Come Fly With Me...By:Air-lslto-ry...แอร์ตอหลี www.facebook.com/ComeFlyWithMeByLaila

อุทาหรณ์ (แอร์ ตอหลี) สอนหญิง อิน อราเบีย In Arabia

วันนี้กะว่าจะอัพบล้อกตั้งแต่สายๆตามที่สัญญาไว้นะคะ กะลังจะเริ่มกดแป้นพิมพ์ เพื่อนเวรรรร์ ดันส่งข้อความมาเม้าท์มอยTopicน่าสนใจม้ากกก เลยเม้าท์ไปสองสามชั่วโมงเพราะเรื่องราวน่าติดตามมาก ก็ไม่พ้นเรื่องนินทากาเลนั่นแหละค่ะ แหะๆ ก็ตอนแรกว่าจะไม่เม้าท์แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ

พูดถึงแต่เรื่องบนฟ้าบนอากาศไปเยอะแล้ว ตอนนี้ขอพักซักตอนนะคะ แน่ะๆๆ อย่าเพิ่งปิดค่ะ ก็ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตแอร์ๆอยู่แหละค่ะ ก็เรื่องเกี่ยวกับประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ในแดนอาหรับนั่นแหละค่ะ
ส่วนใหญ่แล้วเวลาเราจะไปเที่ยวต่างประเทศซักที เราก็จะไปยุโรปก็เกาหลี ญี่ปุ่น มาเล อะไรเทือกนี้ใช่มั้ยคะ คงไม่มีใครนึกอุตริอยากจะไปกาตาร์ซักเท่าไหร่(ไม่มีเลยดีกว่า พูดง่ายๆ ถ้าไม่จำเป็นคงไม่มีใครไป). ขนาดพูดถีงชื่อเมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ ยังไม่มีใครรู้จักซักเท่าไหร่ ไม่เหมือนดูไบ ก็ไม่แปบกหรอกค่ะ เพราะกาตาร์ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองสำหรับทำมาหากินอย่างเดียว ประเทศเลยรวยสุดๆ รวยเงียบ รวยกว่าดูไบค่ะ

ตอนสมัครแอร์ ยังไม่รู้จักเลยว่าประเทศนี้อยู่ส่วนไหนของแผนที่ คนที่นี่เค้าเป็นยังงัย ไปถึงวันแรกบริษัทก็จะส่งคนมารับ พร้อมรถแวน1คัน รถบรรทุก1คัน นับว่ารอบคอบมากค่ะ เพราะแต่ละนางมากันคนละ100กิโล จะใส่รถคันเดียวคงไม่หมด มาถึงก็ตื่นตาตื่นใจไปกับประเทศอาหรับที่ตั้งแต่เกิดมา21ปี ไม่เคยจะคิดฝันว่าจะได้มาประเทศแถบนี้เลย เมื่อก่อนที่นี่หารถtaxiยากมาก ส่วนใหญ่เค้าก้อจะเป็นรถส่วนตัวทั่วไปที่อินเดียขับผ่านไปมา ถ้าเค้าเห็นเรายืนงงๆเหมือนรออะไรเค้าก้อตะถามว่าไปมั้ย เมื่อก่อนกลัวมาก ยืนรอหน้าSouq (คล้ายบาซาร์). แต่ก็ไม่เจอแท้กซี่ แขกอินเดียผ่านไปมาเห็นพวกเรายืนงงๆก้อกวักเรียก แต่เดี๋ยวนี้แท้กซี่เยอะมาก. หันไปทางไหนก็เจอ แต่ถ้าไม่เจอจริงๆก็เริ่มกล้าไป เพราะไม่มีทางเลือก จะนั่งแท้กซี่ก้อต้องระวังตัวมากๆ ทุกครั้งที่ขึ้นPrivate taxiพวกนี้จะต้องระวังอาการท่าทางไว้ให้มาก เพราะว่าร้อยละ98 พอเห็นคนไทยหรือเอเซียขึ้นไปปุ้ป เค้าจะเริ่มเจ้าะแจ้ะทันทีเนื่องจากเป็นที่รู้ๆกันว่าเราเรียบร้อย น่ารัก อัฒยาศัยดี คุยอะไรด้วยก็ไม่โดนด่า น้องคนไหนที่จะไปโดฮา พี่ขอเตือนว่า ห้ามยิ้ม หัวเราะ เล่นหัวอะไรด้วยทั้งสิ้น เล่นกับหมา หมาเลียปาก ไม่ต้องไปกลัวหรือเกรงใจใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมาดีไม่ดี ห้ามไว้ใจเด็ดขาด ก่อนขึ้นรถ ให้เปิดประตูถามก่อนว่าไปที่นี่มั้ย เท่าไหร่ ปกติไปไหนมาไหนไม่เกิน25-30เรียว(สกุลเงินเป็น Qatar riyals) ถ้าไม่ไป หรือยึกยักต่อราคาแพงเกินก้อบอกว่า โอเค ไม่เป็นไร แล้วปิดประตูไปเลย คันถัดไปมี ไม่ต้องกลัว. ถ้าตกลงราคาได้อะไรได้ ก้อให้นั่งข้างหลัง ห้ามนั่งหน้าข้างคนขับ นอกจากไปสี่คน คนที่แต่งตัวรัดกุมสุดให้นั่งหน้า ยัดหลังสี่ได้ก้อนั่งสี่ข้างหลังไปเลย ไม่ต้องกลัวมันว่าอะไรทั้งนั้น ที่โดฮาจำกัดนั่งได้แค่ห้าคน รวมคนขับค่ะ
ที่บอกให้นั่งหลัง เพราะพวกนี้ ไม่ว่าจะแขกอาหรับ แขกอินเดีย แขกเนปาล ชาติไหนก้อตาม จะมองหน้ามองนม มองขาอ่อน ทุกอย่าง แบบหื่น พูดจริงๆ แทบทุกราย เชื่อพี่แพรค่ะ ไม่ได้คู่ อยากเตือนให้ระวังเรื่องนี้จริงๆ ใครไม่แคร์อยากปล่อยให้มันมองก็ตามใจเถิดค่ะ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน แล้วประโยคฮิตหลังจากเรานั่งเรียบร้อยแล้วก็จะถามว่า where u from? ด้วยสีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย ตอนแรกๆก้อไม่รู้อะไร ก้อตอบไปคุยไปแบบซื่อๆ เพราะไม่ได้คิดอะไร หลังๆมาที่เจอกันบ่อยๆคือ เค้าจะตีสนิทเราแล้วบอกว่าคราวหน้าก้อเรียกเค้านะถ้าจะไปไหน นี่เบอร์โทร บางรายก็แบบว่า. รอบนี้ไม่ต้องจ่ายก็ได้ หรือคืดถูกๆ เพื่อให้เราติดใจ เรียกอิก เพราะอย่างที่บอกว่าจะหาแท้กซี่ที่เป็นการเป็นงานจริงๆนั้นยาก ที่นี่บริษัทแท้กซี่คือการ์ว่า Karwa พวกที่ขับPrivate taxiร่อนไปมาก็จะมีเยอะกว่า เรียกง่าย ไม่เสียค่าเรียก ถาเราติดกับเรียกบ่อยๆ พวกที่ดี ไว้ใจได้ก้อมีบ้าง แต่น้อยมาก พวกลูกเรือที่ไม่ส่วนใหญ่ไม่มีรถส่วนตัวก็จะเรียกแท้กซี่ที่ตัวเองใช้เป็นประจำ

บางรายก้อเริ่มออกลายโดยการเมมเบอร์เราไว้แล้วโทมายืมตังค์ เฉยเลย ยืมตังค์นี่ยังดี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโดนลวนลามทางคำพูด เพราะพอเราให้ความสนิทสนมก็ลามปาม เพื่อนๆโดนมากันทั้งนั้น ตัวเองก็โดนมาเหมือนกัน จนเข็ด ไม่คุยกับแท้กซี่อิกเลย ประมานว่าเนี่ย เค้ามีเพื่อนคนไทยนะ ผู้หญิงไทย สนิทกัน ชีชวนให้มีอะไรกัน งี้งั้น โอ้โห มันขนาดนี้เลยหรอ เราก้อเงียบ ตอนนั้นไม่กล้าด่าเพราะกัว เราเลยไม่เคยเรียกแท้กซี่คนนั้นอิกเลย ของเพื่อนอิกคน โบกแท้กซี่มา พวกเดนนี่ก้อถามว่ามาจากไหน ตามบท พอบอกว่ามาจากไทย มันร่ายเลยค่ะว่า ไทยแลนด์นะ โอ้ย ไอชอบ ไปพัทยา โอนลี่ฟักๆๆ โอ้โห ขอติดเรทนะคะ จำเป็นต้องบอกจริงๆ ไม่อยากหยาบคาย แต่อยากเตือนมากๆว่าระวังให้มากๆ ยิ่งเราเป็นคนไทย ภาพลักษณ์เราจะโดนแบบนี้บ่อยๆ ขอย้ำว่าไม่ได้ใส่ไข่หรือเล่าเกินจริง อยู่นี่มา3ปี มีเรื่องประมานนี้แทบทุกครั้งที่ขึ้นแท้กซี่ คำถามแรกที่ว่ามาจากไหน พอรุว่าไทยแลนด์ อะโห ก้อจะมีชมก่อน ว่าคนไทยดีอย่างนี้อย่างนั้น พอเราต่อความไปเรื่อยๆ บางรายก้อดีค่ะ ชมอย่างเดียว ว่าดี สวย พูดเพราะ ใจดี แต่บางรายลามปาม เราเดาไม่ได้หรอก เลยขอย้ำว่า การป้องกันตัวเองโดยการไม่พูด ดีที่สุด ไม่ต้องกลัวเสียมารยาท ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทเพื่อแลกกับความเสี่ยง ใครไม่เห็นด้วย ก้อเชิญตามสบาย พี่แพรขอเตือน มีโดนลักพาตัวไปข่มขืนแล้วทิ้งทะเลทราย ถ้าคิดว่าอยากมารยาทดี ไปประเทศที่ผู้คนศรีวิไลกว่านี้เถิดค่ะ


อ่านมาถึงจุดนี้ก็จะรู้ว่าแพรไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์อะไร ไม่ได้เป็นคนดีงามมากมายนักหรอกค่ะ แต่ไม่เคยคิดร้ายกับใครถ้าไม่เจอใครร้ายมาก่อน อยู่ที่นี่แพรจำเป็นต้องหยาบในบางครั้ง ไม่งั้นโดนเอาเปรียบ เมื่อก่อนโดนเค้าแซวอะไรมาก็กลัวก็เงียบ พวกนี้ก็เอาใหญ่ จนทนไม่ไหว อยู่ไปนานๆก้อชิน ด่ากลับบ้าง ขู่ก่อนบ้าง เพื่อความอยู่รอด ไม่ใช่เพื่อความสนุกเลย ต้องมีจุดยืน ต้องข่มเค้าก่อน ไม่งั้นโดนข่ม โดยเฉพาะแขกอินเดียกับแขกอาหรับ พูดออกสื่อเลย ไม่เกรงใจแล้ว. ณ จุดนี้ คนที่ดีก้อมีค่ะ แต่ที่เจอๆ คนแย่ก้อเยอะ เวลาไปเดินตามห้าง ผู้หญิงเดินคนเดียวก็จะโดนมอง มองแบบจ้องจนทำอะไรไม่ถูก เลยต้องมองตรง ทำหน้านิ่งอย่างเดียว เพื่อประกาศว่า don't mess with me แต่ก็ยังมีเดินมายิ้มแบบแซวๆ แล้วก้อพูดอะไรข้างๆ มันน่ารำคานมาก หลังๆ เลยเลี่ยงไม่เดินคนเดียว ต่อให้ไปกันเป็นฝูง ก็โดนมองทั้งฝูงแหละค่ะ voilaบ้าง อะไรบ้าง กากเดนสุดๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงใส่อาบาย่า(ชุดดำๆยาวคลุมเท้าของผู้หญิงมุสลิม)

(ใส่อาบาย่าAbaya ตอนไป grand mosqueอาบู ดาบีค่ะ(Instagram @ litaparis))

แต่ถ้าเราใส่อาบาย่า คนจะไม่ยุ่ง ไม่มองทันที แถมไม่พอ อ่อนน้อมถ่อมตนสุดริท พวกอาบาย่านี่ก้ออิกอย่าง ถ้าพวกนางเดินเริดๆถือแอร์เมสกันมาเป็นกลุ่มนะชีจะไม่ยอมหลีกให้ใครหน้าไหน เดินขวางกันเป็นsex and the cityทีเดียว เมื่อก่อนเราก็หลบ เดี๋ยวนี้อิแพรเดินแหวกเลยค่ะ มึงไม่หลบมึงชนนะ จนนางแตกกลุ่มเพราะไม่งั้นชนแน่ๆ ชะนีไทยชนะเริด พวกนี้รู้ค่ะ ว่าถ้าใส่อาบาย่าแล้วนางข่มได้ทั้งหญิงชาย แซงคิวได้อะไรได้ กลับไปที่เรื่องพวกผู้ชายให้จบนะคะ ถ้าน้องคนไหนมา ให้ทำตัวกักขระกับพวกนี้แล้วน้องจะปลอดภัย ไม่ใช่ว่าไปด่าแบบหยาบคายนะคะ อย่าให้มันมาว่าเราได้ ต้องFirmค่ะ ไม่ใช่rude. วันนั้นแพรขึ้นรถไปกับเพื่อนอิกสองคน เพื่อนคนนึงนั่งหน้า เรานั่งหลังกะอิกนางนึง เอาละ ถามเลย มาจากไหน ตามเดิม เราก้อบอกเพื่อนเราไปแล้วว่าไม่ต้องตอบอะไรมันนะ แล้วถ้ามันถามมันคุยก้อทำเฉยๆ ห้วนๆ อย่าคิกคัก นางก้อทนไม่ไหวเพราะคนขับถามอยู่นั่น ก้อเลยบอกว่า ไทยแลนนนน (ยิ้มมมม) เอาละคะ เข้าามหากาพย์เลย คำถามตามบทถัดมาคือ คทาแอร์เวร?! แพรก้อรีบแทรกไปว่า ไม่ใช่ เพื่อจะได้จบ แต่ฮีไม่จบค่า บอกว่าทำไมเพื่อนอยู่บอกว่าไม่ ทำไมพูดห้วน ชีเป็นศัตรูกะชั้นเหรอ พูดแบบกวนทีนมากค่ะ แพรก้อเลยบอกว่า ชั้นไม่ใช่ศัตรูของใคร จะหยุดมั้ย ถ้าไม่หยุดก็จอด คันอื่นมี แล้วก็บอกนังชะนีย์ทั้งหลายว่าเล่นโทสับทำยุ่งๆไป ห้ามคุยต่อ ฮีถึงบ่นๆๆๆ แล้วก็หยุดเอง พวกนี้พอรู้ว่าเราเป็นแอร์ จะยิ่งเอาใหญ่ บางทีถ้าขึ้นคนเดียวหรืออะไรก็ตามแล้วโดนคำถามฮิต ว่ามาจากไหน ก้อจะตอบไปว่า why?! จบค่ะ เค้าก้อจะซอรี่ๆ จับได้ แต่ถ้าไม่จบเราก้อจะต่อว่า i don't think my nationality is any of your business ต้องmake statement ไปเลยว่า จบตรงนี้ ไม่ต้องการเพื่อนคุย ณ จุดนี้ ถ้ายังจะต่อปากต่อคำ ก็บอกไปเลยว่า นี่ๆ ชั้นรู้ทะเบียนรถเธอนะ จะแจ้งตำรวจว่าเธอขับแท้กซี่ผิดกฎหมายถ้าเธอไม่หยุด พูดไปเลยค่ะ ส่วนใหญ่ในโดฮาจะพลุกพล่าน เวลาจะพูดก้อกะเอาตรงที่คนเยอะๆ หมุนกระจกได้ เปิดรถได้ โดดหนีได้ ถ้าเกิดอะไร แต่ถ้ามีแฟนหรือเพื่อนที่สามารถคุยกับเราทางโทรศัพท์ได้ก้อคุยไปจนสุดทาง ดีที่สุดค่ะ
อิกอย่างที่ต้องมีจุดยืนก็คือ ตามห้างค่ะ ปกติตามห้างเช่นvillagio. เค้าจะมีทางออกที่มีkarwaรออยู่ ลดความเสี่ยงหน่อย เพราะมีทะเบียนและบริษัทแจ้งได้ชัดเจน แต่บางครั้งก้อต้องทะเลาะเพราะไม่ยอมกดมิเตอร์ แต่ถ้าไม่มีการ์ว่ามาช่วงนั้น ก้อจะมีพวกprivate. (ร้อยละ90เป็นอินเดีย) มาเซ้าซี้ให้ขึ้นรถเค้า แล้วเรียกแพง ไว้ใจไม่ได้ วันนั้นไปกับเพื่อนชะนีหน้าหมวยเสียงน่ารักคนนึง พวกฮีก้อยืนเป็นจิ้กโก๋ปราดเข้ามาถามว่า แท้กซี่? เราก้อบอกไปดีๆเสียงธรรมดาๆ ว่า No. แล้วใช้สายตาอันแน่วแน่ว่า ไม่ ไม่ต้องถามต่อ พูดดังพอให้คนรอบๆได้ยิน จะได้ไม่ต้องถามให้เสียอารมอิก ฮีก้อยังเดินตาม ใกล้มาก เซ้าซี้ แล้วกวนตรีนอิกว่า การ์ว่าไม่มาหรอก ไม่มีนะ ราคาก็เท่ากัน งั้นงี้ งี้งั้น ไม่จบ อยู่ใกล้ๆ เลยบอกเพื่อนว่า ป่ะ ไปทางอื่นดีกว่า ฮีก้อเดินตาม พร้อมเพื่อนอิก ข่วยรุม เราเลยหยุด ชี้นิ้วกราดหน้า แล้วบอกเป็นภาษอราบิกว่า หยุดเลยนะ Khalas, I said no is no, don't u dare any of u guys ask me again! I'm gonna tell security right now. (หยุดเลยนะ ชั้นบอกว่าไม่ก้อคือไม่ ใครหน้าไหนอย่าได้มาถามอีก ไม่งั้นจะแจ้งยามเดี๋ยวนี้) สะบัดมือลงหลังด่าเส็ด จิกตาดุๆไล่ไปทีละคน แล้วเดินมา อึ้งกันทั้งบาง เหลือแต่ความเงียบงัน เห็นเป็นคนไทยล่ะเอาใหญ่ นึกว่ากุยอมนะ แต่ใช่ว่าแพรจะทำแบบนี้ดะไปทั่วนะคะ ทนก่อน ข่มไปเล็กน้อย สุภาพแต่เด็ดขาดก่อน แต่ถ้าไม่จบก้อจะโดนด่าแบบนี้แล ในที่สาธารณะน่ะ ทำได้ค่ะ อย่าไปทำที่เปลี่ยว ถ้าที่เปลี่ยวก้อกรี้ดเลย ทางที่ดีก้ออย่าไปที่เปลี่ยวเด็ดขาด!

ตอนนี้ขอจบเท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวแพรจะกลายเป็นคนไม่ดีไปมากกว่านี้ ขอยืนยันนอนยันตรงนี้อีกทีว่าแพรไม่ได้อยากทำแบบนี้ แพรให้คุณค่าคนเราเท่ากันทุกคน ไม่เคยดูถูกใครหรือหยาบคาย จากการที่แพรด่าแต่ละครั้ง แพรใช้คำสุภาพแต่เด็ดขาด เพื่อความอยู่รอด มิใช่นิสัยสันดานโดยแท้ค่ะ^^ เชื่อเค้าน้า รักดอกจึงบอกเล่า จุ้บๆ
 
 




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 19:48:57 น.   
Counter : 5343 Pageviews.  

ว่าด้วย วิชา แอร์โฮสเตส 107: Cabin crew prepared for take off ตอน3

จากบล้อกที่แล้ว เห็นมีคนมาคอมเม้นท์ว่า "ภาษาไทยแย่แล้ว". อันนี้ก้อไม่รุว่าเค้ามีจุดประสงค์อะไรนะคะ แต่ติดใจนิดนึงตรงที่ว่า แย่ตรงไหน แย่มากเลยเหรอถึงขั้นต้องว่าแบบนี้ ไม่ได้ว่ารับข้อบกพร่องไม่ได้นะคะ แต่บอกตรงนี้เลยว่า บางทีบางครั้ง พิมพ์ในIpad มันจิ้มผิดจิ้มถูก ไม่ได้ทานดูหรือมองข้ามไปบ้าง คำบางคำ เช่น ก็ เป็น ก้อ เนี่ย เพราะว่ามันพิมในนี้ยากค่ะ เพราะเป็นคนพิมเร็วแต่ไม่ได้เรียนพิมดีดมา ก้อเลยขี้เกียจจิ้มตัวcaptlockแล้วพิม์พวกตัวการันต์บางตัว เหมือนที่เห็นตอนนี้ แพรพิมคำว่า พิมพ์ เป็น พิม เพราะว่าขี้เกียจจิ้มตัวการันต์ คำว่ารู้ กับ รุ ก้อเหมือนกัน เหตุผลเดียวกันก้อคือขี้เกียจพิมยาวอะไรมากมาย เวลานึกเรื่องขึ้นได้ก้อรีบพิมๆๆๆๆ ไม่งั้นเรื่องในหัวมันไม่ลื่นค่ะ เข้าใจอารม(ณ์)คนเขียนนะคะ ขอเคลียร์ตรงนี้ว่า ถ้ารำคานการสะกดของแพรที่มักง่ายก้อเชิญอ่านบล้อกอื่นเถอะค่ะ แพรไม่ได้เขียนวิทยานิพน ณ จุดนี้ แพรรู้ว่าอะไรสะกดยังไง พิมผิดตามหลักภาษาไทยไปบ้างเพราะความเคยชินและเอาเนื้อหาเข้าว่า แต่แพรก้อไม่คิดว่าจะขัดหูขัดตาคนบางคนได้มากขนาดนี้ มีจุดประสงค์ดีแต่โดนประสงค์ร้ายมันก้อเซ็งนะคะ แม่แพรเป็นครูภาษาไทย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะว่าแพรจะไม่ทราบว่าอะไรสะกดยังไง หากจะให้พิมพ์ตามที่คุณชอบใจคงไม่ได้กระมังคะ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ใช้คำว่า จุงเบย บ้าบอไรนั่น งุงิ คุคิ หรือตัวสก้อยก้อไม่ได้ใช้ ยังจะเอาอะไรอีกน้อออออ. คนเรา!!!!!!!!!!!

เอาล่ะค่ะ เสียเวลาพร่ำเพ้อไปกับคอมเม้นท์เดียว ก้อขอยืนยัน ณ จุดนี้ว่าจะพิมตัวมักง่ายเช่นเดิม ไม่ชอบก้อไปอ่าน มติชนแทนเถิดค่ะ

เข้าเรื่องนางฟ้านางสวรรค์ของเรากันต่อดีกว่าเนอะ^^ คราวที่แล้วแพลนไว้ว่าบล้อกนี้จะแจกแจงแถลงไขว่าในแต่ละชั้นบริการเราทำอะไรกันบ้างก่อนเครื่องขึ้น detail มันเยอะม้ากค่ะ ถึงเอามาไว้อิกบล้อก เพราะแต่ละเคบินเราบริการต่างกันค่ะ

(หน้าตาจริงจังมาก--")


เริ่มที่Economy. ก่อนเครื่องขึ้นเราก้อจะทำการเช็คเครื่องก่อนคือพวกที่นั่ง เตาอบ ห้องน้ำ นี่นั่นว่าอยู่ในสภาพใช้งานได้ใช่มั้ย เตรียมตะกร้าลูกอม ของใช้ในห้องน้ำ แล้วก้องานในแกลลี่จิปาถะมากมายยยยยยยยมากๆ คือ จัดแจงอาหารเข้าตู้อบ เอากระบะน้ำอัดลมมาใส่ในคาร์ท เตรียมขนมปังที่เสิร์ฟใส่ในตู้ด้วย หรือไม่ก้อหาที่เก็บให้ไม่เกะกะตอนTake off เตรียมของใช้บนคาร์ท พวกหม้อชา กาแฟ น้ำผลไม้ให้ครบทุกรส แอลกอฮอล์ ไวน์ มีกี่อย่าง เอามาเรียงๆให้หมด ตอนเทรนเค้าก้อจะสอนเราว่าแต่ละบริการ เช้า กลางวันเย็น เราจะจัด ข้างบนคาร์ทยังงัย เราจะจัดใส่ในกระบะคล้ายๆcontainer ลิ้นชักอ่ะค่ะ. นึกภาพเวลาเราดึงลิ้นชักออกมา มันจะเป็นกระบะขนาดประมาน18*12นิ้วอ่ะค่ะ เราก้อเอาพวกที่ใส่น้ำแข็ง ทิชชู่ เหล้า ไวน์ ใส่เข้าไป แล้วแต่บริการในไฟลท์นั้นๆ เช่นตอนเช้าก้อเน้นน้ำผลไม้ ชา กาแฟ ตอนกลางวันก้อเหล้า ไวน์ เย็นก้อไวน์ อะไรแบบนี้ เราต้องเช็คก่อนไปทำไฟลท์ว่าวันนี้ทำบริการแบบไหน จะได้จัดบนคาร์ทถูก ต้องจัดเหมือนกันเป้ะๆเป็นpatternเดียวกันนะคะ. ไม่ใช่ว่าอยากใส่ตรงไหนก้อใส่ เราจะมีการเทรนจัดคาร์ทค่ะ ว่าน้ำไว้ไหน แอลกอฮอลล์ตรงไหน เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน เข้มขนาดที่ว่า เคยเอาบรั่นดีไว้ด้านมุมขวาแต่อย่างอื่นถูกหมด ก็โดนให้เปลี่ยนมาไว้ด้านซ้ายตามตำราเป้ะๆๆๆ ไม่รุว่าไว้ขวาหรือซ้ายใครมันจะมาสังเกต ขนาดนั้น?!เราก้อต้องตระเตรียมของให้ครบทุกคาร์ทค่ะ จะมี2-8คาร์ท แล้วแต่เครื่องและจำนวนผู้โดยสาร ตอนเตรียมนี่ก้อจะยุ่งมากที่สุด เพราะว่าcatering หรือบริษัทที่เค้าจัดหาของมาให้เนี่ยเค้าก้อจะโหลดของมาในคอนเทนเนอร์ แต่ละอันก้อหนักตั้งแต่2-7กิโล เราก้อต้องยกเข้ายกออกเพื่อจะเอาของในนั้นออกมาเตรียมแล้วหาที่เก็บสำหรับTake offไม่ให้หลุดร่วงออกมาโดนลูกเรือโดนผู้โดย อันตรายมาก ถ้าเก็บไม่ดี เพราะเคยนั่งอยู่ประตูด้านหลังแล้วcontainerร่วงลงมาตอนเครื่องกระแทกลงบนรันเวย์ ตอนแลนด์ แล้วลูกเรือก็ตกใจ. ลุกหนีไม่ทัน เลยร้องกรี้ดแล้วเอามือขึ้นมาบังตามสัญชาตญาน ด้วยความที่เราเห็นตอนcontainerสั่นๆใกล้หล่น สัญชาตญานลูกเรือสุดริท ปลดเข็มขัดพุ่งไปจับไว้แทบไม่คิดชีวิต เอวแทบเคล็ด ลูกเรือแทบสลบ เพราะถ้ามันพุ่งลงมาใส่หัว หัวแตกขั้นเย็บหลายเข็มเพราะcontainerหนักมาก เป็นสแตนเลสด้วย ก็ใจหายใจคว่ำกันไป ดังนั้นตอนเตรียมเครื่องให้พร้อมสำหรับTake off ,Landing นั้นจะยุ่งยากมาก เพราะต้องหาที่เก็บให้secure
คนทำครัวก็ทำในgalleyไปเตรียมนี่นั่นส่วนใหญ่แล้วก็ทำคนเดียว นอกจากไฟลท์หนักๆ ก็มีคนช่วย1คน แต่น้อยมาก เพราะลูกเรือทั้งหมดต้องคอยต้อน. เอ้ย จัดแจงให้ผู้โดยสารนั่งตามที่ ไม่ให้ยืนขวางกันนานเพราะคนที่รออยู่ตรงนอกเครื่องจะรอนานแล้วขึ้นมาบ่น โดยเฉพาะหน้าร้อน เราจะพยายามจัดแตงให้นั่งให้เร็วที่สุด จะได้ปิดประตูเร็ว ออกเร็ว ถึงเร็ว
พอผู้โดยขึ้นมาหมดเราก็จะเริ่มแจกหูฟังบ้าง night kitบ้าง แล้วแต่ว่าเราได้เตรียมวางไว้ตามที่นั่งรึยัง ถ้าผู้โดยได้เรียบร้อยแล้วเราก็แค่แจกลูกอมตามที่ว่า แล้วก็จบ บางครั้งในหน้าร้อนเราก็จะแจกผ้าเย็น น้ำเย็นด้วย เหนื่อยสุดๆ. เพราะแค่แจกลูกอม ทำนั่นนี่ แก้ปัญหาคนนั้นคนนี้จะย้ายที่ก็แทบไม่ทันเครื่องจะขึ้นแล้ว นี่ขนาดแค่ชั้นEconomy แจกแค่ลูกอมก็จะไม่ทันอยู่แล้ว

(ผู้โดยสารชั้นธุรกิจ โฮ่ๆๆๆๆๆ ตอแหลมาก)

ไปดูชั้นbusinessหรือชั้นธุรกิจกันค่ะ
ชั้นธุรกิจ เราก็ต้องเตรียมหูฟัง แฟ้มเมนู หนังสือพิมพ์ night kit(ถุงเท้า ที่อุดหู หวี ที่ปิดตา ),amenity kit (พวกที่มีน้ำหอม,ลิป,ครีม ในถุงน่ะค่ะ). แก้วน้ำ แก้วแชมเปญ แช่แชมเปญ เตรียมกลีบส้มตกแต่งออกมาสำหรับน้ำส้ม ไม่ใส่โดนจัดการอีก ใบสาระแหน่ ใส่น้ำมะนาวมิ้นท์ มะนาวกลีบ ใส่น้ำปล่าวอัดแก้สสำหรับบางคนขอ เอาออกมาให้พร้อมค่ะ เพราะถ้าคุณๆขึ้นมา เราก้อจะพาไปนั่ง แล้วก้อ1เอาเสื้อไปแขวน 2ถามเครื่องดื่ม 3เอามาให้ 4เอาเมนู หูฟัง kit2. อันมาให้ 5แนะนำตัวเอง 6ผ้าร้อน เย็น 7เก็บแก้ว ผ้าร้อนที่แจกไป
ทำแบบนี้ทุกคน มี42คน ลูกเรือ4 ก้อเซิ้ง+rap. กันเลยทีเดียว แถมไม่พอก็ต้องมาtake order ว่าหลังTake off จะกินอะไร ทำแทบไม่ทัน ยิ่งถ้าไฟลท์ไหน มีเราคนเดียวเพราะเป็นเครื่องเล็ก ก็เหงื่อตก ใจเต้น เพราะกลัวทำไม่ทัน เราต้องเตรียมครัวเอง เตรียมของเอง จัดการกับนักบินสองคนอิก เพราะต้องจัดห้องนักบินให้พ่อเจ้าประคุณอิก หัวหน้าที่ช่วย ก็ช่วยได้ไม่มากเพราะต้องเตรียมเอกสารและboardผูโดยสาร เราก็แทบเต้น เพราะทำจะไม่ทัน ดีว่ามีแค่8-12ที่นั่ง ก็เซิ้งกันไป พอtake off แล้วค่อยยังชั่ว


ชั้นFirst class เหนื่อยเพิ่มขึ้นไปอิก เพราะหลังจากแจกผ้าเย็นแล้วก็ต้องเสิร์ฟกาแฟอราบิกกับลูกอิทผาลัม โฮยยยย กลายเป็นว่า ใน20นาที ต้องทำทุกอย่างให้เส็ด บางไฟลท์ที่ทำคนเดียวผู้โดยชั้นFirst class สงสารเพราะอากาศข้างนอกประมาณ50องศา เราเตรียมของด้วย บริการในเคบินด้วย เหงื่อตกน้อยมาก จะเป็นลม คุณๆก็เลยสงสาร ไม่เอาอะไรมาก แถมเอาเมนูมาพัดให้อีก บอกว่าไม่ต้องห่วงไปทำอย่างอื่นเหอะ เห็นยูเหนื่อย สงสารคนสวย555555 ฮามาก เฮียได้ใจสุดๆ เลยค่อยสบายหน่อย การแต่งหน้าเต็มไปบินมันได้ประโยชน์ตรงเรียกร้องความสงสารได้สุดๆ^^*
ฮู้วววว์ เครื่องจะขึ้นซักที อ่านแล้วเหนื่อยตามมั้ยคะ:). พวกเราเงินเดือนเยอะก็จริง แต่นี่ก็คือสิ่งที่เราแลกมันมา ถ้าเราจะชักช้าไปบ้างก็สงสารหนูเถอะค่าาาาาาา~~*




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2555 13:24:34 น.   
Counter : 4034 Pageviews.  

ว่าด้วยวิชา แอร์โฮสเตส 106: cabin crew prepared for take off ภาค2

แอ้บแบ้ว!!!! IG@litaparis for live update ka^^

ตอนที่แล้วก้อพูดไปถึงแค่เริ่มboardingนะคะเนี่ยย. นี่ยังไม่ทันเริ่มจริงจังยังเรื่องยาวมากมายเยอะแยะ โดยสรุปหน้าที่คร่าวๆก่อนผู้โดยสารขึ้นเครื่องก้อคือการทำ security check และงานเตรียมพร้อมserviceหลังtake off ถ้าเตรียมพร้อมได้มากแค่ไหน หลังเครื่องขึ้นไปแล้วท่านผู้มีอุปการะคุณก้อจะได้ทานอาหารเร็ว แล้วได้หลับเร็วเท่านั้นค่ะ งานแอร์ที่หลายๆคนคิดว่าไม่ได้มีอะไรมาก แค่เข็นคาร์ทออกมา แจกๆๆๆ จบ เครื่องลงก้อช้อปปิ้ง เดินสวยๆในเมืองกับกัปตันหนุ่มรุปงาม สบายจะตายยย แต่เอาเข้าจริง ก่อนเครื่องขึ้นนี่เร่งกันหน้ามัน หน้างอ เครื่องลงก้อเหมือนโดนปลิดวิญญานออกจากร่างเลยเทียว เอาแรงที่ไหนไปเดินเล่น ในหนังมันโกหกค่าาาา อิชั้นก้อหลวมตัว เชื่อไปอย่างงั้น มาเจอไฟลท์แรก ช้อคเลยทีเดียว. ทำงานบนเครื่อง เหมือนจะไม่เหนื่อย เพราะเดินไปเดินมาใกล้ๆ ไม่ตากแดดด้วย แต่ความเป็นจริง บนเครื่องนั้นอากาศบางกว่าบนพื้นหลายเท่า เดินนิดเดียวก้อเหนื่อยๆเพลียๆแล้ว ขนาดนั่งเฉยๆเป็นผู้โดยยังรุสึกเพลียๆหลังจากลงเครื่องเลยค่ะ นึกสภาพที่เราต้องทำงานในท่ออัดความดันอากาศตลอดเวลา เครื่องขึ้นลงทีก้อเพลียแล้วค่ะ ลงเครื่องมาเลยไม่ค่อยมีแรงไปเที่ยวไหนเท่าไหร่
ช่วงboardingที่โดฮานี่ ถ้าหน้าร้อนนะคะ โอ้ เตาอบชัดๆ เพราะร้อนถึงขั้น50-57องศา ในช่วงกลางวัน แล้วเราก้อต้องยืนฉีกยิ้มงามๆ ในขณะที่จักแร้เปียกกันไปแล้ว คุณผู้โดยยืนรอในรถนานนิดหน่อยก้อโมโห (ขนาดรถแอร์นะยะ ชั้นยืนหน้าเตาอบ). พอขึ้นมาก้อจะโดนฟาดงวงฟาดงาใส่ประจำ ความอดทนต้องสูงมากกกกกกกก ช่วงหน้าร้อนนี่ มันร้อนนรกแตกจริงๆ (คิดดู ไปซาวน่าเค้าจะปรับที่ประมาน60องศาใช่มั้ยคะ ยืนหน้าประตูเครื่องฉีกยิ้ม ใส่หมวก เครื่องแบบเต็ม มันจะร้อนขนาดไหน).

note:photo not taken by person who wrote this blog credit as shown in the photo,example of boarding process only,none of the detail related to the airline shown in the picture

ถ้าเราซีเนียร์สุด ผลกรรมชาติใดที่ทำมาก้อจะมาส่งผลตอนนี้แหละค่ะ เพราะเราต้องยืนต้อนรับท่านๆขึ้นเครื่องมาและเช็คBoarding passคนต่อคนเลยทีเดียว ร้อนก้อร้อน มึนหัววิ้งๆแต่ก้อต้องเช็คดูหมายเลขไฟลท์ วันที่ ว่าถูกรึปล่าว ทุกคนเลยค่ะ เพราะสายการบินเราจะเช็คแล้วเช็คอีก ถ้าทำหล่นหายระหว่างทาง ก้อไม่ให้ขึ้นค่ะ เพราะเคยมีที่ว่าขึ้นเครื่องผิดแล้วแอร์ไม่ได้เช็ค ไม่รุว่าพลาดได้ไง เพราะเราเช็คกันตั้งแต่หน้าเกทหนึ่งครั้ง ก่อนขึ้นรถอิกครั้ง หน้าเครื่องอิก ทุกอย่างเกิดขึ้นได้จริงๆ
อยู่แถบประเทศนี้ต้องทำใจ ต้องอดทนมากๆเพราะคนที่นี่ อื้อหือออ สุดยอดแห่งความเห็นแก่ตัว ก้าวร้าว โลกทัศน์แคบ อีโก้สูง ช่วงบอร์ดดิ้งหน้าร้อนนี่ อย่างที่บอกว่าโดนฟากงวงฟาดงาใส่สุดริทเนื่องจากผู้โดยหงุดหงิดช่วงรอขึ้นเครื่อง ก้อมีชายแก่คนนึงเดินขึ้นมา เราก้อจัดการให้นั่ง แกก้อตะคอกมาเป็นภาษาอังกิดสำเนียงอาราบิกว่า จะให้วางกระเป๋าตรงไหน เอาไว้ในช่องเก็บบนหัวก้อไม่มีที่ เธอจะเอาให้ชั้นไว้ข้างหน้าๆชั้นจะเอาได้ยังงัย เวลาลงเครื่องทุกคนก้อยืนขวางกันหมด แบบว่าเสียงดังมากกกกก แบบชวนทะเลาะ แล้วตะคอกใส่หน้าแบบว่าใกล้มาก เราก้อตกใจ คนรอบข้างที่เป็นwestenerก้อมองแบบงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเค้าฟังๆดูเค้าก้อมองเราว่า อิแอร์จะทำยังงัย จะด่ากลับมั้ย ลุ้นกันสุดๆ เพราะฮีด่าแรงมว้ากกกก เราก้อโกรธมากก แบบเลือดขึ้นหน้า น้ำตาจะไหล เพราะความโกรธแต่ต้องควบคุมอารม ฮีก้อด่าๆๆเสียงดังไป เราก้อบอกว่า กระเป๋าน่ะ เอาไว้ที่วางเท้าหน้าที่นั่งก้อได้นี่ ที่บอกว่าให้เก็บข้างบนเพราะจะได้นั่งสบายและเวลาลงเครื่องก้อต้องเดินผ่านล้อคที่เก็บกระเป๋าข้างหน้าอยู่แล้ว ไม่เสียเวลาหรอก มันก้อไม่รุจะเถียงยังงัย ก้อวีนไปถึงเรื่องทำไมต้องให้รอนานในรถ แบบว่ายืนเถียงเสียงดังแล้วคนอื่นเค้าก้อเดินผ่านมาไม่ได้ เพราะยืนขวาง เราก้ออดไม่ไหวแล้ว จะเอาเรื่องบ้าง เลยปล่อยมันด่าเส็ด ก้อตะคอกไปว่า มึงด่ากูเส็ดแล้วใช่มั้ย R u finished?! เธอไม่มีสิทธิ์อะไรมาตะคอกชั้นแบบนี้ ถ้าไม่ฟังตามที่บอก ถ้ารับไม่ได้ ก้อลงไปเลย จะเรียกให้เจ้าหน้าที่มารับ แล้วถ้าตะคอกออกมาอิกซักแอะ ชั้นจะเรียกsecurity. ให้มารับที่ปลายทางฐานที่เธอข่มขู่ชั้น จะจบไม่จบ จะไปมั้ย?! ผู้โดยฝรั่งทั้งหลายที่ลุ้นกันอยู่รอบๆ ยิ้มชอบใจกันเลยทีเดียว เพราะเค้ารุกันว่าประเทศแถบนี้ชอบทำแบบนี้กับคนที่เค้าเห็นว่าอ่อนกว่า เอเชียจะโดนกดตลอดๆ ก้อเลยจัดไปดอกนึง สุดท้ายฮีก้อต้องมาขอโทษทีหลังเพราะกลัวโดนจับ ฮึ่มมม อารมเสีย
อ้ออิกอย่างนะคะ ขอเคลียร์ตรงนี้เลยว่าเราไม่ได้มีหน้าที่ยกกระเป๋านะคะ ถ้าคุนไม่ได้พิการหรือเป็นแม่และเด็ก ก้อกรุณายกเองค่ะ ยกมาจากบ้าน ยกลงจากรถ ยกแอบพนักงานตอนcheck inเพราะกลัวพนักงานจับได้ว่าcabin bagหนักเกิน7กิโล. แต่พอมาบนเครื่องอ่อนเปลี้ยยกไม่ขึ้น เรา"ช่วย"ค่ะ แต่ไม่ใช่ลากมาแล้วบอกว่านี่ๆ ยกให้หน่อย มีบ่อยๆยิ่งพวกนางอาหรับใส่ชุดดำทั้งหลาย ลากมาแล้วเอานิ้วชี้กระเป๋า แล้วชี้ที่overhead locker. บางทีก้อบอกว่าช่วยยกหน่อย พอเราช่วยกันยกขึ้นไป ชีก้อปล่อยเลยค่า หนักเลย เราก้อปล่อยสิค่ะ ร่วงเลย ต้องดัดนิสัย อิกรายมา บอกว่าช่วยยกหน่อย แล้วเค้าก้อไม่แตะเลยนะ เค้ากะให้เรายกเอง ทั้งๆที่ตัวใหญ่กว่าเราอิก เราก้อใช้ไม้ตาย บอกว่า เอ้ะ ยกไม่ขึ้นหรอ หนักน่ะสิ เกินเจ็ดโลแน่เลย ขอoffloadนะค้ะ ยิ้มๆๆๆๆ ทีนี้หละเบาขึ้นมาเลย รีบยกใส่เองทันทีบอกว่าไม่ เอาขึ้นได้ ไม่offloadดูสิ่ๆๆๆ เห้อะ ยกลังน้ำอัดลม ยกน้ำผลไม้ทีละ15โล หนูก้อจะหลังเดาะกันอยู่แล้ว นี่แต่ละคนมาจะให้ยกกันอิกทั้งๆที่ดูกำยำกันดี เห็นใจอิแอร์หน่อยเหอะค่าาาาาา
พอขึ้นมากันหมด เราก้อน่ารักกรุบกริบ มีแจกลูกอมกับผ้าเย็นในซองเล็กๆสีสวยงาม เครื่องtaxiแล้วก้อต้องแจก ต้องตั้งศูนย์ให้มั่นค่ะ เครื่องโงนเงนแค้ไหนก้อต้องเดินได้ ยิ่งชั้นธุรกิจ ก้อต้องเซิ้งเสิร์ฟแชมเปญให้มั่น ชั้น first classก้อต้องเสริฟ์ Arabic coffeeให้ได้ เป็นลูกเรือก้อเหมือนเล่นเกมค่ะ เพราชั้นEconomyเราว่าเดินแจกลูกอมตอนเครื่องเคลื่อนที่ยากแล้ว เพราะต้องถือตะกร้าให้มั่น หนักด้วย เพราะลูกอมเต็มอยู่ ดันมีหลายสี เด็กเอย ผู้ใหญ่เอย ดันเลือกสีลูกอมอิก จะเอาสีนั่นนี่ เราก้อเกร็งแขนด้วย เกร็งหน้า ขา ตูด โอยยย เมื่อยกันเชียว ชั้นธุรกิจเราก้อต้องถือถาดแชมเปญและแก้วให้ได้ แล้วแก้วแชมเปญมันก้อสูง ขวดแชมเปญก้อหนักค้อดๆ ก้อต้องทรงตัวกันไป แถมยังต้องtake. Ordeอีก อันนี้เครียดเลย เพราะต้องเดินถามก่อนเครื่องขึ้นในบางไฟลท์ ไม่งั้นไม่ทัน รู้ซึ้งถึงการเป็นพนักงานต้อนรับบนรถทัวร์เลยแต่เครื่องบินนี่หนักกว่าเพราะเครื่องกระชากแรงมาก แล้วเราต้องเดินจดออเดอร์ ถ้าสั่งเร็วก้อดีไป เพราะเรามีแค่ไม่ถึงสิบนาทีในการจดให้เส็ด ผู้โดยเต็มก้อตายๆๆๆ. จดกันยิกๆๆ พ่อเจ้าประคุนก้อไม่ได้ดูเมนู ก้อต้องยืนรอกันไป ล้มหัวหกก้นขวิดกันก้อมี--".เพระอยู่ๆเครื่องก้อกระชากตัวออก ส่วนชั้นfirst. Class หนักสุด เพราะต้องถือเหยือกอราบิก. Coffee. ต้องถือข้างซ้ายด้วย!!!กับอิกมือถือแก้วจอก หนักมว้ากกกก รองเท้ามีส้นอิก เครื่องก้อวิ่งเตรียมออกอิก จอกก้อต้องร้อน

 (เป็นทองเหลืองหนักมากค่ะ แบบนี้เลย จอกเซรามิกต้องร้อนด้วย)

โอยยย เหมือนอัพlevelมาเรื่อยๆ ถ้าคุณจ่ายแพง คุณก้อจะได้ดูกายกรรมที่ท่ายากมากขึ้น จากแจกลูกอม ยันกาแฟอราบิก ลูกเรือก้อเหมือนกัน ซีเนียร์ขึ้น ท่ายากเยอะขึ้น

เล่าไปเล่ามา เครื่องยังไม่ขึ้นซักที ตอนหน้าขอต่อแบบเห็นภาพกันอิกตอน แจกแจงว่าในแต่ละcabin ตั้งแต่economyยัน First class เราเล่นกายกรรมอะไรกันบ้างก่อนเครื่องขึ้นนะค้า^^

Remark:this blog is copy right, the content in here is for life story shraring only not refer to any airlines .photo are just for the example to describe the story of my own personal life. anyone who copied any photo or content in this blog for ANY purpose without informing the owner of this blog shall be sued for thai's copy right laws and regulation. 




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 16:57:46 น.   
Counter : 3357 Pageviews.  

แอร์ สตอ รี่ :ว่าด้วย วิชา แอร์โฮสเตส 105 Cabin Crew prepare for Take off!!

Welcome on board ฮ่า 

 

ก็จะค่อยๆเล่านะคะ มาเริ่มกันก่อนเลยดีกว่าว่า บนเครื่องเนี่ย พวกเราต้องทำอะกันบ้าง ขัดคอกันเองยังงัยบ้าง (นินทาผู้โดยกอะไรบ้าง?!)

 

ก่อนที่ผู้โดยจะได้ขึ้นเครื่อง เราต้องทำงานกันล่กๆๆๆล่ะค่ะ วิ่งกันหัวกระเจิง ก่อนที่จะทำหน้าหวานต้อนรับคุณผู้มีอุปการะขึ้นเครื่อง ดังนั้นให้อภัยเราหน่อยเถิดค่ะที่ต้องนั่งรอหน้า Gate แล้วเห็นเครื่องอยู่ข้างหน้าแล้วยังไม่ได้เริ่มBoardingซะที จริงๆแล้วพวกเรากะลังหัวหมุนกะการเตรียมเครื่องให้พร้อมอยู่ค่ะ

 

พอออกมาจากห้องบรีฟฟิ่ง เราก็จะลากกระเป๋าคู่ชีพมาที่รถบัสคันน้อยของแต่ละไฟลท์ ที่เค้าจัดไว้ ลูกเรือไฟลท์ไหนไฟลท์นั้นก้อจะขึ้นไปพร้อมกัน คันเดียวกัน     ณ จุดนี้ ก็จะเจอลูกเรือไฟลท์ข้างๆที่รอรถอยู่ด้วยกันแถวนั้นทักทาย กรี้ดกร้าดกัน ถ้าเคยบินด้วยกัน จะนินทาหัวหน้าคนไหน ไฟลท์อะไร ก็นินทากันมันส์ ณ ช่วงเวลาสั้นๆนี้แล    ขึ้นรถไปก็ทำหน้าจ๋อยเหมือนเดิม เนื่องจากความขี้เกียจ และกะลังทำใจอยู่ว่าผู้โดยจะเอาอะไรกะเรามั้ยน้ออออ ไฟลท์นี้  ไฟลท์เต็มก็หน้าจ๋อย ไฟลท์โล่งก็กรี้ด กร้าด แพลนกันสุดริทว่าแลนด์แล้วจะไปแรดไหนดี saleมั้ยช่วงนี้ ไปกี่โมง กี่คน ยังงัย แพลนกันตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นเครื่อง

 

ไฟลท์เต็มล่ะเงียบหน้างอคอพับคออ่อน(เนื่องจากไฟลท์กลางคืน  นอนไม่หลับเมื่อกลางวัน)  ส่วนตัวแล้วชอบนั่งหลับตาในรถ ยิ่งเครื่องบินจอดไกลยิ่งดี ไม่อยากทำงานเลยให้ตายย ยังง่วงอ่า ขุดตรูมาทำอาร้ายยยยย (ทำงานเซะเมิง ไม่งั้นเอาไรแดร้กส์....สมองสั่ง(ด่า)มาว่างั้น==)

 

เมื่อถึงเครื่องบินเราปีนเตาะแตะขึ้นไปตัวเอียง เพราะกระเป๋าcabinหนักไปด้วยสัมภาระบ้าบอที่กล่าวไปตอนที่แล้ว เดินเนือยๆไปเก็บของ เข้าที่ เตรียมเสื้อserviceออกมาแขวน รองเท้า ให้พร้อม นั่นแน่ะ สงสัย เก็บรองเท้าและเสื้อไว้ไหนน่ะหรอคะ เฮอะๆๆๆๆ คือว่ามันไม่มีตู้เสื้อผ้า(closet)ในeconomy ดังนั้นลูกเรือEco ก้อเอารองเท้าและเสื้อ ใส่ไว้บนตู้เก็บสัมภาระเหนือศรีษะคุณผู้มีอุปการะคุณนั่นเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เราใช้ถุงรองเท้านารายา สวยเก๋มีสไตล์ค่ะ (นอกจากของเด็กใหม่ ไม่รุโหน่อิเหน่ ก็ใส่ในหมวกอาบน้ำหุ้มปลอกหมอนกันไป ) ของอิชั้นก็ลงทุนใช้ถุงหุ้มกระเป๋าชาแนลกันเรยทีเดียว แอบเสียวๆว่าผุโดยจะแอบหมั่นไส้หยิบไป ตอนลงเครื่องเป็นบางครา แต่ก็รอดมาได้ฮ่ะ

 

พูดถึงเรื่องนี้ ก็น่าสงสารลูกเรือบางคน (ซึ่งก็คือเพื่อนเรานั่นเอง) เจ้ โดนผู้โดยหยิบกระเป๋าสลับไป แต่กรณีของนางนี้ สงสารผู้โดยมากกว่า เพราะกระเป๋าชีมีแต่รองเท้าเน่าๆ และน้ำหอมขวดนึง แต่ของผู้โดยกลับเป็นยามากมายและเงินจำนวนมาก เหมือนเค้าเดินทางจะไปโรงบาล น้ำตาลแทบไหล สงสารผู้โดยรายนั้นแทน ไม่รุว่าสรุปแล้วเค้าได้ของเค้าคืนรึป่าว ตามปกติแล้วถ้าลูกเรือเก็บของได้ เราก็จะแจ้ง ground staff เพื่อนำไปเก็บไว้ที่ lost and found ค่ะ แต่ก็อย่างว่า พอถึงขั้นตอนนั้นเราก็ไม่รุแล้วว่าเค้าจัดการยังงัยต่อ มีไฟลท์นึงที่กะลังboardผู้โดยไปอิหร่าน ผู้ชายอายุซักสี่ห้าสิบขึ้นมาด้วยสีหน้าเดือดเนื้อร้อนใจ แล้วก็ดูอารมเสียมาก ลูกเรือก็เดินมาบ่นกระปอดกระแปดให้ฟังว่าไม่รุผุโดยไปอารมเสียมาจากไหน แลดูวีนๆ เราพอดีเดินไปแถวนั้น ก็เห็นเค้าอารมเสียจริงๆ เลยถามไปว่าเป็นอะไร ทำไมอารมเสียคะ เค้าก็บอกว่าเค้าลืมแลปท้อปไว้ที่overhead locker ไฟลท์ก่อนหน้านี่เอง นี่เค้าเพิ่งtransitมาเดี๋ยวนี้ บอกให้ใครไปเช็คที่ที่นั่งเค้าให้หน่อยก็ไม่ได้เรื่อง ไม่รู้เป็นไงบ้าง ground staffได้แต่เร่งๆให้เค้ามาขึ้นเครื่องต่อเครื่องนี้ เพราะเครื่องก็จะออกแล้ว เลยไม่มีใครให้คำตอบเค้าได้ซักคน   เอาละทีนี้ เราก็สงสาร เพราะคิดว่าถ้าเป็นตัวเองคงอารมเสียน่าดู  เพราะถามใคร ก็ดูเหมือนไม่มีใครจะช่วยเหลือ pushให้ไปต่อเครื่องอย่างเดียว  ทั้งๆที่ถ้าวอไปถามกัน คงเอามาส่งให้ที่เครื่องนี้ไม่ยาก   แต่ก็อย่างว่า บางที คนที่นี้ก็เห็นแก่ตัว ไม่เคยได้รู้สึกแทนคนอื่นเลยว่าเค้าเดือดเนื้อร้อนใจแค่ไหน  ด้วยความที่เราตามเรื่องได้ เพราะเราเป็นลูกเรือ ก็เลยถามคนนั่นคนนี้ให้ยุ่งไปหมด รีบๆทำงานในส่วนของตัวเองให้เส็ด แล้วก็ไปคุยกับground staff เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวส่งคนไปหาให้ เพราะเราดูเดือดร้อนแทนจริงๆ   แต่หัวหน้ากลับไม่ใส่ใจ เพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องของตัว เลยไม่ช่วยเราเลย   เราก็ต้องใช้มารยาหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนั้นวอไปหากัน ให้หาให้เจอ  กลับไปเอาข้อมูลผู้โดยมา ว่าก่อนไฟลท์นี้นั่งตรงไหน ไฟลท์อะไร เพื่อจะได้หาตรงจุด ถูกเครื่องด้วย สุดท้ายเค้าก็จำเป็นต้องปิดประตู เพื่อเตรียมออกจากสนามบิน ground staffก็มาบอกว่าหาไม่เจอด้วยคำตอบง่ายๆ เราก็เลยหน้าแห้งกลับไปบอกผู้โดยว่า พยายามเต็มที่แล้ว แต่หาไม่เจอ อาจจะmiscomunicationกันตรงไหนซักที่ เลยหาไม่ได้ แต่เชื่อมั่นว่าหากลูกเรือหาเจอจะส่งกลับไปที่สนามบินเพื่อหาเจ้าของแน่นอน ใจเย็นๆ หัวหน้าไม่ยอมมาออกรับแทนเลย ตอนนั้นบินได้ปีเดียว เป็นF2 อยู่(ชั้นeconomy) ก็ต้องออกรับหน้าแทน เพราะเห็นใจจริงๆ  เลยบอกเค้าว่า เอางี้นะ เอาอีเมลล์มา แล้วคุณก็ไปติดต่อที่สนามบินปลายทาง เพื่อติดตามเรื่องอิกที ชั้นกลับมาที่เบสเมื่อไหร่จะไปตามให้ถึงที่จุดlost and found ของบริษัทเลย ได้เรื่องแล้วจะเมลล์ไปบอก สัญญา ชั้นช่วยเป็นการส่วนตัว เพราะเห็นใจคุณมาก คุนคงมีข้อมูลสำคัญในนั้นมาก เค้าก็บอกว่า ใช่ รูปครอบครัวเค้า งานเค้า ในนั้นหมดเลย  เราได้ยินก็อยากร้องไห้อิก  เลยช่วยเค้าเต็มที่ แต่ผลสุดท้ายที่เราอุตส่าห์ดั้นด้นไปตามให้ถึงสนามบินก็ไม่มีใครเก็บได้เลย อาจจะหายกลางทาง หรือผู้โดยคนอื่นหยิบไป เราก็ส่งเมลล์ไปบอกเค้า แบบนอกหน้าที่มากๆ ว่าเราพยายามหาแล้ว เราเสียใจ ในนามของบริษัทจริงๆ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  เค้าก็ตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร แต่ขอบคุณอย่างมากที่เราช่วยตามหาให้ แม้ไม่ใช่หน้าที่เลยโดยสิ้นเชิง  โดยส่วนตัว เราไม่ได้ทำเพราะหน้าที่หรอก  ทำตามสามัญสำนึกของความเป็นคนด้วยกัน สงสารจริงๆ แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยเราก็ช่วยเค้าอย่างเต็มที่ เพราะเราคิดว่าความสงสารกับความเมตตานั้นต่างกันตรงที่ ความเมตตานั้นคือการลงมือกระทำ หากใช่แต่การยืนดูเฉยๆ แล้วบอกว่าน่าสงสารจัง แบบนั้นก็ไม่ช่วยอะไร

 

 

กลับมาที่หน้าที่ของแอร์ ช่วงที่เราขึ้นเครื่องไปนั้น พอเก็บของเสร็จเราก็จะเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ในการทำservice ถ้าไม่ได้ทำครัว(galley) ก็จะทำsafety check บริษัทเรา ลูกเรือต้องทำเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่มาทำให้  เช็คนี้สำคัญมากสำหรับเรา เพราะคือความปลอดภัยของคนทั้งลำ และไม่ใช่แค่ชีวิตของคนที่อยู่บนเครื่อง แต่เป็นหัวใจของคนที่เราจากมา ทั้งลูกเรือ และผู้โดยเอง ดังนั้นเราก็ต้องเช็คแบบพลิกลำตรวจดูว่ามีอะไรแปลกปลอมอยู่บนเครื่อง และอุปกรณ์ต่างๆเช่นถังดับเพลิง ยันที่วางเท้า อาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ แต่เราเช็คทุกจุดจริงๆ แบ่งตามโซนใครโซนมัน  หัวหน้าก็จะแบ่งหน้าที่ตอนบรีฟนั่นเอง  หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา แล้วถังดับเพลิงที่ใกล้ตัวที่สุดใช้งานไม่ได้ มันคือวินาทีเปลี่ยนชีวิต เพราะหากดับไฟไม่ได้ภายใน30-90วินาที จะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขั้นเครื่องตกได้เลย และการอพยพผู้โดยสารเช่นเดียวกัน ต้องอพยพภายใน1นาทีครึ่ง ให้ได้หมดลำ โดยใช้แค่ประตูจำนวนครึ่งเดียวของประตูทั้งหมด ไม่งั้นเครื่องจะจมน้ำ  นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เราต้องเช็คว่าที่วางเท้ามันพับเก็บได้มั้ย  แล้วทำไมอิแอร์ถึงมายิกๆบอกให้เราเก็บที่วางเท้า  ก็เนื่องจากเครื่องจะขึ้นหรือเครื่องจะแลนด์เราต้องทำการเช็คเคบิน ให้เรียบร้อย พร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินและการอพยพที่มีประสิทธิภาพ ถ้าที่วางเท้าไม่เก็บ พับ หรือพับแล้วมันร่วงลงมา คนข้างในที่จะวิ่งออกมาก็จะสะดุดล้ม ทีนี้ก็โดมืโนเลยทีเดียวเทียว โดยเฉพาะยุโรปนี่ตัวดีเลย เล่นซ่อนหากันมันส์ค่ะ  เพราะเค้าจะทดสอบเช็คลูกเรือโดยการซ่อนมีดบ้าง ไฟแช็คบ้างในที่ๆคิดว่าเราจะไม่ค้น เช่นช่องว่างระหว่างที่เก็บน้ำแข็ง แจกันดอกไม้ หลังกระจก  ดังนั้นคุณๆผู้โดย อย่าหวังจะซ่อนอะไรค่ะ เราหาเจอ 55555 (อันนี้ก็แล้วแต่ลูกเรือเน้อ แต่ถ้าอิชั้นบิน อิชั้นค้นทุกมุมจริงๆ)  พอเช็คเสร็จเราก็จัดการเรื่องเตรียมหูฟังเสียบไว้ในแต่ละที่นั่ง ซึ่งมีหลายร้อยที่นั่งก้อต้องก้มๆเงยๆ ปวดหลังเลยทีเดียว แล้วก็ช่วยคนทำครัวเตรียมนั่นนี่เช่น ของบนคาร์ท น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เหล้า ไวน์ เบียร์ ซึ่งหนักมากกกกก แล้วต้องยกทั้งกระบะไปใส่คาร์ท ย้ายคาร์ท โน่นนี่นั่น ขวดเหล้า ว้อดก้า บรั่นดี ก้อต้องยกกันจ้าละหวั่น เพื่อที่หลังจากเครื่องtake off เราจะต้องพร้อมออกเสริฟให้เร็วที่สุด งานครัวจะหนักเยี่ยงกรรมกร เพราะต้องยกของหนัก ก้มๆเงยๆ โหลดอาหารเข้าคาร์ทอิก แล้วไอ้น้ำอัดลมเนี่ย ลองนึกสภาพนางฟ้าคนสวยที่คุณเห็นแบกน้ำอัดลม24กระป๋องในกระบะไปทั่วแกลลี่ บางทีก็ต้องแบกมาเปลี่ยนกระบะที่หมดแล้วในเคบินอิก น้ำผลไม้นี่หนักสุด คือในกระบะนึงจะมีกล่อง1.5ลิตรอยู่16กล่อง หนักมากกกกก  แต่เราต้องยก แล้วจัดทุกอย่างให้เรียบร้อยเข้าที่ ไม่ใช่วางไหนก็ได้ ต้องหาที่ใส่ ให้ปลอดภัยเวลาเครื่องขึ้น ลง ตรงนี้แหละค่ะ ที่ยากสุดๆ เพราะพื้นที่จำกัด ของเต็มไปหมด เหมือนเล่นเกมpuzzle ว่าเอาอะไรไว้ตรงไหนให้เข้าล้อคแบบเป้ะๆ เหนื่อยมากๆลูกเรือเลยมักจะมีปัญหาเรื่องปวดหลังเพราะยกของหนัก

 

 นี่ขนาดเครื่องยังไม่ขึ้นนะเนี่ย ความจริงรายละเอียดมากกกกกกว่านี้ค่ะ แต่เดี๋ยวขอติดไปบล้อกหน้านะคะ เพราะมันจะยาวเกินไป เดี๋ยวเบื่อซะก่อนค่ะ^^

(รูปอาจะเริ่มน้อยนะคะ เพราะรูปที่เกียวข้อง ลงไปหมดแล้วในบล้อกเก่าๆ บล้อกเก่ารุปเยอะมากกกค่ะ หรือจะใน Instagram@ litaparis ก็มีค่า Follow ได้ ไม่กัดค่า)

 

 

 

 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2555 18:01:49 น.   
Counter : 3389 Pageviews.  

ว่าด้วยวิชา แอร์โฮสเตส 104: อะไรอยู่ในกระเป๋า what's in her bag?

(IG@ litaparis)

หลายๆคนก็คงสงสัยว่า แอร์ เค้าเตรียมตัวไปบินกันยังงัยบ้าง อะไรอยู่ในกระเป๋าเดินทางนั้นหนอ มาค่ะ เรามาดู(อ่าน)กันว่ามีอะไรบ้าง

 

โดยปรกติแล้วหลายๆสายการบินก็สจะมีกระเป๋าแยกให้ลูกเรือสองใบนะคะ ในแรกก็ cabin bag กะ hand bagค่ะ ใบที่สองก้อกระเป๋าเดินทางที่ check in เข้าไปใต้เครื่องน่ะค่ะ เอาไว้ไปค้างอ้างแรม ต่างประเทศหรือจะเอากลับบ้าน ไปไหนก็ตามใจ ซึ่งของคทาแอร์เรานี้ก็จะได้มาจากบริษัท(ไม่ฟรีนะยะ หักทุกเดือนจนครบ ซื้อผ่อนนนน บังคับค่ะ) จะได้เหมือนกันทุกตัวตนฮ่ะ จะมา hello kittyหรือ angry birdกันเต็มสนามบินนั้น ก็คงจะไม่งาม ของเราเป็นกระเป๋าเหมือนกันหมดสีดำล้วน แลดูบึกบึนและคงทนมากกก (ของเราใช้มาหลายปี โดนเหวี่ยง ทุบ กระแทก ก็ไม่เคยพัง) แต่บางคนก็มีล้อหลุดบ้าง ก้านที่ดึงขึ้นมาไว้ลากหักบ้างอะไรบ้าง ก็ต้องเอาไปซ่อมตามนั้นค่ะ ของผู้หญิงเราก็จะมีเพิ่มมาจากผู้ชายคือกระเป๋าถือ ในนั้นก็มีboots+Lotus เอ้ย ไม่ค่ะ คือ มีอะไรก็แล้วแต่ที่สามารถยัดๆเข้าไปได้ ที่คิดว่าต้องใช้บ่อย เช่น มือถือ(อ้ะๆ ไม่ใช้ในเครื่องแบบแล้วมีทำไม?? ) เครื่องคิดเลข (สำหรับคนหัวช้าเรื่องหารอาหารลงcart) เครื่องสำอาง อันนี้สำคัญมาก ต้องเติมตลอด เพราะถ้าไปกินตับ เอ้ย กินอะไรมา ลิปจะเลือน ต้องเติม ต้องเด้งค่ะ ไม่งั้นโดนติได้ ว่าไปทำอะไรมา หน้าโทรม น้ำหอม สมุดโน้ตนี่นั่น ตำราเล็กๆน้อยๆ ความจริงที่สำคัญมันก็มีแค่นี้แหละค่ะ แล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละคน แต่อิชั้นมีเยอะมากกกก แทบปิดไม่ลง บ้าบอเต็มไปหมด ยังก้ะ กะเป๋าเด็กปอสามซึ่งมีเพียบบบบ แล้วไม่มีเวลาจัด หลังๆเริ่มดีขึ้น เอามาเทๆๆๆ จัดบสางครั้งบางครา เนื่องจากซองโอวัลตินแตกค่า....เลยเลอะ แต่ไม่ได้ทำความสะอาด เพราะบินติดๆกัน ปรากฏว่ามันแข็งเกาะปากกา สมุด ขวดน้ำหอมจนทนไม่ไหว เอามาสังคายนา ของอะฮั้น มีจิปาถะเยอะมากเช่น ชาที่เอามาจากโรงแรม ประหนึ่งว่าจะชงกิน แต่ไม่เคย น้ำหอมสามขวด เอาไว้ฉีดแล้วแต่สถานการณ์ ไฟลท์ ผู้โดย มีแบบฝรั่งธรรมดา แบบอราบิกจัด แบบกึ่งอาหรับกึ่งฝรั่ง มีสามขวดจริงๆ มีhand cream พกไว้เก๋ๆตามเค้า แต่ไม่ค่อยทา เพราะเหนียวแล้วต้องหยิบนี่นั่นตลอด มีต่างหูสำรองเผื่อหล่น มีกิ้บ ยางยืด เน็ทผม สำรอง มีhand sanitizerแบบไม่ต้องล้างน้ำ อันนี้จำเป็น เพราะเครื่องบินสกปรกมากกกกกก  แล้วเราเป็นคนกินตลอดเวลา เลยต้องพกไว้ในกระเป๋าเสื้อ มีตำราเล่มเล็กๆ มีปากกาที่เอามาจากโรงแรมเป็นcollection เรียงกันประมาน20กว่าอัน แต่พอผู้โดยขอ บอกว่าไม่มี (หวงอิก ของฟรี)อันนี้ เหมือนจะเป็นอะไรที่ลูกเรือจะคล้ายกัน คือ เก็บปากกา ชา มาจากโรงแรมซะเกลี้ยง แต่ไม่เคยใช้ สุดท้าย แห้งกรัง ทิ้งค่ะ มีปากกาชวารอฟสกี้เป็นเพชรๆไว้ใช้สวยๆ เวลาจดออเดอร์ชั้นbusiness class มีนาฬิกาสำรอง(อันนี้มีสำรองเพราะบางอันมีเพชร ก็จะเปลี่ยนใส่หลังจากขึ้นเครื่องมาแล้ว โกงมากกก ห้ามเลียนแบบ) ยาทั้งหลาย ยาดมเซียงเพียวอิ๊ว เวลาไปโซนเหม็นตรีนและจั้กกุแร้ เอามือป้ายเข้าไปในรูจมูก จะได้ไม่ต้องปวดเศียรเวียนเกล้า และยกมือมาปิด ดูไม่งาม และอื่นๆอิกมากมาย ที่ลืมไปแล้ว เพราะไม่เคยใช้แต่มี ประหนึ่งว่ามันอาจจะจำเป็นในภายภาคหน้า—“

 

ส่วนในกระเป๋าที่เป็นcabin bagเนี่ย ก้อจะมีรองเท้าไม่มีส้นสำหรับทำงาน(ของบริษัทค่ะ ไม่ใช่ว่าจะใส่เลอบูแตงไรงี้)มีเสื้อนอกสำหรับใส่ทำservice แล้วก็มีเสื้อผ้าสำหรับเหตุฉุกเฉิน เป็นชุดสุภาพคือ เชิ้ตกับกางเกงสแล้กเรียบร้อง เผื่อว่าเราจะต้องdead headingกลับมา เนื่องจากอะไรก็แล้วแต่ จะเครื่องเสีย จะต้องค้าง หรืออะไรก็ว่ากันไป แล้วเค้าตรวจด้วยนะคะ ของพวกนี้ สุ่มเปิดกระเป๋าตรวจ ที่เค้าจะเช็คก็คือ รองเท้าทำงาน เสื้อนอกเวลาใส่ทำงาน ถุงมือกันความร้อนสำหรับโหลดอาหารใส่คาร์ท ชุดสุภาพ setของที่จำเป็นคือ แม็ก ไฟฉายเล็กๆ กระดาษจด สก้อตเทป เครื่องคิดเลข(มีแต่ไม่เคยใช้) ปากกาเมจิก ของนี้จะรวมอยู่ในถุงที่เรียกว่าplonky kit (ไม่รุว่ามันแปลว่าอะไร ) แล้วก็อย่าลืมค่ะ พาสปอร์ตกะใบอนุญาตลูกเรือต่างๆนาๆ ถ้าลืมก็เตรียมตัวกลับบ้านไปนอนรอเวลาโดนออฟฟิศเทศนาได้เลย

 

ในกระเป๋าใสหญ่ก้อจัดกันมันส์เลยค่ะ เพราะว่าทุกไฟลท์ แต่ละสสถานที่ก้ออากาศไม่เหมือนกัน บินล่กๆๆกลับมาจากอังกฤษอันหนาวเหน็บอิกเช้าไปกรุงเทพร้อนระอุ ก้อต้องจัดกระเป๋าเดินทางกันเป็นอาชีพ ของที่จะใส่คาไว้คือพวกมาม่าค่ะ อาหารแห้ง แต่ถ้าไปยุโรปหรือเมกาหรือออสเตรเลียเตรียมเอาออกได้เลยค่ะ ห้ามเอาเข้า เคยเผลอมีส้มอยู่ในกระเป๋า เกือบโดนจับที่เมกาเพราะส้ม!!!! เนื่องจากหมา(เวร)มันเดินผ่านที่สนามบิน เราด้สวยความที่ชอบหมาก็ลากกระเป๋าจะเดินไปใกล้มัน มันดมไม่หยุดเลยค่ะ ตำรวจเค้าเลยถาสมว่ามีอะไร ดีที่เราบอกไปตามตรง เค้าเลยหยวนๆ ให้ไปเอาออก เป็นเรื่องกันนิดหน่อย แต่มีกัปตันคนนึงเอาแอปเปิ้ลติดกระเป๋าไป โนจับ ปรับเป็นหมื่น ต้องระวังสุดๆ ดังนั้นก่อนไปบินต้องเช็คดูข้อมูลของdestinationนั้นทุกครั้งที่ไปบิน เพราะเค้าจะถามในห้องบรีฟด้วย เช่นสนามบินชื่ออะไร (บางทีลูกเรือลืมดู หรือชื่อยาก เราก้อจะมั่วๆไปว่า ......(ชื่อเมืองนั้นๆ) ต่อด้วย international airport เป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอดชัดๆ!!) เพราะแต่ละที่ก้อกฎต่างกัน แต่จากประสบการณ์ยุโรปบางที่ เช่น ฝรั่งเศส เค้าไม่ตรวจอะไรเลย พาสปอร์ตไม่เคยเช็ค แต่ลอนดอนนี่ ชื่อดัง ตรวจกันทีนี่แทบจะแก้ผ้าตรวจกันเลยทีเดียว หน้าหนาว หิโมะตกงี้ ลูกเรือยืนสั่นแหงกๆ เพราะโดนถอดทุกอย่างเหลือแต่เสื้อกะกางเกง แล้วยืนรอนานมาก หนาวมากกก และเช็คเข้มมาก เคยโดนจับอิกรอบที่นี่คือ มีดพับ!! ด้วยความที่เราพกมีดพับแบบมีดสั้นอยู่ในกระเป๋าcheclk inตลอด พกมาสองปี ไม่เคยว่าอะไร ไปลอนดอนด้วยกระเป๋าใบนี้ มีดอันนี้มาไม่ต่ำกว่า20รอบ แต่ดั้นนนน มาเจอเอาไฟลท์นี้ ซึ่งเค้าก็กักตัวไว้ เรียกตำรวจมาสอบสวนใหญ่โต เราก็ใช้หน้าสวยๆประกันตัวออกมาได้ (จริงๆ) ทำตาปริปๆ โตๆ แบ้วๆ โชคดีที่เราจะแต่งหน้าเป้ะมากกกกก บล้อคตายังก้ะแฟชั่นวีค ขนตาพรึบพรับ เค้าเลยใจอ่อน ไม่คิดว่าเราจะไปทำอะไรใคร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่มาสอบเลยปล่อยมา ถ้าเป็นผู้ชายจะโนจับเข้าคุก เพราะเค้ามีกฎหมายที่อังกฤษห้สามมีมีดพกในครอบครอง prohibitในเกาะอังกฤษ ซึ่งหัวหน้าและกัปตันงงมาก เนื่องจากในstation infoของทางเราไม่ได้กล่าวถึงจุดนั้นเลย แค่บอกว่า ถ้าของมีคมให้ใส่ในกระเป๋า check inแล้วเราผิดอะไร เค้าก็อธิบายว่า ถ้าพกมีดสปาต้า ดาบ หรืออะไรในกระเป๋าอ่ะ จะไม่ผิด แต่มีดพก มีดพับ มีดสั้น ผิด ห้ามเอาเข้าประเทศอังกฤษ (เนื่องจากมันเป็นอาวุธที่มีจุดประสงค์ในการทำร้ายฝ่ายตรงข้าม) เราก็ว่า เฮ้อะ งั้นคราวหน้ากุจะเอาดาบซามูไรมา ดูดิ้ จะว่าอิกมั้ย ก็ดีว่าคนที่ตรวจเจอเค้าเตี้ยมคำตอบให้เรา ห้ามบอกว่าเอามาป้องกันตัว บอกว่าได้มาเป็นของที่ระทึก เอ้ย ที่ระลึก แล้วไม่รู้จริงๆ เป็นครั้งแรก พอตัวพ่อพาไปสอบในห้องมืดก็ตอบไปตามนั้น ตอแหลซักพัก เค้าก็ปล่อย โล่งงงงงไป เกือบได้นอนคุกลอนดอนแล้วมั้ยเมิ้งงง

 

เวลาแพคกระเป๋าใหญ่ต้องเช็คอุณภูมิก่อนจัดของ ไม่งั้นจะสะเหร่อได้ แล้วอย่าลืมรองเท้านะจ้ะ เคยลืมครั้งนึงตอนไปไนจีเรีย เลยจำต้องใส่รองเท้าโรงแรมเดินไปมาแถวนั้น น่าอนาถยิ่งนัก  ลูกเรือบางคนจำต้องออกไปข้างนอก ไม่มีทางเลือกก็ใส่รองเท้าอาจุมม่า ซึ่งก็คือรองเท้าส้นเรียบที่เอาไว้ใส่ทำงานบนเครื่อง โอ้โหว ทุเรศสุดๆ เพราะมันเป็นรองเท้าที่ไม่เข้ากะเสื้อผ้าอะไรเลยยยย ไปปารีสกะลูกเรือไทยด้วยกัน ไฟลท์นั้นมันส์มาก เป็นตัวอย่างการแก้ผ้าเอาหน้ารอดของจริง คือไปปารีสกัน แล้วดัดจริตจะออกไปในหมู่บ้านเล็กๆข้างโรงแรม เพื่อไปซื้อไวน์มากิน ชีไม่ได้เอาอะไรมาเลย เนื่องจากชีไม่นึกว่าจะออกไปไหน เลยต้องใส่ชุดฉุกเฉินที่บอกไว้ข้างต้น แล้วมันแบบว่าทางการแบบแปลกๆ ใส่กะรองเท้าอาจุมม่าสีดำ โอ้วววว ดูไม่จืด ยังริอาจ ถ่ายรุปกันได้อิก ชีก้อบอกว่า ถ่ายไป อย่าให้เห็นเท้าก็พอ เราก็ไม่จืดเช่นกัน เพราะมีแต่รองเท้าวิ่ง โคตรจะไม่เข้า ชุดjump suiteขาสั้นลายเสือสีเขียวขี้ม้า กะไนกี้สีขาว เฮ้อ พอกันเลย แต่ก้อร่าเริงเบิกบาน จากนั้นชีก้ออยากว่ายน้ำ เรามีชุด เพราะเรารู้จักโรงแรมนี้ กะจะว่ายน้ำอยู่แล้ว แต่ชีไม่มี ก้อเลยใส่เสื้อกล้ามซับในกะกางเกงในลงเลยค่า....แซบมากกกกก เห็นหมด! แต่ไม่ได้แคร์เพราะรีบๆลง รีบๆขึ้น ไม่มีใครมาว่ายน้ำเวลานั้นด้วย เมาคึกกันแล้วด้วยเพราะเอาไวน์มาคนละสี คนละขวด แล้วมันไม่เย็น เลยไปเอาถังน้ำแข็งไปกดน้ำแข็ง หวังจะเอามาแช่ขวด แต่ไม่เย็นทันใจ เลยเทไวน์ลงไปในถังน้ำแข็ง ทีนี้อิกขวด อิกสีกลัวจะน้อยใจเลยเทผสมลงไปเลย ชิมแล้วไม่อร่อยเว้ยเฮ้ย ไวน์ขาวกะแดงเทปนกัน ก้อเลยเอาน้ำส้มที่ซื้อมาเทผสมลงไปอิก ในถังน้ำแข็งสองถัง เอาหลอดจิ้ม แซบพะย่ะค่ะ เลยทำกันได้อุบาทว์ขนาดนี้  กินกะชีสกะแฮม สวรรค์อันเรียบง่ายจริงๆ

 

เอาล่ะค่ะ เครื่องแบบพร้อม กระเป๋าพร้อม welcome on board ตอนหน้านะค้า^^ 

 

 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2555 19:39:49 น.   
Counter : 7107 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

LitaParis
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 48 คน [?]




follow me @ instagram: litaparis. For lates updates everyday ka. Nice to meet and share with everyone naka^^
New Comments
[Add LitaParis's blog to your web]