Group Blog
 
 
เมษายน 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
First Time in Japan >>> ^_^

  การเดินทางไปญี่ปุ่นของแรกของผม 21-26 เมษายน 2014 สนุก และตื่นเต้นมาก จริงๆ ผมไม่ได้วางแผนจะไปที่นี่แหละครับ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง สุดท้ายก็มาลงตัวที่นี่ ช่างเป็นทริปในฝันจริงๆ ได้ครบทุกรสชาติ มึความสุข อร่อย อากาศดี ประทับใจ และที่สำคัญ เดินเยอะมากๆๆ ^_^ (แต่คงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่รับประทานเข้าไป Zzzz.)

วันแรกของการเดินทาง
เราเดินทางกันตอนค่ำๆ เครื่องออกประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ แต่ผบทบ. บอกว่ากลัวจะรถติด ผมเลยออกกันแต่หัวค่ำเลย และรถก็ไม่ติด ถึงประมาณซัก 2 ทุ่มได้ ... ):>  ต้องเดินไปเดินมา รอเพื่อนอีกคนมา พอมาถึงสุวรรรณภูมิ ... อะไรกันว้า ทำไมคนเยอะอย่างงี้เนี้ย พึ่งจะผ่านสงกรานต์กันเองไม่ใช่หราาา... จะเดินทางไปไหนกันเยอะแยะ 555 งงงงง ปกติไม่ค่อยได้มาครับ แป่ว!!



จากนั้นเมื่อเจอกันแล้ว Check-in แถวก็ยาววอีกครับ ยังดีว่า เจ๊ที่ไปด้วยเชี่ยวชาญเดินทางบ่อยเลยใช้ trick ในการพาพวกเราเข้าไป Check-in ที่ช่อง Gold เลยไม่แถวเลยจ้า (สบายไป) แล้วเราก็ไปเดิน Shopping กันใน Duty Free จริงๆแล้วไม่ได้เดิน Shopping หรอกครับแค่เดินผ่านเพื่อจะเข้าไปหาของกินในเลาจน์ แบบว่าตั้งใจอดข้าวเย็นกันมาเพื่อการนี้... พออิ่มแล้วก็เตรียมเดินทางได้แล้ว...

วันที่ 2 ของการเดินทาง
ถึงโตเกียวแล้วเย้ๆๆๆ.. ลงเครื่องมาก็หนาวว เลย เราเข้าห้องน้ำกันเสร็จก็ไปซื้อตัวรถไฟ แบบเหมาจ่าย 3 วันของ JR เรียกว่า JR Kanto Area Pass และ ซื้อตั๋วรถไฟ Shinkansen ไปด้วยเลย เพราะว่าวันนี้เราไปเที่ยวสกี รีสอร์ตกัน เย้ๆๆ ... (Gala Yuzawa) 



จากนั้นเราก็เติมเงินบัตร Suica เป็นบัตรที่ใช้สำหรับแตะจ่ายค่าบริการต่างๆ เช่น ตั๋วรถไฟ อาหาร น้ำดื่ม ของใช้ทั่วไป และอื่นๆ ด้วยอภินันทาการจากเจ๊ อีกแล้วเราก็เลยได้ใช้กันครับ ผมเติมไป 5000 เยน



เราก็ลุยกันเลยนั่งรถไฟไปที่สถานี Shinjuku เพื่อเอากระเป๋าไป Check-in ที่โรงแรมก่อน แวะซื้อชากินหน่อยก่อนขึ้นรถไฟที่นี่เค้าจะมีจุดขายของทั้งแบบ Kios และ แบบกดตู้เอง แต่ผมไม่มีเหรียญเลยต้องซื้อโดยใช้ Suica จ่าย เดี๋ยวจุดต่อไปค่อยเอาเหรียญหยอด (อยู่เมืองไทยไม่เคยทำ 555)



พอถึงสถานีเราก็เหมือนคนหลงทางจริงๆ สถานีนี้เป็นจุดเชื่อมของรถไฟฟ้าหลายสายมากๆๆๆ และคนญี่ปุ่นเดินกันอย่างมีเป้าหมายและเร็วทุกคน เราลากกระเป๋าเดินหลบกันแทบไม่ทัน เวลาขึ้นบันไดเลื่อนก็ต้องมีระเบียบชิดซ้ายเท่านั้นเพราะว่าช่องขวาสำหรับคนรีบ เราเดินลากกระเป๋าหาทางไปโรงแรมกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็เจอ หายากมากเพราะว่า Lobby ของโรงแรมเริ่มทีชั้น 3 ของตึกๆนึง โห! พื่นที่แถวนี้เค้าใช้กันอย่างประหยัดจริง ผมไปพักโรงแรมที่ชื่อ Best Western Shinjuku ASTINA Hotel ต้องขึ้นลิฟท์เล็กๆ ไป Lobby ชั้น 3



เราก็รีบจัดการ Check-in เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่เข้าห้องพักได้ เราเลยต้องฝากกระเป๋าไว้ที่ Lobby เอาละพร้อมเดินทางไป Gala Yusawa กันแล้ว ไป สกี กันนนนน... เราต้องนั่งรถไฟจาก Shinjuku ไปที่ Tokyo และไปต่อ Shinkansen สาย Joetsu เพื่อไป Gala Yusawa ก่อนไปขึ้นรถไฟ เราแวะซื้อ Bento คนละกล่องก่อนเพื่อกินบนรถ เจ๊บอกว่ามีเวลาให้เลือก 5 นาที ผมยังดูเมนูไม่ครบทุกอันเลยหมดเวลาละ ก็เลยมั่วๆหยิบมากล่องนึง แต่ก็อร่อยดีครับ กินไปก็ดูวิวไป (เอาเข้าจริงๆ ก้มหน้าก้มตากินกันทุกคน) เป็นมื้อแรกในญี่ปุ่นที่ได้อารมณ์มากครับ


ถึงแล้วครับ Gala Yusawa พอมาถึงเราก็ต้องเตรียมใส่เสื้อหนาวกันเลยทีเดียวเพราะว่า หนาวมากกก ลมก็แรงด้วย จากนั้นเราก็ไปซื้อตั๋ว และเตรียมอุปกรณ์ เช่นรองเท้า ถุงมือ และ กะบะ สำหรับไหล ลงมา ครับ และเอาของไปเก็บไว้ใน Locker ซึ่งค่าเช่า Locker ตั้ง 1,000 เยนแน่ะ รู้งี้เอาไปฝากไว้กับพวกสาวๆ ดีกว่า ตู้ใหญ่มากแต่เก็บของนิดเดียวเอง ): ... ไป ไป เล่น สกี กัน..





จากนั้นเราก็นั่งรถออกมาจาก Gala Yusawa เป็นรถบัสให้บริการมาลงที่ Echigo Yuzawa Station ประมาณ 15 นาที เพื่อมาเดินเล่นดูว่ามีขนมอะไรทานบาง ก่อนขึ้นรถกลับ Tokyo



หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับมาระหว่างทางก็คุยกันว่าจะไปทานอาหารเย็นกันที่ไหนดี สรุปว่า ซูชิ...Smiley มาญี่ปุ่นก็ต้องกินซูชิ เห็นบอกว่าที่สถานที่ Harajuku มีร้านอร่อย เราต้องไปลงรถที่สถานที Tokyo ก่อนมาแวะถ่ายรูปสถานีตอนกลางคืน เค้าว่ากันว่าสวยย แล้วค่อยต่อรถไปสถานี Harajuku 



มาถึงสถานี Harajuku ก็เดินๆๆๆ ไปหาร้านซูชิกัน ระหว่างทางก็เจอร้านทาโกยากิร้านนี้ก็มีเปิดในไทยด้วยครับ ลองชิมดูซิ...ว่ารสชาติเหมือนกันมั๊ย อร่อยมากก ครับ



เรามาถึงร้านซูชิแล้วครับ โหวววว ร้านคนเยอะต้องนั่งรอคิวซักพักเลย ด้วยความที่หิวและเมื่อยมากไปหน่อย เลยลืมถ่ายชื่อร้าน... ดูบรรยากาศเอาละกันนะครับ



จากนั้นเราก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้วครับ หมดแรงงง....

วันที่ 3 ของการเดินทาง

ตื่นเช้ามาหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันเสร็จแล้ว เราก็ไปที่สถานีรถไฟ (หลงทางทุกวัน) กว่าจะเจอทางไปสถานีก็ใช้เวลาเดินกันยาวหน่อย วันนี้เราไปลงสถานี Ikebukuro และเปลี่ยนรถไฟไปสาย Tobu Tojo เพื่อไปสถานี Kawagoe (คาวาโกเอะ) ซึ่งสถานที่ที่เราจะไปคือ หมู่บ้านมันหวาน ที่นี่จะมีชื่อเสียงเรื่องมันหวาน อร่อยม๊วกๆๆๆ ขนมท้างน้าง เลยย...


หลังจากที่เราซื้อตั๋วเสร็จเราก็ไปขึ้นรถกัน รถจะวิ่งรับเราตามตำแหน่งที่ระบุไว้ในแผนที่ ซึ่งอยู่ได้ทั้งวันละครับ แต่เราไม่ได้ครบทุกตำแหน่งเนื่องจากเรามีเวลาไม่มากพอ เลยไปแค่ที่สำคัญๆ เริ่มไปเที่ยววัด ถ่ายรูปกันนิดหน่อยกะว่าจะซัก 1 ชม (เอาเข้าจริง 2 ชม.กว่า) Smiley



จากนั้นเราก็ไปที่หมู่บ้านมันหวาน ซึ่งเป็นเหมือนถนนคนเดิน มีบ้านเรือนทรงโบราณ แต่ละร้านก็จะขายขนมหวานเยอะมาก โดยจะเน้นที่ผลิตภัณฑ์จากมันหวานเป็นหลัก เรียกว่า OTOP มันหวานก็ว่าได้ครับ ผมก็ได้ลองหลายอย่าง แต่สำคัญคือ หวานมากกก... shopping หมดไปหลายเหมือนกันส่วนใหญ่ ซื้อเป็นของฝากครับ



จากนั้นขากลับเราก็นั่งรถไฟจากสถานี Kawagoe มาลงที่สถานี Ikebukuro และเปลี่ยนรถกลับมาที่สถานี Harajuku วันนี้จะมาถ่ายรูปสถานีรถไฟ เห็นบอกว่าสถานีนี้ Classic ซึ่งเป็นรูปทรงเก่า และเราก็ไปเดิน Shopping กันที่ ถนน Takeshita ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานี 



ใน Harajuku นี้มีชาวญี่ปุ่นแต่งตัวสีสันสดใสกันแบบสุดๆ เป็นถนนคนเดินของวัยรุ่น (เหมือนเด็กอีกครั้ง) เดินไปก็ชิมขนม Shopping กันไป ถนนเส้นนี้ดังเรื่อง เครปญี่ปุ่น โหว.... คนซื้อเยอะมากๆ ผมก็ได้ไปลองกะเค้าด้วย และ ไปซื้อขนม Calbee เป็นมันฝรั่งทอด มาใส่ซอสราดหลายๆ แบบ อร่อยมากครับ



ช่วงบ่ายถึงเย็นมีแต่รายการกินๆ และก็กินครับ เราเดินต่อ เพื่อตามหาร้านเกี๊ยวซ่า ที่ชาวเนต บอกว่าอร่อยสุดยอดด ต้องไปลอง 



ต่อด้วยราเมงครับ วันนี้เอาให้พุงแตกกันไปเลย ร้านนี้มีเมนูภาษาไทยด้วยนะครับ แสดงว่าคนไทยมาบ่อย พนักงานบางคนพยายามพูดภาษาไทยกับเรา ขำดีครับ



จากนั้นรายการกินของเรายังไม่หมดเท่านี้ครับ ยังไปกินขนมกันต่อแถวโรงแรมที่เราพัก เพื่อเอาของไปเก็บ



จากนั้นเราก็ออกเดินทางอีก เดิน เดิน เพื่อย่อยของทุกสิ่งอย่างที่ทานเข้าไปครับ เราจะไปตึก Metropolitan Goverment Building ขึ้นมาชั้น 45 เพื่อมาถ่ายรูปวิวเมืองกลางคืนของ โตเกียวกัน



จากนั้นเราก็เดินกลับโรงแรมพักผ่อน จะสังเกตุนะครับ เริ่มดึกๆขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เราไม่เคยกลับที่พักเร็วกว่า เที่ยงคืนเลย แต่ก็ดีครับได้ เห็นการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นดื่มเหล้ากันเยอะมาก ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ก็ดีนะครับ เพราะว่าส่วนใหญ่ใช้การเดินทางด้วยรถไฟกัน ไม่ค่อยเห็นมีอุบัติเหตุกันเท่าไหร่นัก ต้องยกนิ้วให้เลยครับ มีระเบียบวินัยแบบนี้

วันที่ 4 ของการเดินทาง

วันนี้เราซื้อ Day Trip เพื่อไปเที่ยวภูเขา Fuji และ ชมและชิม สตรอเบอร์รี่ ดูไร่องุ่น ชิมไวน์ เราตื่นกันแต่เช้าต้องรีบเดินทางไปที่โรงแรม Kiao อย่างเร็ว 8 โมง ซึ่งเรารู้ว่าไม่ไกลจากที่เราพัก แต่ว่าด้วยความที่กลัวเดินแล้วหลงทางจะเสียเวลา เลยขึ้น Taxi ไปครับ ตอนขึ้นรถ Taxi พอนั่งกันครบเสร็จคนขับรีบตะโกนและทำท่าบอกว่าไม่ต้องปิด เดี๋ยวเค้าจะปิดให้โดยมีการใช้ระบบ Control จากคนขับเพื่อปิดประตูครับ พอตอนลงสิครับ ผมลงคนสุดท้าย ลืมตัว!!! ปิดประตูซะแรง ปึง!! เลย ไม่รู้เค้าจะว่าอะไรหรือเปล่า Smiley ปิดแล้วพึ่งมานึกขึ้นได้รีบวิ่งเลยครับ 555. เราเริ่มนั่งรถออกจากบริษัท Sunrise Tour ระหว่างทางไปก็เห็นวิวสวยๆ ครับ




เรามาถึงจุดที่จะไปขึ้นชมภูเขา Fuji ชื่อว่า Fujisan World Heritage Site
ไปถึงจุดแรก เรียกว่า Yamanashi Prefectural Fuji Visitor Center ไกด์บอกว่ามีเวลาให้ 15 นาที รวมเข้าห้องน้ำด้วย ช่วงที่ผมไปมีต้นซากุระ 
ให้ถ่ายรูปกันนิดหน่อย แฮะๆ 2 ต้นเอง


จากนั้นเราก็ขึ้นไปชั้นที่ 1 จากทั้งหมด 5 ชั้นเพื่อชม แต่ว่ามีข่าวร้ายทางไกด์แจ้งว่ามี Land slide หรือว่าดินถล่ม เราจะไปต่อไม่ได้แล้วได้ดูแค่ชั้นนี้ (ไรว้า !!!) ซึ่งตอนนั้นฝนตกปลอยๆ และลมแรง มีเมฆมาก มองไม่เห็นเลยครับ เค้าว่ากันว่าภูเขา Fuji ไปครั้งเดียวจะไม่ได้เห็นต้องไปมากกว่า 1 ครั้ง (จริงหรอ ???) ครั้งนี้เลยอด ไว้มาใหม่คราวหน้าละกัน



และเราก็ไปต่อที่ไร่ สตรอเบอร์รี่ และ ชิมไวน์ที่ไร่องุ่นกัน




หลังจากกลับมาที่ Shinjuku แล้วเราไปทานชาบูกัน เป็นบุฟเฟ่นะครับ ถ้าเป็นผู้หญิงมาจะลด 10% งง เพื่ออะไร แต่ว่าต้องหลัง 3 ทุ่มนะ


จากนั้นนั่งรถไฟไปสถานี Tokyo เพื่อจะไปถ่ายรูป Tokyo Tower เวลากลางคืนเห็นบอกว่าเปิดไฟสวยงามมาก แต่พอไปถึง ได้ถ่ายครับ แต่ว่าไม่ใช่ไฟสีแดง เพราะว่าช่วงที่เราไป ทางญี่ปุ่นเค้าต้องรับ โอบาม่า ซึ่งมาญี่ปุ่นพอดี แหม!! เลยเปิดไฟเป็นสีธงชาติ America ซะงั้น



และก็กลับที่พักนอนครับ พรุ่งนี้จะได้ลุยกันต่อ

วันที่ 5 ของการเดินทาง

วันนี้เราทานเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเลย ไปตลาดปลา Tsujiki ครับ 
เราไปขึ้นรถไฟสาย Oedo ไปลงสถานี Tsujiki ตลาดนี้เป็นตลาดที่ร้านค้าต่างๆ นิยมมาประมูลปลากันตอนตี 4 ของทุกวัน แต่เรามาประมาณ 9 โมงเช้า ก็เข้าไปเดินเล่นในตลาดได้ครับ ตลาดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ตลาดสด และ ที่ขายของกินครับ เราเริ่มเดินสวนตลาดสดก่อน เข้าไปเห็นปลาหลากหลายชนิด สดๆ ตัวใหญ่ๆ




พอเดินตลาดสดเสร็จเราก็ไปเดินส่วนที่เป็นขายของกินกันบ้างที่นี่บ้านซูชิติดๆกันหลายร้านเลยครับเห็นบางร้านมีการต่อคิวกันยาวเหยียดเลย บางร้านเห็นบอกว่าต้องรอ 3 ชั่วโมงเลย ถึงจะได้เข้ากันครับ โหหววว พวกเราเลยเลือกที่จะไป...ร้านอื่นครับ ระหว่างทางก็มีของกินเพียบเลย เช่น ไข่หวาน ซาลาเปาใส้ไข่หอยเม่น และอื่นๆ อีกเยอะมากครับ และก็เข้าไปกินซูชิ กันแบบเต็มๆ กันเลย





หลังจากอิ่มกันแล้วเราจะไปเดินย่อยกันที่สวน Ueno ไปโดยสาย Ginza ไปลงสถานี Ueno ครับ สวน Ueno ถ้าเรามาช่วงซากุระบาน จะเห็นเป็นสีชมพูทั้งสวนเลยครับ ภายในสวนก็มีวัดสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ เดินย่อยๆ



หลังจากเดินส่วนเสร็จเราเดินข้ามถนนมาที่ตลาด Ameyayoko ที่นี่มีของขายเยอะมากครับ มีทั้งเสื้อผ้าและของกิน ผมชอบ สตรอเบอร์รี่ สัปปะรด เสียบไม้มากเลยครับ



หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟต่อไปอีก 3 สถานี คือ สถานี Asakusa เราจะไปเที่ยววัด Asakusa ที่มีโคมไฟใหญ่ๆ กัน ขึ้นมาจากสถานีรถไฟ เราก็แวะถ่ายรูปตึก Tokyo Skytree กันก่อน และเดินไปวัด Asakusa เดินๆไปก็แวะกิน Sashimi กันอีก ฮิๆๆ กิน กิน 






จากนั้นเราก็เดินทางครับ ลุยๆ เราจะไป Udaiba โดยใช้รถไฟสาย Toei Subway ไปลงสถานี Shimbasi และต่อสาย Yurikamome ไปลงที่สถานี Daiba ที่เกาะ Udiaba มีประวัติคือ สร้างมาจากการเอาขยะมาถมเป็นเกาะขึ้นมา สวยงามมากครับ มีวิวให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ




จากนั้นเราก็เริ่มหิวกันอีกแล้วครับ มื้อนี้เป็น Tonkatsu (ข้าวหมูทอด) ที่ร้าน KATURAKU อยู่ในห้างที่ มีกันดั้ม อยู่ข้างหน้าอะครับ อร่อย...



แล้วเราก็กลับไปพักผ่อนครับ ไม่ไหวแล้ว ขาจะหัก...

วันสุดท้ายของการเดินทางแล้วครับ

วันนี้เราตื่นและเก็บของใส่กระเป๋า เพื่อเตรียมตัวกลับแต่เช้า หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็ Check-out และฝากกระเป๋าเอาไว้ เรายังมีเวลาเหลืออีกครึ่งวัน ที่จะไปเที่ยวกันครับ

เริ่มออกเดินทางไป Tokyo Imperial Palace โดยนั่งรถไฟ 2 สถานี จาก Shinjuku ไปลงสถานี Tokyo วันนี้เราได้ถ่ายรูปสถานี Tokyo ตอนกลางวันบ้าง หลังจากที่ได้ถ่ายรูปกลางคืนไปแล้ว ระหว่างเดินไปแดดแรงนะครับ แต่ว่าไม่ร้อนมาก มีลมพัดตลอด (ถ้าเป็นบ้านเราคงเดินกลางแจ้งแบบนี้ไม่ได้ครับ) ที่ Tokyo Imperial Palace จะเป็นให้เข้าชมแค่ 2 วันต่อปีเท่านั้นเองครับ คือ วันที่ 2 มกราคม (วันปีใหม่) และ วันที่ 23 ธันวาคม (วันเกิด Emperor) ซึ่งช่วงที่เราไปก็... เข้าไม่ได้ครับ ได้แต่ถ่ายรูปจากข้างนอกเท่านั้น แต่ถึงไม่ได้เข้าไปถ่ายข้างนอกก็สวยแล้วครับ



หลังจากนั้นเวลาในญี่ปุนของเราก็เหลือน้อยเต็มที่แล้วก็เลยต้องกลับไปที่ Shinjuku มาเอากระเป๋าเพื่อเดินทางไปสนามบิน ระหว่างทางก็แวะทานมื้อเที่ยงกันก่อน มื้อสุดท้ายของเรา Coco ข้าวแกงกะหรี่ ครับ




หลังจากอิ่มแล้วก็ไปลากกระเป๋าไปสนามบินกัน และก็มีซื้อของฝากนิดหน่อยๆ กลับบ้านละครับ
บ๊ายบาย Tokyo... เจอกันใหม่คราวหน้านะ 









Create Date : 30 เมษายน 2557
Last Update : 5 พฤษภาคม 2557 17:46:34 น. 1 comments
Counter : 3758 Pageviews.

 
คิดถึงญี่ปุ่น


โดย: mariabamboo วันที่: 2 พฤษภาคม 2557 เวลา:17:30:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yangqinghong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ ผม Balloon นะครับ
Friends' blogs
[Add yangqinghong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.