ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
16 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
ทอย (63)

สโนวละสายตาจากบานประตูที่พยายามจะซ่อนตัวเองให้กลมกลืนไปกับกำแพงที่มันตั้งอยู่โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผ่านช่องว่างของตรอกแคบๆ ซึ่งเปิดเผยให้เห็นท้องฟ้ายามราตรีที่อยู่เหนือมหานคร แต่สิ่งที่เธอเห็นบนนั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่คุ้นตา สิ่งที่เคยกางกั้นแบ่งโลกต่างๆ ให้แยกออกจากกันนั้นได้สลายหายไปแล้ว เธอจึงสามารถมองเห็นโลกซึ่งมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนเหล่านั้นได้ด้วยตาเปล่า พวกมันเป็นเหมือนภาพหลากมิติ หลายสีสัน ที่ล่องลอยซ้อนทับกันอยู่บนฟากฟ้าอย่างสลับซับซ้อน เกิดเป็นแสงสว่างที่เรืองรองจนอาจนับได้ว่าเป็นจุดจบที่งดงามตระการตาอยู่ไม่น้อย

แต่เธอยังไม่อยากให้มันจบลงตอนนี้ ไม่ใช่ในเวลาที่เธอพึ่งตัดสินใจว่าจะลองกลับไปสู้ดูอีกครั้ง หลังจากที่หนีมาหลบซ่อนอยู่กับคนแคระทั้งเจ็ดที่อยู่ภายในหัวของเธอเอง บางทีตัวเธอก็อาจนับเป็นคนแคระคนที่แปด หรือไม่อย่างนั้นเธอก็คือคนแคระทั้งหมดนั้น ที่เอาแต่ทำตัวให้เล็กเพื่อหนีจากทุกสิ่งมาแบบนี้

“ตำรวจคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่” ฟรอสซึ่งตอนนี้กลับคืนร่างเป็นเสมียนคนเดิมเรียบร้อยแล้วถามขึ้น

“ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่หวังว่ามันจะได้ผล” แซนแมนบอก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมนุษย์คนใดนอกจากพวกที่อาศัยอยู่บนโลกเดียวกันกับเขาอยู่ในสายตา แต่เขาก็ยอมรับว่าความคิดของมนุษย์ไม่ว่าจะในโลกใดก็ตาม มักทำให้แปลกใจได้มากกว่าที่คิดเสมอ

“แต่ตอนนี้มันเลยเที่ยงคืนมาแล้ว ต้องถือว่าคืนแห่งของขวัญผ่านพ้นไปแล้วไม่ใช่หรือครับ” เด็กชายเอ่ยถาม ฟรอสส่ายหน้าก่อนจะตอบ “นาฬิกาเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ส่วนเวลาที่แท้จริงนั้นขึ้นกับวงรอบของธรรมชาติ กลางวัน กลางคืน ฤดูกาลต่างๆ ที่จะสั้นหรือยาวสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป พวกเรายังถือว่าอยู่ในค่ำคืนนี้ คืนแห่งของขวัญ ไปจนกว่าพระอาทิตย์จะโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า จนกว่าแสงแรกแห่งวันใหม่จะมาถึง”

“...ที่จริงแล้วผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ผมหมายถึงเรื่องความลับในการส่งของขวัญของคุณครอส” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเด็กชายก็เป็นประกายขึ้นมาทันใด “ลองคิดดูสิครับ ด้วยจำนวนกล่องของขวัญ กับเวลาเพียงแค่คืนเดียว ไม่ว่าจะคำนวณอย่างไรมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย” แซนแมนยกมือขึ้นวางบนศีรษะของลูกชายพร้อมกับขยี้เบาๆ อันที่จริงแล้วแม้แต่ตัวเขาเองก็เคยข้องใจในเรื่องนี้ ผู้ใหญ่ทั้งหลายมองหน้ากันไปมา และต่างเชื่อว่าทุกคนคงเคย หรือยังสงสัยในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

#####

ทอยสำรวจมองไปรอบๆ ตัวอย่างไร้ความหวัง โอเมกานั้นอาจจะซ่อนอยู่ ณ ที่ใดก็ได้ หรือนางอาจเป็นบางสิ่งที่ไม่มีตัวตน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นมือสังหารอย่างเขาก็ยิ่งไม่อาจทำอะไรได้ ทันใดนั้นก็มีร่างของใครคนหนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้า เขาเตรียมพร้อม เพ่งตามองจนแน่ใจในที่สุดว่านางคืออัลฟา ทั้งสองได้สบตากัน แล้วเขาก็พบเห็นความเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง ประกายตาของนางพลันสว่างเจิดจ้าขึ้น มันเป็นเหมือนดั่งแสงแรกในท่ามกลางความว่างเปล่า ที่ราวกับจะสามารถจุดประกายของการก่อกำเนิดทุกสิ่งให้ลุกโชนขึ้นมา

“เราคืออัลฟา เราคือการเริ่มต้น”

#####

“โฮ่ โฮ่ โฮ่” เสียงหัวเราะอันแสนคุ้นเคยดังมาจากปากทางเข้าสู่ตรอกแคบๆ แห่งนี้ ก่อนเงาร่างที่คุ้นตาจะเดินเข้ามาอย่างร่าเริ่ง “สุขสันต์คืนแห่งของขวัญ” มันเป็นคำทักทายตามเทศกาล แต่ทั้งหมดต่างมั่นใจว่าคุณครอสยังคงอยู่ภายในสำนักงานที่อีกด้านของประตู

คุณครอสที่เดินมาหยุดลงตรงหน้าแสดงท่าทางว่าเป็นคุณครอสอย่างเต็มที่ราวกับไม่รู้จักทั้งห้าคนเลยแม้แต่น้อย “ปีนี้เป็นปีที่พิเศษ ทุกคนจึงได้รับของขวัญ มา มารับกันไป” แล้วคุณครอสคนนี้ก็ยัดสิ่งของบางอย่างใส่ในมือของทุกคนที่ยังคงยืนงงก่อนเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ 'โฮ่ โฮ่ โฮ่' นั้น

“...นี่มันอะไรกัน” แซนแมนยกของที่ได้รับมาขึ้นดู มันเป็นซองเล็กๆ ที่มีสีแดงดั่งเลือด สลับด้วยลวดลายเล็กๆ สีขาวของหิมะ กับสีเขียวของแมกไม้ที่จะแทงช่อแตกหน่อขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อฤดูร้อนมาถึง แต่ซองเล็กๆ พวกนี้ราวกับบรรจุเต็มไว้ด้วยความหวัง เพราะทุกสิ่งต่างเป็นไปได้ก่อนที่มันจะถูกเปิดออกดู

ทั้งหมดเปิดซองออกพร้อมๆ กัน ภายในนั้นมีการ์ดสำหรับสะสมจากชุด โลกแฟนตาซี ที่กำลังโด่งดังในหมู่เด็กๆ และทุกคนต่างได้การ์ดชนิดหายากเป็นพิเศษซึ่งเคลือบไว้ด้วยลวดลายเฉพาะที่สะท้อนแสงเป็นประกายงดงาม ด้านหน้าของการ์ดเป็นภาพตัวละครซึ่งเป็นหญิงสาวผู้งดงามในชุดยาวสีขาวสะอาดตา พร้อมกับระบุนามของนางเอาไว้ ซึ่งทุกคนในที่นี้ต่างเคยรู้จักมาก่อนแล้วทั้งสิ้น

'เทพีอัลฟา เทพีแห่งความหวัง และการเริ่มต้น'

ทุกคนที่ได้รับการ์ดในค่ำคืนนี้ต่างเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับนาง กับนามของนาง เพราะที่จริงแล้วนางเคยเป็นที่รู้จักมาก่อนตั้งแต่สมัยโบราณกาล และเมื่อทุกคนจดจำนางได้อีกครั้ง พลังของนางก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

“หรือว่าการ์ดพวกนี้จะเป็นแผนของตำรวจคนนั้น...” แซนแมนถามด้วยความสงสัย

“นี่เป็นผลงานการผลิตของร้านซีเอฟ แต่ผมไม่เคยเห็นการ์ดใบนี้มาก่อน มันคงพึ่งถูกทำขึ้นมาใหม่” ฟรอสบอกพร้อมกับพลิกดูรายละเอียดของการ์ดในมือไปมา ฝีมือการออกแบบนั้นงดงาม ไม่ว่าจะเป็นรูปวาดของตัวละคร โทนสีที่ใช้ แบบอักษร สมองของเขาทำการคิดหาต้นทุนอย่างรวดเร็ว ค่าการออกแบบ วัสดุ การพิมพ์ รวมไปถึงการเคลือบทับด้วยลวดลายสะท้อนแสงเพื่อแสดงถึงความเป็นการ์ดหายาก การพิมพ์เป็นจำนวนมากไม่ทำให้เขารู้สึกกังวลเพราะจะยิ่งทำให้ต้นทุนถูกลง แต่การมีเป็นจำนวนมากย่อมทำให้คุณค่าของความเป็นการ์ดชนิดพิเศษของมันหมดลงไปด้วยเช่นกัน “ถ้าใครเคยสงสัยว่าคุณครอสส่งของในคืนแห่งของขวัญทั้งหมดทันได้อย่างไร” เขายกซองในมือขึ้นโบกไปมาเป็นคำตอบ

“...แต่คุณครอสคนนั้นโผล่มาจากที่ไหนกัน” เด็กชายลังเล “ก็คุณครอสยังอยู่ในสำนักงาน...” เขาชี้ไปที่ประตู แล้วมันก็พลันเปิดออก คุณครอสกับสารวัตรโฮมก้าวออกมา ในมือของทั้งสองต่างมีการ์ดอยู่คนละใบเช่นกัน “ตอนนี้ทุกคนต่างก็ได้รับการ์ดใบนี้กันแล้ว” คุณครอสบอก “มันนับเป็นการส่งของขวัญที่แปลกที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยทีเดียว”

“...แต่ว่า...แล้วคุณครอสคนนั้น...” เด็กชายไม่รู้ว่าจะตั้งคำถามอย่างไร “...หรือว่ายังมีคุณครอสคนอื่นๆ คุณครอสที่สามารถ...อยู่ในทุกทุกที่ได้พร้อมกัน...แต่มันเป็นไปไม่ได้”

คุณครอสยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นการบอกว่ามันเป็นความลับที่ไม่ควรพูดถึง

“นั่นแหละ...เขาถึงเรียกกันว่าค่ำคืนแห่งความมหัศจรรย์อย่างไรเล่า” ฟรอสยิ้มพร้อมกับขยิบตาให้เด็กชาย ฟรอสคนที่แทบจะไม่เคยยิ้มให้ใครนอกจากตัวเลขกำไรในสมุดบัญชี โฮมหวนนึกถึงคำอธิบายต่างๆ ที่ทำให้เขาต้องหัวหมุนเมื่อครู่ เขาคิดว่าบางทีคุณครอสคงตั้งใจทำให้มันฟังดูเป็นแบบนั้น อย่างเรื่องของ 'ทั้งจักรวาลไม่ได้มีดวงอาทิตย์อยู่เพียงดวงเดียว' 'อวกาศมีความโค้ง แสง และเวลาเองก็เช่นกัน' อะไรพวกนั้น

“เมื่อเป็นแบบนี้ พลังของอัลฟาก็ควรจะเพิ่มมากขึ้นใช่ไหมคะ” สโนวถาม

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น” คุณครอสยังไม่กล้ายืนยัน แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจ “ผู้คนจะพากันนึกถึงนาง โดยเฉพาะเหตุการณ์ไม่ปกติแบบในคืนนี้ พวกเขาจะหวังให้มีสิ่งที่ดีเกิดขึ้น หวังว่าทั้งหมดจะผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้ และมันทำงานในแบบนั้น เมื่อพวกเขาเชื่อ พวกเขาก็จะมีแรงที่จะก้าวต่อไปได้”

“...แต่มันจะมากพอให้อัลฟาเอาชนะโอเมกาได้หรือเปล่า” แซนแมนถามคำถามสำคัญออกมา

พลังของอัลฟา และโอเมกาไม่ได้ปะทะชนกันภายในพื้นที่ว่างอย่างที่ทอยคาดไว้ พลังทั้งสองส่วนนั้นเริ่มก่อให้เกิดการหมุนวนที่ไม่จบสิ้นขึ้นแทน และมันทำให้เขารู้สึกกังวล แต่พลังของอัลฟาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ห้วงแห่งความว่างเปล่าที่รายล้อมอยู่รอบตัวทั้งสอง หรือสิ่งที่เขาคิดว่าคือโอเมกานั้นราวกับกำลังเกิดการควบแน่น ความสิ้นสูญกำลังพยายามที่จะทำบางสิ่ง บางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างยิ่ง

“ผมคิดว่าคำตอบสำหรับคำถามนั้นก็คือ ไม่” คุณครอสให้คำตอบกับแซนแมน “แล้วคุณเสียเวลาทำมันไปทำไมกัน” แซนแมนไม่เข้าใจ

ทอยกำลังจะได้เห็นในสิ่งที่แทบจะไม่มีใครเคยพบเห็น เขากำลังจะได้เห็นการก่อกำเนิดของเทพเจ้า ธรรมชาติที่ถูกทำให้กลายเป็นรูปธรรมขึ้นมาด้วยพลังงานอันมหัศจรรย์ โอเมกากำลังจะได้ครอบครองร่างที่นางไม่เคยมี ร่างในชุดยาวสีดำที่มีบางส่วนคล้ายคลึงกับอัลฟาอย่างตั้งใจ ซึ่งรวมไปถึงใบหน้า และรูปร่างของทั้งสองด้วย

“...การ์ดใบนี้มีอะไรแปลกๆ ด้วยครับ” เด็กชายร้องบอกหลังจากพินิจดูมันอย่างละเอียด คุณครอสหันไปยิ้มให้โฮม และมันเป็นรอยยิ้มของนักธุรกิจอย่างแท้จริง

“ลองดูภาพบนการ์ดอีกทีสิครับ” เด็กชายบอก ทุกคนต่างยกการ์ดของตนขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับที่มีอีกหลายคนจากหลายสถานที่ได้ทำไปเมื่อก่อนหน้า และจะทำตามพวกเขาหลังจากนี้ ส่วนใหญ่แล้วเด็กจะเป็นคนกลุ่มแรกที่พบเห็นความพิเศษเฉพาะของการ์ดใบนี้

“ลองขยับเปลี่ยนมุมมันไปมาแบบนี้นะครับ” เด็กชายเอียงมันไปมา ก่อนที่ทุกคนจะทำตาม ภาพของอัลฟาบนการ์ดสะท้อนกับแสงเรืองรองจากบนอากาศ แล้วความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เกิดขึ้น เมื่อการ์ดวางตัวทำมุมกับสายตาของผู้มองได้อย่างถูกต้อง

'มันจบแล้ว' ทอยคิดอย่างนั้น โอเมกากำลังจะก่อกำเนิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ความสิ้นสูญที่เคยไร้ตัวตนกำลังจะกลายเป็นเทพีแห่งการทำลายล้างองค์ใหม่ พลังของโอเมกาเพิ่มขึ้นไม่ยอมหยุด และมันคงหมายถึงจุดจบของการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ พวกเขากำลังจะพ่ายแพ้

ภายในภาพของอัลฟานั้นยังมีภาพของใครอีกคนซุกซ่อนอยู่ เทพีในชุดยาวสีดำ หากเปรียบอัลฟาเป็นดั่งแสง นางก็ต้องเป็นเงา การ์ดที่แสดงตัวละครทั้งสองบนการ์ดใบเดียวกัน นี่จึงนับเป็นความพิเศษเฉพาะที่แท้จริงของมัน

'เทพีโอเมกา เทพีแห่งความสงบ และการสิ้นสุด'

“คุณทำอะไรลงไป” แซนแมนปล่อยการ์ดในมือให้ล่วงหล่นลงพื้นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่คุณครอส “ทำแบบนี้ก็เหมือนกับเป็นการช่วยเพิ่มพลังให้กับโอเมกาไปด้วย...คุณหักหลังพวกเรา คุณเป็นพวกเดียวกับนางมาตั้งแต่ต้น” เขาคว้าคอเสื้อชุดแดงตัวเก่งของคุณครอสเอาไว้แน่นพร้อมกับเงื้อหมัดขึ้น ทรายสีทองบนชุดของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า

“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ แซนแมน” เสียงที่ทรงพลังของคุณครอสกระแทกเข้าใส่ทะเลทรายสีทอง และทำให้พวกมันแตกกระจาย เสียงนี้ยังแฝงไว้ด้วยเลือด และการกรีดร้องของเหล่าสรรพสัตว์ที่เคยถูกสังหารเพื่อบูชายัญแด่องค์สุริยเทพมาตั้งแต่โบราณกาล มันทั้งทรงพลัง และน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน

มือของแซนแมนกางออกโดยที่ตัวเขาไม่อาจควบคุม เขาพยายามที่จะลอยตัวขึ้นเพื่อถอยออกไปตั้งหลัก แต่ร่างของเขาก็ถูกใครคนหนึ่งรวบจับเอาไว้จากทางด้านหลัง ร่างนั้นเล็กกว่าเขา แต่กลับมีพละกำลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ พลังที่เย็นเยียบราวกับเขาถูกกอดเอาไว้ด้วยก้อนน้ำแข็งจากขั้วโลก “นิ่งไว้ จะได้ไม่เจ็บตัว” มันเป็นเสียงของฟรอส

แซนแมนคาดไม่ถึง เขามึนงงไปหมด เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันจะเป็นการวางแผนจัดฉากร่วมมือกันของ ครอส กับฟรอส ของ ซี กับเอฟ ทั้งสองที่แท้แล้วต้องการอะไรกันแน่

“ลูกรีบหนีไป” แซนแมนตะโกนขึ้นสุดเสียง พร้อมกับที่ทรายสีทองบนร่างของเขาพากันร่วงหล่นลงสู่พื้น ก่อนไหลไปรวมกันที่แซนแมนน้อยอีกครั้ง เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะให้ลูกหนีไปที่ไหน เพราะไม่มีความฝันใดที่จะปลอดภัยจากความสิ้นสูญในครั้งนี้อีกแล้ว

“อย่าห่วงพวกเขา หนีเอาตัวรอดก่อน” แซนแมนตะโกนซ้ำ เมื่อเห็นว่าลูกชายยังพยายามที่จะช่วยเหลือโฮม กับสโนวให้หลบหนีไปด้วยกัน แล้วในท่ามกลางความวุ่นวายนั้น เขาก็ได้เห็นภาพที่ไม่คาดคิด

“ไม่...” แซนแมนร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

โฮมได้จับแขนของเด็กชายไขว้กลับไปทางด้านหลังก่อนที่จะกดร่างเล็กๆ นั้นลงบนพื้น 'เจ้าพวกมนุษย์' ความโกรธของแซนแมนขึ้นถึงขีดสุด จนแม้แต่พละกำลังอันมหาศาลของยักษ์น้ำแข็งก็ยังไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้ เขาพุ่งตัวเข้าใส่โฮมอย่างรวดเร็ว และไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถหยุดยั้งความโกรธของเขาในครั้งนี้ได้

นอกจากพลังของคุณครอสที่เข้ามาขวางเอาไว้ได้ทันท่วงที ความวุ่นวายทั้งหมดนี้พลันหยุดชะงักลงชั่วคราวราวกับว่าเวลาได้ถูกหยุดลงด้วยเสียงกรีดร้องของสโนวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบสองแก้มของเธอ

แต่การต่อสู้ในอีกมิติหนึ่งนั้นยังคงดำเนินต่อไป โดยพลังที่เพิ่มขึ้นของเทพีทั้งสองนั้นยากที่จะเอาชนะกันเองได้ พวกนางอาจต่อสู้กันจนลืมไปว่ายังมีใครอีกคนอยู่ด้วย แต่ทอยไม่ได้ลืม เขากำลังหาโอกาส รอคอยจังหวะ ถึงจะเป็นมือสังหารแต่เขาก็ไม่อาจฆ่าเทพเจ้าได้ ไม่มีใครสามารถฆ่าความเชื่อได้นอกจากตัวมันเอง แต่เมื่อเทพเจ้ามีตัวตน เขาก็อาจจะสามารถทำบางสิ่ง อย่างเช่นทำให้ไขว้เขว เพื่อเปิดโอกาสให้กับอัลฟา

เขาปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนที่ไปตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ไม่ต้องบีบบังคับ ไม่ต้องฝืนควบคุม 'เหรียญนั้นลอยออกไปได้' และครั้งนี้เขาก็ได้ซัดขว้างสิ่งของบางอย่างออกไป มันมีประกายสีเงิน แต่ไม่ใช่มีดสิ้น มันจะเป็นอะไรก็ได้ ขอเพียงทำให้โอเมกาวอกแวกได้ก็พอแล้ว

'ความตายตรงเวลาเสมอ' มันคือข้อความที่ถูกสลักเอาไว้บนสิ่งของชิ้นที่ว่านั้น


Create Date : 16 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2557 14:50:32 น. 0 comments
Counter : 542 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.