แอร์ สตอ รี่ :ว่าด้วย วิชา แอร์โฮสเตส 105 Cabin Crew prepare for Take off!!
Welcome on board ฮ่า ก็จะค่อยๆเล่านะคะ มาเริ่มกันก่อนเลยดีกว่าว่า บนเครื่องเนี่ย พวกเราต้องทำอะกันบ้าง ขัดคอกันเองยังงัยบ้าง (นินทาผู้โดยกอะไรบ้าง?!) ก่อนที่ผู้โดยจะได้ขึ้นเครื่อง เราต้องทำงานกันล่กๆๆๆล่ะค่ะ วิ่งกันหัวกระเจิง ก่อนที่จะทำหน้าหวานต้อนรับคุณผู้มีอุปการะขึ้นเครื่อง ดังนั้นให้อภัยเราหน่อยเถิดค่ะที่ต้องนั่งรอหน้า Gate แล้วเห็นเครื่องอยู่ข้างหน้าแล้วยังไม่ได้เริ่มBoardingซะที จริงๆแล้วพวกเรากะลังหัวหมุนกะการเตรียมเครื่องให้พร้อมอยู่ค่ะ พอออกมาจากห้องบรีฟฟิ่ง เราก็จะลากกระเป๋าคู่ชีพมาที่รถบัสคันน้อยของแต่ละไฟลท์ ที่เค้าจัดไว้ ลูกเรือไฟลท์ไหนไฟลท์นั้นก้อจะขึ้นไปพร้อมกัน คันเดียวกัน ณ จุดนี้ ก็จะเจอลูกเรือไฟลท์ข้างๆที่รอรถอยู่ด้วยกันแถวนั้นทักทาย กรี้ดกร้าดกัน ถ้าเคยบินด้วยกัน จะนินทาหัวหน้าคนไหน ไฟลท์อะไร ก็นินทากันมันส์ ณ ช่วงเวลาสั้นๆนี้แล ขึ้นรถไปก็ทำหน้าจ๋อยเหมือนเดิม เนื่องจากความขี้เกียจ และกะลังทำใจอยู่ว่าผู้โดยจะเอาอะไรกะเรามั้ยน้ออออ ไฟลท์นี้ ไฟลท์เต็มก็หน้าจ๋อย ไฟลท์โล่งก็กรี้ด กร้าด แพลนกันสุดริทว่าแลนด์แล้วจะไปแรดไหนดี saleมั้ยช่วงนี้ ไปกี่โมง กี่คน ยังงัย แพลนกันตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นเครื่อง ไฟลท์เต็มล่ะเงียบหน้างอคอพับคออ่อน(เนื่องจากไฟลท์กลางคืน นอนไม่หลับเมื่อกลางวัน) ส่วนตัวแล้วชอบนั่งหลับตาในรถ ยิ่งเครื่องบินจอดไกลยิ่งดี ไม่อยากทำงานเลยให้ตายย ยังง่วงอ่า ขุดตรูมาทำอาร้ายยยยย (ทำงานเซะเมิง ไม่งั้นเอาไรแดร้กส์....สมองสั่ง(ด่า)มาว่างั้น==) เมื่อถึงเครื่องบินเราปีนเตาะแตะขึ้นไปตัวเอียง เพราะกระเป๋าcabinหนักไปด้วยสัมภาระบ้าบอที่กล่าวไปตอนที่แล้ว เดินเนือยๆไปเก็บของ เข้าที่ เตรียมเสื้อserviceออกมาแขวน รองเท้า ให้พร้อม นั่นแน่ะ สงสัย เก็บรองเท้าและเสื้อไว้ไหนน่ะหรอคะ เฮอะๆๆๆๆ คือว่ามันไม่มีตู้เสื้อผ้า(closet)ในeconomy ดังนั้นลูกเรือEco ก้อเอารองเท้าและเสื้อ ใส่ไว้บนตู้เก็บสัมภาระเหนือศรีษะคุณผู้มีอุปการะคุณนั่นเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เราใช้ถุงรองเท้านารายา สวยเก๋มีสไตล์ค่ะ (นอกจากของเด็กใหม่ ไม่รุโหน่อิเหน่ ก็ใส่ในหมวกอาบน้ำหุ้มปลอกหมอนกันไป ) ของอิชั้นก็ลงทุนใช้ถุงหุ้มกระเป๋าชาแนลกันเรยทีเดียว แอบเสียวๆว่าผุโดยจะแอบหมั่นไส้หยิบไป ตอนลงเครื่องเป็นบางครา แต่ก็รอดมาได้ฮ่ะ พูดถึงเรื่องนี้ ก็น่าสงสารลูกเรือบางคน (ซึ่งก็คือเพื่อนเรานั่นเอง) เจ้ โดนผู้โดยหยิบกระเป๋าสลับไป แต่กรณีของนางนี้ สงสารผู้โดยมากกว่า เพราะกระเป๋าชีมีแต่รองเท้าเน่าๆ และน้ำหอมขวดนึง แต่ของผู้โดยกลับเป็นยามากมายและเงินจำนวนมาก เหมือนเค้าเดินทางจะไปโรงบาล น้ำตาลแทบไหล สงสารผู้โดยรายนั้นแทน ไม่รุว่าสรุปแล้วเค้าได้ของเค้าคืนรึป่าว ตามปกติแล้วถ้าลูกเรือเก็บของได้ เราก็จะแจ้ง ground staff เพื่อนำไปเก็บไว้ที่ lost and found ค่ะ แต่ก็อย่างว่า พอถึงขั้นตอนนั้นเราก็ไม่รุแล้วว่าเค้าจัดการยังงัยต่อ มีไฟลท์นึงที่กะลังboardผู้โดยไปอิหร่าน ผู้ชายอายุซักสี่ห้าสิบขึ้นมาด้วยสีหน้าเดือดเนื้อร้อนใจ แล้วก็ดูอารมเสียมาก ลูกเรือก็เดินมาบ่นกระปอดกระแปดให้ฟังว่าไม่รุผุโดยไปอารมเสียมาจากไหน แลดูวีนๆ เราพอดีเดินไปแถวนั้น ก็เห็นเค้าอารมเสียจริงๆ เลยถามไปว่าเป็นอะไร ทำไมอารมเสียคะ เค้าก็บอกว่าเค้าลืมแลปท้อปไว้ที่overhead locker ไฟลท์ก่อนหน้านี่เอง นี่เค้าเพิ่งtransitมาเดี๋ยวนี้ บอกให้ใครไปเช็คที่ที่นั่งเค้าให้หน่อยก็ไม่ได้เรื่อง ไม่รู้เป็นไงบ้าง ground staffได้แต่เร่งๆให้เค้ามาขึ้นเครื่องต่อเครื่องนี้ เพราะเครื่องก็จะออกแล้ว เลยไม่มีใครให้คำตอบเค้าได้ซักคน เอาละทีนี้ เราก็สงสาร เพราะคิดว่าถ้าเป็นตัวเองคงอารมเสียน่าดู เพราะถามใคร ก็ดูเหมือนไม่มีใครจะช่วยเหลือ pushให้ไปต่อเครื่องอย่างเดียว ทั้งๆที่ถ้าวอไปถามกัน คงเอามาส่งให้ที่เครื่องนี้ไม่ยาก แต่ก็อย่างว่า บางที คนที่นี้ก็เห็นแก่ตัว ไม่เคยได้รู้สึกแทนคนอื่นเลยว่าเค้าเดือดเนื้อร้อนใจแค่ไหน ด้วยความที่เราตามเรื่องได้ เพราะเราเป็นลูกเรือ ก็เลยถามคนนั่นคนนี้ให้ยุ่งไปหมด รีบๆทำงานในส่วนของตัวเองให้เส็ด แล้วก็ไปคุยกับground staff เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวส่งคนไปหาให้ เพราะเราดูเดือดร้อนแทนจริงๆ แต่หัวหน้ากลับไม่ใส่ใจ เพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องของตัว เลยไม่ช่วยเราเลย เราก็ต้องใช้มารยาหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนั้นวอไปหากัน ให้หาให้เจอ กลับไปเอาข้อมูลผู้โดยมา ว่าก่อนไฟลท์นี้นั่งตรงไหน ไฟลท์อะไร เพื่อจะได้หาตรงจุด ถูกเครื่องด้วย สุดท้ายเค้าก็จำเป็นต้องปิดประตู เพื่อเตรียมออกจากสนามบิน ground staffก็มาบอกว่าหาไม่เจอด้วยคำตอบง่ายๆ เราก็เลยหน้าแห้งกลับไปบอกผู้โดยว่า พยายามเต็มที่แล้ว แต่หาไม่เจอ อาจจะmiscomunicationกันตรงไหนซักที่ เลยหาไม่ได้ แต่เชื่อมั่นว่าหากลูกเรือหาเจอจะส่งกลับไปที่สนามบินเพื่อหาเจ้าของแน่นอน ใจเย็นๆ หัวหน้าไม่ยอมมาออกรับแทนเลย ตอนนั้นบินได้ปีเดียว เป็นF2 อยู่(ชั้นeconomy) ก็ต้องออกรับหน้าแทน เพราะเห็นใจจริงๆ เลยบอกเค้าว่า เอางี้นะ เอาอีเมลล์มา แล้วคุณก็ไปติดต่อที่สนามบินปลายทาง เพื่อติดตามเรื่องอิกที ชั้นกลับมาที่เบสเมื่อไหร่จะไปตามให้ถึงที่จุดlost and found ของบริษัทเลย ได้เรื่องแล้วจะเมลล์ไปบอก สัญญา ชั้นช่วยเป็นการส่วนตัว เพราะเห็นใจคุณมาก คุนคงมีข้อมูลสำคัญในนั้นมาก เค้าก็บอกว่า ใช่ รูปครอบครัวเค้า งานเค้า ในนั้นหมดเลย เราได้ยินก็อยากร้องไห้อิก เลยช่วยเค้าเต็มที่ แต่ผลสุดท้ายที่เราอุตส่าห์ดั้นด้นไปตามให้ถึงสนามบินก็ไม่มีใครเก็บได้เลย อาจจะหายกลางทาง หรือผู้โดยคนอื่นหยิบไป เราก็ส่งเมลล์ไปบอกเค้า แบบนอกหน้าที่มากๆ ว่าเราพยายามหาแล้ว เราเสียใจ ในนามของบริษัทจริงๆ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เค้าก็ตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร แต่ขอบคุณอย่างมากที่เราช่วยตามหาให้ แม้ไม่ใช่หน้าที่เลยโดยสิ้นเชิง โดยส่วนตัว เราไม่ได้ทำเพราะหน้าที่หรอก ทำตามสามัญสำนึกของความเป็นคนด้วยกัน สงสารจริงๆ แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยเราก็ช่วยเค้าอย่างเต็มที่ เพราะเราคิดว่าความสงสารกับความเมตตานั้นต่างกันตรงที่ ความเมตตานั้นคือการลงมือกระทำ หากใช่แต่การยืนดูเฉยๆ แล้วบอกว่าน่าสงสารจัง แบบนั้นก็ไม่ช่วยอะไร กลับมาที่หน้าที่ของแอร์ ช่วงที่เราขึ้นเครื่องไปนั้น พอเก็บของเสร็จเราก็จะเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ในการทำservice ถ้าไม่ได้ทำครัว(galley) ก็จะทำsafety check บริษัทเรา ลูกเรือต้องทำเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่มาทำให้ เช็คนี้สำคัญมากสำหรับเรา เพราะคือความปลอดภัยของคนทั้งลำ และไม่ใช่แค่ชีวิตของคนที่อยู่บนเครื่อง แต่เป็นหัวใจของคนที่เราจากมา ทั้งลูกเรือ และผู้โดยเอง ดังนั้นเราก็ต้องเช็คแบบพลิกลำตรวจดูว่ามีอะไรแปลกปลอมอยู่บนเครื่อง และอุปกรณ์ต่างๆเช่นถังดับเพลิง ยันที่วางเท้า อาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ แต่เราเช็คทุกจุดจริงๆ แบ่งตามโซนใครโซนมัน หัวหน้าก็จะแบ่งหน้าที่ตอนบรีฟนั่นเอง หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา แล้วถังดับเพลิงที่ใกล้ตัวที่สุดใช้งานไม่ได้ มันคือวินาทีเปลี่ยนชีวิต เพราะหากดับไฟไม่ได้ภายใน30-90วินาที จะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขั้นเครื่องตกได้เลย และการอพยพผู้โดยสารเช่นเดียวกัน ต้องอพยพภายใน1นาทีครึ่ง ให้ได้หมดลำ โดยใช้แค่ประตูจำนวนครึ่งเดียวของประตูทั้งหมด ไม่งั้นเครื่องจะจมน้ำ นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เราต้องเช็คว่าที่วางเท้ามันพับเก็บได้มั้ย แล้วทำไมอิแอร์ถึงมายิกๆบอกให้เราเก็บที่วางเท้า ก็เนื่องจากเครื่องจะขึ้นหรือเครื่องจะแลนด์เราต้องทำการเช็คเคบิน ให้เรียบร้อย พร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินและการอพยพที่มีประสิทธิภาพ ถ้าที่วางเท้าไม่เก็บ พับ หรือพับแล้วมันร่วงลงมา คนข้างในที่จะวิ่งออกมาก็จะสะดุดล้ม ทีนี้ก็โดมืโนเลยทีเดียวเทียว โดยเฉพาะยุโรปนี่ตัวดีเลย เล่นซ่อนหากันมันส์ค่ะ เพราะเค้าจะทดสอบเช็คลูกเรือโดยการซ่อนมีดบ้าง ไฟแช็คบ้างในที่ๆคิดว่าเราจะไม่ค้น เช่นช่องว่างระหว่างที่เก็บน้ำแข็ง แจกันดอกไม้ หลังกระจก ดังนั้นคุณๆผู้โดย อย่าหวังจะซ่อนอะไรค่ะ เราหาเจอ 55555 (อันนี้ก็แล้วแต่ลูกเรือเน้อ แต่ถ้าอิชั้นบิน อิชั้นค้นทุกมุมจริงๆ) พอเช็คเสร็จเราก็จัดการเรื่องเตรียมหูฟังเสียบไว้ในแต่ละที่นั่ง ซึ่งมีหลายร้อยที่นั่งก้อต้องก้มๆเงยๆ ปวดหลังเลยทีเดียว แล้วก็ช่วยคนทำครัวเตรียมนั่นนี่เช่น ของบนคาร์ท น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เหล้า ไวน์ เบียร์ ซึ่งหนักมากกกกก แล้วต้องยกทั้งกระบะไปใส่คาร์ท ย้ายคาร์ท โน่นนี่นั่น ขวดเหล้า ว้อดก้า บรั่นดี ก้อต้องยกกันจ้าละหวั่น เพื่อที่หลังจากเครื่องtake off เราจะต้องพร้อมออกเสริฟให้เร็วที่สุด งานครัวจะหนักเยี่ยงกรรมกร เพราะต้องยกของหนัก ก้มๆเงยๆ โหลดอาหารเข้าคาร์ทอิก แล้วไอ้น้ำอัดลมเนี่ย ลองนึกสภาพนางฟ้าคนสวยที่คุณเห็นแบกน้ำอัดลม24กระป๋องในกระบะไปทั่วแกลลี่ บางทีก็ต้องแบกมาเปลี่ยนกระบะที่หมดแล้วในเคบินอิก น้ำผลไม้นี่หนักสุด คือในกระบะนึงจะมีกล่อง1.5ลิตรอยู่16กล่อง หนักมากกกกก แต่เราต้องยก แล้วจัดทุกอย่างให้เรียบร้อยเข้าที่ ไม่ใช่วางไหนก็ได้ ต้องหาที่ใส่ ให้ปลอดภัยเวลาเครื่องขึ้น ลง ตรงนี้แหละค่ะ ที่ยากสุดๆ เพราะพื้นที่จำกัด ของเต็มไปหมด เหมือนเล่นเกมpuzzle ว่าเอาอะไรไว้ตรงไหนให้เข้าล้อคแบบเป้ะๆ เหนื่อยมากๆลูกเรือเลยมักจะมีปัญหาเรื่องปวดหลังเพราะยกของหนัก นี่ขนาดเครื่องยังไม่ขึ้นนะเนี่ย ความจริงรายละเอียดมากกกกกกว่านี้ค่ะ แต่เดี๋ยวขอติดไปบล้อกหน้านะคะ เพราะมันจะยาวเกินไป เดี๋ยวเบื่อซะก่อนค่ะ^^ (รูปอาจะเริ่มน้อยนะคะ เพราะรูปที่เกียวข้อง ลงไปหมดแล้วในบล้อกเก่าๆ บล้อกเก่ารุปเยอะมากกกค่ะ หรือจะใน Instagram@ litaparis ก็มีค่า Follow ได้ ไม่กัดค่า)
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2555 |
| |
|
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2555 18:01:49 น. |
| |
Counter : 3389 Pageviews. |
| |
|
|