ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
ทอย (33)

“...นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

โฮมพึมพำพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ ในความมืดที่เข้ามารายล้อมอยู่รอบกายอย่างฉับพลัน

“ผมก็แค่พาพวกคุณติดตามเป้าหมายมาสู่โลกความฝันตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น...เอ่อ คุณผู้หญิง ช่วยขยับมือของคุณออกไปได้แล้วครับ” น้ำเสียงของกู๊ดแมนนั้นมีหลากหลายอารมณ์ผสมปนเปกันอยู่ ทั้งความแปลกใจ ความกลัว ที่เด่นชัดที่สุดนั้นคือความโกรธที่เจ้าตัวพยายามอำพรางเอาไว้แต่ไม่สำเร็จ

“เอาอย่างไรดีคะ สารวัตร” วสันต์ถามเรียบๆ

โฮมพยายามมองหาไปทางต้นเสียง ก่อนซุกเก็บปืนที่ชักออกมาถือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่อย่างไร้ความหมาย เขาคิดว่าตนเองรวดเร็วแล้วแต่ก็ยังคงช้ากว่าวสันต์ไปก้าวใหญ่ “คุณกู๊ดแมน คุณไม่ได้คิดจะเล่นตลกอะไรกับเราใช่ไหม” เขาถามพร้อมกับนึกแปลกใจ 'เธอรู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนในความมืดแบบนี้ได้อย่างไรกัน' บางทีเธอคงกำหนดตำแหน่งของเป้าหมายไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงสามารถเข้าถึงตัวกู๊ดแมนได้แทบจะในทันที

“ผมเป็นพลเมืองดีนะคุณตำรวจ ผมให้ความร่วมมือกับพวกคุณอย่างเต็มที่” กู๊ดแมนกล่าวอย่างเหลืออด

“ปล่อยเขาเถอะ คุณวสันต์” โฮมนึกถึงมีดเงินเล่มนั้นที่ตอนนี้คงกำลังจ่อจี้อยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างของกู๊ดแมน มีเสียงการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น เขาเริ่มมองเห็นได้เป็นเงาจางๆ สถานที่แห่งนี้ไม่ได้มืดสนิทอย่างที่เข้าใจในตอนแรก

“มันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่นี่คือที่ไหนกันกันแน่ คุณกู๊ดแมน”

กู๊ดแมนกระแอมไอสองสามครั้ง พร้อมกับมีเสียงขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ติดตามมา “คำถามแรกนั้นผมคงพออธิบายได้ แต่สำหรับคำถามข้อหลัง มันยากที่จะตอบให้พวกคุณเข้าใจ”

กู๊ดแมนอธิบายถึงวิธีการที่เขาพึ่งใช้นำพาให้ผู้ร่วมทางทั้งสองข้ามสู่โลกความฝันนี้

“อย่างที่ผมบอกชีวิตของทุกคนต่างมีเรื่องราว ต่างมีนิยายเป็นของตนเอง” แต่ละเรื่องราวนั้นมีแรงดึงดูดที่แตกต่าง นิยายของแต่ละคนมีแรงดึงดูดไม่เท่าเทียมกัน แรงดึงดูดที่ว่านี้มีส่วนสำคัญในการทำให้ทั้งหมดยึดโยงอยู่กับโลกที่เรียกว่า ความเป็นจริง นั่นเอง

เมื่อใดที่แรงดึงดูดของความเป็นจริงรอบตัวอ่อนแรงลง อาจด้วยความตั้งใจ อย่างเช่นการสร้างภาพฝัน กระบวนการที่ก่อให้เกิดจินตนาการ ศิลปะ งานสรรสร้างต่างๆ รวมถึงการแต่งนิยาย ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวข้ามไปสู่โลกความฝันได้ทั้งสิ้น

“เมื่อแรงดึงดูดของโลกความเป็นจริงอ่อนแอลง ในขณะที่ของโลกความฝันรุนแรงขึ้น หากรู้ถึงวิธีการที่ถูกต้อง ก็จะสามารถใช้แรงดึงดูดที่มหาศาลจนสามารถบิดเบือนสนามของความเป็นจริงสร้าง หลุมดำ เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อใช้กระโดดข้ามไปยังสนามของความเป็นจริงอื่น หรือโลกความฝันที่เป็นเป้าหมายได้”

ในบางครั้ง ก็มีบางคนที่ไม่รู้วิธีการหลุดข้ามไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนพวกนี้จะไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ทั้งหมด พวกคุณคงพอนึกออก คนที่ร่างกายของเขายังคงอยู่ในโลกความเป็นจริงทางฟากนี้ แต่จิตใจของเขากลับข้ามไปอยู่ในอีกโลกความฝันหนึ่ง”

คนพวกนี้จะเริ่มทำตัวแปลกๆ เห็นในสิ่งที่ไม่มีใครเห็น ได้ยินในสิ่งที่ไม่มีใครได้ยิน พูดในสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ พวกเขาอาจกลายเป็นนักสร้างสรรอย่างเหลือเชื่อ นักประดิษฐ์ ศิลปิน บุคคลที่มีความโดดเด่น หรือบุคคลที่ร้ายกาจเหนือจินตนาการ แต่ส่วนใหญ่แล้วมันมักจะจบลงอย่างน่าเศร้า อาจเป็นสถานบำบัดจิต ห้องขัง อุปกรณ์ยึดตรึง ยาที่ทำให้สมองเซื่องซึม การรักษาด้วยไฟฟ้า หรืออะไรพวกนั้น

“เมื่อแรงดึงดูดถึงจุดนั้น ผมก็สามารถข้ามมาด้วยตัวเองได้ไม่ยาก แต่ไม้ขีดวิเศษช่วยให้สามารถพาพวกคุณมาด้วยได้”

โฮมกับวสันต์ ต่างหันมองไปรอบๆ ถ้าที่นี่คือโลกแห่งความฝัน มันก็มืดหม่นเกินกว่าที่พวกเขาเคยคิดไว้ มันเหมือนกับติดอยู่ภายในถ้ำ แต่ก็ไม่ได้มืดสนิทเสียทีเดียว ทั้งสองเริ่มมองเห็นส่วนที่น่าจะเป็นผนังกำแพง และทางเดินที่ทอดยาวไปทั้งสองทิศทาง ซึ่งไม่สามารถกำหนดให้ทางใดเป็นข้างหน้า หรือข้างหลังได้

“ส่วนที่ว่า ที่นี่เป็นที่ไหนนั้น ผมคงตอบได้เพียงแค่ว่า มันคือโลกที่มีกลิ่นไอของเจ้าของไม้ขีดไฟเด่นชัดที่สุดเท่าที่ผมสามารถค้นเจอ และมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถพาพวกคุณมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้”

“...มันช่างเป็นความฝันที่มืดหม่นเหลือเกิน” วสันต์พึมพำขึ้นมา

กู๊ดแมนยิ้มอยู่ในความมืด และมันเป็นรอยยิ้มที่จะทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต้องรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาในทันใด มันคือการแสยะยิ้มของหมาป่า ก่อนที่จะขย้ำเขี้ยวลงตัดเส้นเลือดสำคัญที่ลำคอของเหยื่อ “ผมคงต้องอธิบายบางอย่างให้พวกคุณได้ตระหนักเอาไว้ โลกทุกโลกที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ ที่เรื่องราวชีวิตของเรากำลังดำเนินไป ที่แรงดึงดูดจากมันส่งผลกับนิยายของเรา จะต้องถูกนับว่าเป็นโลกแห่งความเป็นจริงเสมอ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ กำลังเกิดขึ้นกับอยู่เราในตอนนี้ มันคือ ความเป็นจริง ไม่ใช่ความฝันที่พวกคุณคิดว่าตัวเองจะฟื้นตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ”

“หรือพูดสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ถ้าพวกเราเป็นอะไรไปที่นี่ เราก็จะไม่มีวันได้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกเลย ตลอดกาล อย่างนั้นใช่ไหม” วสันต์สรุปอย่างเรียบง่ายราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแต่อย่างใด และเมื่อคำถามนี้จบลง ก็มีเพียงความเงียบงันลอยค้างอยู่ในอากาศ

“เอาล่ะ เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว เราก็คงต้องเดินทางกันต่อ...ว่าแต่จะไปทางไหนดี” โฮมคิดว่าความเงียบนั้นเป็นคำตอบที่มากเพียงพอแล้ว เขาจึงเปลี่ยนคำถามเพื่อขอความเห็นจากกู๊ดแมนซึ่งเป็นผู้นำทาง

กู๊ดแมนเงยหน้าขึ้นในความมืด คล้ายกับกำลังดมหากลิ่นของบางสิ่งในอากาศ “ที่นี่มีกลิ่นของเธอ ผมหมายถึงกลิ่นของหนูน้อยหมวกแดงคนนั้นอยู่เต็มไปหมด...กับกลิ่นของใครอีกคนที่ผมไม่รู้จัก ไม่ ผมไม่แน่ใจ มันคล้ายกับกลิ่นของถ้ำแห่งนี้มาก แต่ก็อาจเป็นกลิ่นของใครอีกคนด้วย” เขาดมต่อไป “มันยังมีกลิ่นของตะกร้าอาหาร ขนม ผลไม้ ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจจะใช้พวกมันในการรบกวนจมูกของผม หรือจงใจหลอกล่อให้ผมติดตามไปกันแน่”

กู๊ดแมนนึกขึ้นได้อย่างลางเลือน ว่าเขาเคยอ่านเจอในตำนาน หรืออะไรบางอย่างที่อยู่บนตู้หนังสือในห้องที่เขาพึ่งจากมา เรื่องราวเกี่ยวกับหนูน้อยหมวกแดงผู้ชั่วร้ายที่หลอกล่อให้หมาป่าติดตามเธอไปโดยใช้กลิ่นหอมจากตะกร้าอาหาร สุดท้ายหมาป่าก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการเพื่อใช้ครอบครองมรดกของคุณยาย และถูกคนตัดฟืนที่เป็นคู่รักลับๆ ของเธอฆ่าตายอย่างทรมานด้วยการผ่าท้องด้วยขวานคมกริบในตอนจบ

“ผมว่าไปทางนั้น” กู๊ดแมนชี้ไปยังทิศตรงข้ามกับกลิ่นของตะกร้าอาหาร

'...โครก...'

ทั้งหมดต่างมองหน้ากันไปมา พร้อมกับนึกว่าเป็นเสียงท้องของคนอื่นที่ร้องขึ้น ก่อนจะรับรู้ว่าเสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และมันไม่ได้ดังมาจากพวกเขา แต่มาจากทิศทางที่กู๊ดแมนชี้มือไป เสียงของมันดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา

กลิ่นของความเศร้าพุ่งเข้ามาปะทะเต็มใบหน้า “รีบหาที่ยึดเอาไว้” กู๊ดแมนตะโกนบอก พร้อมกับรีบวิ่งไปที่ผนังถ้ำ “ขึ้นไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“เกิดอะไรขึ้น” โฮมร้องถาม ในขณะที่วสันต์รีบเข้ามาดึงตัวเขาให้ติดตามไป “รีบมาทางนี้เร็วสารวัตร” เธอพยายามดันให้เขาปีนขึ้นไปเพื่อหาที่ยึดตรงขอบถ้ำ

“เกิดอะไรขึ้น” โฮมเกลียดช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะมีเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

“น้ำป่า...” วสันต์ไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกน้ำที่ไหลอย่างรวดเร็วภายในถ้ำแบบนี้ว่าอย่างไร “มีน้ำปริมาณมากกำลังไหลมาทางนี้ค่ะ ยึดไว้ให้ดีนะคะ ถ้าลอยพลัดหลงกันไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

'มันไม่ใช่น้ำธรรมดา' กู๊ดแมนคิด 'กลิ่นของมันคล้ายกับน้ำตา' เป็นความเศร้าปริมาณมหาศาลที่ไหลเอ่อท่วมท้นออกมา 'ที่นี่เป็นโลกแบบไหนกันแน่' พักหลังมานี้เขาไม่ค่อยเดินทางข้ามโลกแบบเต็มตัวอีกแล้ว เพราะการปลดปล่อยตัวเองออกจากแรงดึงดูดของโลกที่คุ้นเคยบ่อยๆ นั้นอาจทำให้เขาเข้าใกล้สถานบำบัดจิตได้โดยไม่รู้ตัว เขาจึงเพียงแค่มองหาไปทั่วๆ เพื่อนำสิ่งที่พบเห็นมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายเรื่องใหม่เท่านั้น

เขาคิดว่ามันอาจเป็นกับดักประเภทหนึ่ง กับดักที่หนูน้อยหมวกแดงวางเอาไว้เพื่อใช้จัดการกับผู้บุกรุกที่ไม่พึงประสงค์ โลกนี้ถึงแม้เป็นดพียงถ้ำที่มืดหม่น แต่ก็น่าสนใจสำหรับเขา และถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะติดตามตำรวจทั้งสองไปจนกว่าจะถึงตอนจบ เขาเป็นนักเขียน และก็เป็นนักอ่านด้วยเช่นกัน หากจะว่าไป นิยายเรื่องนี้ก็นับว่าน่าสนใจ 'แต่คงต้องจัดเข้าเป็นแนวเรื่องที่มีผู้อ่านแบบจำกัดจำนวนเท่านั้น'

เขาหันกลับไปมองตำรวจทั้งสองซึ่งเป็นคู่พระนางที่สักวันหนึ่งเขาอาจจะนำมาเขียนในนิยายของตนเองดูบ้าง

“พวกคุณรู้ไหม ว่าจุดอ่อนอย่างหนึ่งของมนุษย์หมาป่าก็คือน้ำ บางทีนี่อาจเป็นกับดักที่วางไว้เพื่อกำจัดผมโดยเฉพาะก็เป็นได้” แต่เขาเองก็ยังสงสัย หนูน้อยหมวกแดงมั่นใจว่าผู้ที่จะบุกรุกเข้ามาต้องเป็นมนุษย์หมาป่า หรือที่จริงแล้วเธออาจวางกับดักเผื่อบุคคลอื่นเอาไว้ด้วย บุคคลที่พ่ายแพ้น้ำด้วยเช่นกัน

“แต่คุณรับปากแล้วว่าจะช่วย” วสันต์โอดครวญแข่งกับเสียงของสายน้ำที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ผมรักษาคำพูดเสมอ ผมจะพยายามอย่างถึงที่สุด แต่ผมคิดว่าคงไปไม่รอดแน่”

“ทำไมคุณถึงไม่กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า นั่นจะทำให้คุณมีพละกำลังมากขึ้นไม่ใช่หรือ” โฮมว่า

“แต่ในร่างนั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมแพ้น้ำมากขึ้นไปด้วย”

สายลมพลันพัดแรงขึ้นภายในถ้ำ กระแสน้ำสาดกระเซ็นเห็นเป็นละอองสีดำเคลื่อนมาในความมืด พร้อมกับเสียงที่ดังกึกก้องราวกับมีใครนำก้อนกรวดใส่ลงภายในถังแล้วเขย่าเต็มแรง

“...ถ้าคุณหายไปแล้วพวกเราจะ...” วสันต์ตะโกนถาม

“...พวกคุณต้อง...แล้วผมจะหาทาง...” เสียงของกู๊ดแมนนั้นแทบจะไม่ได้ยิน

“ยึดไว้” โฮมตะโกนขึ้นสุดเสียงพร้อมกับรู้สึกถึงสายน้ำที่ไม่ได้เย็นเฉียบอย่างที่คาด เขาพยายามแนบตัวเองเข้ากับผนังถ้ำ พร้อมกับดึงร่างวสันต์เอาไว้ สายน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ต่างจับกันไว้ และช่วยกันตะกายสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เพดานถ้ำอยู่ห่างออกไปเพียงไม่ไกลแล้ว

สภาพของกู๊ดแมนนั้นทุลักทุเลมากกว่าทั้งสอง ดูเหมือนสายน้ำจะพัดพาเอาพละกำลังเหนือมนุษย์ของเขาไปด้วย ร่างของเขาสั่นอย่างน่ากลัว ผม เครา ที่เปียกปอนยิ่งทำให้ดูน่าสงสาร พร้อมกับเสียงครางที่ดัง 'งี๊ด งี๊ด' ไม่ยอมหยุด แต่เขาก็ยังพยายามไต่ขึ้นไปตามผนังถ้ำ ยึดเกาะก้อนหินไว้สุดชีวิต

ความสูงของระดับน้ำยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตำรวจทั้งสองจำเป็นต้องแหงนหน้าเพื่อหายใจเอาอากาศที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ทั้งคู่ต่างมองไปที่กู๊ดแมน และนั่นเป็นช่วงเวลาที่ร่างของเขาหลุดลอยไปกับกระแสน้ำ

กู๊ดแมนลืมตาขึ้นและไม่รู้สึกแสบเลยแม้แต่น้อย พละกำลังของเขาถูกสายน้ำดึงออกไปจากร่างจนเกือบหมดสิ้น มันไม่ใช่น้ำทะเล ไม่ใช่น้ำจืด แต่เป็นน้ำที่มีความเค็มพอเหมาะกับดวงตา มันจะต้องเป็นน้ำตาอย่างที่เขาสงสัย เขามองดูตำรวจทั้งสอง พร้อมกับค่อยๆ ปลดปล่อยตัวเองออกจากแรงดึงดูดของเรื่องราวพิสดารในโลกความจริงแห่งนี้ ปล่อยให้มันกลับกลายเป็นเพียงความฝัน แข่งกับความรู้สึกอึดอัดที่แน่นอยู่ภายในอก ปอดของเขาร้อนผ่าวพร้อมกับกรีดร้องคำสั่งให้สูดหายใจ ในขณะที่สมองของเขาทำการต่อต้านอย่างเต็มกำลัง แต่ก็คงต้านไว้ได้อีกเพียงไม่นาน

กู๊ดแมนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการออกจากโลกความฝันจะยากเย็น และใช้เวลายาวนานถึงเพียงนี้

ตำรวจทั้งสองต่างมองดูร่างของกู๊ดแมนที่ลอยหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างสยดสยอง อากาศก้อนสุดท้ายกำลังจะถูกกลืนหายไป ทั้งคู่ต่างสบตา ก่อนสูดลมหายใจสุดท้ายเข้าปอดอย่างสุดแรง

สายน้ำพลันท่วมเต็มโถงถ้ำจนหมดสิ้น บางสิ่งบนผนังถ้ำพากันส่องแสงเรื่อเรืองคล้ายกับดวงดาวบนฟากฟ้า นับเป็นภาพที่สวยซึ้งงดงามจับตา แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์แห่งความตายของตำรวจทั้งสองไปได้ ประสบการณ์การต่อสู้ระหว่างปอดกับสมองที่กู๊ดแมนเผชิญพบเมื่อครู่ก็กำลังเกิดขึ้นกับทั้งคู่เช่นกัน

ในท่ามกลางเสียงสะท้อนกึกก้อง กับความงดงามใต้ท้องน้ำ ความตายค่อยๆ ล่องลอยเข้ามาอย่างช้าๆ ความตายที่ไม่เคยมีใครเคยรู้ว่าจะทำการตัดสินใจเลือกลำดับก่อนหลังอย่างไร แต่ดูเหมือนวสันต์จะรู้

ครั้งนี้ความตายเลือกอันดับจากความจุของปอดที่แตกต่าง

ฟองอากาศสุดท้ายหลุดลอยออกจากริมฝีปากของเธอไปแล้ว ความจริงเธอไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้กับปอดของตนเอง เธอจะต้องสูดลมหายใจ และแทนที่จะรู้สึกสบายตัว สายน้ำที่ไหลเข้าไปจะเป็นเหมือนไฟที่แผดเผาทุกสิ่ง พลันมีริมฝีปากเลื่อนเข้ามาครอบปิดปากของเธอไว้ ใบหน้าของโฮมคือทุกสิ่งที่มองเห็น เธอเบิกตาโตกลมกว้าง รู้สึกถึงอากาศที่ถูกถ่ายเทผ่านเข้ามา และรับรู้ถึงวาระสุดท้ายของทั้งคู่ที่กำลังจะมาถึง

วสันต์กับโฮมต่างหลับตาลงเพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้นี้เป็นครั้งสุดท้าย


Create Date : 07 เมษายน 2557
Last Update : 7 เมษายน 2557 21:23:05 น. 0 comments
Counter : 519 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.