1. ปฏิกิริยาการเกิด PIR เกิดที่อุณหภูมิสูงกว่าปฏิกิริยาของ PUR จึงมีโครงสร้างโมเลกุลที่แข็งแรง ทำให้ PIR มีความแข็งแรงกว่าพอลิยูรีเทน (จากรายงานพบว่าต้องใช้อุณหภูมิสูงกว่า 200°C จึงจะสามารถทำลายพันธะเคมีของ PIR ได้ ในขณะที่ PUR ใช้เพียง 100°C-110°C)
2. พีไออาร์ (PIR) เหมาะนำมาผลิตเป็นฉนวนกันความร้อนผนังในรูปแบบของแผ่นฉนวนสำเร็จรูปและหลังคากันความร้อน ซึ่งใช้กับที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์หรืออาคารอุตสาหกรรม เพราะมีค่าการเกิดควันน้อยกว่าพอลิยูรีเทนโฟม (PUR) โดยพีไออาร์มีค่ากันลามไฟต่ำกว่า 25 แต่ให้ค่าการเกิดควันต่ำกว่า 50 ในขณะที่พอลิยูรีเทนโฟมมีค่ากันลามไฟต่ำกว่า 25 และค่าการเกิดควันถึง 150-350 พอลิยูรีเทนโฟม (PUR) มีความยืดหยุ่นและเป็นผงน้อยกว่าแผ่นพีไออาร์ (PIR)
3. ค่าการทนแรงกดต่อความหนาแน่นใกล้เคียงกัน เช่น แผ่นพอลิยูรีเทนหรือแผ่นพอลิไอโซ 2 ปอนด์ จะมีค่าการทนแรงกดต่อความหนาแน่นประมาณ 20 psi และมีค่าความเป็นฉนวนใกล้เคียงกันที่ 6.0 ต่อนิ้วโดยเฉลี่ย