบบไม่ต้องคิด



เมื่อภาพปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ สมองก็เริ่มได้คิดบ้าง
สมองเริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วงหลัง ว่าสิ่งนี้คืออะไร
แต่ในใจยังคงกำหนดเส้นสายให้เป็นไปตามนั้น

ลองชมกันครับ ไม่รู้ว่านึกกันออกหรือเปล่า
ภาพนี้คือภาพอะไร......

......
......เฉลยครับ

ภาพนี้เป็นภาพของสมองกับเส้นประสาทของมนุษย์
สิ่งที่สั่งให้กายภายนอก ที่เราพยายามตกแต่งให้สวยงาม
และฉาบทับไปด้วยความต้องการ
ความต้องการจากเส้นสายเหล่านี้ที่ส่งไปยังสมอง
สั่งไปว่าเราต้องการนะ....เราต้องการตอบสนองเส้นสัมผัสเหล่านี้

ทั้งๆที่มนุษย์สามารถที่จะวิวัฒนาการไปได้มากว่านี้
แต่กลับต้องมาหลงติดกับกับความต้องการของระบบต่างๆในร่างกาย

ใจเราใช้ร่างกาย+ความต้องการที่ไม่มีวันจบ เหมือนกับเด็กติดเกม

ปล่อยให้สิ่งแท้จริงที่อยู่ภายใน หลบเร้นอยู่เบื้องลึกสุดของความว่างเปล่า
ถ้าถามว่าใครกันที่ใช้ให้เราต้องเหนื่อย กังวล ทุกข์ทน
อยู่กับความต้องการของระบบประสาท...
ก็คงจะโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเราที่กักขังตัวเราเอง





 

Create Date : 11 มีนาคม 2554    
Last Update : 11 มีนาคม 2554 12:31:14 น.
Counter : 2291 Pageviews.  

10-10-2010 / 10:10 am.- 10:10 pm.




10-10-2010 / 10:10 am.- 10:10 pm.

วันนี้หลายๆคนพูดถึงแต่เรื่อง สิบ 10

สิบ เกิดวันที่10 เดือน10 มีอายุ 10 ปี กับอีก 10 วันพอดี
ที่พ่อตั้งชื่อว่าสิบเพราะว่าลำตัวระหว่างเขากับพี่ชายเมื่อรวมร่างกันแล้วเหมือนเลข10
เขาได้ตังค์ไปโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบัน ป.5 ก็ยังเป็น 10 บาทเท่าเดิม

เพราะเขาเชื่อมั่นในเลข 10 ซึ่งเป็นห้องเรียนที่เขาอยู่ใน ป.5/10 เลขที่ 10
แม้แต่บ้านเลขที่ของสิบยัง 10/10 ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สิบคิดว่าบังเอิญแน่ๆ
เขาเชื่อในฤทธิ์เดชและปาฏิหาริย์ของเลข 10 อย่างมากที่พัวพันกับชีวิตเขาอยู่
เขาเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งเพิ่งรู้ว่าข้อมูลที่เขาเห็นทั้งหมดมีตัวเลขเพียงสองตัว
รหัสที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสัญญานก็เป็นแค่เลข 1 0 ซึ่งเขาก็อยากให้มันมีแต่เลข 10

สิบรู้สึกว่าชีวิตเขาต้องเต็ม 10 ตลอด
แต่เขาจะกังวลอย่างมากทุกครั้งกับการสอบให้ได้ 10 ทุกครั้ง
"ครูครับผมขอเต็ม 10 นะครับ"
เขาจะขอครูทุกครั้งเพื่อให้ได้คะแนนเต็ม10
แม้กระทั่งข้อสอบ สิบห้าคะแนนเขาก็ต้องทำให้ได้แค่ 10

เพราะสิบเชื่อมั่นในเลข 10 เป็นอย่างมาก เขาจะเห็นเลข 10 เป็นการเติมเต็ม
สิบจะสอบได้ที่ 10 เสมอทั้งๆที่ส่วนใหญ่แล้วคะแนนเขาจะเต็ม 10
แต่ตอนหลังๆสิบจะกังวลและวางแผนการณ์ในการสอบทุกครั้งให้ได้ที่ 10

แม้กระทั่งการแข่งขันที่มีอยู่เพียงห้าคนเขาก็ขอกรรมการให้ได้ที่10
ชีวิตของสิบรู้สึกคุ้นเคยกับ 10 มาตลอด
และวันนี้เขาจึงมั่นใจในวันดีๆของเขาในวันที่ 10 เดือน 10 ปี สองพัน10

เขามั่นใจว่าสิ่งเติมเต็มในชีวิตเขาต้องเกิดขึ้น เขาจะออกบ้านเวลา 10.10 น.
ออกไปเพื่อไปดูผลสอบว่าจะได้ที่ 10 เหมือนเดิมหรือเปล่า.....
และคาดว่าคงกลับถึงบ้านให้ทันตี 10.10 น.
สิบจะเรียกเวลาช่วงสี่ทุ่มว่าตี10 เสมอ และสิบก็ชอบดูรายการ ตี10 ประจำ

แต่แล้วสิบก็ต้องตกตะลึงเป้นอย่างหนัก...

เทอมนี้สิบสอบได้ที่ 11 เพราะสิบกะคะแนนพลาด จึงได้ที่ 11 เกินมา 1 คะแนน
สิบค่อนข้างกังวลอย่างหนักเพราะเขาเป็นคนที่ดูเกินๆไปแล้ว เขาดูท้อแท้หมดหวัง ไม่มั่นใจและสับสน
วันนี้เขาเห็นร้านค้า ที่เป็นเลข 7 - 11 เต็มๆตา อยู่บริเวณหน้าโรงเรียน
เห็นรถยนต์ทะเบียน 789 วิ่งผ่าน มอเตอร์ไซค์ทะเบียน 234 จอดข้างๆ
ห้อง 10 ของเขาถูกกระจายรวมไปเป็นห้อง 9 , 8 และ 7 อย่างเลือดเย็น

สิบล้วงตังค์ในกระเป๋าวันนี้สิบได้มา 35บาท
สิบกลับถึงบ้าน 17.25 น.สิบจึงไม่ได้มีแค่ 10 อีกต่อไป
ในชีวิตของสิบยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายที่ไม่ใช่แค่ 10
สิบพบว่าตัวเลขอะไรย่อมมีความสำคัญในตัวมันเองเสมอ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 ทุกตัวเลขมีความสำคัญ
และที่สำคัญกว่าสำคัญคือมันเป็นสิ่งสมมุติ


วันนี้สิบจึงออกจากกรอบความคิดเดิมจากตัวเลขที่มีแค่ 10เท่านั้นเอง
ปีหน้าสิบจะอายุ 11 แล้ว 11 ก็มีความหมาย และทุกวันมีความหมาย
วันนี้ 10 - 10 - 2010 สิบจึงเลิกขีดกรอบให้กับตัวเลขที่มีแค่ 10
และเงยหน้าขึ้นเผชิญกับวันอื่นๆ อย่างมั่นใจ
พรุ่งนี้วันที่ 11 สิบจะพ้นจากกรอบที่ตัวเองขีดไว้แล้ว.....






 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553    
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 21:36:38 น.
Counter : 757 Pageviews.  

เทคนิคประสม .....ใคร??




เอารูปภาพเทคนิคผสมสมัยเรียนเมื่อหลายปีดีดัก มาแบ่งกันชมครับ
ดูๆแล้วผมเองก็เริ่มคิดมากตั้งแต่สมัยนั้นเลยหรือเนี่ยะ

ภาพนี้ใช้หลากหลายเทคนิคครับ
ทั้งสีน้ำกับสีน้ำมัน สีชอล์กน้ำมัน สีอาครายลิค
อักทั้งเรื่องราวยังเกี่ยวกับความเชื่อ ชีวิต และความรัก
ในใจบางทีก็นึกน้อยใจหลายเรื่องโน้นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยครับ
บางครั้งก็ฮึกเหิม กล้าซะจนบ้าบิ่น
ไม่กล้วความเจ็บปวดหรือความผิดพลาดหลายๆอย่างที่จะตามมา



มีหลากหลายคำถามที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น
ตอนที่ความรู้สึกรุนแรง ต่อต้าน กับสังคมการดำเนินชีวิตในโลกใบนี้
ที่ต่างคนต่างหากินแก่งแย่งแข่งขัน แล้วก็ ขอ ขอ ขอ ขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จนงงๆว่าเราขอพรอธิษฐานให้เห็นธรรมโดยเร็ว ให้ปลดปล่อยพ้นจากทุกข์

หรือขอพรเพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ อธิษฐานเพื่อหวังได้ ไม่ได้หวังที่จะปลดปล่อย ขอให้เข้าไปอยู่ในทุกข์ไวไว
เรามองอะไรกันพลาดมาตั้งแต่ตอนไหน ...หรือเปล่า
เรายึดติดที่ภาพลักษณ์ที่เป็นเปลือกหรือแก่นสาร
เปลือกที่ห่อหุ้มกับแก่นแท้ภายใน เรามองแยกออกมั้ย



และแล้วทุกอย่างก็ถูกลืมเลือน
ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกดูดเข้ามาสู่วังวนแห่งนี้
แรงดึงดูดแห่งความอยากได้ อยากมีมันช่างมากมายซะเหลือเกิน

จนมาถึงปัจจุบันที่ไม่นานมานี่เอง...
ผมมีโอกาสไปนั่งดูกิจกรรมที่ทางหน่วยงานราชการจัดให้ชม
วันนั้นจำได้ว่าไปดูคอนเสริต ของใครสักคนนี่แหละ
แน่นนอนไม่ต้องสงสัยว่าใคร เพราะผมนึกชื่อไม่ออก
เพราะถ้าเป็นฟิลม์ผมคงจำได้อย่างไม่ต้องสงสัย ฮืมมม..แอนนี่ด้วย

ผมค่อยๆเดินเข้าไปดูการแสดงวันนั้นอย่างห่างๆครับ
ว่าจะเข้าไปนั่งเก้าอี้ด้านหน้าสักหน่อย อันนี้แน่นอนเลยครับว่าเป็นศิลปินหญิง
ก็เกิดอาการไม่กล้าซะอย่างงั้นน่ะ สาเหตุเพราะ...
ด้านหน้าเขามักจะจัดให้บรรดาท่านประธานจัดงาน
แขกผู้มีเกือก อุ่ย!มีเกียรติทั้งหลายได้นั่งตัวตรงตั้งเด่ ชมคอนเสริต
ที่นักร้องทั้งเต้นทั้งดิ้นกันแถบตายอยู่บนเวที
แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เหมือนกับดูละครฆาตรกรรมซะงั้น

หลังจากจบการแสดงสั้นๆ(มาร้องสองสามเพลง )
ชายผู้ใส่สูทที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ท่านประธานคนนั้น
ก็ลุกเดินขึ้นไปบนเวที พร้อมโอบคอนักร้องคนนั้นอย่างเป็นกันเองเพื่อถ่ายภาพ
บรรดานักข่าวท้องถิ่น คนดูที่ถือกล้องต่างวิ่งกรูเข้าไปเพื่อถ่ายภาพ
จากนั้นชายใส่สูทคนนี้ก็เดินลงมาด้านข้างเวที เราเองก็อยากไปถ่ายด้วยเหมือนกันแหละ
เห็นเขากดชัดเตอร์กันใหญ่ก็อยากถ่ายกะเขามั่ง

ตอนนี้นี่เองที่ทุกอย่างเริ่มดูแปลกๆ มีกลุ่มอาสาสมัครดูแลความปลอดภัยในงาน
ได้เข้ามารุมชายคนนั้น แล้วลากแขนชายผู้ใส่สูทผมเรียบคนนั้นออกจากหน้าเวที

เขาเป็นใคร..?? ผมเริ่มสงสัย..เห็นมาดนุ่มๆ แบบนั้น
ท่าทางการยืนเอคติ้งถ่ายรูปก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ
มีรู้จักมุมกล้องอีกต่างหาก เอียงมาเชียะทุกมุมที่มีกล้อง
แล้วทำไมเหล่าอาสาสมัครมาทำกับเขาแบบนั้น ??
????????????????????

ในที่สุดผมก็ได้คำตอบว่าประธานเพิ่งเดินทางมาถึง
อ้าว ! แล้วหมอนี่เป็นใครฟระ...

หลายๆคนคงอดสงสัยไม่ได้เหมือนๆกับผมที่หน้าโง่ๆอยู่แล้ว กับโง่เพิ่มแบบไม่รู้ตัว
คำตอบคือ..ชายคนนี้สติไม่ค่อยสมประกอบเท่าไหร่
หลายๆคนที่อยู่บริเวณนั้นเขารู้กันดี เพราะเห็นแกใส่สูท เดินไปมาประจำ
เจอนักร้อง ดารา คนดังที่ไหนเป็นเข้าไปถ่ายรูปด้วยแบบเนียนๆ
แล้วคนที่ถูกถ่ายด้วยก็งงๆว่านี่ตรูถ่ายกับ นักการเมืองที่ไหนฟระ

ผมก็ยังคงเป็นเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่ทั่วๆไป
ที่มองใครก็ตัดสินคนนั้นจากเปลือกที่ห่อหุ้มภายนอกในครั้งแรก

ใครจะคิดว่าคนที่สติไม่สมประกอบ จะลุกขึ้นมาใส่สูท หวีผมเรียบ ดูสุขุมนุ่มลึก ชี้ไม้ชี้มือสั่งนู้นนี่
นั่งเก้าอี้ประธาน แล้วขึ้นเวทีถ่ายรูปกับนักแสดง อย่างเนียนระดับเทพ
จะเป็นคนสติไม่ดี หรือคนบ้าอย่างที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกกัน


สารพัดคำถามเกิดขึ้นในตอนนั้นในสมัยเรียน ก็คงเลยมาถึงตอนนี้ด้วยแหละ
ว่าเรายังยึดติดกับเปลือกที่หุ้มอยู่มากขึ้นหรือลดน้อยลง
ถ้าเปลือกของชายคนนั้นคือสูทกับทรงผม แล้วของหลายๆคนคืออะไร
อะไร ?? ไม่ต้องตอบผม คำตอบอยู่กับทุกคนที่เห็นมันได้ด้วยตาใจ

แต่ความคิดแบบนี้ของผมก็เบาบางลงมามาก ในเมื่อหลายๆคำตอบได้ถูกคลี่คลายลงไป
เบาบางจากการมองโลกให้ง่ายขึ้น มองในอย่างที่โลกเป็น
ไม่ได้มองโลกในอย่างที่เราอยากให้เป็น เพราะสิ่งที่เราอยากให้เป็นมันอยู่ไกลซะเหลือเกิน







 

Create Date : 29 กันยายน 2553    
Last Update : 29 กันยายน 2553 12:14:30 น.
Counter : 1875 Pageviews.  

ANATTA


วันนี้ วันที่ความหดหู่ หดเหี่ยว หรือเหี่ยวจนหด เกิดขึ้นกับทุกผู้คนในประเทศใบหน้ารูปช้างหันข้างประเทศนี้
ความเกลียดชัง โกรธแค้น อาฆาต เกิดขึ้นกับผู้ที่สูญเสีย
ความสะใจ การสมน้ำหน้า การสาปแช่ง ก็เกิดขึ้นกับอีกฝั่งอย่างไม่มีปิดบัง
เกิดขึ้นสลับอารมณ์กันไป มา ยิ่งกว่ากดรีโมทเปลี่ยนช่องดูบอลกับละคร ไม่ว่าจะมีแนวคิดแบบไหน หรืออยู่ฝั่งใด

และเป็นอันแน่นอนว่าเมื่อเกิดการแตกแยก คนที่คิดต่างย่อมถูกเตะกระเด็นไปอยู่อีกฝ่ายทันที
ไม่ว่าจะพูดไปโดยรู้ตัว ไม่รู้ตัว ทั้งมึนจริง หรือแกล้งมึนก็ตาม ใจที่เคยเปิดกว้างกลับไม่เป็นเหมือนเคย
แต่ไม่ว่าผู้ใดจะมีไวรัสเหล่านี้ ฝังอยู่ในความนึกคิด
เริ่มกันตั้งแต่เส้นรอบนอกตื้นๆของความจำ ไปจนถึงส่วนลึกที่สุดลงก้านสมอง

ผมว่าทุกคนต่างก็มีความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศที่เป็นบ้านของเรากันทั้งประเทศ
ไม่เว้นแม้แต่คนเผา ทำลาย ทำร้าย คนถูกกระทำ ถูกเผา ถูกทำลาย โดนทำร้าย คนยิง คนถูกยิง
หรือคนสั่งยิง คนสั่งทำการสิ่งใดๆที่ไม่เหมาะไม่สมควรแก่พื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่พึงจะได้รับ
ความเสียใจของคนหรือใครผู้ใดจะทวีเพิ่มมากขึ้น  มากขึ้นจนอัดแน่นประหนึ่งระเบิดปรามณู
หรือค่อยๆลดน้อยลงประดุจหมอกบางๆที่ค่อยๆจางหายไปในยามเช้า
นั่นก็แล้วแต่ใครได้กระทำอะไรไว้ หรือถูกกระทำอย่างไร้ทางสู้ หรือหมดทางปกป้องรักษาทรัพย์สินของตนเอง




ได้แต่นั่งมอง มองเห็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์อย่างชัดเจน
อยากจะทำอะไรสักอย่าง อย่างมีชุดแบบ Iron man หรือ spider man ก็ทำไม่ได้
มองแบบ ไม่รู้จะทำยังไง มองแบบมึนๆ ตันๆ ตึนๆ ตื่นเต้น ตกใจ เศร้าใจ เสียใจ
เศร้ากับการสูญเสียของเพื่อนมนุษย์ชาวโลกด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่อยู่ประเทศเดียวกัน

วันที่ช่างสอดรับ สอดคล้อง โดยไม่มีการสอดไส้คาราเมลให้เคี้ยวเล่น ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้
19/5/2533 สร้างเซ็นทรัลล์เวริดล์(CTW)   19/5/2553 วัน เซ็นทรัลล์เวริดล์(CTW) ถล่ม
19/5/2535 วันพฤษภาทมิฬ วันที่ผมเคยเกาะขอบรั้ว มช.ยืนดู+ฟังพร้อมกับเพื่อนๆ
จนถึง 19/5/2553 วันพฤษภามหาทมิฬ วันที่นั่งเกาะขอบจออ่าน TWITER จนคอเคล็ด ตาบวม ตัวก็บวม(นานแล้ว)
ภาพแห่งความทันสมัย ที่เป็นหน้าตาของประเทศทั้งเหตุการณ์ WTC 2001 ที่ USA  กับ CTW 2010 ณ TH
ถูกพังทลาย ถึงแม้ว่าปฐมเหตุแห่งเรื่องราวจะแตกต่างกัน แต่ก็มาสอดสัมผัสกัน ทั้งตัวเลขและตัวอักษร
แต่ก็คงเป็นวันที่สูญเสียอีกวันหนึ่ง ที่คล้ายๆกัน กับความรู้สึกที่ต่างกันอย่างมหาศาล

หรือว่า... จะเป็นหวยงวดนี้ ..(ไปนู้นนนนน)
หลายๆคนคงเดาและตีตัวเลขกันไว้ล่วงหน้าโดยไม่มีข้อยกเว้น
วันนี้ เลยเลิกดูข่าว หยุดตามข่าว เปิด DVD และ อ่านหนังสือที่มีผู้แนะนำให้อ่าน+ดู
ประทับใจใหญ่ๆกับจุดเล็กๆภายในเรื่อง เด็กเก็บว่าว "The kite runner"

ภายในเรื่อง มีเด็กชายคนหนึ่งเล่านิทานที่ตนเองแต่งให้เพื่อนฟัง
มีเรื่องเล่าตอนหนึ่งอยู่ว่า...
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งรักกันมาก แต่...ทั้งคู่นั้นยากจนอย่างหนักหนาสาหัส
ต่อมาทั้งคู่มีลูกให้ต้องเลี้ยงดู...ทั้งสองรักลูกมาก และอยากมีชีวิตที่ดี
สามีและภรรยาทั้งคู่ จึงขอพรแก่พระเจ้าเพื่อให้ร่ำรวย

พระเจ้าเห็นใจทั้งคู่มากเพราะทั้งคู่เป็นคนดี
จึงให้พรกับทางฝ่ายชายว่า เมื่อผู้ชายคนนี้มีน้ำตา
น้ำตาของเขาจะกลายเป็นไข่มุกชั้นดี

ต่อมา...มีคนเห็นชายผู้นี้นั่งอยู่บนกองภูเขาไข่มุก
พร้อมกับมีดในมือที่ฆ่าภรรยาเขา........
เขาร้องไห้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด บนภูเขาไข่มุกนั้น
พร้อมกับลูกที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ทั้งคู่ร้องอยู่อย่างนี้นานแสนนาน

เมื่อเพื่อนเล่าให้เพื่อนที่ฟังเสร็จก็ถามว่า
"เป็นไง เศร้ามั้ย"

เพื่อนที่ฟังมองอย่างงงๆ และถามกลับว่า
"ทำไมผู้ชายคนนั้น ไม่เอาหอมหัวใหญ่มาทาที่ตาทั้งสองข้างล่ะ
รับรอง น้ำตาไหลออกมามากแน่ๆ"

ดูจบผมก็มานั่งคิดว่า ในทุกๆเรื่องราว
มีวิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายดาย รออยู่เสมอ
อยู่ที่เราจะใช้อารมณ์ หรือ สติสัมปชัญญะตัดสิน เท่านั้นเอง

มาถึงบรรทัดนี้ การให้อภัยและการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา เพราะ เรายังต้องเผชิญกับอนาคต
อนาคตที่เราเองก็ไม่รู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ไป
การให้ร้าย กล่าวร้ายหรือ การอาฆาต มีแต่จะสร้างความเกลียดชังให้รุนแรงมากขึ้น
บางอย่างอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของเรา ทั้งเหตุการณ์ต่างๆหรือภัยพิบัติธรรมชาติ
แม้กระทั่งตัวเราเองในบางครั้ง ยังคุมไม่ได้
เมื่อเราสูญเสียบางอย่างไป เราจะได้บางสิ่งกลับมาเสมอ
โดยเฉพาะประสบการณ์ร่วมที่ต้องมีติดมาแน่ๆ

สุดท้ายก็คงไม่พ้นคำสอนในพระธรรมของพระพุทธองค์ที่พูดไว้
ในเรื่องของความไม่มีตัวตน หรือ "อนัตตา"
ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มีใครแพ้หรือชนะ
ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา ของเขาหรือของใคร ไม่มี เลย.....
คืนจิตใจของพวกเราให้กับธรรมชาติแห่งความเป็นคนไทยดีกว่าครับ
แล้วเราจะค่อยๆเห็นรอยยิ้มของกันและกัน
กว้างขึ้น กว้างขึ้น และกว้างขึ้นยิ่งกว่าวันวาน
แล้วเราจะร่วมก้าวไปด้วยกันอย่างอาจองนะครับ





19/05/2535>19/05/2553-21/05/2553




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 18:18:08 น.
Counter : 713 Pageviews.  

ตามฝัน ????

มีคำถามอยู่หลากหลายคำถามว่า
ผมต้องทำถึงแค่ไหนมันถึงจะพอ ?
พอกับการทำตามฝัน พอกับการทำสิ่งที่เรารัก
เอาแค่ทำอย่างที่ชอบ ทำอย่างที่ทำ แล้วทำไปเรื่อยๆ ?

หรือเมื่อถึงเวลาต้องหยุด เราต้องหยุด ?

กลับมาทำอย่างที่ไม่ชอบ แล้วไม่เดือดร้อนผู้คนรอบๆข้างและครอบครัว
แต่ สิ่งนั้นจะทำให้ผู้คนรอบข้างและครอบครัวมีความสุขเพิ่มขึ้น ก็สมควรจะทำไม่ใช่เหรอ
สุข ในข้อจำกัดแห่งกรอบของสังคมส่วนใหญ่ในโลกมนุษย์นี้

ความสุข ความถนัดและความต้องการของเรา ต้องตัดทิ้งมันไป
เมื่อสารพัดสารพันปัญหารอบๆด้าน บีบเค้นให้ต้องล่องลอยหลุดออกจากความรักที่จะทำไป

มันอาจใกล้แค่เอื้อม หรืออาจไกลโพ้นจนสุดขอบฟ้า
เราไม่อาจคาดเดา ไม่รู้ ไม่มีความคิดใดๆ
ถ้าถามกลับว่า ทำเต็มที่หรือยัง?
ถ้าตอบว่าใช่ ก็ควรหยุด
หยุดรอให้มันเจริญเติบโต แล้วนั่งมองดูมันอยู่ในระยะใกล้ๆ
รอดูวันที่มันเติบโต หรือแห้งเหี่ยวตายไปต่อหน้าต่อตา ?

เหรอ!......

บางครั้งความท้อแท้และความท้อถอย ก็เกาะกินเรายิ่งกว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่เสียอีก
มันเกาะฝังอยู่ในฮาร์ดดิสก์
ทำให้เครื่องอืด ช้า ทำอะไรไม่ได้เดี๋ยงแฮงค์ เดี๋ยวแฮงค์

และในที่สุดข้อมูลในฮาร์ดด้สก์ก็อันตธานหายไป
ทั้งท้อทั้งอยากถอย ถอยกลับมาเริ่มสิ่งใหม่ๆอีกหรือพัฒนาสิ่งเดิมๆเพิ่มขึ้น
ก็แล้วแต่เรา
ถอย ถอยเพื่อดีดตัว ถอยเพื่อส่งตัว หรือถอยแล้วย่อนเข่าลงนั่งพัก
หรือจะเลยนอนไปเลยก็ได้ นั่นก็แล้วแต่เราอีกเช่นเคย

ก็นั่นแหละ!! แล้วแต่เรา เราเองทั้งน้านนนนนนนนนน

จะเซ็งเป็ด ก็จะหาว่าพาลเป็ดอีกก็เลยเลิกเซ็งเป็ด ดีกว่า
เอาเป็นว่า.....................................

หายใจลึกๆ ...................................................................

เมื่อหยุดพัก ก็เลิกที่จะคิด หยุดที่จะใคร่ครวญ
ปล่อยให้ทุกอย่างมันว่าง .......(ก็ทำอะไรไม่ได้นี่หว่า)

แล้วก้ลืมซะ.................................


และเมื่อลืม





ก็จะได้เลิกรอ......................................ซะที




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2552    
Last Update : 7 ธันวาคม 2552 15:51:12 น.
Counter : 852 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.