Home, แจ้งลิงค์เสีย-ติชม-สอบถาม ตรงนี้เท่านั้น, ตั้งเวปเป็นหน้าแรก

กลอนดอกสร้อย รำพึงในป่าช้า แปล

ผู้แต่ง พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนชีวะ)
ประวัติผู้แต่ง พระยาอุปกิตศิลปสารเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๒ ถึงแก่กรรมวันที่ ๑๙ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๔๘๔ ศึกษาภาษาไทยเบื้องต้นที่วัดบางประทุนนอกธนบุรีและวัดประยูรวงศาวาสบวชเป็นสามเณรและพระภิกษุที่
วัดสุทัศน์เทพวราราม ศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบได้เปรียญ ๖ ประโยคและศึกษาวิชาครูด้วยเป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญทาง
ภาษาไทย ภาษาบาลี และวรรณคดีโบราณ เคยเป็นอาจารย์พิเศษในสถาบันการศึกษาสำคัญหลายแห่งนามปากกาของ
พระยาอุปกิตศิลปสาร ที่รู้จักกันมาก เช่น อ.น.ก. อุนิกา อนึก คำชูชีพ ม.ห.น. เป็นต้น

เกียรติคุณพิเศษของพระยาอุปกิตศิลปสาร มีดังนี้
- เป็นคนแรกที่บัญญัติคำทักทายเมื่อแรกพบกันว่า "สวัสดี" ซึ่งแปลว่า สะดวก สบายดี เพราะแต่ก่อนนี้แรกพบกัน
คนไทยไม่มีระเบียบในการใช้คำทักทาย
- เป็นนักประพันธ์ไทยคนแรกที่อุทิศโครงกระดูกให้แก่มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์คือ ศิริราช โดยกล่าวว่า "ฉันเป็นครู
ตายแล้วขอเป็นครูต่อไป"
- เป็นคนแรกที่แต่งตำรา "สยามไวยากรณ์" หรือตำราไวยากรณ์ไทย ได้สำเร็จบริบูรณ์คือมีทั้ง อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์
์และฉันทลักษณ์ โดยอาศัยเค้าโครงเก่าของกรมวิชาการ และไวยากรณ์อังกฤษเป็นหลัก

กลอนดอกสร้อย"รำพึงในป่าช้า"


(จากภาษาอังกฤษซึ่งท่านเสฐียรโกเศศแปลให้ ข้าพเจ้าได้แต่งดัดแปลงให้เข้าธรรมเนียมไทยบ้าง)
"กถามุข"

     ดังได้ยินมา สมัยหนึ่ง ผู้มีชื่อต้องการความวิเวก, เข้าไปนั่งอยู่ ณ ที่สงัดในวัดชนบท เวลาตะวันรอนๆ, จนเสียงระฆังย่ำบอกสิ้นเวลาวัน ฝูงโคกระบือ และพวกชาวนา พากันกลับที่อยู่เป็นหมู่ๆ. เมื่อสิ้นแสงตะวันแล้ว ได้ยินเสียงจังหรีดเรไรกับเสียงเกราะในคอกสัตว์. นกแสกจับอยู่บนหอระฆังก็ร้องส่งสำเนียง.ณ ที่นั้นมีต้นไทรต้นโพธิ์สูงใหญ่ ใต้ต้นล้วนมีเนินหญ้า กล่าวคือที่ฝังศพต่างๆ อันแลเห็นด้วยเดือนฉาย. ศพในที่เช่นนั้นก็เป็นศพพวกชาวไร่ชาวนานั่นเอง. ผู้นั้นมีความรู้สึกซึ่งเยือกเย็นใจอย่างไร แล้วรำพึงอย่างไรในหมู่ศพ, ได้เขียนความในใจนั้น ออกมาสู่กันดังต่อไปนี้--
(กถามุขนี้ นาคะประทีป เรียบเรียง)

บทที่ 1.
The Curfeu tolls the Knell of parting Day,
The lowing Herd winds slowly o'er the Lea,
The Plow-man homeward plods his weary Way,
And leaves the World to Darkness and to me.

๑.
     วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่ง!      ย่ำค่ำระฆังขาน
ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล      ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ      ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล      และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียว เอย.

2.
Now fades the glimmering Landscape on the Sight,
and all the Air a solemn Stillness holds,
Save where the Beetle wheels his droning Flight,
and drowsy Tinklings lull the distant Folds;

๒.
     ยามเอ๋ยยามนี้      ปถพีมืดมัวทั่วสถาน
อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล      สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง
มีก็แต่เสียงจังหรีดกระกรีดกริ่ง!      เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง
คอกควายวัวรัวเกราะเปาะแปะ ! เพียง      รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่ว เอย.

3.
Save that from yonder ivy-mantled Tow'r
The moping Owl does to the Moon complain
Of such as, wand'ring near her secret Bow'r,
Molest her ancient solitary Reign.

๓.
     นกเอ๋ยนกแสก      จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ
อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์      มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา
เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู      คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา
ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา      ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมัน เอย.

4.
Beneath those rugged Elms, that Yew-Tree's Shade,
Where heaves the Turf in many a mold'ring Heap,
Each in his narrow Cell for ever laid,
the rude Forefathers of the Hamlet sleep.

๔.
     ต้นเอ๋ยต้นไทร      สูงใหญ่รากย้อยห้อยระย้า
และต้นโพธิ์พุ่มแจ้แผ่ฉายา      มีเนินหญ้าใต้ต้นเกลื่อนกล่นไป
ล้วนร่างคนในเขตประเทศนี้      ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้
แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ      เรายิ่งใกล้หลุมนั้นทุกวัน เอย.

5.
The breezy Call of incense-breathing Morn,
the Swallow twitt'ring from the Straw-built Shed,
The Cock's shrill Clarion, or the echoing Horn,
No more shall rouse them from their lowly Bed.

๕.
     หมดเอ๋ยหมดห่วง      หมดดวงวิญญาณลาญสลาย
ถึงลมเช้าชวยชื่นรื่นสบาย      เตือนนกแอ่นลมผายแผดสำเนียง
อยู่ตามโรงมุงฟางข้างข้างนั้น      ทั้งไก่ขันแข่งดุเหว่าระเร้าเสียง
โอ้เหมือนปลุกร่างกายนอนรายเรียง      พ้นสำเนียงที่จะปลุกให้ลุก เอย.

6.
For them no more the blazing Hearth shall burn,
Or busy Housewife ply her Evening Care'
No Children run to lisp their Sire's Return,
Or climb his Knees the envied Kiss to share

๖.
     ทอดเอ๋ยทอดทิ้ง      ยามหนาวผิงไฟล้อมอยู่พร้อมหน้า
ทิ้งเพื่อนยากแม่เหย้าหาข้าวปลา      ทุกเวลาเช้าเย็นเป็นนิรันดร์
ทิ้งทั้งหนูน้อยน้อยร่อยร่อยรับ      เห็นพ่อกลับปลื้มเปรมเกษมสันต์
เข้ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ      สารพันทอดทิ้งทุกสิ่ง เอย.

7.
Oft did the Harvest to their sickle yield,
Their Furrow oft the stubborn Glebe has broke;
How jocund did they drive their Team afield!
How bow'd the Woods beneath their sturdy Stroke!

๗.
     กองเอ๋ยกองข้าว      กองสูงราวโรงนายิ่งน่าใคร่
เกิดเพราะการเก็บเกี่ยวด้วยเคียวใคร      ใครเล่าไถคราดพื้นฟื้นแผ่นดิน
เช้าก็ขับโคกระบือถือคันไถ      สำราญใจตามเขตประเทศถิ่น
ยึดหางยามยักไปตามใจจินต์      หางยามผินตามใจเพราะใคร เอย.

8.
Let not Ambition mock their useful Toil,
Their homely Joys, and Destiny obscure;
Nor Grandeur hear with a disdainful Smile,
The short and simple Annals of the Poor.

๘.
     ตัวเอ๋ยตัวทะยาน      อย่าบันดาลดลใจให้ใฝ่ฝัน
ดูถูกกิจชาวนาสารพัน      และความครอบครองกันอันชื่นบาน
เขาเป็นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด      มีปวัตติ์เป็นไปไม่วิตถาร
ขออย่าได้เย้ยเยาะพูดเราะราน      ดูหมิ่นการเป็นอยู่เพื่อนตู เอย.

9.
The boast of Heraldry, the Pomp of Pow'r,
And all that Beauty, all that Wealth e'er gave,
Awaits alike th'inevitable hour.
The Paths of glory lead but to the Grave.

๙.
     สกุลเอ๋ยสกุลสูง      ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี
อำนาจนำความสง่าอ่าอินทรีย์ ความงามนำให้มีไมตรีกัน
ความร่ำรวยอวยสุขให้ทุกอย่าง      เหล่านี้ต่างรอตายทำลายขันธ์
วิถีแห่งเกียรติยศทั้งหมดนั้น      แต่ล้วนผันมาประจบหลุมศพ เอย.

     ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยยิ่งใหญ่สักเพียงไหน ไม่ว่าจะมีอำนาจสักเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ต้องจบลงที่ความตายด้วยกันทั้งสิ้น

10.
Nor you, ye Proud, impute to these the Fault,
If Mem'ry o'er their Tomb no Trophies raise,
Where thro' the long-drawn aisle and fretted Vault
The pealing Anthem swells the Note of Praise.

๑๐.
     ตัวเอ๋ยตัวหยิ่ง      เจ้าอย่าชิงติซากว่ายากไร้
เห็นจมดินน่าสลดระทดใจ      ที่ระลึกสิ่งไรก็ไม่มี
ไม่เหมือนอย่างบางศพญาติตบแต่ง      เครื่องแสดงเกียรติยศเลิศประเสริฐศรี
สร้างสานการบุญหนุนพลี      เป็นอนุสาวรีย์สง่า เอย.

11.
Can storied Urn or animated Bust
Back to its Mansion call the fleeting Breath?
Can Honor's Voice provoke the silent Dust,
Or Flatt'ry soothe the dull cold ear of Death?

๑๑.
     ที่เอ๋ยที่ระลึก      ถึงอธึกงามลบในภพพื้น
ก็ไม่ชวนชีพที่ดับให้กลับคืน      เสียงชมชื่นเชิดชูคุณผู้ตาย
เสียงประกาศเกียรติเอิกเกริกลั่น      จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอย่าหมาย
ล้วนเป็นคุณแก่ผู้ยังไม่วางวาย      ชูเกียรติญาติไปภายภาคหน้า เอย.

     ถึงจะทำที่ลึกหรือชื่นชมความดีของผู้ตายก็ไม่อาจทำให้ผู้ตายได้ยินได้ แต่จะเป็นคุณให้กับบรรดาญาติซึ่งยังไม่ตายไดเชิดหน้าชูตาในสังคม

12.
Perhaps in this neglected Spot is laid
Some Heart once pregnant with celestial Fire;
Hands that the Rod of Empire might have sway'd,
Or wak'd to Extacy the living Lyre.

๑๒.
     ร่างเอ๋ยร่างกาย      ยามตายจมพื้นดาษดื่นหลาม
อย่าดูถูกถิ่นนี้ว่าที่ทราม      อาจขึ้นชื่อลือนามในก่อนไกล
อาจจะเป็นเจดีย์มีพระศพ      แห่งจอมภพจักรพรรดิกษัตริย์ใหญ่
ประเสริฐด้วยสัตตรัตน์จรัสชัย      ณ สมัยก่อนกาลบุราณ เอย.

     อย่าดูถูกว่าที่แห่งนี้เป็นที่ไม่ดี อาจจะเป็นที่ที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยก่อน หรืออาจจะเป็นเจดีย์มีพระศพขององค์กษัตริย์ในสมัยโบราณก็ได้

13.
But Knowledge to their Eyes her ample Page
Rich with the Spoils of Time did ne'er unroll;
Chill Penury repress'd their noble Rage,
And froze the genial Current of the Soul.

๑๓.
     ความเอ๋ยความรู้      เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว
หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป      ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน
อันความยากหากให้ไร้ศึกษา      ย่นปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น
หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน      กระแสวิญญาณงันเพียงนั้น เอย.

14.
Full many a Gem of purest Ray serene,
The dark unfathom'd Caves of Ocean bear:
Full many a Flower is born to blush unseen,
And waste its Sweetness on the desert Air.

๑๔.
     ดวงเอ๋ยดวงมณี      มักจะลี้ลับอยู่ในภูผา
หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสายตา      ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน
บุปผชาติชูสีและมีกลิ่น      อยู่ในถิ่นที่ไกลเช่นไพรสณฑ์
ไม่มีใครได้เชยเลยสักคน      ย่อมบานหล่นเปล่าดายมากมาย เอย.

15.
Some village-Hampden, that with dauntless Breast
The little Tyrant of his Fields withstood;
Some mute inglorious Milton here may rest,
Some Cromwell, guiltless of his Country's Blood.

๑๕.
     ซากเอ๋ยซากศพ      อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ
เช่นชาวบ้านบางระจันขันรำบาญ      กับหมู่ม่านมาประทุษอยุธยา
ไม่เช่นนั้นท่านกวีเช่นศรีปราชญ์      นอนอนาถเล่ห์ใบ้ไร้ภาษา
หรือผู้กู้บ้านเมืองเรืองปัญญา      อาจจะมานอนจมถมดิน เอย.

     ซากศพบางซากอาจจะเป็นนักรบเช่นชาวบ้านบางระจันกับเหล่าพม่าที่มาตีกรงศรีอยุธยา หรือไม่ก็เป็นกวีเช่นศรีปราชญ์ หรือผู้กู้บ้านเมือง มาสิ้นชีวิตนะที่นี้

16.
Th' Applause of list'ning Senates to command,
The Threats of Pain and Ruin to despise,
To scatter Plenty o'er a smiling Land,
And read their Hist'ry in a Nation's Eyes.

๑๖.
     คุณเอ๋ยคุณเหลือ      ผู้เอื้อเฟื้อเกื้อชาติซึ่งอาจหาญ
แน่วนับถือซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล      ไม่เห็นการส่วนตัวไม่กลัวตาย
แสวงชอบกอบคุณอุดหนุนชาติ      กษัตริย์ศาสน์แม้ชีวิตปลิดวาย
ไว้ปวัตน์แก่ชาติญาตินิกาย      ได้อ่านภายหลังลือระบือ เอย.

17.
Their lot forbad: nor circumscrib'd alone
Their growing Virtues, but their Crimes confin'd;
Forbade to wade through Slaughter to a Throne,
And shut the Gates of Mercy on Mankind.

๑๗.
     ชาวเอ๋ยชาวนา      วาสนากั้นไว้ไม่วิตถาร
ไม่ชั่วล้นดีล้นพ้นประมาณ      สองประการนี้แหละขวางทางคระไล
คือไม่ลุยเลือนั่งบรรลังก์ราช      นำพินาศนรชนพ้นนิสัย
แต่ปิดทางกรุณาอันพาไป      ยังคุณใหญ่ยิ่งเลิศประเสริฐ เอย.

18.
The struggling Pangs of conscious Truth to hide,
To quench the Blushes of ingenuous Shame,
Or heap the Shrine of Luxury and Pride
With Incense kindled at the Muse's Flame.

๑๘.
     มักเอ๋ยมักใหญ่      ก่นแต่ใฝ่ฝันฟุ้งตามมุ่งหมาย
อำพรางความจริงใจไม่แพร่งพราย      ไม่ควรอายก็ต้องอายหมายปิดบัง
มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น      คือความฟูมฟายสินลิ้นโอหัง
ลงในเพลิงเกียรติศักดิ์ประจักษ์ดัง      เปลวเพลิงปลั่งหอมกลบตลบ เอย.

19.
For from the madding Crowd's ignoble Strife,
Their sober Wishes never learn'd to stray:
Along the cool sequester'd Vale of Life
They kept the noiseless Tenor of their Way.

๑๙.
     ห่างเอ๋ยห่างไกล      ห่างจากพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หา
แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อาตมา      ความมักน้อยชาวนาไม่น้อมไป
เพื่อนรักษาความสราญฐานวิเวก      ร่มเชื้อเฉกหุบเขาลำเนาไศล
สันโดษดับฟุ้งซ่านทะยานใจ      ตามวิสัยชาวนาเย็นกว่า เอย.

20.
Yet ev'n these Bones from Insult to protect
Some frail Memorial still erected nigh,
With uncouth Rhymes and shapeless Sculpture deck'd,
Implores the passing Tribute of a Sigh.

๒๐.
     ศพเอ๋ยศพไพร่      ไม่มีใครขึ้นชื่อระบือขาน
ไม่เกรงใครนินทาว่าประจาน      ไม่มีการจารึกบันทึกคุณ
ถึงบางทีมีบ้างเป็นอย่างเลิศ      ก็ไม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุนทร์
พอเตือนใจได้บ้างในทางบุญ      เป็นเครื่องหนุนนำเหตุสังเวช เอย.

21.
Their Name, their Years, spelt by th'unletter'd Muse,
The place of Fame and Elegy supply:
And many a holy Text around she strews,
That teach the rustic Moralist to dye.

๒๑.
     ศพเอ๋ยศพสูง      เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศานต์
จารึกคำสำนวนชวนสักการ      ผิดกับฐานชาวนาคนสามัญ
ซึ่งอย่างดีก็มีกวีเถื่อน      จากรึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์
อุทิศสิ่งซึ่งสร้างตามทางธรรม์      ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผี เอย.

22.
For who to dumb Forgetfulness a Prey,
This pleasing anxious Being e'er resigned,
Left the warm Precincts of the cheerful Day,
Nor cast one longing ling'ring Look behind?

๒๒.
     ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร      ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต
แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท      ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตาย
ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข      เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย
ใครจะยอมละแดนแสนสบาย      โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัย เอย.

23.
On some fond Breast the parting Soul relies,
Some pious Drops the closing Eye requires;
Ev'n from the Tomb the Voice of Nature cries,
Ev'n in our Ashes live their wonted Fires.

๒๓.
     ดวงเอ๋ยดวงจิต      ลืมสนิทกิจการงานทั้งหลาย
ย่อมละชีพเคยสุขสนุกสบาย      เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง
ละทิ้งถิ่นที่สำราญเบิกบานจิต      ซึ่งเคยคิดใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ
หมดวิตกหมดเสียดายหมดหมายปอง      ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ้ำ เอย.

     คนเราเมื่อกลายไปเป็นวิญญาณแล้ว ก็จะละทิ้งที่ที่เคยสุขสบาย(โลกของเรานั่นแหละ) และจะไม่มีความวิตกกังวลอีกต่อไป ไม่มีทางกลับมาได้อีกเลย

24.
For thee, who mindful of th'unhonoured Dead
Dost in these lines their artless Tale relate;
If chance, by lonely Contemplation led,
Some kindred Spirit shall inquire thy Fate,

๒๔.
     ดวงเอ๋ยดวงวิญญาณ      เมื่อยามลาญละพรากไปจากขันธ์
ปองแต่ให้ญาติมิตรสนิทกัน      คล่าวน้ำตาต่างบรรณาการไป
ธรรมดาพาคะนึงไปถึงหลุม      หรือที่ชุมเพลิงเผาเฝ้าร้องไห้
คิดถึงกาลก่อนเก่ายิ่งเศร้าใจ      ตามวิสัยธรรมดาเกิดมา เอย.

25.
Haply some hoary-headed Swain may say,
'Oft have we seen him at the Peep of Dawn
'Brushing with hasty Steps the Dews away
'To meet the Sun upon the upland Lawn.

๒๕.
     ท่านเอ๋ยท่านสุภาพ      ผู้ใคร่ทราบสนใจศพไร้ศักดิ์
รู้เรื่องราวจากป้ายจดลายลักษณ์      บางทีจักรำพึงคิดถึงตน
มาม้วยมรณ์นอนคู้อยู่อย่างนี้      คงจะมีผู้สังเกตในเหตุผล
ปลงสังเวชวาบเสียวเหี่ยวกมล      เหมือนกับตนท่านบ้างกระมัง เอย.

26.
'There at the Foot of yonder nodding Beech
'That wreathes its old fantastic Roots so high,
'His listless Length at Noontide wou'd he stretch,
'And pore upon the Brook that babbles by.

๒๖.
     บางเอ๋ยบางที      อาจจะมีผู้เฒ่าเล่าขยาย
รำพันความเป็นไปเมื่อใกล้ตาย      จนตราบวายชีวาตม์อนาถใจ
"อนิจจา! เห็นเขาเมื่อเช้าตรู่      ออกจากหมู่บ้านเดินสู่เนินใหญ่
ฝ่าน้ำค้างกลางนามุ่งคลาไคล      ผิงแดดในยามเช้าหน้าหนาว เอย.

27.
'Hard by yon Wood, now smiling as in Scorn,
'Mutt'ring his wayward Fancies he wou'd rove,
'Now drooping, woeful wan, like one forlorn,
'Or craz'd with Care, or cross'd in hopeless Love.

๒๗.
     "ต้นเอ๋ยต้นกร่าง      อยู่ที่ข้างเนินใหญ่พุ่มใบหนา
มีรากเขินเผินพ้นพสุธา      กลางวันเขาเคยมาผ่อนอารมณ์
นอนเหยียดหยัดดัดกายภายใต้ต้น      ฟังคำรนวารีมี่ขรม
กระแสชลไหลเชี่ยวเป็นเกลียวกลม      เขาเคยชมลำธารสำราญ เอย.

28.
'One Morn I miss'd him on the custom'd Hill,
'Along the Heath, and near his fav'rite Tree;
'Another came; nor yet beside the Rill,
'Nor up the Lawn, nor at the Wood was he.

๒๘.
     "ป่าเอ๋ยป่าละเมาะ      ยังอยู่เยาะเย้ยให้ถัดไปนั่น
เขาเดินมาป่านี้ไม่กี่วัน      ปากรำพันจิตรำพึงคะนึงใน
บัดเดี๋ยวดูสลดระทดจิต      เหมือนสิ้นคิดขัดหาที่อาศัย
หรือคล้ายคนทุกข์ถมระทมใจ      หรือคู่รักร้างไม่อาลัย เอย.

29.
'The next with Dirges due in sad Array
'Slow thro' the Church-way Path we saw him born.
'Approach and read (for thou can'st read) the Lay,
'Grav'd on the Stone beneath yon aged Thorn.'

๒๙.
     "ต่อเอ๋ยต่อมา      ณ เวลาวันใหม่มิได้เห็น
ทั้งกลางนากลางเนินเผอิญเป็น      ใต้ต้นกร่างว่างเว้นเช่นเมื่อวาน
เห็นคนหนึ่งเดินไปใจว่าเขา      แต่ไม่เข้ากลางนามาสถาน
ที่เขาเคยพักผ่อนแต่ก่อนกาล      ทั้งไม่ผ่านป่าเล่าผิดเขา เอย.

30.
(There scatter'd oft, the earliest of the Year,
By Hands unseen, are Show'rs of Violets found:
The Red-breast loves to bill and warble there,
And little Footsteps lightly print the Ground.)

๓๐.
     ถัดเอ๋ยถัดมา เห็นเขาพาศพไปใจสลด
เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด      ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย
ทำการศพตบแต่งที่ระลึก      มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้
อยู่ที่ดงหนามนั้นถัดนั่นไป      ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่าน เอย.

THE EPITAPH
Here rests his Head upon the Lap of Earth
A Youth to Fortune and to Fame unknown:
Fair Science frown'd not on his humble Birth,
And Melancholy mark'd him for her own.

คำจารึก
     "ที่เอ๋ยที่นี้      อนุสาวรีย์ศรีสถาน
แห่งชายไม่ประจักษ์ศักดิ์ศฤงคาร      แม้สกุลคุณสารต่ำปานไร
ขอจงอย่าขึ้งเครียดรังเกียจเขา      ขอจงเคารพงามตามวิสัย
มัจจุราชรับพาเขาคลาไคล      ทิ้งร่างไว้ทวงเคารพผู้พบ เอย.

Large was his Bounty, and his Soul sincere,
Heav'n did a Recompence as largely send:
He gave to Mis'ry all he had, a Tear:
He gain'd from Heav'n ('twas all he wish'd) a Friend.

     "น้ำเอ๋ยน้ำใจ      ซึ่งเนาในร่างกายผู้ตายนี้
ล้วนสุภาพผ่องใสด้วยไมตรี      อีกโอบอ้อมอารีมีในคน
คุณนี้นำชำร่วยอวยสนอง      บำเหน็จมองมูนมากวิบากผล
คือห่วงใยยั่วหยัดอัสสุชล      จากฝูงคนผู้ใฝ่อาลัย เอย.

No farther seek his Merits to disclose,
Or draw his Frail ties from their dread Abode,
(There they alike in trembling Hope repose)
The Bosom of his Father and his God.

     "แต่เอ๋ยแต่นี้      เป็นหมดที่ใฝ่จิตริษยา
เป็นหมดที่อุปถัมภ์คิดนำพา      เป็นนับว่า "อโหสิกรรม" กัน
เขาจะมีดีชั่วติดตัวไป      เป็นวิสัยกรรมแต่งและแสร้งสรร
เรารู้ได้แต่ปวัตน์ปัจจุบัน      ซึ่งทิ้งอยู่คู่กันกับนาม เอย.

An Elegy Written in a Country Churchyard
Thomas Gray
กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า
จากคำประพันธ์บางเรื่อง
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ เปรียญ)

คำอธิบายศัพท์
ปัฐพี พื้นดิน ปรกติเขียน ปฐพี มาจากคำบาลี ปฐวี ถ้าสันสกฤตว่า ปฤถวี
วิกาล อันใช่เวลา หมายถึงเวลาค่ำ (ให้สังเกตว่า กาล ล สะกด)
นกแสก เป็นพวกนกกลางคืนจำพวกหนึ่งออกเที่ยวหากินกลางคืน เสียงร้องแจ๊ก ๆฟังน่ากลัว
ถือกันว่า นกแสกบินร้องข้ามหลังคาบ้านคนที่กำลังเจ็บหนัก เป็นลางว่าคนนั้นจะตาย
แถก เสือกไป ไถไป ถาไป ในความว่า แถกขวัญ นั้น หมายถึงทำให้ขวัญเสีย
ทำให้ตกใจ หรือใช้ของมคมขูดอย่างหนัก ๆ เช่นแถกผม
ช่อง ที่อยู่ (ในความหมายที่ไม่ดี เช่น ซ่องโจร) ในที่นี้แปลว่า ที่อยู่
รโหฐาน ที่เฉพาะส่วนตัว มาจากคำ รโห = ลับ เฉพาะ ฐาน = ที่ แต่เรามักใช้ในความหมายว่าใหญ่โต เช่นว่า ใหญ่โตรโหฐาน
สันติ์ ความสงบ ความปราศจากความทุกข์ ความวุ่นวาย บางทีเขียน ศานติ์ ตามรูปคำสันสกฤต
ดุษณี ความนิ่ง ดุษณีภาพ ความนิ่งเฉย
นกแอ่นลม เป็นชื่อนกแอ่นพวกหนึ่ง ตัวโตกว่านกกระจาบเล็กน้อย ชอบบินร่อนเล่นลมเป็นฝูง ๆ
นิรันดร์ เสมอไป ไม่มีที่สิ้นสุด นิร (ไม่มี) + อันดร (ระหว่าง) แปลตามความว่า ไม่มีระหว่าง ไม่เว้น
จินต์ คิด
ขันธ์ ตัว หมู่ ร่างกาย
ซาก ร่างที่ตายแล้ว ซากศพ
วิตถาร (อ่านวิด-ถาน) แปลก พิสดาร วิตถารเป็นคำบาลี พิสดาร เป็นสันสกฤต มาจาก วิสตาร เดิมแปลว่ากว้างขวาง ละเอียด ยืดยาว เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย คำวิตถาร แปลว่า ละเอียด พิสดาร หรือบางทีแปลว่า แปลก ออกไปจากปรกติ
อธึก ยิ่งใหญ่ มาก
สัตตรัตน์ ในที่นี้หมายถึงแก้ว ๗ ประการของพระเจ้าจักรพรรดิ มีช้างแก้ว นางแก้ว
ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี จักรแก้ว ส่วนแก้วเจ็ดประการ
นั้นมี สุวรรณ หิรัญ มุกดา ประพาฬ ไพทูรย์ วิเชียร มณี


     ก๊อปมาฝากครับ สำหรับนักเรียนเอาไปทำการบ้าน ยังแปลไม่หมด ถ้าแปลได้ช่วยกันหน่อยนะ




 

Create Date : 10 มกราคม 2551    
Last Update : 11 มกราคม 2551 1:51:33 น.
Counter : 28982 Pageviews.  

วันครู - กลอนวันครู - กลอนครู - กลอนซึ้งๆ

คลิปดนตรี cheap auto insurance

คัดลอกมาฝาก 16 มกราคม วันครูครับ

ใครคือครู............ ครูคือใคร............ ในวันนี้
ใช่อยู่ที่................ ปริญญา................ มหาศาล
ใช่อยู่ที่................ เรียกว่า................ ครูอาจารย์
ใช่อยู่นาน............สอนนาน.............. ในโรงเรียน

ครูคือผู้ ................ ชี้นำ ................ ทางความคิด
ให้รู้ถูก ................ รู้ผิด ................ คิดอ่านเขียน
ให้รู้ทุกข์ .............. รู้ยาก .............. รู้พากเพียร
ให้รู้เปลี่ยน........... แปลงสู้ ............รู้สร้างงาน

ครูคือผู้ ................เสริมสร้าง..........วิญญาณมนุษย์
ให้สูงสุด ..............กว่าสัตว์ ............... เดรัจฉาน
ครูคือผู้ ................สร้างสม ............... อุดมการณ์
ครูทำงาน ........... เหนื่อยเพื่อใคร..... ใช่ตนเอง

ครูจึงเป็น .............นักสร้าง ............ที่ใหญ่ยิ่ง
สร้างคนจริง .........สร้างคนกล้า.......สร้างคนเก่ง
สร้างคนให้ .......... ได้เป็นตัว .........ของตัวเอง
ขอมอบเพลง......... นี้มา................. บูชาครู


ครูทำงานสอนคนให้เปรื่องปราชญ์ หนึ่งสอนศาสตร์คุณธรรมศาสนา
ด้วยสองสิ่งช่วยสร้างคนสร้างปัญญา สร้างคุณค่าสอนศีลธรรมประจำใจ


อันคุณครูคำนี้มีความหมาย อันหลากหลายคำพูดจะกล่าวถึง
คือผู้ให้ทรัพย์วิชาน่าคำนึง คือผู้ซึ้งอบรมให้ทำดี
อีกครูนี้เหมือนพ่อแม่คนที่สอง ครูจึงต้องอดทนต่อหน้าที่
เพียรสั่งสอนเป็นแม่พิมพ์ศิษย์มากมี เรือจ้างนี้น้ำใจงามนามว่าครู


พลังแห่งแม่พิมพ์ผู้สร้างชาติ
ก่อให้เกิดนักปราชญ์ชาญศึกษา
เป็นกำลังให้ชาติพัฒนา
ซึ่งนำพาความรุ่งเรืองสู่ผองไทย
มาถึงวันสำคัญอาจารย์ศิษย์
ควรนึกคิดถึงพระคุณที่ท่านให้
ท่านอุตส่าห์เสียสละมาเท่าใด
ควรจำไว้และตอบแทนพระคุณเอย


แสงสาดส่องจากแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่......
......เปรียบครูไทยทั่วทุกทิศที่พร่ำสอน......
......ฝึกหัดศิษย์เขียนอ่านชาญบทกลอน.....
......มิเกี่ยงงอนงานหนักเบาที่เข้ามา.......
......แม้เหนื่อยยากเท่าใดไม่เคยบ่น........
......หวังให้ศิษย์ทุกคนมีการศึกษา.......
......เป็นกำลังสร้างชาติไทยวัฒนา........
......ปวงประชาภูมิใจให้เกียรติครู.......


กาพย์ยานี 11
สิบหกมกรา เด็กเด็กมาไหว้คุณครู
ผู้ที่ให้ความรู้ ที่เชิดชูของพ วกเรา
คุณครูประเสริฐยิ่ง ไม่ทอดทิ้งให้อับเฉา
คุณครูของพวกเรา ช่วยขัดเกลาเป็นคนดี


"มะลิ" แทนวจีถ้อยร้อยมาลัย
"ดอกกล้วยไม้" ใช้แทนครูผู้สร้างสรรค์
"กุหลาบ" หรูชมพูขาวมารวมกัน
แทน "กตัญญุตาครู บูชาจารย์"


ถึงวันครูให้รำลึกอยู่ในจิต ผู้ฝึกคิดฝึกอ่านและสั่งสอน
จริยธรรมคุณธรรมเป็นอาภร ครูพร่ำสอนฝึกเด็กให้ดีพลัน
ครั้งละบาทนับไม่ควรค่าเรือจ้าง ที่ทั้งสร้างคนสร้างงานสร้างความฝัน
สรังทุกสิ่งเป็นทุกอย่างมารวมกัน ให้เด็กนั้นเป็นคนดีศรีชาติเอย


***ถึงวันครูให้รำลึกอยู่ในจิต
ผู้ฝึกคิดฝึกอ่านและสั่งสอน
จริยธรรมคุณธรรมเป็นอาภร
ครูพร่ำสอนจรเด็กให้เป็นคน
***ครั้งละบาทนับไม่ควรค่าเรือจ้าง
ที่ทั้งสร้างแบะคิดประสิทธิ์ผล
ครูสร้างคนสร้างชาติดังเครื่องกล
บังเกิดผลอันดีสรีชาติเอย


พลังแห่งแม่พิมพ์ผู้สร้างชาติ
ก่อให้เกิดนักปราชญ์ชาญศึกษา
เป็นกำลังให้ชาติพัฒนา
ซึ่งนำพาความรุ่งเรืองสู่ผองไทย
มาถึงวันสำคัญอาจารย์ศิษย์
ควรนึกคิดถึงพระคุณที่ท่านให้
ท่านอุตส่าห์เสียสละมาเท่าใด
ควรจำไว้และตอบแทนพระคุณเอย


ก็ขอให้เป็นแม่พิมพ์ของชาติตลอดไป
......แสงสาดส่องจากแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่......
......เปรียบครูไทยทั่วทุกทิศที่พร่ำสอน......
......ฝึกหัดศิษย์เขียนอ่านชาญบทกลอน.....
......มิเกี่ยงงอนงานหนักเบาที่เข้ามา.......
......แม้เหนื่อยยากเท่าใดไม่เคยบ่น........
......หวังให้ศิษย์ทุกคนมีการศึกษา.......
......เป็นกำลังสร้างชาติไทยวัฒนา........
......ปวงประชาภูมิใจให้เกียรติครู.......


สิบหกมกรามาบรรจบ ขอน้อมนบคุณครูผู้สั่งสอน
ระลึกถึงซึ่งพระคุณกล่าวสุนทร ครูพร่ำวอนป้อนวิชาพาก้าวไกล
ให้ความรู้ในทุกด้านงานอาชีพ เป็นประทีปนำทางสว่างไสว
เป็นหางเสือเหมือนเรือถีบส่งไป เป็นโคมไฟส่องนำทางกลางมวลชน
อาชีพครูอยู่กับเด็กทุกรูปแบบ บางคนแสบเก่งกล้าพาสับสน
เที่ยวนั่งเล่นคุยโตโม้ซุกซน แต่บางคนก็เรียบร้อยพลอยชื่นชม
ผู้เป็นครูต้องอดทนจนที่สุด อย่าได้หยุดเบื่อหน่ายให้ขื่นขม
ช่วยเด็กด้อยร้อยความรักฝากคำชม ครูเหมาะสมอยู่ใกล้ชิดจิตเมตตา
พระเยซูคือครูผู้ยิ่งใหญ่ ทรงใฝ่ใจให้เด็กเล็กมาห
ช่อยโอบอุ้มดูแลแผ่กรุณา ให้เวลาเมื่อทำผิดคิดแก้ตัว
ขอให้เดินตามทางพระองค์ท่าน สานความฝันความรู้สู่เด็กทั่ว
ยึดอาชีพหลักธรรมประจำตัว ส่องไปทั่วให้สว่างกลางเด็กไทย


อันคุณครูคำนี้มีความหมาย อันหลากหลายคำพูดจะกล่าวถึง
คือผู้ให้ทรัพย์วิชาน่าคำนึง คือผู้ซึ้งอบรมให้ทำดี
อีกครูนี้เหมือนพ่อแม่คนที่สอง ครูจึงต้องอดทนต่อหน้าที่
เพียรสั่งสอนเป็นแม่พิมพ์ศิษย์มากมี เรือจ้างนี้น้ำใจงามนามว่าครู


คำว่าครูคำนี้มีความหมาย
มีหลากหลายคำร้อยจะถ้อยคำ
แทนขอบคุณที่ศิษย์ควรจะทำ
คำคำนั้นคือกราบครูน้อมดวงใจ


ครูลำบากยากเย็นความเป็นอยู่
ร.รครูของเราถูกเผาสิ้น
คิดถึงครูขึ้นมาน้ำตาริน
ฤาแผ่นดินมืดมนจนลืมครู


คุณที่สาม ล้ำเลิศ ประเสริฐหล้า
ดุจประทีป ส่องปัญญา สว่างใส
แสงเทียนสาด รัศมี ที่อำไพ
แสงนั้นไซร้ คือครู ผู้เมตตา
เสียสละแม้สุข สนุกสิ้น
สี่สอนศิลป์ ศาสตร์หนังสือ ศิษ์ศึกษา
จนแตกฉาน ชาญเชี่ยว เชียวปัญญา
ขอบูชา เชิดชู คุณครูเอย


ครูคือปูชนียบุคคล
ท่านทำตนเป็นแบบอย่างให้เราเห็น
เป็นดั่งแสงสว่างของเดือนเพ็ญ
ส่องนวลเย็นทั่วหล้าในราตรี
เป็นดั่งดาวพราวระยับสวยจับจิต
คอยส่องทิศส่องทางสว่างศรี
อบรมศิษย์เป็นพลเมืองดี
สอนให้มีความรักคู่คุณธรรม
ครูท่านเป็นเสมือนดั่งพ่อแม่
คอยดูแลยามพลั้งผิดมิคิดซํา
แนะแนวทางสว่างให้ไม่ปิดงำ
สอนให้จำสิ่งที่พลาดเป็นบทเรียน
พระคุณท่านยิ่งใหญ่เกินกำหนด
ไม่มีหมดแม้วันจะผันเปลี่ยน
ส่องสว่างกลางจิตดั่งแสงเทียน
คอยพากเพียรส่งศิษย์ถึงฝั่งเอย

คลิปดนตรี cheap auto insurance

15241 14/01/52




 

Create Date : 10 มกราคม 2551    
Last Update : 14 มกราคม 2552 22:27:05 น.
Counter : 58116 Pageviews.  

เรื่องจริงผ่านจอ ลามะ



ถ้าดูไม่ได้ คลิ๊กที่ลิ้งค์ด้านล่างครับ
//www.clipmass.com/movie/68596825745071




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2550    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 20:36:48 น.
Counter : 3135 Pageviews.  

จดหมายลูกโซ่ ยิ่งกว่าแชร์ข้าวสาร ได้โปรดอย่าส่งต่อเลย

ในบล๊อคนี้มีเยอะมาก ลบไปเยอะแล้ว คงจะยังเหลืออีกเยอะ
แบนคำไว้แล้ว เป็นการป้องกันไว้ก่อน บล๊อคอื่นๆ ก็จะมีไม่น้อยเลยละ




ขอโทษจริงๆ
อย่าอ่านนะขอร้อง
ความลับมาบอก เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
เคยมีเด็กถูกฆ่าตายที่ห้องน้ำของภารโรง
แต่ไม่สามารถหาต้นเหตุของคดีได้
จึงได้ปล่อยร่างไร้วิญญาณของเด็กน้อยทิ้งไว้ ณ ที่เดิม
ไม่มีการทำพิธีอะไรทั้งสิ้น วิญญาณของเด็กจึงล่องลอยวนเวียนอยู่ในรร.
เป็นเวลาหลาย 10 ปี
จนวันหนึ่งได้มีกลุ่มนร.หญิงเข้าไปในห้องน้ำนั้นเพื่อหวังจะแกล้งภารโรง
จึงได้พบวิญญาณของเด็กน้อย กำลังไต่ไปตามเพดาน พร้อมแสยะยิ้มให้
พวกเธอกลัวมากรีบวิ่งออกจากห้องน้ำ
แต่เพื่อนคนหนึ่งพลันไปเหยียบแอ่งน้ำที่พื้นเข้า
จึงได้ล้มและไปสะดุดขาของเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้า
เพื่อนคนนั้นได้จับแขนของอีกคนไว้จึงล้มกันมาเป็นทอดๆและหัวฟาดพื้นตายหมด
วิญญาณของพวกเขาจึงวนเวียน ณ ที่แห่งนั้นตลอดไป
จงส่งต่อไปอีก xx กระทู้ ภายใน x ชม.
ตอนแรกเราไม่เชื่อหรอกแต่เพื่อนเราประสบอุบัติเหตุไปแล้ว x คนตั้งแต่เรา




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 21 เมษายน 2552 8:48:59 น.
Counter : 59163 Pageviews.  

การพิมพ์ จดหมายราชการ จดหมายราชการภายนอก จดหมายราชการภายใน

Government Form (แบบฟอร์ม จดหมายราชการ)

ได้เจอแบบฟอร์มหนังสือราชการ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับงานราชการ เลยนำมาฝากกัน เป็นไฟล์ MS Word ประกอบด้วย แบบฟอร์ม 2 ฉบับ คือ

1. บันทึกข้อความ
2. หนังสือภายนอก

โดยแม่แบบทั้ง 2 ได้ทำให้เหมือนและตรงกับระเบียบสารบรรณมากที่สุด ทางผู้จัดทำเอกสารชุดนี้ ได้จัดทำ และ รวม Font ในรูปแบบของ Font ชื่อ NFT- Norasi ซึ่งเป็น Font แห่งชาติอยู่ในขณะนี้

โดยผู้ใช้สามารถนำไปลงใช้งานได้แต่วิธีการใช้ ง่าย สะดวก และเมื่อพิมพ์หนังสือราชการออกมาไม่ตรงกับระเบียบก็สามารถรับก้นหน้า กันหลังได้ตามความเหมาะสม

คลิ๊ก ดาวน์โหลด //www.thaiware.com/main/info.php?id=3030




[PPT] การเขียนข้อความในหนังสือราชการ ภายนอกและภายใน
[DOC]ประเภท หนังสือราชการ
รอบรู้งานสารบรรณ งานสารบรรณ คืออะไร ฯ
การพิมพ์หนังสือราชการภายนอก การพิมพ์จดหมายราชการภายนอก (ในภาคผนวก)



ตัวอย่างหนังสือราชการ
ตัวอย่าง จดหมายราชการภายนอก ม.เกษตรศาสตร์
ตัวอย่าง จดหมายราชการภายใน ม.เกษตรศาสตร์
ตัวอย่าง จดหมายภายนอก คณะเทคนิคการแพทย์ ม.เชียงใหม่
ตัวอย่าง จดหมายภายใน คณะเทคนิคการแพทย์ ม.เชียงใหม่




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2550 15:30:04 น.
Counter : 66778 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.