Group Blog
 
All blogs
 
354. Dalada Maluva เมืองโปโลนนารุวะ (Polonnaruwa) ประเทศศรีลังกา

ทลาทะมลิกาวะวิหาร เป็นที่ประดิษฐานของพระเขี้ยวแก้วเมื่อครั้งแรกที่มาจากแคว้นกลิงคราฐ ประเทศอินเดีย จากความวุ่นวายของเหตุการณ์บ้านเมือง ทำให้ต้องมีการนำพระเขี้ยวแก้วไปซ่อนไว้ที่แคว้นอื่น จนในที่สุด ก็ได้นำมาไว้ที่วิหารทลาทะมลิกาวะที่แคนดีจวบจนปัจจุบัน

วิหารวฏะทาเค : เป็นรูปทรงแบบลอมฟางมีเสาหินเรียงรายอยู่ 3 แถวโดยรอบแต่เดิมมีหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องครอบอยู่ ตรงกลางเป็นเจดีย์ทรงกลม มีพระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานอยู่หน้าเจดีย์ทั้ง 4 ด้านพระพุทธรูปครองจีวรเรียบไม่มีริ้ว บนพระเศียรไม่มีขมวดพระเกศาองค์เจดีย์ทำด้วยอิฐ และหินมีการสลักลวดลายอย่างสวยงามประกอบอยู่บริเวณฐานและผนังเป็นลายสิงโต คนแคระ ดอกไม้ และพันธ์พฤกษาต่างๆทางด้านเหนือมีมุขขนาดเล็กสร้างปรากฎอยู่ สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้านิสสังกมัลละเมเติมขึ้นภายหลัง ส่วนทวารบาลสลักหินที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์แห่งนี้เป็นทวารบาลที่สลักได้งดงามที่สุดในศิลปะแบบโปโลนนารุวะ เป็นรูปมนุษย์นาค(ผู้ชายมีนาคแผ่พังพานอยู่ด้านหลัง) มือซ้ายถือดอกบัวมือขวาถือหม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์(ปูรณฆฏะ)และมีคนแคระ 2 คนยืนอยู่สองข้างยกแขนขึ้นทั้งสองแขนอยู่ในแผ่นสลักหินชิ้นเดียวกันตรงกันข้ามจะมีอาคารรูปสี่เหลี่ยมชื่อว่า “ ฮาตะทาเค ”เคยเป็นสถานที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว เพราะฉะนั้นลานแห่งนี้จึงเรียกว่าลานพระเขี่ยวแก้วซึ่งจะมีกลุ่มโบราณสถานสำคัญรวม 12 แห่งมีประตูทางเข้าทางทิศตะวันออกมีอ่างน้ำขนาดยาวอยู่หนึ่งใบเอาไว้ล้างเท้าก่อนจะขึ้นไปบนลานอันศักดิ์สิทธิ์ ฮาตะทาเคนี้สร้างในสมัยพระเจ้านิสสังกมัลละมีกำแพงหินล้อมรอบ ตัววิหารก็สร้างด้วยหินภายในเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมีพระพุทธรูยืน 3 องค์ประดิษฐานอยู่มีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้า ที่ผนังของมุขด้านหน้ามีอักษรจารึกเรื่องราวของพระเจ้านิสสังกมัลละและมีภาพหงส์สลักยาวเป็นแนวอยู่ด้วย ประตูทางเข้าจะประดับด้วยรูปนักฟ้อนรำนักดนตรี ทำจากปูนปั้นหน้าบันไดทางขึ้นจะมีทวารบาลและอัฒจันทร์อยู่ด้วย วิหารนี้แต่เดิมเป็น 2 ชั้น แต่ชั้นบนเป็นไม้ได้พังไปหมดแล้ว

อาตะคาเท : เคยเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วของเมืองโปโลนารุวะ บางครั้งจึงเรียกว่า “วิหารพระเขี้ยวแก้ว” สร้างโดยพระเจ้าวิชัยพาหุที่ 1 (พ.ศ. 1598 – 1653) เปฌนอาคาร 2 ชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปบริเวณด้านหลัง พระเขี้ยวแก้วคงจะประดิษฐานอยู่ชั้นบนด้านหน้า ซึ่งสร้างด้วยไม้ ปัจจุบันได้หักพังทลายไปหมดแล้ว ภาพสลักบนเสาหินทำเป็นลวดลายเล่าเรื่องราวต่างๆ ถือเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในวิหารนี้ ซึ่งยังคงรักษาอิทธิพลของศิลปะอินเดียแบบบคุปตะไว้ได้เป็นอย่างดี ด้านหลังวิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีมุขเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยื่นยาวออกมาทางด้านหน้า คำว่า “อาตะทาเค” หมายถึง วิหารของพระเขี้ยวแก้ว 8 องค์























































Create Date : 13 เมษายน 2557
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 19:35:31 น. 0 comments
Counter : 1104 Pageviews.

เหมียวสินธร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add เหมียวสินธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.