ปรัชญาในหมากล้อมของอู๋ชิงหยวน หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้อ่าน เหนือฟ้ายังมีฟ้า หนังสืออัตชีวประวัติของท่านอาจารย์อู๋ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง เกร็ดประวัติศาสตร์วิถีชีวิตของนักหมากล้อมในยุคก่อน และวิธีคิดในการเดินหมากและทัศนคติที่มีต่อเกมหมากล้อมของปราชญ์โกะผู้นี้ อาจารย์อู๋เป็นนักหมากล้อมชาวจีน อันเป็นประเทศต้นกำเนิดของหมากล้อมแต่เนื่องจากตอนนั้นญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการศึกษาวิชาหมากล้อมอย่างจริงจังและมีมืออาชีพที่ฝีมือยอดเยี่ยมอยู่คับคั่งอู๋ชิงหยวนในวัย 14 จึงได้เดินทางมาเริ่มต้นชีวิตนักหมากล้อมที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยนับตั้งแต่นั้นมา และพรสวรรค์ก็ได้ฉายแววอาจารย์อู๋เติบโตเป็นนักหมากล้อมมืออาชีพที่ใครๆ ต่างก็ครั่นคร้ามฝีมือไม้ลายมือโดดเด่นกว่าคนอื่นในยุคสมัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัดเมื่อก่อนนั้นการเล่นหมากล้อมค่อนข้างมีหลักคิดที่ตายตัว ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยม (ตามหลักการของสำนักฮงอินโบ)ที่เน้นการวางหมากบนเส้นต่ำ เน้นการสร้างพื้นที่ที่ชัดเจน แล้วค่อยขยับขยายออกสู่กลางกระดานแต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ไม่อยากปิดกั้นอยู่ในกรอบอาจารย์อู๋และเพื่อนนักหมากล้อม คิตานิ มิโนรุ ก็ได้ร่วมกันคิดค้นวิธีการเปิดเกมแนวใหม่(ชินฟูเซกิ) ขึ้นมา โดยเน้นการวางหมากบนเส้นสูง ยึดครองอิทธิพลนอกกระดาน การเปิดเกมที่โด่งดังและสร้างชื่อเสียงให้กับอู๋ชิงหยวนเป็นอย่างมากก็คือตำแหน่งสามสาม ดาว เทนเง็น อันลือลั่น ที่เขาใช้มันเมื่อตอนเดินหมากกับฮงอินโบ ชูซาอิเมยิน (หรือเมย์จินจากใน ฮิคารุ แปลว่าผู้มีนามกระเดื่อง) ซึ่งความคิดเหล่านี้เองที่ก่อให้เกิดกระแสการเล่นใหม่ๆมีการคิดค้น วิเคราะห์รูปแบบหมากให้ก่อขึ้นกระจายเป็นวงกว้างในวงการหมากล้อมสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ถ้าพูดถึงอู๋ชิงหยวนแล้วละเลยที่จะไม่พูดเรื่อง ศึกดวลหมากสิบกระดานก็คงจะไม่ให้เกียรติกันเกินไปหน่อย เพราะอาจารย์อู๋คือผู้อยู่บนจุดสูงสุดของการแข่งขันห้ำหั่นชิงชัยที่เปรียบไปก็เหมือนการดวลดาบของซามูไรที่มีชีวิตและชื่อเสียงของตัวเองเป็นเดิมพันเพราะเมื่อก่อนนั้นความพ่ายแพ้นั้นหมายถึงความย่อยยับของชีวิตนักหมากล้อมหมดสิ้นทั้งศักดิ์ศรีและยากที่จะกู้คืนกลับมาได้อีกครั้งอู๋ชิงหยวนยืนอยู่บนปากเหว ฟาดฟันคู่ต่อสู้ยอดฝีมือร่วงจากเวทีไปคนแล้วคนเล่าเป็นเวลากว่า15 ปีการกรำศึกอาบเลือดโชกโชนจนเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายเช่นนี้ยากที่ใครจะทัดเทียมได้ นอกจาก passion ที่มีต่อเกมหมากล้อมอย่างแรงกล้าแล้วผมคิดว่าความเข้มแข็งของสภาวะจิตใจที่ไม่หวั่นวิตกแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันและความมุ่งมั่นที่ต้องการคว้าชัยชนะ เพราะการแข่งขันหมากล้อมไม่ใช่ว่าคนที่มีฝีมือดีกว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป มันรวมไปถึงการต่อสู้ทางจิตใจความกดดัน อีกมากมายที่ไม่มีทางรู้จนกว่าจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้นักหมากล้อมผู้นี้สามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการและเป็นตำนานเช่นทุกวันนี้ได้ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นหมากล้อมคือกระดาน และเม็ดหมาก สีขาวและดำเปรียบเสมือนหยินและหยางที่ต้องอยู่คู่กัน อาจารย์อู๋ก็ใช้หลักการนี้ในการดำเนินชีวิตตัวเองและการเดินหมากเช่นกันหากเปรียบเทียบเป็นบู๊และบุ๋นชีวิตนักหมากล้อมที่ต่อสู้โลดแล่นในยุทธจักรมาอย่างยาวนานนั้นจะนิยามว่าบู๊คงไม่ผิดนักส่วนด้านบุ๋นนั้น อาจารย์อู๋มีจิตศรัทธาอย่างหนักแน่นกับศาสนาที่แรงกล้ามากๆท่านอุทิศความศรัทธาให้กับลัทธิสวัสดิกะแดงที่พิสูจน์ความศรัทธาจากการกดขี่ข่มเหงจากเจ้าลัทธิจอมเผด็จการต้องร่อนเร่พเนจรย้ายที่อยู่แทบตลอด รวมไปถึงการศึกษาหลักปรัชญาตะวันออก จนผนึกแน่นออกมาเป็นการเดินหมากที่ยอดเยี่ยมและยังสามารถรักษาดุลยภาพของชีวิตให้ควบคู่กันไปได้อย่างมั่นคงและงดงาม เส้นทางชีวิตของอาจารย์อู๋นั้นสามารถวิเคราะห์ศึกษาถอดบทเรียนออกมาได้มากมาย คนที่เล่นหมากล้อมไม่เป็น ก็สามารถค้นหาแง่งามจากชีวิตของผู้ชายที่มีจิตใจมั่นคงและเด็ดเดี่ยวผู้นี้ได้ส่วนนักหมากล้อม บันทึกหมากนับพันกระดานที่บ่งบอกถึงอัจฉริยภาพของอาจารย์อู๋ยังรอคอยให้คนรุ่นหลังมาวิเคราะห์แกะรอยภูมิปัญญาที่ท่านทิ้งไว้ แม้บางกระดาน เราจะหยิบเอามาเรียงเป็นร้อยๆเที่ยวก็ยังไม่อาจเข้าใจความคิดและหลักปรัชญาที่อยู่บนตาเดินแต่ละตาได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิชาหมากล้อมของท่านอาจารย์อู๋เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์เป็นแนวคิดปรัชญาที่ยิ่งศึกษายิ่งไม่เข้าใจแต่นี่เองที่เป็นเสน่ห์ของหมากล้อมไม่ใช่หรือ! |
สมาชิกหมายเลข 735183
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
| ||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |