DIY *-* ผ้าม่านทำเองกะมือ

ย้ายอพาร์ทเม้นท์มาเรียบร้อย เอาผ้าม่านเก่ามาแขวน นั่งดูนอนดู ศรีเบื่อคะ อยากได้ของใหม่ (อยากเสียเงินว่างั้น) ถ้าอยู่เมืองไทยศรีคงกระโดนขึ้นรถขับไปร้านผ้าแล้วก็ชี้ๆ เอาชิ้นนั้นชิ้นนี้ แล้วก็พูดว่า "พี่ๆ เย็บผ้าม่านด้วยนะคะ กี่วันเสร็จ ราคาเท่าไร" จากนั้นก็จ่ายเงินแล้วมารับผ้าม่านไปติด หรือจะจ่ายเงินให้เขามาติดตั้งให้ที่บ้านเลย

แต่อยู่นี้ศรีทำเยี่ยงนั้นบ่ได้ เพราะค่าแรงแพงเหลือหลาย สุดท้ายศรีเลยต้องทำเองคะ โดยได้รับความช่วยเหลือจากแม่เฮียมาช่วยสอนศรีเย็บผ้า ศรีเย็บตรงได้อย่างเดียว ขนาดเย็บตรง ศรียังนอกตำราแอบเบี้ยว แอบโค้งเกือบตกขอบอยู่เรื่อย แต่ไม่เป็นไร ผ้าม่านเราเองเบี้ยวนิดหน่อยจะเป็นไรไปนิ

แม่เฮียบอกว่าสมัยก่อนต้องมานั่งวัดเป็นช่วงๆ จับจีบเพื่อความสวยงาม วัดแล้วมาคำนวนผ้าอีกว่าต้องใช้ความยาวเท่าไร เพื่อจะได้จับจีบแล้วผ้าม่านไม่สั้นกว่าความยาวหน้าต่าง แต่สมัยนี้ดีหน่อยมีอุปกรณ์ช่วย

หลังจากเราตัดสินใจว่าจะทำผ้าม่านเองละ สิ่งแรกที่ต้องมีจักรเย็บผ้า แต่ถ้าไม่มีก็ใช้มือเย็บได้นะคะ ซ้อมเย็บสัก 1 สองแถว มันก็พอจะตรงอยู่ จากนั้นก็วัดขนาดหน้าต่างที่เราจะเย็บ เพื่อเอามาคำนวนหาความยาวของผ้าม่านและความยาวของอุปกรณ์ช่วยทำจีบให้สวยงามมีขนาดเท่ากันคะ เจ้าอุปกรณ์นี้ หน้าตาแบบนี้นะคะ เรียกว่าเทปจับจีบ เป็นเทปยาวๆ จะมีเชือกร้อยอยู่ข้างใน 2 เส้นไว้ให้คอยดึงทำจีบผ้าม่านคะ


สูตรคำนวน ยาว 1 เมตร ใช้ผ้าเท่ากับ 250 ซม.

2.5 เท่าของขนาดหน้าต่าง ใช้ผ้าเปลืองดีจริง มิน่าค่าผ้าม่านเลยแพงๆ หลังจากคำนวนความยาวผ้าแล้ว เราก็เย็บขอบริมผ้าม่านซ้ายขวาให้เรียบร้อยทั้งสองด้าน เย็บตรงธรรมดานี้คะ จากนั้นเราก็เอาเจ้าแถบสีขาวข้างบนมาติดกับผ้าด้านบนเพื่อทำจีบผ้าม่าน อย่าลืมทบผ้าด้านบนลงมากันริมผ้าลุ่ยด้วยนะคะ เอาเข็มหมุดปักไว้กันลื่นด้วยนะ เห็นเส้นสีขาวสองเส้นไหม นั้นละเอาไว้ดึงให้แถบร่นเข้าทำเป็นจีบ ไม่รู้เมืองไทยมีขายหรือยัง น่าจะมีแล้วนะ ลองเดินหาดูตามร้านผ้า

เวลาเย็บอย่าให้โดนเจ้าเส้นสีขาวสองเส้นนั้นนะคะ ไม่งั้นเดียวดึงเชือกไม่ได้ยุ่งเลย ค่อยๆ เย็บไปเรื่อยๆ จะใช้มือใช้จักรเย็บก็ตามสบาย เย็บตรงธรรมดานี้ละ อ้อ ด้านแรกปล่อยเชือกออกมาตามรูปข้างบนนะ แต่อีกด้านให้พับแถบกับเชือกเก็บริมเย็บติดกับผ้าไปเลย ดึงเส้นเชือกด้านเดียวก็พอคะ



พอเย็บเสร็จก็เริ่มรูดเชือกทั้งสองเส้น แถบจะจีบให้เราเองคะ ค่อยๆ ทำที่ละช่วงนะ อย่าดึงแรงเดียวระยะห่างระหว่างจีบจะย่น




กลายเป็น 3 จีบให้เราอย่างสวยงาม ด้านหลังจะมีที่คล้องห่วงสำหรับเราใส่ตัวล็อคกับรางผ้าม่าน ถ้าบ้านใครเป็นแบบรางไม้สำหรับสอดก็ซื้อห่วงกลมมาเย็บติดตรงนี้ก็ได้นะคะ ปรับใช้งานตามสบาย


จากนั้นก็เอาใส่รางผ้าม่านได้เลยคะ สวยด้วยมือเราอย่างง่ายๆ




 

Create Date : 10 เมษายน 2550   
Last Update : 15 มิถุนายน 2550 21:24:34 น.   
Counter : 18207 Pageviews.  


ประสบการณ์ย้ายอพาร์เม้นท์ที่เมืองนอก

แต่งงานมาอยู่สวิสเซอร์แลนด์ได้ 3 ปี คุณเฮียแกเช่าอพาร์เม้นท์ อยู่ชั้น 2 ภาษาเยอรมัน หรือชั้น 3 ของภาษาไทย แต่จะภาษาไหน ก็แปลได้ว่า เราอยู่ชั้นบนที่มีแค่ระเบียงให้ออกมานั่งชมวิว ช่วงปีแรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ระเบียงก็สวยดี
อยู่ๆไป เริ่มรู้สึกคล้ายกับคนที่นี้ ประเทศนี้หนาวไปค่อนปี อากาศมัวหม่อน มีแดดแค่ไม่กี่เดือน พอเริ่มใบไม้ผลิ ลุงป้า น้าอา ตายาย จะพุ่งไปที่ร้านดอกไม้ ไปหามาแต่งสวน แต่งระเบียง เพิ่มความสดชื่นให้สมกับที่รอคอย มองไปบ้านไหนก็ดอกไม้เพียบ หันมามองบ้านตัวเอง เฮ้ย ไม่มีสักต้นสักดอก เลยหามาปลูกมั้ง
แต่เจ้าดอกไม้ที่เอามาปลูก เดียวก็ตาย หรือไม่ก็คอยาวหาแสง เพราะว่าหลังระเบียงบ้านเรา มีต้นไม้ใหญ่มาก หน้าหนาวใบมันก็ร่วงโกร๋นนะ แต่พอใบไม้ผลิ ตูก็ผลิมั้ง บังแดดบ้านเราจนมิด เฮ่อ ดอกไม้ก็แพง แถมยังตายอีก เลยได้เลี้ยงแค่ไม้ในร่ม คับแค้นใจจริงๆ ได้แค่พูดกรอกใส่หูเฮียว่า เราย้ายบ้านเถอะ เฮียแกก็ได้แค่อืออาไปกับเรา เพราะแกอยู่อพาร์ทเม้นท์นี้มาจะเข้าปีที่ 8 แล้ว โอกาสที่คิดว่าจะย้ายบ้านก็ริบหรี่เต็มทน
โอ๊ยย อยากปลูกดอกไม้ T T สวยๆ แบบนี้มั้ง
อพาร์ทเม้นท์ที่เราอยู่ จะมีอยู่ 2 ตึก ตึกใหญ่กับตึกเล็ก จะมีอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ติดดินแค่ 5 ห้อง ปกติจะเต็มตลอดกาล แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา เรามองเห็นอพาร์เม้นท์ห้องแรกว่าง มองจนแน่ใจว่าว่างแน่ เลยจิกเฮียลงไปดูด้วยกันฝันเริ่มจะเป็นจริง


วิวจากลานหลังบ้าน มองเห็นสนามหญ้ากว้างๆ เป็นบริเวณส่วนกลาง แต่เราก็คิดอุบอิบว่าเป็นของเรา 555



เข้าไปดูด้านในมั้ง อพาร์เม้นท์นี้จะกว้างกว่าห้องเดิมที่เราอยู่ แล้วมีห้องนอนเล็กเพิ่มอีก 1 ห้อง ห้องน้ำเพิ่มอีก 1 ห้อง แน่นอนว่าค่าเช่าก็เพิ่มกว่าเดิม แต่ที่แย่กว่าเดิมคือ ห้องครัวกับห้องน้ำยังเป็นของเก่าอยู่ ไม่มีเครื่องล้างจานให้ ตึกที่เราอยู่ได้ทำการปรับปรุงห้องครัวไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นครัวทันสมัยสวยงามมาก แต่ครัวนี้ยังเป็นของเดิมๆ ที่เราเคยใช้มาเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ล้างจานแค่นี้ กับบริเวณสวนที่จะได้มา เรายอมแลก



เราก็ให้เฮียโทรไปสอบถามกับบริษัทของอพาร์เม้นท์ว่าเราขอย้ายจากชั้นบน ลงมาอยู่ชั้นล่างติดดิน ห้องนี้ยังว่างอยู่ไหม โชคดีก็เป็นของเราคะ เพราะมีหลายคนมาติดต่อ แต่เขาให้เราก่อน เพราะถือว่าเราเป็นลูกค้าเก่า ไม่เคยเบี้ยว ค้างค่าเช่า

แต่เราจะต้องจ่ายค่ามัดจำห้องใหม่ที่จะเข้าไปอยู่ สมัยที่เฮียทำสัญญาเช่าห้องชั้นบนเมื่อ 8 ปีก่อน ไม่มีสัญญาตัวนี้คะ เราต้องเริ่มต้นใหม่เหมือนคนเช่าใหม่คะ ด้วยค่ามัดจำเป็นเงิน 2000 ฟรัง (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ฟรัง เท่ากับ 29 บาท) เงินนี้จะได้คืนเมื่อเราย้ายออกคะ
โดยปกติการเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่นี้ จะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 3 เดือน ว่าเราจะย้ายออก เขาจะได้เตรียมตัวหาคนเช่าใหม่ เราก็เลยตกลงใจว่าจะย้ายลงมาอยู่ชั้นล่างแน่นอน พอวันรุ่งนี้ก็มีคนมาขอดูห้องชั้นบนทั้งทีคะ ช่างรวดเร็วทันใจ ขนาดเรายังไม่ได้เซ็นต์สัญญาย้ายออกเลยนะคะ ที่นี้เอกสารจะส่งมาทางจดหมายคะ เราแค่อ่านแล้วก็เซ็นต์สัญญาย้ายออกและย้ายเข้าที่ใหม่ เดียวเขาจะส่งก๊อปปี้เอกสารกลับมาให้คะ

ระยะเวลา 3 เดือน เราก็เริ่มมองหาเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ถือเป็นการย้ายบ้านครั้งนี้ กำจัดขยะที่รกบ้าน ไม่ได้ใช้ เฟอร์นิเจอร์บางตัวเก่าจนจะพัง โต๊ะกินข้าวเริ่มเล็กไป เตียงกับฟูกต้องเปลี่ยนใหม่ ของเก่าน็อตเริ่มหลวมแล้ว จากนั้นก็เริ่มเก็บของลงกล่อง อันไหนจะทิ้งก็แยกออกไปเป็นกล่อง


นี้เป็นแปลนห้องที่อีชั้นหัดวาดเอง โดยโปรแกรมเด็กอนุบาล ภาษาที่นี้จะเรียกว่า อพาร์เม้นท์ 5 ห้องครึ่ง หลังบ้านจะหันเฉียงไปทางทิศใต้



ห้องน้ำแบบเก่า 2 ห้อง

วันที่เราได้กุญแจบ้านใหม่ก็มาถึง พอเสาร์ถัดไปเราก็ไปห้างขายเฟอร์นิเจอร์ ขวัญใจคนจน IKEA เรายืมรถตู้ของบริษัทเฮียมาขนของ เพราะที่นี้ค่าบริการแพงมาก เราต้องพยายามขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดด้วยตัวเองคะ 3 คนพ่อแม่ลูก ไปแบกหามเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ซื้อกันชนิดที่บิลยาวเป็นหางว่าว





เป็นเงินไทย เกือบ แสนบาท แต่เราต้องมาแบกหามขึ้นรถตู้แล้วต้องแบกขึ้นบ้านเองด้วย ตอนขนของคิดถึงเมืองไทยใจจะขาด ถ้าเป็นบ้านเรา ราคาขนาดนั้น เขาขนมาประกอบติดตั้งให้เรียบร้อย นี้ของเรามาแบบเป็นกล่อง แล้วยังต้องมาประกอบเองอีก ขนของเข้าบ้านใหม่ก็ประกอบโต๊ะกินข้าวก่อน เราเลือกแบบเป็นรูปไข่



ติดไฟตรงโต๊ะกินข้าว อ้า ไฟไม่ยักจะตรงมันไปอยู่ริมห้องเกินไป ติดไว้ก่อนแล้วค่อยย้ายที่หลัง



โต๊ะคอมก็ประกอบให้เรียบร้อย จะตั้งที่ห้องรับแขกละ เล่นคอมไปดูทีวีไป



เราเริ่มประกอบเตียงนอน ช่วยกัน 2 คน ที่ขายแยกกรอบเตียง ไม้รองเตียง ฟูก ต้องแยกซื้อ วันย้ายใหญ่ก็มาถึง เราได้เพื่อนมาช่วยขน 7 คน ไม่งั้น ตายแน่นอน ของเยอะมาก นี้ขนาดแยกของเตรียมไปทิ้งแล้วนะคะ ยังเยอะอยู่

ของก็เต็มหมดทั้ง 5 ห้อง ส่วนของทีจะทิ้ง เราขนไปใส่รถตู้ของบริษัทคะ ที่นี้เราจะไปทิ้งมั่วๆ ไม่ได้นะคะ ถ้าจะทิ้งของชิ้นใหญ่ต้องขับรถไปทิ้งขยะที่โรงเตาเผาขยะ และขยะที่นี้ต้องเสียค่าทิ้งคะ ไม่ว่าจะเป็นขยะเล็กๆ ภายในบ้านจะต้องซื้อสติกเกอร์ทิ้งขยะมาติดเป็นรายถุงคะ จะต่างจะเมืองไทย ตรงเราจ่ายเหมาเป็นรายเดือน จะทิ้งวันละกี่ถุงก็ได้ แต่ที่นี้คิดต่อถุง
ขยะสมบัติบ้าของพวกเรา เต็ม 1 รถตู้เลยคะ แล้วยังมีเหลือติดบ้านอีกนะ พยายามยัดเต็มที่แล้ว ไม่มีช่องว่างเลยคะ ปิดประตูแทบไม่ได้ มันแน่นสุดๆ



วันต่อเราก็ขับรถไปที่โรงเตาเผาขยะ ไปถึงจะมีด่านชั่งน้ำหนักของรถก่อนว่าหนักเท่าไร



ขับเข้าไปด้านในจะช่องให้เราโยนขยะลงไปคะ เราก็ถอยหลังเข้าไปเปิดประตูโยนขยะลงไป



ในช่องนั้นจะมีเครื่องบดขยะให้เป็นชิ้นๆ แล้วตกลงไปที่สายพานที่อยู่ข้างในโรงเตา จะมีพนักงานแยกขยะอยู่ข้างในอีกทีคะ โยนขยะหมดแล้ว เราก็ขับรถเปล่าออกไป ที่ทางออกจะมีที่ชั่งน้ำหนัก หักลบกับน้ำหนักตอนขามา ขยะสมบัติบ้าของเรา หนักทั้งหมด 800 กิโลกรัมคะ กริ๊ดดด จ่ายเงินไป 220 ฟรัง เหอ ค่าขยะแพงมาก เอาเงินนี้ไปทำอะไรได้ตั้งเยอะเลยนะ ต่อไปต้องคิดก่อนซื้อ ไม่ให้มีสมบัติบ้ามากมาย ตอนนี้เริ่มคิดได้แล้วว่า เรานอนทับขยะมาหลายปีแล้วนะ

หลังจากย้ายเข้าบ้านใหม่แล้ว ใช่ว่าจะจบแค่จัดของให้เข้าที่ เปล่าเลย เราจะต้องกลับไปทำความสะอาดอพาร์ทเม้นท์เก่าให้อยู่ในสภาพวาววับ เรามีเวลา 2 อาทิตย์ที่จะต้องทำทุกอย่างให้ดีเหมือนใหม่ ปกติที่นี้จะจ้างบริษัททำความสะอาดคะ และเหมือนเดิม ค่าแรงแพงมาก ปกติจะตกราว 800- 1000 ฟรัง (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ฟรังเท่ากับ 29 บาท) ไม่อยากจะคิด เราเลยต้องมานั่งพยามขัดเอง กับคราบสกปรกที่เราทำเอาไว้
พอครบกำหนดส่งมอบกุญแจ เจ้าหน้าที่บริษัทมาตรวจสอบ โห พี่แกเล่นส่องเข้าไปตามซอกตามหลีบตามมุม นี้ต้องเอาผ้าใส่ไขควงแหย่เข้าไปเช็ดฝุ่นออกให้หมด ตอนแรกเราก็คิดว่าเขาแกล้งป่าวหนอ พอสอบถามเพื่อนๆ ที่เคยย้ายบ้าน เขาก็บอกว่าเรื่องปกติ นี้คือมาตราฐานความสะอาดของที่นี้ สะอาดจริงๆ มิน่าห้องใหม่ที่เราย้ายมาดูยังใหม่จัง ขนาดเครื่องครัวเก่ายังวาววับ เรามาอยู่แป๊บเดียวดำซะแล้ว
สรุปไม่ผ่านมาตราฐานความสะอาดคะ เลยต้องไปจ้างคนดูแลตึกให้มาทำความสะอาด ยังดีที่เราขัดไว้เยอะแล้ว เหลือแค่ไม่กี่จุด เขาเลยคิดค่าจ้างแค่ 250 ฟรัง ค่อยยังชั่วหน่อย ตอนนี้สองคนตายาย รอยเท้า กาขึ้นมาเต็มหน้าผากหมดแล้ว ย้ายบ้านที่แทบสลบ มีกฏมีอะไรไม่รู้เยอะแยะเลย แล้วเราต้องจ่ายเงินค่าทาสีด้วยนะคะ ตามเปอร์เซ็นต์ความสกปรก เวลา 8 ปีนะเลยจ่าย 20 % ถ้าเราอยู่ครบ 10 ปีไม่ต้องเสียเงินค่าทาสีคะ ปกติคนเช่าจะพยายามทาสีเอง แต่เราไม่ไหวแล้วคะ แค่นี้เหนื่อยหมดแรงแล้ว เลยจ่ายดีกว่าทำงานมาได้เงินเดือนมาจ่ายค่าบ้านค่าขยะ ค่าภาษี เฮ้อ



แต่ยังดียังมีสวนน้อยให้เราพอชื่นใจ ตอนนี้ไปซื้อเจ้าต้นสโนว์บอลมาลงสวนน้อยหวังว่าเขาคงจะโต มีดอกให้เราชมทุกปี

















 

Create Date : 02 เมษายน 2550   
Last Update : 2 เมษายน 2550 21:20:20 น.   
Counter : 1315 Pageviews.  



alittlestar
 
Location :
weinfelden Switzerland

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
[Add alittlestar's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com