ปฏิบัติการลาจากความกลัว
ว่ากันว่าคนเรามักจะกลัวผี ทั้งที่ไม่เคยเห็น เราเองก็กลัวผีทั้งที่ไม่เคยเห็น ได้ยินเสียง ได้กลิ่นคิดก็ฟุ้งซ่านไปไกล บางครั้งก็จินตนาการเป็นตัวเป็นตน ความกลัวที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กทำให้ วันนี้ธรรมะ ชนะความกลัวได้เริ่มขึ้นแล้ว ไปปฏิบัติธรรมวัดหลวงพ่อกล้วย ขอนแก่น
การเดินทางไปวัดป่าธรรมอุทยาน (วัดหลวงพ่อกล้วย) ในครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักคือ เราสอบเป็นศิษย์ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ดังนั้นเราต้องเดินทางไปร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ วันที่ 15 ม.ค 59 เดินทางกับรถทัวร์นครชัยแอร์รอบ 5 ทุ่มกว่าเดินทางไปยังวัดหลวงพ่อกล้วย ถึงวัดตี 5 ครึ่งพอดิบพอดี บรรยากาศเงียบ มืด ไก่ขันตลอดเวลา เก็บของเสร็จ มีโอกาสได้เป็นเด็กวัดตามพระท่านไปบิณฑบาต เดินเข้าหมู่บ้านเล็กๆ ที่นี่เขาตักบาต ด้วยข้าวเหนียวเห็นคนเฒ่าคนแก่นั่งรอใส่บาตยิ้มแย้มแจ่มใส เราเองก็พลอยยิ้มสดชื่น ทั้งที่จริงๆ ก็แอบง่วง พอกลับถึงวัดก็แยกข้าวกับข้าวและสิ่งของต่างๆ ออกจากกัน เพื่อถวายพระ สวดมนต์ นั่งสมาธิและทานข้าวที่โรงทานหลังจากอิ่มแล้ว ก็ลุยงานต่อเดินไปยังจุดก่อสร้างพระมหาเจดีย์ วันนี้เป็นวันดีวันพระใหญ่ เขากำลังลงเสาเอกงานหลักเราก็เลยต้องช่วยนำลวดมัดเหล็กสำหรับทำเสาเอก จาก 10 โมงถึงเที่ยง และจากบ่ายถึงเย็น แดดแผดเผาแสบผิว มืออ่อนแรง เพราะอาการปวดง่ามมือจากการมัดเหล็กเริ่มแสดงอาการ เพลียแดด พลางคิดในใจจ่างจ้วงท่าสอบของอาจารย์แพ้ไปเลยกับการงัดเหล็ก ตกเย็นฝนก็ตกลงมาอย่างหนักทำให้ทำงานต่อไม่ได้ ทุกคนต้องวิ่งไปเก็บเหล็กวงใหญ่ จำนวนมากกว่า 50 เส้น ช่วยกันเก็บหลบฝนจนเสร็จ ตกค่ำอาบน้ำและแล้วเวลานั้นก็มาถึง ศิษย์พี่แนะนำให้กราบแม่ชีจอย แม่ชีจอยท่านดูสงบ นิ่ง เย็น ท่านจะมาสอนข้อธรรม สอบสติโดยให้เดิไปในป่าช้าคนเดียว และไปยืนพิจารณาตรงหลุมศพ ที่มีหมวกกันน็อคสีแดง ท่านทดสอบ 2 รอบด้วยกัน
รอบแรกเดินเข้าไปใจเต้นแทบจะหลุดออกมา แม่ชีสั่งว่าเดินเข้าไปช้าๆ ค่อยๆ ก้าวรู้ลมหายใจ รู้ว่าเท้าสัมผัสพื้น แต่วินาทีนั้นแทบไม่รู้อะไร มีเพียงได้ยินเสียงเท้าตัวเองเตะใบไม้ เสียงลม ความคิดเริ่มก่อตัวเป็นภาพบางอย่างที่เรากลัว เมื่อเดินไปถึงหลุมก็หันซ้ายหันขวา แล้วกลับมามองตรงหน้าเห็นหมวกกันน็อกสีแดง ดอกไม้ หลุมและ....ไม่ทันถึง 1 นาทีก็รีบหันหลังใส่เกียร์เดินกลับอย่างเร็วสมองก็คิดเพียงกลัว กลัว ข้างหลังจะมีใครตามมั้ย ทุกคนโดนทดสอบเหมือนๆ กันทีละคน ออกมาแม่ชีก็ถามความรู้สึก เราก็ตอบไปตามที่ตนคิดและรู้สึกคือกลัว ใจเต้นแรง กำหนดลมหายใจไม่ถูก ได้ยินเสียเท้า แต่แทบไม่สัมผัสความรู้สึกที่เท้าเลย
รอบที่ 2 แม่ชีให้เข้าไปใหม่รอบนี้เราปิดไฟฉาย เดินเข้าไปจนสุดช้าๆ เริ่มรู้สึกสั่งการให้รู้สึกสัมผัสที่เท้าได้แล้ว ลมหายใจคล่องขึ้น เดินช้าลงและรู้สึกว่าทำไมฟ้าสว่างกว่าตอนเปิดไฟฉายก็ไม่รู้พอไปถึงหน้าหลุมศพ ก็ยืนพิจารณาอีกครั้งทีนี้จากรอบแรกที่เห็นเพียงหมวกกันน็อกสีแดง ดอกไม้ธูปเทียน ดันเห็นเต้นข้างๆ หลุมศพ เราสตั้นไป 3 วิทันใดนั้นมดคันไฟก็บุกขึ้นขาอย่างรวดเร็ว ความกลัวที่มีหายหมดเพราะเปลี่ยนเป็นความคันและเจ็บแทนรีบถอยหลังแล้วเดินกลับ ครั้งที่ 2 แตกต่างจากครั้งแรกมากความกลัวลดลงไปหน่อยนึง และสมองก็ไม่คิดต่อ กลับมาตอบอาการให้แม่ชีฟังอีกครั้ง แม่ชีบอกว่าดี แต่ต้องฝึกบ่อยๆ เรารู้สึกกลัวน้อยลง กลับจากการทดสอบเพื่อไปเข้านอนที่เต้นตัวเอง ทำให้ตัวเองนอนหลับแต่.... เตชะบุญคืนวันที่ 16 ม.ค. 59 พายุเข้าขอนแก่นลมหนาวอากาศ 10 กว่าองศา เต้นเป็นเต้นมุ้ง หมอน 1 ใบ ผ้าห่มบางๆ 1 ฝืนทำให้การนอนของเราเป็นเรื่องยากขึ้นอีก หนาวปวดกระดูกเลยทีเดียว แต่สุดท้ายความง่วงก็ชนะความหนาวหลับสำเร็จ ตี 4 ลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตักบาตและจัดของถวาย สวดมนต์ทานข้าวกลับไปทำงานอีกรอบ ก่อนกลับ กทม แปลกที่ความรู้สึกตอนใกล้จะกลับไม่อยากกลับ อยากอยู่ต่อ แต่เราต้องกลับไปทำงานทำให้เวลาที่ได้อยู่ฝึกตนน้อยนิด แต่เราจะกลับไปอีกครั้งแน่นอน
การไปครั้งนี้เป็นครั้งนี้ต้องบันทึกเพราะเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่อธิบายไม่ถูก รู้เพียง ตอนปวดมือ รู้คุณค่าชีวิต รู้ถึงความลำบากของผู้อื่นรู้สึกถึงใจผู้อื่น ตอนเดินสะพานรู้ว่าต้องเดินแบบมีสติ ถ้าไม่มีก็ตกน้ำ ตอนเดินป่าช้า เรารู้ตัวเองมากขึ้น รู้จักความคิดและความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ตอนนอนหนาวรู้สึกตัว จับความคิดระหว่างหนาวปวดกระดูกได้ ตอนเป็นเด็กวัด ทานข้าวที่โรงทานเรียนรู้การให้จากผู้คนที่นำข้าวปลาอาหารมาให้ทุกคนทาน รู้สึกอัตราลดลง ความกลัวผีลดลง มีสติมากขึ้น
บรรยายไม่ถูกแต่ถ้าใครกำลังค้นหาความสุข ค้นหาคำตอบของชีวิต ลองไปวัดหลวงพ่อกล้วยดู ที่นี่ไม่บังคับให้นั่งสมาธิ ไม่มีหลักสูตรใด มีเพียงความเพียรของบุคคลที่ต้องขวนขวายเรียนรู้เอง แท้จริงแล้วชีวิต...มันก็แค่นี้
Create Date : 30 มกราคม 2559 |
Last Update : 30 มกราคม 2559 0:30:15 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1426 Pageviews. |
|
|