165. วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพฯ
ตั้งอยู่แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๐๐ ได้อัญเชิญพระแสนและพระสายน์จากวัดเขมาภิรตารามมาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ และอัญเชิญพระเสริมจากท้องพระโรงพระราชวังบวรมาประดิษฐานไว้ในพระวิหาร
เมื่อพุทธศักราช 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า ท้องที่นาหลวงอยู่ในคลองบางกะปิรายหนึ่ง มีพระบรมราชประสงค์จะให้ทำเป็นรมณีย์สถาน เช่น สระปลูกดอกบัวต่าง ๆ ไว้สำหรับทอดพระเนตร เพื่อสำราญพระราชหฤทัยในยามว่างพระราชกิจ เรื่องปลูกดอกบัวในสระบัว ทำเป็นสถานที่เสด็จประพาสครั้งนี้ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารว่า โปรดเกล้าฯให้สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยเป็นแม่กอง พระยาสามภพพ่ายเป็นนายงานเจ้าจีนชุดสระบัวให้เป็นเกาะน้อย เกาะใหญ่ลดเลี้ยวกันไป ถ้าที่ไม่พอก็ให้ซื้อราษฎรต่อไปอีก สมเด็จพระยาองค์น้อย พระยาสามภพพ่าย ทำพระที่นั่งประทับแรมองค์หนึ่ง,ทำพลับพลา,โรงละคร,ที่เจ้าจอมอาศัย,โรงครัวข้างในและโรงครัวเลี้ยงขุนนางหน้า ชักกำแพงล้อมรอบเป็นเขตข้างหน้าข้างใน ฝ่ายข้างใต้ให้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งพระราชทานชื่อ วัดปทุมวนาราม นิมนต์พระสงฆ์คณะธรรมยุตไปอยู่ เจ้าอธิการชื่อ พระครูปทุมธรรมธาดา แล้วให้ขุดสระใหญ่มีเกาะน้อยและเกาะใหญ่ในกลางสระ ในสระนั้นให้ปลูกดอกบัวต่าง ๆ
พระอุโบสถ ตั้งอยู่ข้างหน้าวัด (หน้าวัดหันเข้าสู่สระปทุมวัน) หันหน้าไปทางทิศตะวันออกมีรูปทรงอย่างแบบรัตนโกสินทร์อื่น ๆ หลังคาลดลงสองชั้น มุงด้วยกระเบื้องทำลอนเป็นลูกฟูกอย่างแบบจีน ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันเป็นรูปมหามกุฏเหนือพานอยู่ภายใน กลับดอกบัวประดับด้วยลายเปลว มีกอบัวมีใบและดอก ข้างล่างพื้นประดับกระจกสี ตามมุมและเสาระเบียงข้างนอกมีแผ่นศิลาเขียวสลักรูปกอบัวปิดไว้ ใบเสมาแต่งเป็นรูปสี่ยอดมน ตรงกลางสลักกลีบดอกไม้ตามแบบรัตนโกสินทร์ ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นรูปปั้นรูปมงกุฎ บานประตู และหน้าต่าง ประดับลายรูปปั้นเป็นรูปชีวิตของชาวนา มีโรงนา ชาวนากำลังไปไถนา คราดนา ตกปลา ควายกำลังสู้กันอยู่ในคอก ในอากาศก็มีนกกระยางกำลังเหิรลมอยู่หลายตัว ภาพเหล่านี้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสภาพพื้นที่แถบนั้นตามธรรมชาติเป็นจริงในสมัยเริ่มสร้างวัด ด้านในของประตูหน้าต่าง เขียนรูปเครื่องบูชาแบบจีนสอดสีสวยงามยิ่งนัก
ภายในพระอุโบสถมีพระประธานมีนามว่า พระไส เป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1 ศอก 1 นิ้ว ประดิษฐานอยู่บนชุกชี 4 ชั้น ข้างหลังองค์พระมีซุ้มประทับ ส่องให้เห็นองค์พระงามเด่นยิ่งขึ้น รูปเขียนผนังข้างพระอุโบสถแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นบนเขียนเป็นภาพการเสด็จประพาสสระบัว รอบเรือพระที่นั่งซึ่งลอยลำอยู่กลางสระ มีบัวนานาชนิด เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ดอกหลากสี รูปชั้นล่างแสดงกิจกรรมต่าง ๆ ที่พระภิกษุจะต้องอาบัติ และอานิสงส์ของการปฏิบัติ เฉพาะผนังหลังพระประธานเขียนเป็นรูปดอกบัวสวรรค์ขนาดใหญ่ แต่ละดอกมีนางฟ้าไปฟ้อนรำอยู่ถึง 7 นาง
ต่อจากพระอุโบสถเข้าไปเป็นพระเจดีย์ รูปทรงกลม แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นฐานสี่เหลี่ยม ตามมุมทั้งสี่มีพุ่มปั้น เป็นรูปดอกซ้อน 4 ชั้น เฉพาะฐานแท้ ๆ เป็นรูปกลมข้างในโปร่งเปิดเข้าไปเห็นผนังที่ก่อรับน้ำหนักสามชั้นแต่ละชั้นหนาประมาณสามศอก ตรงกลางเป็นลานว่าง ปัจจุบันได้ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองหินอ่อน บันไดขึ้นไปถึงตัวเจดีย์ สร้างเป็นรูปกลมข้างในโปร่งเหมือนกัน ตรงกลางมีพระพุทธรูปไสยาสน์หินอ่อน ซึ่งได้มาจากลังกา ข้าง ๆ มี พระพุทธรูปยืนในท่าต่าง ๆ ด้านตะวันออกมีรูปอดีตท่านเจ้าอาวาสประดิษฐานอยู่
ต่อจากพระเจดีย์ไปทางทิศตะวันตก เป็นพระวิหาร ดูภายนอกเผิน ๆ มีรูปทรงคล้าย ๆ พระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาส หลังคาลดสองชั้น และต่อระเบียงยื่นหน้าหลัง มุงกระเบื้องลูกฟูกอย่างพระอุโบสถ ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันปิดกระจก
ชั้นบนประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยในซุ้มปิดกระจก ด้านนอกปั้นเป็นรูปเทพชุมนุม ประกอบด้วยลายเปลวอย่างประณีตงดงาม หน้าบันไดของระเบียง ปั้นรูปมหามงกุฎประดิษฐานบนพาน ขนาบด้วยฉัตรห้าชั้น ประกอบด้วยลายเทพพนม และลายเปลวประตูหน้าต่าง กรอบซุ้มปั้นเป็นรูปยอดมงกุฎ ประกอบด้วยลายดอกบัวสีทอง พื้นประดับกระจกสี บานประตูด้านนอกทำลายเป็นเทพพนมอยู่ในดอกบัว พื้นประดับกระจกสี ด้านในเขียนเป็นรูปมนุษย์โผล่ขึ้นมาจากสระบัว หน้าต่างด้านนอกเขียนลายลดน้ำเป็นรูปดอกบัว ด้านในเขียนเป็นรูปยักษ์ ขึ้นจากสระบัวสอดสี เหมือนประตู เสาภายในเขียนเป็นรูปดอกบัว แต่ละเสาสีพื้นไม่เหมือนกัน ผนังตอนบนเขียนรูปภาพกระบวนเรือเสด็จชลมารค ตอนล่างเขียนเรื่องศรีธนชัย พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตัก กว้าง 2 ศอก 1 นิ้ว มีพระนามว่า พระเสริม ข้างหน้าพระเสริมมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยอย่างเดียวกัน แต่ย่อมกว่า อีกองค์หนึ่ง หน้าตัก กว้าง 1 ศอก 6 นิ้ว มีพระนามว่า พระแสน ประดิษฐานลดลงมา
พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ เป็นพระพุทธรูปสำคัญของแคว้นล้านช้างมาก่อน ซึ่งจะได้กล่าวประวัติรายละเอียดความเป็นมาในตอนท้าย ทางด้านซ้ายพระประธานมีพระบรมรูปปั้นของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 1 องค์ ด้านในชิดกำแพงแก้ว เขตพุทธาวาส มีกุฏิพิเศษอยู่ 2 หลัง ซ้ายและขวา หลังคาของกุฏิทั้งสองได้ต่อขึ้นไปเป็นหอระฆังรูปสี่เหลี่ยมสูงเด่นอยู่
Create Date : 28 กันยายน 2556 | | |
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 18:19:24 น. |
Counter : 609 Pageviews. |
| |
|
|
|