เมื่อฉันมี วิถีการกินจากมังสวิรัติ สู่ “ Pescatarian “

บล็อคนี้อยากมาเล่าเรื่องการกินอาหารในอีกแบบคะ

ก่อนอื่นมารู้จักคำว่า “Pescatarian” หรือ “pesco-vegetarian” ก่อน

คำอธิบายง่ายๆ คือ การงดกินเนื้อสัตว์ทุกประเภท

แต่ยกเว้นเนื้อปลาและอาหารทะเล

ในภาษาไทยยังไม่มีคำจำกัดความสำหรับคนที่มีวิถีการกินแบบ Pescatarian

เราเลยเห็นหลายคนอาจเรียกหรืออธิบายคำนี้ว่า “มังสวิรัติแบบกินปลา”

แต่ในอีกมุมนึงเราเคยเห็นหลายคนได้ยินหรือได้อ่านคำนี้ “มังสวิรัติแบบกินปลา” แล้วไม่พอใจ!!

คำว่า “มังสวิรัติ” คำแรก “มังส-”หรือ “มังสา’’ แปลว่า “เนื้อ” คำหลัง “วิรัติ”

แปลว่า “การละเว้น รวมกันก็ ละเว้นเนื้อสัตว์

แล้วถ้ายังกินเนื้อปลา ก็ไม่ถือว่าเป็นมังสวิรัติไม่ใช่หรอออออ???

อ่าาา ตามหลักภาษาไทย มันก็ถูกเนอะ!!

เพราะงั้นใครที่เผลอมาอ่านบล็อคนนี้ อยากให้เปิดใจกว้างๆเรื่องภาษาไว้ก่อนนะคะ

ในมุมมองของเรา เราคิดว่าที่หลายคนเรียก “มังสวิรัติแบบกินปลา”

เพื่อเป็นชื่ออธิบายวิถีการกินแบบนี้ให้เข้าใจง่ายๆมากกว่า

แต่โดยส่วนตัวตอนนี้เราไม่ค่อยใช้คำนี้แล้วนะ

งดดร่าม่าดี เราจะใช้ทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษไปเลย

หรือถ้ามีคนถามเราจะอธิบายแทนว่า

เรางดเนื้อสัตว์แต่กินเนื้อปลาหรืออาหารทะเลเป็นบางครั้ง

แต่หลักๆ 90เปอร์เซ็น เราก็ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดนั่นแหล่ะคะ

แต่เวลาเลี่ยงไม่ได้ อย่างไปงานเลี้ยง

หรือเดินทางท่องเที่ยว หรือหาของกินมังสวิรัติดีๆลำบากยากเข็ญ

เราจะเลือกเป็นปลาและอาหารทะเลแทน!!!

อะไรทำให้หันมา “งดเนื้อสัตว์” ??

ตอนเริ่มแรก เรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยคะ คือ เราไป บนหรืออธิฐาน ไว้คะ 55!!

ไม่ได้ไปบนกับพระกับเจ้าที่ไหนนะคะ คิดในใจคนเดียวเนี่ยแหล่ะ

ประมาณขอให้ได้งานนี้ด้วยเถอะ ถ้าได้งานนี้นะจะกินเจสิบวันเลย เอ้าาา!!

ปรากฏว่า คำอธิฐานเราดันเป็นจริงอะดิ555 จะเรียกว่าโชคดีหรือซวยดีละทีนี้!!

ถึงคิดในใจไม่มีใครรู้ก็เถอะ ก็ต้องทำตามที่คิดไว้สิคะ

เลยตัดสินใจ หาข้อมูลการกินเจคะ ด้วยความที่เราไม่ได้มีเชื้อสายจีน

เราเลยไม่เคยกินเจตามเทศกาลเลย แล้วไม่ได้นับถือเจ้าแม่กวนอิมด้วย

เราเลยยืดหลักการกินเจแบบ ฝรั่ง หรือแบบ Vegan เฉพาะการกินนะคะ

การกินแบบฝรั่งนี่สามารถกินกระเทียมและผักฉุนได้ แต่แบบจีนคือกินกระเทียมไม่ได้

เราเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีปัญหา 2-3 วันแรกผ่านไปด้วยดี

วันที่ 4 ที่ 5 เริ่มเพลียๆ ไม่มีแรง เลยหาข้อมูล เข้า google อีก

เค้าว่ามันปกติแหล่ะ อาจจะกินอาหารไม่พอรึเปล่า

เพราะถ้าเรางดเนื้อสัตว์เราจะต้องกินอาหารมากขึ้น อย่างผักไรงี้ต้องเพิ่มปริมาณนะ ให้แคลลอรี่มันถึง

แล้วก็อาจจะมีอาการหิวบ่อยๆด้วยนะ เราก็โอเค เป็นอาการปกติสินะ ก็ไม่คิดมาก

พอเข้าวันที่ 6-7 อาการเพลียเริ่มหายไป อาการหิวบ่อยๆก็ไม่ค่อยมี

ร่างกายเริ่มเข้าที่เข้าทางคะ สบายๆตัวหน่อย นอนหลับสนิทดีด้วย

มีอุปสรรคขวากหนามนิดหน่อย คือเพื่อนชวนมีทติ้งปิ้งย่างตามสไตลย์เกาหลี

เราเลยขอตัว กลัว เจแตก แหม๋นี่ฉันอุตส่าห์กินเจมาได้จะครบสิบวันละนะย่ะ

ผ่านอุปสรรคการบ่ายเบี่ยง เลี่ยงมา

ก็เลยประสบความสำเร็จ กินเจได้จนครบ 10 วัน เย้ ภูมิใจ!!!

พอย่างก้าวเข้าวันที่ 11 ไม่ต้องกินเจแล้ว แต่ ปากและร่างกายกลับไม่รู้สึกว่าอยากกินเนื้อสัตว์ซะงั้น

รู้สึกสบายตัว สบายท้อง สบายใจ เลยมานั่งคิดๆ ว่าอยากจะเลิกกินเนื้อสัตว์ไปเลย

ยิ่งหาข้อมูลอ่าน ก็เริ่มมีอาการไม่อยากแตะเนื้อสัตว์ จริงจัง

แต่แบบร่างกายร่ำร้องหา ไข่ มากเลยคิดว่าหันมา ใช้ชีวิตแบบ มังสวิรัติดีกว่า

เราเลยเริ่มต้นจริงจังกับวิถีมังสวิรัติ ปัญหาแรกๆที่เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆปรับตัวคือการเข้าสังคมคะ

สังคมในที่นี้คือ ทั้งกับครอบครัว เพื่อน และคนรอบข้างใกล้ชิด

ที่มีกิจกรรมการรับประทานอาหารร่วมกันบ่อยๆเนี่ย

ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันนิดนึง

เราว่าปัญหานี้น่าจะเป็นปัญหาของการเริ่มเป็นมังสวิรัติของทุกคนเลย ไม่มากก็น้อยละนะ

ส่วนเรื่อง การระงับปาก และความอยากนี่ สำหรับเรานะตัดทิ้งได้เลย

เวลาที่ต้องเข้าร้านอาหารเนี่ย ถ้าอยู่ประเทศเยอรมันนะคะ

เกือบทุกร้านมีเมนูมังสวิรัติ แต่ไม่ใช่ทุกร้านจะมีเมนูมังสวิรัติที่ดีต่อสุขภาพนะคะ

บางทีก็เป็นอะไร ทอดๆ หรือ เมนูแป้งๆ ง่ายๆ ซึ่งถ้าจะให้เราสั่งอาหารมังสวิรัติขยะเข้าท้อง

เราไม่สั่งเด็ดขาด จะให้เสียเงินและเสียสุขภาพมันไม่คุ้มมั่งคะ

เราเลยมักจะหาเมนูอื่นแทน ถ้าไม่มีพวกสลัดจานโตๆให้สั่ง เราก็จะสั้ง พวกเมนูปลา หรือ อาหารทะเลแทน

เพราะแบบนี้เราเลยคิดว่า เราคงไม่เหมาะที่จะเป็นมังสวิรัติเต็มตัว เพราะเมื่อเราบอกว่าตัวเราเป็นมังสวิรัติ

แล้วเรากินเนื้อปลา ลงไป เราจะรู้สึกผิดในใจ

ทั้งๆที่ไม่มีใครว่า ไม่มีใครตำหนิหรอกคะ แต่มันเหมือนเป็นโรคจิต

คือเราจะรู้สึกแย่กับตัวเองซะงั้น

เราเลยเปลี่ยนมาบอกตัวเองว่า ขอยืดถือ วิถีการกินแบบ Pescatarian ดีกว่า

จะได้เลิกรู้สึกผิดกับตัวเองที่เมื่อไหร่ที่ต้องกินปลาหรืออาหารทะเล

ซึ่งพอบอกว่า Pescatarian คือการงดกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด แต่กินเนื้อปลาและอาหารทะเลได้

บางคนก็จะคิดไปว่า อ่าว ปลาซวยเลยทีนี้โดนกินทุกวัน55

เข้าใจว่าเพื่อนบางคนแซวเล่นแต่หลายคนก็คิดว่าเราจะกินปลาทุกมื้อจริงๆ

คุณๆรู้ไหมว่า คนที่ไม่ได้กินเจหรือป็นมังสวิรัติเนี่ย ลองสังเกตุตัวเองดีๆคะ

ทุกๆวันคุณก็ไม่ได้กินเนื้อสัตว์กันทุกมื้อหรอกนะคะ

มีอาหารหลากหลายซึ่งไม่มีเนื้อสัตว์อยู่บนจานของคุณเยอะแยะ แค่คุณไม่ได้สังเกตุหรือนึกถึงเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น เราเองก็เช่นกันคะ การที่เรายืดถือหลักนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าเรากินปลาหรืออาหารทะเลทุกวันนะคะ

เราก็ยังทำอาหารและกินอาหารมังสวิรัติปราศจากเนื้อสัตว์อยู่ บางมื้ออาหารเราก็ทำเมนูวีกัน Vegan ด้วย

แต่อาจจะเดือนละ 1-2 ครั้ง ที่เรามีกินเนื้อปลาและอาหารทะเลบ้างเท่านั้นเอง

โดยเฉพาะเวลาที่ต้องไปปาร์ตี้สังสรรค์ข้างนอก

หรือเวลาที่บินกลับไทยแล้วสั่งส้มตำปูปลาร้ามากิน จะได้กินแบบไม่รู้สึกผิดด้วย เอออ!!จริงๆนะ 55

หรือเวลาที่เพื่อนชวนเข้าร้าน ชูชิพุฟเฟ่ ก็จะได้กินปลาดิบกินข้าวปั้นได้ ไม่ใช่เสียเงินเข้าไปนั่งกับเพื่อนแล้ว

กินได้แค่ ชูชิแตงกวา หรือของทอดและของหวานเท่านั้น

นี่ละคะ เป็นเริ่มต้นที่มาสั้นๆ ของการเริ่มวิถีการกินอาหารแบบ Pescatarian ของเรา

ซึ่งมันตอบโจทย์ความต้องการของเรา ทั้งเรื่องสุขภาพที่ดีในการกิน

เรื่องของการใช้ชีวิต การเข้าสังคม และเรื่องของจิตใจของเราเอง

มีรูปเมนูอาหารมังสวิรัติ ที่เราชอบอัพเก็บใน IG มากฝากนิดหน่อย

ยังมีเรื่องราว เกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติ และ Pescatarian จะมาแชร์อีก

เผื่อใครที่มีวิถีการกินแบบเดียวกัน หรือ อยากเปลี่ยนวิถีการกินยินดีมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ

Create Date : 06 พฤษภาคม 2560 Last Update : 6 พฤษภาคม 2560 15:48:00 น. Counter : 11284 Pageviews.		5 comments
Share Tweet