Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 
พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 16

16

ธนดลมองภรรยาชั่วคราวออกจากบ้านโดยมีนายส่วยขับรถไปส่งตามคำสั่งของเขาเขาแอบเห็นเธอยกมือขึ้นลูบหน้าอกบ่อยครั้งดูท่าอาการช้ำในจะยังไม่หายดีเขายกข้อมือขึ้นดูเวลาไม่นานนักชายวัยกลางคนในชุดสูททำงานก็ขับรถเข้ามาจอดแล้วเดินขึ้นบ้านพักมาอย่างคล่องแคล่วในมือมีกระเป๋าเอกสารติดมือมาด้วย

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาช้า”

ชายวัยกลางคนเอ่ยทักทายด้วยท่วงท่านอบน้อมและได้รับการผายมือต้อนรับจากเจ้าของบ้านพร้อมคำเอ่ยทักทายเช่นกัน

“ไม่ช้าหรอกครับเชิญคุณนพนั่งก่อน”

ธนดลเปิดประเด็นที่เรียกทนายความมาถึงที่นี่ทันทีที่อีกฝ่ายนั่งลง

“ผมต้องการให้คุณเร่งคุณกิตติ”

ทนายนพค้อมศีรษะรับตนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพอเข้าใจสถานการณ์ที่แสนอึดอัดของเจ้านายหนุ่ม

“ผมจะรีบจัดการครับก่อนจะมาพบคุณดลที่นี่ผมก็ได้คุยกับคุณปิติมาบ้างแล้วท่าทางคุณปิติดูแปลกๆ นะครับอาการอึดอัดชอบกลอาจจะเป็นเพราะว่าทางเรายังไม่ได้จัดการเรื่องหนี้สินให้มั้งครับผมอดคิดไม่ได้ว่าคุณปิติจะเล่นลูกไม้”นพสันนิษฐาน

“งั้นหรือยังไงคุณนพก็ช่วยสืบหน่อยแล้วกันว่าเพราะอะไรทำไมคุณปิติถึงได้ทำท่าเหมือนดึงเกม”

“ไม่แน่นะครับบางทีคุณปิติอาจจะไม่อยากให้มีการหย่าเกิดขึ้น”นพตั้งข้อสังเกต

“ไม่หรอกคนที่แต่งงานเป็นแค่หลานพวกเขาคงหาประโยชน์จากเธอได้ไม่มากหรอก”

“คุณดลพูดเหมือนจะเห็นใจเธอขึ้นมา”

ธนดลเบือนหน้าหนีอยากตอบอยู่หรอกว่า 'ไม่เชิง'ผู้หญิงคนนี้ไม่มีจริตจะกร้านใสซื่อและยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นแต่โดยดีในบางครั้งเขาก็ยอมรับว่ารู้สึกสงสารหญิงสาวอยู่ไม่น้อยที่ต้องถูกดึงเข้ามาในเกม

“เปล่าหรอกคุณนพผมเห็นใจตัวเองมากกว่าคุณคงไม่รู้หรอกว่าการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักมันอึดอัดแค่ไหน”

ทนายนพแอบยิ้มเจ้านายหนุ่มคงไม่รู้ว่าอาการทางสีหน้าที่แสดงออกนั้นไม่เหมือนคนกำลังอึดอัดซักนิดมันชักยังไงๆ แล้วสิ

“ครับ ผมจะรีบจัดการและนี่คือราคาประเมินของที่ดินแปลงนั้นครับผมคิดว่าเราน่าจะกดราคาได้อีกแต่คงต้องรีบจัดการก่อนที่เรื่องตัดถนนเข้าไปยังที่ดินผืนนั้นจะแพร่ออกไป”

นพยื่นเอกสารอีกฉบับส่งให้แล้วก็ถือโอกาสขอตัวกลับธนดลพยักหน้าส่งแล้วหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดูเขาถอนหายใจ ทำไมถึงได้รู้สึกผิดขึ้นมานะทั้งๆ ที่นี่คือธุรกิจ


พลับพลึงที่เกือบจะว่างงานเมื่อการออกแบบอาคารสำนักงานลุล่วงไปด้วยดีเหลือแค่เซ็นแบบประมาณราคาเท่านั้นก็เรียบร้อยจะว่าว่างงานก็ไม่ถูกนักเพราะจริงๆแล้วเธอยังมีงานอีกชิ้นหนึ่งที่ผลัดลูกค้ามาพอสมควร'แบบบ้านของธนดล'แม้เขาจะไม่เอ่ยถามแต่ก็พอเดาสายตาคู่คมนั้นได้ว่าอยากให้เธอเอ่ยรายงานซักทีวุฒิชัยวิศวกรผู้ดำเนินการต่อยังทำไม่เสร็จจึงเดินออกไปสำรวจตรวจสอบงานของโครงการซึ่งพลับพลึงเองก็มีส่วนอยู่พอสมควรแต่ก็ต้องทำหน้าระอาเมื่อพบกับอาทิตย์เข้าตั้งแต่เกิดเรื่องมีปากเสียงแย่งงานกันครั้งก่อนเธอก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบปะพูดคุยกับอาทิตย์มาโดยตลอดแต่วันนี้ดูเหมือนว่าสถาปนิกรุ่นพี่จะตั้งใจเดินเข้ามาหาเรื่อง

“งานถึงไหนแล้วล่ะ”

พลับพลึงเลิกคิ้วเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามห่วงใยจากสถาปนิกรุ่นพี่

“ก็ค่อนข้างเรียบร้อยดีค่ะโชคดีที่เจ้าของงานไม่สั่งแก้ไขอะไรมากนัก”เธอตอบ

“เก่งนี่ชักอยากรู้แล้วสิว่าเธอมีดีอะไรถึงได้กล่อมลูกค้าเสียอยู่หมัดไปซะทุกราย”

อาทิตย์ใช้สายตามองพลับพลึงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูแคลนสายตาที่ทำให้พลับพลึงคิดในทางลบได้อย่างไม่น่าสงสัยหากให้เดาความคิดของสถาปนิกรุ่นพี่คงไม่พ้นคิดอกุศลว่าเธอเอาตัวเข้าแลกหรือใช้เสน่ห์ยาแฝกยั่วยวน

“ก็คนมันมีดีนี่คะแต่เรื่องแบบนี้คงจะบอกกล่าวกันยากหน่อยขอตัวก่อนนะคะฉันมีงานต้องทำต่ออีกมาก”

พลับพลึงไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสตอบโต้ก็ทิ้งระเบิดไว้แล้วเดินฉับๆจากไป อดยิ้มเยาะไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดดังแว่วๆมาเข้าหู ช่วยไม่ได้อยากแกว่งปากหาเรื่องก่อนทำไมก็แค่พลาดงานไปชิ้นเดียวจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรนักหนาหญิงสาวเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของวุฒิชัยอีกครั้งเธอนั่งแหมะอย่างเซ็งๆอาการกระแทกกระทั้นแบบนั้นทำให้คนนั่งทำงานอยู่เงียบๆเงยหน้าขึ้นมอง

“ไปกินรังแตนที่ไหนมา”

“ชัยน่าจะเดาออกนะ”

พลับพลึงย้อนด้วยอาการหัวเสียแล้วบุ้ยปากไปที่ประตูสำนักงานชั่วคราวและนั่นก็ทำให้วุฒิชัยพยักหน้าขึ้นลงช้าๆร้องอ๋อ...ยาวๆ

“เรื่องเดิมๆไม่รู้จะอาฆาตแค้นอะไรนักหนากะอีแค่งานชิ้นเดียว”พลับพลึงบ่น

“ใครว่าแค่งานชิ้นเดียวพลับไม่รู้จริงๆหรือว่าคุณอาทิตย์ตั้งใจจะรับเหมาช่วงอาคารหลังนี้ด้วยเพราะถือว่าได้ออกแบบเองแล้วคิดดูนะว่าถ้าเขาออกแบบเองแล้วส่งต่อให้วิศวกรซึ่งเป็นกลุ่มก้อนของตัวเองงานนี้จะกำไรเท่าไหร่เหนาะๆก็สามล้านอย่างนี้แล้วพลับยังคิดว่าเรื่องเล็กอีกหรือ”

วุฒิชัยอธิบายเขาถอดแบบและประมาณราคาเองทำไมจะไม่รู้หากเป็นวิศวกรที่ฮั๊วกับอาทิตย์ล่ะก็ค่าประมาณราคาจะสูงกว่าที่เขากำลังทำอยู่เกือบสองเท่า

“ก็พอรู้แต่จะอะไรนักหนาล่ะชัยคุณอาทิตย์ก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินซักหน่อยนี่”พลับพลึงแย้ง

“ใครว่าล่ะชัยได้ข่าวมาว่าหนี้สินพี่แกน้อยเสียเมื่อไหร่นี่ก็เห็นว่ากำลังมองหาแหล่งเงินกู้อยู่นะไม่รู้ว่าได้หรือยัง”

“อะไรกัน

พลับพลึงทำหน้าไม่เชื่อคนดูดีมีมาดอย่างอาทิตย์นี่นะมีหนี้สินล้นพ้นตัวนี่ถ้าไม่ใช่วุฒิชัยบอกเล่าล่ะก็เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

“ถ้าไม่เชื่อก็รอดูต่อไปแล้วกันได้ข่าวว่าพี่แกกำลังจะเอาที่ดินเข้าแบงค์ด้วยนะชัยเคยไปดูที่ของพี่แกเหมือนกันทำเลไม่เท่าไหร่น่าจะกู้ได้ไม่มาก”

พลับพลึงอึ้งไปพอสมควรกับข่าวใหม่ที่เพิ่งรับรู้และพอจะทำให้เข้าใจสถาปนิกรุ่นพี่มากขึ้นแต่ที่ไม่เข้าใจเลยก็เห็นจะเป็นหนี้สินที่วุฒิชัยบอกเล่ามานี่แหละเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสถาปนิกที่มีรายได้ปีละหลายๆแสนอย่างอาทิตย์จะเป็นหนี้ได้มากมายอย่างนั้น

“แล้ววันนี้พลับกลับยังไงไม่เห็นเอารถมาสองวันแล้วหรือว่าจะกลับมาใช้รถบริษัท”

วุฒิชัยเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสีหน้าระอาของสถาปนิกสาวผมสั้นจนถึงวันนี้วุฒิชัยก็ยังสงสัยว่าพลับพลึงพักที่ไหนทำไมถึงได้เป็นความลับนักแต่ก็ไม่อยากถามเพราะรู้นิสัยหญิงสาวดีรายนี้หากเซ้าซี้มากก็จะตีตัวออกห่างเสียซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วุฒิชัยกลัวที่สุด

“คิดว่าจะเอารถบริษัทกลับน่ะ”

“อ้าว แล้วซีอาร์วีล่ะ”

“เฮ้ย...อย่าถามเลยน่า”

พลับพลึงออกอาการหงุดหงิดเมื่อนึกถึงรถคันเป็นล้านที่เธอขับลงไหล่ทางไม่รู้ค่าซ่อมจะเท่าไหร่ต่อให้มีประกันก็เถอะอย่างไรเสียเธอก็ไม่สบายใจอยู่ดี

“เอ้อนี่ยังเล่นตะกร้อกันอยู่หรือเปล่าหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นเหล่านายช่างเลยนี่”พลับพลึงเปลี่ยนเรื่อง

“อ๋อ พวกพี่ๆเขาไปคุมงานอาคารฝั่งโน้นน่ะกว่าจะกลับก็ค่ำแต่ก็ยังเล่นตะกร้อกันอยู่เหมือนเดิมแหละขาดก็แต่พี่นุที่ต้องรีบกลับบ้าน”

พลับพลึงอ้าปากก่อนจะพยักหน้าหงึกๆแล้วหัวเราะขำพลอยให้วุฒิชัยขำตามไปด้วยจะไม่ให้ขำได้อย่างไรไหวเพราะนุติวิศวกรอารมณ์ดีจอมขี้หลีคนงานถูกสาวชาวเขาจับเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อเดือนที่แล้วด้วยสาเหตุที่ไปผิดผีกับหล่อน

“แสดงว่าพี่นุไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วสิ”

“อยู่ได้ไงล่ะแม่สาวชาวเขาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นต้องกลับบ้านตรงเวลาไม่อย่างนั้นอีโต้ได้ลงหัวดูท่าพี่นุจะไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ”

“สมน้ำหน้าอยากเจ้าชู้ดีนัก”พลับพลึงรำพันอย่างขบขัน

“แล้ววันนี้พลับต้องรีบกลับหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่รีบ ทำไม”

“ถ้างั้นอยู่เล่นตะกร้อด้วยกันก่อนสิเราไม่ได้เล่นตะกร้อด้วยกันนานแล้ว”

“เอาสิ”

พลับพลึงพยักหน้าแล้วลุกเดินนำหน้าออกไปยังหน้าบ้านพักของตระการซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานชั่วคราวนักทุกคนที่กำลังเตรียมพร้อมจะลงสนามต่างก็ดีใจที่วันนี้สมาชิกที่หายไปจากสนามตะกร้อหลายสัปดาห์กลับมาร่วมก๊วนอีกครั้ง

เมื่อเห็นเหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมงานกันมาหลายโปรเจคมารวมกลุ่มเล่นตะกร้อกันอีกครั้งพลับพลึงคนเดิมก็กลับมาเธอแก่นเสี๊ยวเฮฮาแซวคนนั้นคนนี้เหมือนเมื่อเดือนก่อนก่อนที่จะต้องเข้าพิธีแต่งงานทำให้ลืมไปชั่วขณะว่าณ เวลานี้ เธอไม่ใช่นางสาวพลับพลึงเหมือนเมื่อก่อนแล้วพลับพลึงถูกเรียกให้ลงสนามอยู่ทีมเดียวกับวุฒิชัยซึ่งทั้งคู่ค่อนข้างเล่นเข้าขากันได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรกับนุติอีกหนึ่งหนุ่มที่เพิ่งสละโสดไปไม่นานแต่วันนี้ตระการลงสนามแทนนุติโดยที่มีสถาปนิกสาวได้รับเกียรติให้เป็นตัวเสิร์ฟแม้ว่าเธอจะเล่นไม่เก่งเท่าผู้ชายแต่ก็สามารถนำพาทุกคนให้สนุกสนานไปได้มากเพราะเสียงต่อว่าต่อขานยามเมื่อถูกแกล้งให้รับลูกยากๆเสียงหัวเราะเต็มสนามตะกร้ออีกครั้งหลังจากขาดหายไปนานหลายสัปดาห์วุฒิชัยเห็นจะยิ้มแก้มปริกว่าใครเพื่อนเมื่อได้มีโอกาสใกล้ชิดหญิงสาวเหมือนเดิมสามารถทำให้ลืมเลือนหมอกบางๆที่กั้นขวางระหว่างเขาและเธอลงไปได้มากวุฒิชัยขอจับมือพลับพลึงและตบที่ไหล่ของเธอเบาๆเมื่อเธอตั้งลูกมาให้เขาจัดการฟาดหลังเท้าจนได้แต้มฝังอยู่บนพื้นที่ของคู่ต่อสู้อย่างสวยงามตระการเองก็เข้ามาร่วมแสดงความดีใจที่ทีมของตนได้แต้มหากใครเห็นภาพหญิงสาวผมสั้นท่วงท่าทะมัดทะแมงแถมยังเล่นกีฬาที่ผู้หญิงน้อยคนนักจะเล่นได้คงจะรู้สึกแปลกพิลึกซึ่งไม่ต่างจากธนดลที่เดินตามเสียงหัวเราะและพูดคุยกันโหวกเหวกได้ยินจนถึงหน้าสำนักงานชั่วคราวเขาตั้งใจมารับพลับพลึงเมื่อสอบถามจากนายส่วยว่าเหตุใดห้าโมงกว่าแล้วถึงยังไม่ไปรับหญิงสาวอีกและได้คำตอบจากคนสวนของเขาว่าพลับพลึงบอกว่าไม่ต้องไปรับเพราะจะเอารถบริษัทกลับเองทำให้เขาต้องขับรถออกมารับด้วยตัวเองด้วยความขุ่นเคืองเพราะเคยคุยกันแล้วว่าเธอต้องใช้รถของที่บ้านเท่านั้นในระหว่างที่รถยังซ่อมไม่เสร็จจะต้องให้นายส่วยคอยรับคอยส่งไปก่อนอีกเรื่องที่นึกห่วงจนต้องมารับด้วยตัวเองก็เห็นจะเป็นอาการช้ำในของเธอยังมีอาการให้เห็นอยู่เป็นระยะยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นเธอลงสนามเล่นตะกร้อยกแข้งขาราวกับผู้ชายก็ไม่ปานอย่างนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นสะใภ้ของสุทธิการทำตัวแก่นเสี๊ยวอย่างนี้แต่นั่นยังไม่เท่ากับปล่อยตัวให้เพื่อนร่วมงานโอบไหล่บ้างจับมือบ้างซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเขา

เป็นตระการที่สะกิดเพื่อนร่วมทีมให้ดูชายหนุ่มในชุดสุภาพซึ่งเดินตรงเข้ามายังสนามตะกร้อแต่หน้าตานั้นเหมือนจะไม่รับแขกซักเท่าไหร่วุฒิชัยใช้มือรับตะกร้อเมื่อตระการพยักพเยิดให้ดูผู้มาเยือนพลับพลึงเองก็หันมองตามสายตาของทุกคู่แล้วต้องเบิกตาเมื่อพบว่าบุคคลที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจนั้นคือสามีกำมะลอของเธอเอง

“ใครน่ะพลับรู้จักหรือ”

เอกพลเอ่ยถามเมื่อเห็นดวงตาคู่คมนั้นจ้องมองที่สถาปนิกสาวไม่วางตาแล้วพลับพลึงยังมีอาการกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นอีกด้วย

“อืม รู้จักพลับขอตัวก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวสิพลับ”

วุฒิชัยเรียกไว้แต่พลับพลึงก็ไม่ฟังเธอโบกมือลาทุกคนเพราะหากปล่อยให้ธนดลเดินเข้ามาถึงสนามคงไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่

“เอ้า ไปซะงั้นแล้วไอ้หมอนั่นใครหว่ารู้หรือเปล่าชัย”

เอกพลพยายามไขข้อสงสัยของตัวเองทุกคนต่างมองไปที่พลับพลึงและชายหนุ่มนิรนามเป็นตาเดียว

“รู้จัก”

วุฒิชัยตอบเพียงเท่านั้นทั้งสนามก็กรูกันเข้ามารุมล้อมยกเว้นตระการที่ยืนปั้นหน้ายากมองเหล่าลูกน้อง


“คุณมาที่นี่ทำไมฉันเคยขอร้องคุณแล้วนะว่าอย่ามาที่นี่”

พลับพลึงเสียงเข้มตำหนิเพราะการปรากฏตัวของธนดลจะทำให้เธอวางตัวลำบาก

“ก็มารับคุณไง”

คนตอบไม่ได้มีสีหน้าวิตกเขายังเดินนำคนหน้าตื่นไปที่รถโดยไม่สนใจคำบ่นพึมพำตลอดทางนั้น

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”

พอถึงรถก็รีบมุดตัวเข้าไปนั่งประจำที่ธนดลแม้จะโดนบ่นแต่ก็ก้าวขึ้นรถตามไปแถมเขายังยกยิ้มกับอาการหัวเสียนั่น

“ก็คุณไม่ให้นายส่วยมารับผมก็เลยต้องมารับเองอีกอย่างคงไม่มีใครสงสัยหรอกมั้งเพราะเจ้านายคุณก็รู้นี่ว่าผมเป็นลูกค้า”ธนดลตอบเสียงเรียบสตาร์ทรถพร้อมออกตัว

“แล้วมันใช่ธุระของคุณหรือคะคุณไม่ต้องให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ก็ได้ฉันก็ตั้งใจจะเอารถบริษัทกลับอยู่แล้ว”

“อ้อรถติดหล่มลงข้างทางครั้งเดียวไม่พอทั้งๆ รู้อยู่แก่ใจว่าฝีมือการขับรถของคุณมันใช้ไม่ได้ขนาดรถสภาพดีๆ ยังสามารถลงข้างทางได้แล้วนับประสาอะไรกับรถสับปะลังเคจะรอดมีหวังได้จ่ายค่าซ่อมบานหรือไม่ก็เป็นศพอยู่ในเหวเข้าซักวัน”

ธนดลไม่ได้พูดเกินจริงเลยเขาเห็นสภาพรถแต่ละคันที่จอดเรียงรายอยู่ข้างสำนักงานแล้วแต่ละคันคงผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควรเพราะสาเหตุนี้แหละที่ทำให้เขาต้องขับรถมารับภรรยาจำเป็นด้วยตัวเองส่วนหนึ่งเพราะเมื่อเช้าเขายังเห็นเธอแสดงอาการช้ำในให้เห็น

“อีกอย่างถ้าผมไม่มาก็คงไม่รู้ว่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของผมจะทำตัวน่าเกลียดแค่ไหน”

“อะไรนะฉันนี่นะทำตัวน่าเกลียดคุณกำลังต่อว่าฉันอย่างไร้เหตุผล”

เอี๊ยด!

ธนดลเบรครถกะทันหันเมื่ออีกฝ่ายเอี้ยวตัวมาตั้งหน้าต่อว่าเสียงเข้มขุ่นยิ่งเพิ่มความขุ่นเคืองที่เขาพกพามาจากสนามตะกร้อให้มากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

“ก็ใช่นะสิคุณทำตัวน่าเกลียดมากมีอย่างที่ไหนเลิกงานแล้วไม่กลับบ้านกลับไปเล่นตะกร้อฉีกแข้งฉีกขาอยู่กับผู้ชายแถมยังจับไม้จับมือโอบไหล่กันอีกแบบนั้นไม่เรียกว่าน่าเกลียดแล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรมิทราบ”

พลับพลับอ้าปากค้างเพราะไร้ซึ่งคำตอบโต้ที่เขาพูดมานั้นมันเป็นความจริงแต่สิ่งหนึ่งที่เธอเห็นจะนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ก็คือเธอไม่ได้เป็นภรรยาของเขาจริงๆซักหน่อยและก็ตกลงกันแล้วว่าต่างคนก็ยังสามารถใช้ชีวิตเหมือนก่อนแต่งงานได้แล้วกะอีแค่เล่นกีฬากับเพื่อนๆเธอไม่ถือว่าผิดกติกาอะไรแล้วอีกอย่างการโอบไหล่หรือการจับมือกันในสนามก็แค่การแสดงความดีใจในทีมเท่านั้นเรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องคิดมากด้วย

“คุณดล คุณคิดมากเกินไปเราแค่แต่งงานหลอกๆ เองนะอีกอย่าง ฉันก็ทำตัวแบบนี้แต่ไหนแต่ไรที่สำคัญเพื่อนร่วมงานของฉันก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันแต่งานกับคุณและอีกไม่นานนี้ฉันก็ต้องหย่ากับคุณแล้ว”

ธนดลขบกรามกับคำโต้เถียง

“แต่ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ผมขอสั่งห้ามให้คุณเลิกเล่นตะกร้อตั้งแต่วันนี้”

“คุณไม่มีสิทธิ์นะคะ

“มีสิถ้าตราบใดที่คุณยังใช้นามสกุลสุทธิการผมย่อมมีสิทธิ์”

พลับพลึงเม้มปากแน่นตอบโต้ไม่ออกเมื่อเจอเสียงเข้มอย่างนั้น

“ก็ได้ถ้าแลกกับการที่คุณจะไม่ไปที่ไซด์งานฉันอีก”

แม้ธนดลจะไม่ชอบใจกับข้อต่อรองซักเท่าไหร่แต่เขาก็ยอมพยักหน้ารับแล้วก็ออกรถต่อคราวนี้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบไปตลอดทางเพราะต่างคนก็อยู่ในห้วงความคิดของตัวเองโดยไม่สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่จนถึงบ้านต่างฝ่ายก็ยังไม่เอ่ยปากต่อกันสร้างความสงสัยให้กับแม่บ้านน้อยอยู่พอสมควรนับวันหล่อนก็ยิ่งงงกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันคู่นี้อย่างไรก็ไม่เหมือนคนเพิ่งแต่งงานกันหลายครั้งที่เก็บเอาเรื่องนี้ไปบอกเล่ากับสามีแต่ก็ถูกสามีดุมาทุกทีว่ายุ่งเรื่องของเจ้านายจนถึงเวลาอาหารเย็นบรรยากาศก็ยังไม่คลายความตรึงเครียดหลังอาหารเย็นเป็นพลับพลึงที่ชิงเข้าห้องก่อนเธอเกือบจะผล็อยหลับประตูห้องนอนถึงได้เปิดออกแอบเงี่ยหูฟังด้วยความระแวดระวังว่าชายหนุ่มจะทำอะไรหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นทุกวันที่เขาล้มตัวลงนอนข้างๆเขาเข้าห้องมาก็ปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนนิ่งแต่กลับเป็นพลับพลึงเสียอีกที่ไม่สามารถข่มตาหลับได้อาการง่วงงุนหายวับราวกับได้กาแฟขมปี๋ซักสิบแก้ว

“ยังไม่หลับใช่มั้ย”

พลับพลับรีบหลับตาเพื่อกลบเกลื่อนเธอนอนตะแคงหันหน้าหนีแท้ๆยังรู้อีกแหนะว่าเธอยังไม่หลับช่างมีหูทิพย์ตาทิพย์เสียจริงแต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไรออกไปจนเขาต้องถามซ้ำอีกครั้ง

“ผมรู้นะว่าคุณยังไม่หลับคนระแวดระวังอย่างคุณไม่มีทางยอมหลับก่อนผมหรอกถ้ายังไม่หลับลุกมาคุยกันหน่อยสิ”

ธนดลที่เพิ่งล้มตัวลงนอนลุกขึ้นนั่งเขารอจนหญิงสาวขยับตัวถึงได้ลุกจากเตียงพร้อมกับเปิดไฟที่หัวเตียงในยามแสงไฟสลัวไม่น่าเชื่อว่าเขามองหญิงสาวผมสั้นซึ่งอยู่ในตำแหน่งเมียจำเป็นสวยขึ้นมาได้ธนดลรีบสลัดความรู้สึกนั้นให้ออกไปจากหัวก่อนที่จะฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้

“มีอะไรคะฉันง่วงแล้วนะ”พลับพลึงกระแทกเสียงเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่พอใจที่ถูกรบกวนยามดึกดื่น

“ที่คุณบอกว่าเราจะหย่ากันเร็วๆนี้ คุณหมายความว่ายังไง”

พลับพลึงอ้าปากเหลือกตาไปซ้ายทีขวาทีเพื่อนึกถึงถ้อยคำเหล่านั้นว่าเธอพูดกับเขาตอนไหนก่อนจะพยักหน้าเมื่อนึกออกแต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมเขาต้องเก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆ นี้มาถามยามดึกแบบนี้

“ว่าไง” ธนดลถามย้ำ

“ก็มันจริงนี่คะหนึ่งปีมันช้าที่ไหนล่ะอย่าบอกนะว่าคุณคิดจะเบี้ยวไม่ได้นะคุณ เราสัญญากันแล้ว”

“ทำไมต้องโวยวายผมก็แค่ถาม”

“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าจะหย่ากันภายในหนึ่งปี”

“แค่เดาแต่ฉันควรเชื่อลุงกับป้าไม่ใช่เหรอ”

ธนดลยกยิ้มเขาก็หวังจะเป็นเช่นนั้นเช่นกันแต่เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของภรรยาเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปหาหมายจะแกล้งหยอกให้ตกใจแต่ภรรยากลับไม่ตกใจซักนิดแค่ชักสีหน้าเท่านั้น

“ออกไปห่างๆก็ได้คุณ ใบหน้าของฉันไม่มีพิรุธอะไรให้คุณค้นหาหรอก”

พลับพลึงใช้นิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากของเขาแล้วดันให้ออกห่างแต่ธนดลกลับจับข้อมือบางนั้นไว้แล้วปัดออก

ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีโกรธ ตกใจหรือขำกับการกระทำแบบนี้ของหญิงสาวไม่เคยมีใครทำกิริยาแบบนี้กับเขามาก่อนอย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยแม้แต่เพื่อนสนิทก็ยังไม่เคยมีใครกล้าเอานิ้วมาจิ้มหน้าผากเขาแบบนี้

“ปล่อยนะคุณมาจับมือฉันทำไมเนี่ย”

พลับพลึงพยายามสะบัดมือออกแต่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดแถมยังโดนเขากระชากแขนเข้าหาตัวจนเธอโผเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาปลายจมูกแทบจะชนกัน

“คุณจะทำอะไร”

พลับพลึงเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นนี่เป็นครั้งแรกที่หัวใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอกมันไม่ใช่ความกลัว เธอแน่ใจอย่างนั้น

“เปล่าทำซักหน่อยก็แค่จะบอกคุณว่าผมไม่ชอบให้ใครมาจิ้มหน้าผาก”

เสียงนั้นแผ่วเบาราวกระซิบแต่กลับทำให้พลับพลึงขนลุกซู่ไล่ตั้งแต่ท้ายทอยไปตามไขสันหลังเสียงที่แผ่วเบาแต่กลับทรงพลังได้อย่างน่ากลัว

“บอกดีๆก็ได้ไม่ต้องกระชากมาซะใกล้อย่างนี้หรอก”

เมื่อตั้งสติได้เธอก็ดึงหน้ากลับแล้วต่อว่าเสียยกใหญ่

“ก็แค่กลัวคุณไม่ได้ยิน”

“ได้ยินสิแล้วนี่จะจับมือฉันอีกนานมั้ย”

พลับพลึงสะบัดหน้าหนีแล้วล้มตัวลงนอนหากแต่สายตานั้นยังคงกังวลอยู่ไม่คลายจนเมื่อธนดลล้มตัวลงนอนตามแล้วหันหน้าไปอีกทางนั่นแหละเธอถึงได้วางใจไม่นานก็หลับไปธนดลมาสะดุ้งตื่นเมื่อผ้าห่มของเขาเคลื่อนออกจากตัวไปด้านข้างเขาเอี้ยวตัวหันมองตามแรงเคลื่อนไหวต้องถอนหายใจเฮือกแล้วลุกขึ้นนั่งเอาอีกแล้วหมอนข้างที่กั้นกลางเตียงก็หล่นลงไปอยู่ปลายเตียงโน่นธนดลเอื้อมมือไปหมายจะปลุกคนหลับสนิทที่ครอบครองผ้าห่มหมดทั้งผืนแต่ก็ต้องหยุดมือไว้เพียงแค่นั้นเมื่อเห็นเธอหลับสนิทธนดลขยับเข้าไปใกล้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามานั่งใกล้เธอมากขนาดนี้เป็นจังหวะที่พลับพลึงพลิกตัวนอนหงายพอดีทำให้เขามองเห็นใบหน้าผ่านแสงจันทร์ที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างได้ชัดเจนเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากนั่งมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของสาวผมสั้นและต้องขยับตัวออกห่างหลายครั้งเมื่อขาแขนของเธอนั้นพาดไปทั่วเตียง

แบบนี้เขาจะได้ผ้าคืนได้อย่างไร...

ธนดลยิ้มขำอย่างนึกเอ็นดูซึ่งไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนักภรรยาจำเป็นของเขาอายุเท่าไหร่กันนะถึงได้นอนดิ้นเป็นเด็กๆแบบนี้ ดูสิผ้าห่มพันตัวเป็นรังไหมหุ้มตัวเป็นหนอนไปแล้วด้วยความรู้สึกเอ็นดูทำให้อดใจไม่ไหวที่จะโน้มหน้าเข้าไปหาเพื่อมองใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นให้ชัดๆจมูกโด่งเล็กบอกถึงความรั้นของหญิงสาวแก้มสองข้างขาวนวลแข่งกับแสงจันทร์ข้างนอกหน้าต่างคิ้วเรียวสวยแม้ไม่ได้รับการดูแลจัดแต่งอย่างผู้หญิงทั่วไปนึกอยากจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงแต่ก็กลัวว่าคนที่กำลังหลับสนิทจะตื่นปากบางเริ่มขยับคล้ายพึมพำอะไรบางอย่างยิ่งทำให้น่ามองจนไม่อยากละสายตาปากบางเล็กที่ช่างเจรจาช่างเถียงอยู่ตลอดเวลาทำให้นึกสนุกอยากจะสั่งสอนเสียยิ่งนักเขาค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปยังใบหน้าที่นอนเชิดหลับพริ้มอย่างมีความสุขนั้นปลายจมูกค่อยๆแตะที่จมูกโด่งเล็กแล้วเลื่อนไปที่แก้มนวลนั้นอย่างแผ่วเบา

กลิ่นหอมไม่ต่างจากดอกไม้ใช่ ดอกพลับพลึงนี่เอง...

ธนดลไม่ได้รู้สึกเกินจริงเลยนานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกหัวใจเต้นโครมครามแบบนี้เขายิ้มพอใจเมื่อยืดใบหน้าขึ้นแล้วคนที่ถูกขโมยหอมแก้มนั้นยังหลับพริ้มไม่รู้สึกตัวแต่แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกว่ารอบๆตัวเริ่มเย็นเยียบถ้าไม่ได้ผ้าห่มคืนมาล่ะก็คงนอนไม่หลับแน่แต่จะทำอย่างไรดีล่ะผ้าห่มพันตัวหญิงสาวแน่นซะขนาดนั้นเขาจึงค่อยๆ จับผ้าห่มแล้วดึงเบาๆแต่มันก็ไม่ได้ผลเพราะนอกจากผ้าห่มจะไม่เลื่อนออกมาจากตัวหญิงสาวแล้วตัวของเธอยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอีกนี่ถ้าพลิกตะแคงข้างซักหน่อยก็คงจะดึงผ้าห่มออกได้ง่ายกว่านี้เอาวะ ออกแรงอีกนิด ธนดลคิดในใจแล้วกระชากผ้าห่ม

“โอ๊ย

ธนดลรีบปล่อยชายผ้าห่มเมื่อได้ยินเสียงร้องครวญของคนที่เพิ่งสะดุ้งตื่นเขาคงจะกระชากผ้าห่มแรงเกินไปเพราะทำให้ตัวพลับพลึงพลิกไปถึงสองรอบแล้วหน้าผากก็โขกเข้ากับผนังพอดิบพอดีจนร้องโอ๊ยขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา

ตายล่ะหว่า!ธนดลอุทานในใจรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำหน้าไม่ถูกไม่นานโคมไฟหัวเตียงอีกฝั่งก็เปิดสว่างขึ้นพลับพลึงยกมือขึ้นลูบหน้าผากพร้อมกับลุกขึ้นนั่งเต็มตัวเธอหันขวับตวัดสายตามองไปที่ชายหนุ่มอย่างโกรธขึ้ง

“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย

“ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“อ้อ นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะถ้าตั้งใจฉันไม่หัวร้างข้างแตกเลยหรือไง”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

ธนดลเสียงอ่อนก็แค่โขกเบาๆ โวยวายปานเจ๊กตื่นไฟไปได้

“จะไม่ขนาดนั้นได้ยังไงคุณดูหัวฉันซิปูดเป็นลูกมะนาวหรือเปล่าก็ไม่รู้”

พลับพลึงลูบหัวป้อยๆแล้วเลื่อนมือออกเปิดหน้าผากให้ดูธนดลกลั้นขำอย่างเต็มที่เมื่อเห็นรอยแดงๆบริเวณหน้าผากแม้จะยังไม่ได้ปูดเป็นลูกมะนาวดองอย่างที่หญิงสาวว่าแต่ก็คงเจ็บมากพอสมควรดูได้จากรอยแดงที่เห็นชัดเจนมาก

“หัวเราะอะไรมิทราบถ้าคุณไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ผลักฉันจนชนผนังล่ะก็น่าดู”พลับพลึงเข่นเขี้ยวพร้อมกับชี้หน้าต่อว่า

“คุณจะทำอะไรผมล่ะจะผลักผมตกเตียงหรือไง”

“ใช่

ธนดลยิ้มเป็นคืนแรกตั้งแต่แต่งงานกันมาที่เขารู้สึกสนุกและมีความสุขกับการมีภรรยาร่วมเตียง

“ว่าไง ผลักฉันทำไม”

ธนดลเบ้ปากแล้วก้มลงมองที่ผ้าห่มซึ่งยังพันอยู่ที่เอวของพลับพลึงขนาดพลิกไปสองรอบผ้าห่มยังออกจากตัวไม่หมดพลับพลึงก้มลงมองตามถึงกับอ้าปากค้างแล้วหลับตาปี๋ค่อยๆหุบปากลงพร้อมกับเบือนหน้าหนีด้วยรู้สึกอาย

“ผมพยายามจะดึงผ้าห่มคืนแต่คุณเล่นครอบครองไว้แน่นเหลือเกิน”

“แล้วทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ”พลับพลึงเถียงทั้งๆที่ใบหน้าร้อนผ่าวๆ

“ปลุกคนหลับมันบาปนะคุณ”ธนดลแก้ตัว

เขาแอบยิ้มเมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเสียด้วยว่าถูกเขาขโมยหอมแก้มด้วย

“ฮึแล้วแกล้งพลิกให้กลิ้งไปชนผนังไม่บาปเลยนะ”พลับพลึงย้อนอย่างน่าโมโห

“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเจ็บผมขอโทษแล้วกันเอาเป็นว่าคราวหน้าผมจะปลุกคุณก็แล้วกันไหนมาดูซิ คงเจ็บมากเดี๋ยวผมไปเอายามาทาให้"

“ไม่ต้องไม่ต้องมายุ่งเลย”

“ไม่ยุ่งได้ไงนั่น เริ่มบวมปูดแล้วขืนทิ้งไว้อย่างนั้นพรุ่งนี้คุณต้องมีลูกมะนาวอยู่บนหน้าผากแน่”

พลับพลึงทำหน้างอเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงออกไปไหนไม่ได้แน่

“รอเดี๋ยวนะ”

คราวนี้พลับพลึงไม่แย้งเธอนั่งเอามือลูบหน้าผากโนๆนั้นป้อยๆเพื่อรอธนดลไปหยิบยาไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมยาหม่องพลับพลึงขอยามาทาเองแต่ก็ถูกปฏิเสธเขาช่วยทายาให้เธออย่างเบามือจนคนที่นั่งยื่นหน้าให้เขาทายาอยู่นั้นเกิดอาการร้อนผ่าวๆไม่หยุดจนต้องแอบกลืนน้ำลายไปหลายที

“เป็นอะไร ปวดหรือ”ธนดลเอ่ยถามขณะที่ยังป้ายยาให้ทั่วบริเวณรอยแดง

“เปล่า ฉันว่าพอแล้วมั้ง”

ธนดลก้มลงมองแล้วอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

“เขินหรือไง”

“เปล่าซักหน่อยฉันจะเขินทำไม ไม่เห็นมีอะไรน่าเขินน่าอายมากกว่า”

“งั้นหรือถ้างั้นคุณคงร้อน”

พลับพลึงรีบยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้าง

“ก็ร้อนสิคนลองมาทายาหม่องดูมั้ยล่ะ”คนกำลังเขินค้อนให้

“งั้นหรือ”ธนดลยิ้มมากขึ้น เขาเก็บยาเมื่อทาเสร็จ“นอนเถอะ”

“ก็ปิดไฟสิ”

“ฮึ

ธนดลครางในลำคอเป็นคำถามเธอให้เขาปิดไฟทั้งๆที่โคมไฟที่เปิดสว่างอยู่นั้นเป็นโคมไฟฝั่งของเธอแล้วจะให้เขาเอื้อมมือไปปิดนี่นะเขาเลิกคิ้วเป็นคำถามอีกครั้งและนั่นก็ทำให้พลับพลึงนึกได้จึงรีบเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนห่มผ้าอย่างรวดเร็วไม่ถึงเสี้ยววินาทีเธอก็เด้งตัวลุกขึ้นมาแล้วขยับผ้าห่มแบ่งให้เพื่อนร่วมเตียงแล้วยืดตัวลงไปหยิบหมอนข้างที่หล่นลงไปอยู่ปลายเตียงขึ้นมาวางกั้นแบ่งพื้นที่เช่นเดิม

“นอนสิคุณไม่ง่วงหรือไง”

พลับพลึงเสียงเขียวเมื่อเสียงหัวเราะนั้นทำให้ใบหน้าที่ร้อนผ่าวๆอยู่แล้วยิ่งร้อนมากขึ้นไปอีกธนดลล้มตัวลงนอนดูท่าวันนี้เขาคงจะหลับฝันดีเพราะไม่ได้หัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้นานมาก




Create Date : 21 ตุลาคม 2557
Last Update : 21 ตุลาคม 2557 9:16:20 น. 3 comments
Counter : 1137 Pageviews.

 
นั่นแน่แบบนี้จะหย่าได้หรออออ


โดย: sakeena IP: 115.87.100.55 วันที่: 21 ตุลาคม 2557 เวลา:11:50:58 น.  

 
ดีใจจังได้อ่านตอนใหม่แล้ว ขอฉากน่ารักๆอีกนะค่ะ


โดย: อร IP: 101.109.64.134 วันที่: 21 ตุลาคม 2557 เวลา:17:29:54 น.  

 
น่ารักจริงๆด้วย


โดย: พี่หมูน้อย IP: 1.47.32.213 วันที่: 29 ตุลาคม 2557 เวลา:23:37:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ใยไหมเจ้าค่ะ
Location :
เลย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




โลกแห่งนิยายมีทุกอย่างให้นึกคิด เป็นอีกคนที่ชอบจินตนาการไปพร้อมๆ กับบทประพันธ์ ใยไหม...คือนามปากกาที่ได้มาจากสิ่งที่เห็น รังไหมสีเหลืองทองรูปร่างเรียวรีสะดุดตาเข้าเต็มเปา...
เจ้าขนปุย...คืออีกหนึ่งความรักที่มาจากใจ

 งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี (นี่ไม่ใช่คำเตือน แต่...ขอร้อง...)


Google
Friends' blogs
[Add ใยไหมเจ้าค่ะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.