|
|||||
โรงเรียนบนเกาะ... เกาะนกเภา @ สุราษฎร์ธานี ว่าจะอัพบล็อกเรื่องเดินชมพระนครมาเมื่อเสาร์ก่อนนู้นแต่ไม่น่าจะรอด รายละเอียดเยอะเหลือเกินค่ะ นั่งไล่ ๆ ดู แล้วมึนเอง งั้นเอาอันนี้ก่อนดีกว่า เป็นทริปที่เกิดขึ้นช่วงปลายฝนต้นหนาวของปีที่แล้ว (ช่วงที่หายเงียบไป ) กิจกรรมอย่างหนึ่งที่เราเพิ่งมาทำได้ไม่นานคือสมัครไปกับกลุ่มจิตอาสา กิจกรรมจิตอาสานี่ถ้าใครจะยังจำได้ตอนที่เราไปทำโปรแกรมควาญช้างแล้วน้องที่นำโปรแกรมเราถามเราว่า value of life ของพี่คืออะไร... มันเป็นอะไรที่ติดใจเรามาตั้งแต่ตอนนั้น ครั้งนี้มีงานปรับปรุงห้องสมุดโรงเรียนเกาะนกเภาที่ อ. ดอนสัก จ. สุราษฎร์ธานี ช่วงนั้นเรายังไม่มีโปรแกรมด่วนอะไรเลยสมัครไป มารู้จักเกาะนกเภากันคร่าว ๆ ดีกว่าค่ะ เกาะนกเภา เป็นเกาะที่มีเนื้อที่ 1,400 กว่าไร่ มีหมู่บ้าน 1 หมู่บ้าน มีบ้านอยู่ประมาณ 30-40 หลังคาเรือน และมีประชากรไม่ถึง 100 คน อาชีพหลักของที่นี่คือการทำประมงค่ะ ที่มีหมู่บ้านเดียวคือจริง ๆ ก่อนหน้านี้นานแล้วเค้าก็มีหมู่บ้านกระจายกันตามพื้นที่ต่าง ๆ ของเกาะ แต่พอประชากรเริ่มน้อยลง (อาจจะเพราะด้วยหน้าที่การงาน ด้วยความจำเป็นต่าง ๆ) ก็เริ่มมารวมกันอยู่ด้านเดียวของเกาะค่ะ พวกเราออกจากกรุงเทพฯด้วยรถตู้ไปดอนสัก ต่อเรือไปอีกประมาณ 50 นาที น้องที่นำทีมได้ติดต่อเรือจากที่หมู่บ้านให้มารับ ถามคนเรือได้ความว่าปกติไม่มีเรือโดยสารจากท่าเรือมาที่เกาะนกเภาโดยตรง แต่มีเรือโดยสารไปที่เกาะพะลวย (เกาะนกเภาอยู่ระหว่างท่าเรือฝั่งตัวดอนสักกับเกาะพะลวยค่ะ) ทางเรือโดยสารจอดให้ลงกลางทางได้ แต่ลงในน้ำนะคะ แล้วว่ายเข้าฝั่งเอง เพราะเรือโดยสารไปเกาะพะลวยมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถเข้ามาเทียบที่เกาะได้ค่ะ แต่ใครจะว่ายมา ไหนจะข้าวของ ก็ต้องติดต่อชาวบ้านให้เอาเรือออกไปรับกลางทะเลอยู่ดี ไหน ๆ จะติดต่อแล้วก็ติดต่อให้ไปรับที่ท่าเรือดอนสักเลยเถอะ ง่ายกว่าค่ะ และเช่นกันค่ะ ขากลับก็ต้องเหมาเรือชาวบ้านออกไปส่งที่ท่าเรือดอนสักค่ะ ที่ท่าเรือไปเกาะนกเภามีชาวประมงเอาปูม้าสด ๆ มาขายด้วยค่ะ กิโลละ 200 บาท พวกเราเลยซื้อติดไปด้วย นั่งเรือไปก็นั่งชมวิวเก๋ ๆ เห็นเจดีย์สีขาวของวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ที่ตั้งอยู่ที่ อ. ดอนสัก วัดนี้เป็นวัดใหญ่ทีเดียว ใครผ่านมาดอนสักแวะสักการะก็ดีค่ะ มองเห็นเกาะแลดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีรีสอร์ทหรือบังกาโลโผล่จากตัวภูขาให้เห็น สบายตามากค่ะ นั่งชมวิวไปเพลิน ๆ ก็ถึงท่าเทียบเรือของเกาะนกเภาค่ะ แต่เราผ่าน ไม่เทียบ เราไปขึ้นฝั่งแถวโรงเรียนเกาะนกเภาเลยค่ะ VIP อย่างพวกเราท่าเทียบเรือไม่ต้อง โดดลงน้ำค่ะ น้ำทะเลใสเสียจนพี่ ๆ อยากจะลงไปแหวกว่าย พอมาถึง เด็ก ๆ น่ารักมาก วิ่งมาช่วยขนของกันใหญ่เลยค่ะ พี่ ๆ เลือกมาได้ถูกเวลามาก พอดีได้เวลามื้อเที่ยง พวกเราเลยนั่งทานอาหารร่วมกับเด็ก ๆ มื้อเที่ยงนี้เป็นข้าวมันไก่ค่ะ มาเล่าเรื่องโรงเรียนกันเถอะ โรงเรียนเกาะนกเภา มีตั้งแต่ชั้น ป.1-6 มีครู 3 คน และมีนักเรียนทั้งหมด 9 คน ฟังไม่ผิดค่ะ มีแค่นี้จริง ๆ (นึกถึงหนังของ GTH เรื่องนึงเมื่อนานมาแล้ว อันนั้นโรงเรียนลอยน้ำ) ตัวอาคารเรียนเป็นอาคารชั้นเดียว มี 2 ห้อง ห้องนึงเป็นห้องเรียน เด็ก ๆ ทุกชั้นอยู่รวมกันหมดเพราะมีแค่ 9 คน อีกห้องนึงเป็นห้องทำงานของคุณครู ห้องเก็บอุปกรณ์การสอน ห้องสารพัดประโยชน์เป็นได้ทุกอย่างที่ไม่ใช่ห้องเรียน เราว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มีบุญมากอีกแล้ว โผล่ออกมาจากห้องเรียนเป็นทะเล วันดีคืนดีก็จะมีโลมาสีชมพูมาทักทาย จะมีซักกี่โรงเรียนที่ได้สัมผัสธรรมชาติใกล้ชิดแบบนี้ (ส่วนตัวเราชอบความคิดนี้ของ ผ.อ. นะ แทนที่จะนั่งรอโอกาสให้มีเข้ามาซึ่งจะเป็นเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่ ผ.อ. พาเด็ก ๆ ออกไปหาโอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เด็กไม่มีมือถือ ไม่มีแท็ปเล็ตใช้เหมือนเด็ก ๆ ในเมือง แต่ลองถามเด็ก ๆ สิคะว่าโลกหมุนไปถึงไหน เด็กตอบได้ค่ะ พี่ ๆ ลองมาหมดแล้ว นอกจากการเดินเข้าไปหาโอกาส ผ.อ. (ซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ) ยังพยายามจัดทำโครงการอีกหลายอย่างที่จะเกิดประโยชน์กับเด็ก ๆ เพื่อนำไปต่อยอดให้ชุมชนอีกด้วยค่ะ ) คุณครูทั้ง 3 ท่านพักที่นี่ค่ะ ผ.อ. เล่าให้ฟังว่าโรงเรียนที่นี่พอพวกครูสอบบรรจุกันได้ไม่มีใครอยากมา ครูท่านนึงบอกว่าตอนทราบคือร้องไห้เลยเพราะมีครอบครัวและมีลูกเล็ก แต่พอมาแล้วก็รักที่นี่ ไม่ย้ายไปไหนแล้ว ส่วนอีกท่านนึงบอกว่าตั้งใจมา อยากมา แหะๆๆ กิจกรรมที่เราไปทำคือการปรับปรุงห้องสมุด ตัวห้องสมุดเป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้เล็ก ๆ แยกจากอาคารเรียน เนื่องจากภายนอกมีการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ก็เลยจัดการภายในห้องสมุด จัดหนังสือและทำความสะอาด ทำเสร็จเร็วจะได้มีเวลาเหลือทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่ไวอย่างที่คิด ช่วยกันทำสิบกว่าคนแต่ยังเหนื่อยหอบ เด็ก ๆ น่ารักมากค่ะ มาช่วยพวกเรากันหมดเลย คุณครูสอนดีด้วย คุณครูบอกว่าห้องสมุดเป็นของเราทุกคน ทุกคนต้องช่วยกัน แค่นั่นแหละ เด็ก ๆ วิ่งไปหาผ้าขี้ริ้วมาช่วยพี่ ๆ กันหมดเลย ทำความสะอาดกันไป ปลวกเต็มเลยค่ะ หนังสือโดนปลวกแทะเยอะมากต้องทิ้งไปเพราะใช้ไม่ได้แล้วจริง ๆ กว่าจะทำเสร็จก็บ่ายแก่ ๆ แต่เพราะพวกเรามีขนมและเครื่องเขียนมาฝากเด็ก ๆ ด้วยก็เลยชวนเด็กทำกิจกรรม ถึงได้ทราบว่าเด็ก ๆ ที่นี่เก่งใช้ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือภาษาอังกฤษ เราให้ระบายสีรูปยีราฟแล้วถามศัพทืเด็กว่าตัวนี้ภาษาอังกฤษออกเสียงว่าอะไร น้องสาวคนนึงตอบชัดเจน “จีราฟ” มีการสเตรสเสียงด้วยนะ พี่ ๆ อึ้ง ทำกิจกรรมเสร็จคุณครูให้เด็ก ๆ พาพี่ ๆ เดินชมรอบเกาะ ร้านค้าที่นี่มี 2 ร้านค่ะ ขอบอกว่าร้านใกล้โรงเรียนชาเย็นอร่อยมาก ทางเดินชมรอบเกาะค่ะ ใครไม่อยากเดินมีจักรยานให้ปั่นนะคะ ช่วงเดินชมเกาะเราเห็นมีเศษขยะเยอะมากเลย เราสงสัยเพราะคนที่เกาะก็ไม่ใช่ว่าจะเยอะ เลยไปคุยกับชาวบ้านที่ซ่อมอุปกรณ์จับปลาอยู่แถวนั้นได้ความว่าขยะมีเยอะมาก ส่วนมากไม่ได้เป็นของหมู่บ้านนะคะ แต่คลื่นพัดมาจากที่อื่น พี่ชายบอกว่ามาจากเกาะใหญ่ ๆ นักท่องเที่ยวเยอะ ๆ ทั้งนั้น (ไม่ได้โทษใครหรือที่ไหนนะคะ คือมันเป็นธรรมชาติของคลื่นค่ะที่ต้องพัดเศษสิ่งของไปทางไหนซักทางอยู่แล้ว และอาจไปได้ไกลถึงไหนต่อไหนด้วย เพราะอย่างนั้นถึงได้มีการรณรงค์อะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับขยะเยอะแยะค่ะ) ทางเทศบาลและชาวบ้านเคยมีการจัดการค่ะ แต่ก็เยอะขึ้นอีกแบบนี้แหละ มานั่งคิด คำตอบนี้คุ้น ๆ นึกไปนึกมา อ้อ... เคยได้ยินแบบนี้เลยที่บ้านอีต่อง ปิล็อก คำตอบเหมือนกันทั้ง ๆ ที่สถานที่สองแห่งอยู่ไกลกันมากมาย อาหารเย็นมื้อนี้คือปูม้านึ่ง (ปูที่ซื้อมาจากท่าเรือก่อนมาที่นี่นั่นแหละ) เนื้อหวานในความสด มันคือใช่ นอกนั้นเป็นปลาค่ะ แกงเหลืองปลา ปลาผัดฉ่า ปลาทอด อร่อยสุดยอดค่ะ อาหารเย็นมีแม่บ้านกับคุณครูช่วยกันทำค่ะ ตำรับใต้แท้ ๆ เลยทีเดียว ก่อนนอนพวกเรามานั่งคุยกันถึงกิจกรรมที่ได้ทำมาวันนี้ ถึงจะมีอาคารเรียนเป็นสถานที่นอน เรามีถุงนอนไปกันเอง แต่พอง่วงได้ที่ก็จับจองที่นอนตามใจชอบ บางคนออกมานอนบนโต๊ะหน้าอาคารเรียนที่ใช้ทานอาหาร บางคนก็ผูกเปลนอนริมทะเลนั่นแหละ ธรรมชาติสุด ๆ ตอนเช้าเราตื่นกันแต่เช้าด้วยเสียงคลื่นกระทบฝั่ง แอบยิ้มกัน มีเสียงคลื่นเป็นนาฬิกาปลุก อิจฉาคนที่นี่จริง ๆ เด็ก ๆ พาเดินชมธรรมชาติตอนเช้าอีกแล้วค่ะ เด็ก ๆ เริ่มคุ้นเคยกับพวกเรา จากที่ขี้อายเมื่อวานวันนี้มีเรื่งคุยกับพี่ ๆ มากขึ้น เราซื้อน้ำให้น้องคนนึง น้องไม่รับไปฟรี ๆ นะ วิ่งหายไปแป๊บนึงแล้วกลับมาพร้อมลูกอมยัดใส่มือเรา น่ารักมากค่ะ อ้อ! เสื้อที่เด็ก ๆ ใส่วันนี้พวกเราก็ใส่เหมือนกันนะคะ เป็นฝีมือมัดย้อมของเด็ก ๆ ในโครงการอาชีพเพื่อส่งเสริมชุมชนของหนูค่ะ สวยดีทีเดียว พวกเราก็เลยซื้อมาแล้วนัดเด็ก ๆ ให้ใส่กันวันนี้ เสื้อนี้หารายได้เข้าโรงเรียนมาเยอะแล้วนะคะ เวลาที่จังหวัดมีงานอะไรทางโรงเรียนก็มักจะเอาเสื้อมัดย้อมและกระเป๋าผ้าเพนท์ลายโดยเด็ก ๆ ไปร่วมงานด้วยค่ะ ร่ำลาเกาะนกเภาก่อนกลับด้วยการไปไหว้ขอพรจากพระที่สำนักสงฆ์เกาะนกเภา สำนักสงฆ์อยู่หลังอาคารเรียนค่ะ ถึงเวลาต้องกลับ เด็ก ๆ แย่งหอบเป้มาส่งพี่ ๆ พวกเราบอกว่าหนัก เด็ก ๆ ไม่ยอมแบกหลังแอ่นเลยทีเดียว โบกมือลากันจนลับตา นี่เด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนแล้วนะนั่น ถ้าถามว่าที่นี่มีอะไรให้ชม ก็บอกตรง ๆ เลยว่าไม่มีค่ะ (แล้วจะมาทำไม ) ทั้งเกาะมีแลนด์มาร์คคือจุดชมวิว 360 องศา แต่ถ้าถามว่าเสน่ห์ของเกาะนี้คืออะไร ก็ตอบได้เลยว่าคือความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ วิถีชีวิตชาวประมงคือสิ่งที่น่าเรียนรู้ การได้พูดคุยกับชาวบ้านถึงความเป็นอยู่ทำให้ได้เรียนรู้มุมมองที่ต่างออกไป บนเกาะไม่มีร้านอาหาร ไม่มีผับบาร์ให้นั่งดริ๊งค์ ไฟฟ้าและน้ำยังเปิดเป็นเวลา ที่นี่มีที่พักสำหรับคนที่อยากจะค้างบนเกาะซักคืนสองคืน เราแอบถามเรื่องราคา คนละพันต้น ๆ (เรือรับส่ง+ที่พัก+อาหาร 2 มื้อ อาหารเย็นวันที่มาถึงและอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น) แต่น่าเสียดายที่คนเดียวเค้าไม่รับน่ะสิคะ แต่เราก็เข้าใจนะ (แต่ก็ไม่ยอมแพ้ พยายามอ้อน ๆ อยู่ค่ะ เมื่อไหร่จะใจอ่อนก็ไม่ทราบนะคะ ) จริง ๆ ทริปนี้ไม่ใช่งานอาสาฯอันแรกที่ทำ และถ้าถามว่าได้อะไรจากทริปนี้ ที่บอกว่าจะไปหา value of life ตามหาได้หรือยัง ก็คงต้องตอบว่าหาเจอบ้างแล้วและจะหาต่อไปอีกเรื่อย ๆ ค่ะ ขอบคุณ One Fine Day ที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาค่ะ และสุดท้ายจริง ๆ... งานกระโดดต้องมาเนอะ
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 30 มิถุนายน 2563 เวลา:1:33:57 น.
ไปอยู่กินนอน ได้รับอากาศ ความสงบ นั่นใช่เลยครับสิ่งที่
พวกเรา ต้องการ ไม่ต้องมีบาร์คลับอะไร กินกาแฟทรีอินวันซองก็ได้ เป็นกิจกรรมที่ดี น่ารักครับ... ช่วยให้เด็กได้อ่านหนังสือที่ใหม่ หน่อย แต่น่าวิตก คือปลวกครับ คนที่อยู่ต้องกำจัดไม่งั้นหมดแน่ โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 30 มิถุนายน 2563 เวลา:9:44:25 น.
melody_bangkok Travel Blog ดู Blog
บรรยากาศน่าสนุกสนานดีมากค่ะ โดย: หอมกร วันที่: 30 มิถุนายน 2563 เวลา:13:29:52 น.
มาเป็นกำลังใจให้เด็กทำความสะอาดโรงเรียนด้วยคนครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 30 มิถุนายน 2563 เวลา:14:41:39 น.
เป็นกิจกรรมที่ดีมากเลยครับ
เจ้าปลวกนี่ร้ายกาจจริงๆ กินหนังสือหมดเป็นเล่มๆเลยนะครับ เด็กๆน่ารักดีครับ มีนักเรียน 9 คน ครูสามคน เป็นอัตราส่วนที่ดีมากๆเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มิถุนายน 2563 เวลา:22:24:50 น.
ครู 3 นักเรียน 9 นะคะ
สอนไปเล่นไปก็ยังจะง่วงเลย ยังอ่านไม่หมด จองที่ไว้ก่อนนะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 1 กรกฎาคม 2563 เวลา:15:08:16 น.
คนเราเวียนว่ายอยูก่ับสุขๆทุกข์ๆนี่ล่ะครับคุณแฟร์
ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เลย ผมก็เป็นครับ เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ บางเรื่องที่เคยทำให้สุข บางวันก็กลายเป็นทุกข์ บางเรื่องที่เคยทำให้ทุกข์ กลับกลายเป็ทำให้สุข มนุษย์นี่ยุ่งจริงๆเลยนะครับ 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กรกฎาคม 2563 เวลา:22:37:15 น.
|
melody_bangkok
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ All Blog
| ||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ขออนุโมทนาบุญกับการเป็นจิตอาสาปรับปรุงห้องสมุดในครั้งนี้ด้วยนะคะ
เด็กทั้ง 9 คนก็น่ารักมาก สดใส มีน้ำใจ เรียนดี เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว
เคยรับรางวัลระดับจังหวัดด้วย
ทำเลที่ตั้งของโรงเรียนติดทะเล ใกล้ชิดธรรมชาติดีจังค่ะ
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆและเรื่องราวน่าประทับใจนี้นะคะ