Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
นิยายรัก ตอนที่ 5 ภาพจำกลิ่นจำ (ครึ่งแรก)

COPY WRIGHT : สงวนลิขสิทธิ์ทั้ง ปกหนังสือ และ เนื้อหาค่ะ

ดวงใจดล

ผู้เขียน : วรรณรวี

พิมพ์ครั้งแรก : มีนาคม ๒๕๕๗

copy.jpgสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ ๒๕๓๗

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารรูปเล่ม หรือเพื่อการใดๆเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ISBN : ๙๗๘ - ๖๑๖ - ๓๔๘ - ๗๖๕ - ๐

ราคา ๓๐๐ บาท


************************************************************************



๕.

ภาพจำ กลิ่นจำ ! ( ครึ่งแรก )

“พี่ปัญย์ ปุณได้งานแล้ว !”

ปุณทริกได้งานในบริษัทที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์เมื่อเดือนก่อนและเพิ่งโทรศัพท์มาแจ้งว่าตกลงรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งเลขาของผู้บริหารระดับสูง โดยยินดีให้เงินเดือนตามอัตราที่เธอระบุลงไปในใบสมัครและเสนอจะเพิ่มให้เมื่อผ่านการทดลองงานเป็นระยะเวลาสามเดือน ซึ่งน่าพอใจอย่างมากสำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน

น้องสาวรีบรายงานพี่สาวอย่างตื่นเต้นหลังจากได้รับโทรศัพท์ โดยแจ้งว่าให้เธอเริ่มทำงานทันที เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดดั่งลั่นจากทั้งคู่แล้วยิ่งเสียงดังกว่าเดิมเมื่อปุณทริกเอ่ยชื่อบริษัทที่โด่งดัง จนทำให้พี่สาวตาโตเพราะเธอรู้จักชื่อเสียงของบริษัทแห่งนี้เป็นอย่างดีที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบริษัทที่เธอทำงานอยู่ก็ใช้บริการของที่นี่อยู่ด้วยเช่นกัน

“โห...สุดยอดไปเลยปุณ ที่นี่มีอนาคตมากได้ข่าวว่าเจ้าของนามสกุลดังโคตรรวย แถมจ่ายดีมากด้วย โบนัสทีก็สามสี่เดือนนะ ถ้าปุณได้งานที่นี่ดีสุดๆไปเลย ฮู้!!!!”ปัญชลีย์บอกปุณทริกอย่างตื่นเต้น

“แล้วน้องโบตั๋นล่ะจ๊ะพี่ปัญย์ เราคงต้องหาพี่เลี้ยงเพราะถ้าปุณได้งาน เราก็จะมีรายได้มาช่วยกันอีกทาง เราจะได้อยู่กันสบายมากขึ้น”

ปุณทริกกังวลใจเรื่องลูกสาวตัวน้อย ที่เธอไปรับมาอยู่ด้วยทันทีเมื่อจบการศึกษาแม้ปู่ย่าตายายจะคัดค้านเพราะติดหลาน และมักจะเสนอตัวเลี้ยงหลานกันอย่างกระตือรือร้นราวกับกลัวว่าหลานสาวผิวสีชมพูเล็กๆของพวกท่านจะได้รับความรักและอบอุ่นไม่เพียงพอ หากอีกเหตุผลสำคัญก็คือพวกท่านต้องการเป็นคนแรกที่เด็กหญิงตัวน้อยเรียกหารองจากพ่อและแม่ของเธอนั่นคือสิ่งที่ปุณทริกรับรู้พร้อมรอยยิ้มเสมอมา และกว่าที่เธอจะขอร้องเพื่อเอาตัวลูกสาวมาได้ก็ต้องกล่อมผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวอยู่นานนับเดือนโดยตอนนี้สามีเธอได้งานทำเป็นวิศวกรไฟฟ้าในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและลงตัวมากขึ้น

ปัญชลีย์ตัดสินใจขายคอนโดฯ เพื่อนำเงินมาซื้อบ้านหลังเล็กๆที่สามารถอยู่ร่วมกันได้สามสี่คน ประกอบด้วยตัวเธอ น้องสาวและสามี แน่นอนน้อง โบตั๋นหรือเด็กหญิง พัศวีพิชญ์ หัสวัฒน์ รวมอยู่ด้วย และถึงแม้ว่ามันจะเป็นบ้านหลังเล็กๆหากยังมีห้องนอนว่างสำหรับรับรองคนที่จะมาเยี่ยมยามที่พวกท่านคิดถึงหลานสาวสุดที่รักที่เมืองหลวงเรียกได้ว่าไม่ใหญ่โตแต่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความรัก

“ถ้าปุญได้งานทำ พี่ก็จะลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ดีกว่างานอย่างพี่ส่งงานจากที่บ้านได้อยู่แล้ว เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับบอสดู พี่จะเลี้ยงหลานเองปุณไปทำงานหาประสบการณ์ก่อน บางทีปุณอาจจะชอบงานนี้ หรือถ้าไม่ชอบเราก็ค่อยมาวางแผนกันใหม่ถ้าปุณกับเจ้ากันย์มีรายได้เยอะๆ น้องโบตั๋นจะได้เข้าโรงเรียนดีๆ อย่างที่เราเคยคุยกันเอาไว้ยังไงล่ะพี่เองก็อยากให้หลานเจอสังคมดีๆ”

ปัญชลีย์ให้เหตุผลซึ่งคนเป็นน้องก็คล้อยตามและยิ่งวางใจมากขึ้นเมื่อฝากดวงใจเอาไว้ให้พี่สาวดูแล เพราะคงจะไม่มีใครไว้ใจได้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“จ้ะพี่ปัญย์ เอาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันปุณจะแบ่งเงินเดือนของปุณให้พี่ปัญย์เอง”

เมื่อตกลงกันได้ดังนั้นปัญชลีย์จึงยื่นใบลาออกจากบริษัทที่เธอทำงานมาร่วมห้าปี โดยเธอยังคงรับงานจากบริษัทมาทำที่บ้านและต้องเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันครั้งยิ่งใหญ่หญิงสาวอิสระจากงานประจำที่เคยทำมานาน และกำลังเดินเข้าสู่พันธะจากความรักที่ตัดไม่ขาดและมันยังคงเพิ่มขึ้นทุกๆวัน ที่ได้เห็นพัฒนาการของเด็กหญิงตัวกระจ้อยร่อย ผิวสีชมพูอ่อนๆ แก้มแดงเป็นพวงๆ ซึ่งเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารักที่สุดในสายตาของคุณป้าอย่างเธอ

“น้องโบตั๋นอยู่กับป้านะคะลูกป้าเลี้ยงหนูเอง สบายมากหายห่วง”

และแล้วภารกิจการทำงานเลี้ยงปากท้องพร้อมกับเลี้ยงหลานสาวสุดที่รักก็เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนั้น…

เมื่อถึงวันที่ปุณทริกต้องไปเริ่มทำงานวันแรกเธอทำงานได้ดี ละเอียดรอบคอบซึ่งเป็นข้อดีที่ได้มาหลังจากเธอพลาดตั้งครรภ์ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ทำให้เธอรอบคอบและไตร่ตรองมากยิ่งขึ้นทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานซึ่งเจ้านายและผู้ร่วมงานคนอื่นๆ พึงพอใจเป็นอย่างมาก ความอดทนและอัธยาศัยดีของปุณทริกทำให้การร่วมงานกับผู้อื่นเป็นไปอย่างราบรื่นโดยเธอได้รับการสอนงานจากคุณจิตตรีก่อนที่อดีตเลขาทรงประสิทธิภาพจะลาออกไปเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัวเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์โดยเลขาคนเก่าก็กระซิบให้เธอทราบว่าเจ้านายหนุ่มมีลักษณะนิสัยอย่างไร ต้องทำงานแบบไหนถึงจะไม่มีปัญหาด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้านายหนุ่มของเธอนั้นเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว ในขณะเดียวกันเขาก็ละเอียดรอบคอบมากนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาใช้เลขาเปลือง และมีเพียงจิตตรีเท่านั้นที่อยู่ในตำแหน่งนี้นานกว่าใคร

คนเป็นพี่สาวและเป็นคุณป้าซึ่งเลี้ยงหลานพร้อมทำงานของเธอไปด้วยหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาน้องสาว

“ปุณ วันนี้กลับมืดหรือเปล่าพี่อยากออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ห้างใกล้บ้านหน่อย พี่คิดงานไม่ออกว่าจะพาน้องไปเดินเล่นด้วยสักสองสามชั่วโมง ปุณอยากได้อะไรหรือเปล่า” เสียงเล็กก้องกังวานบอกน้องสาวผ่านโทรศัพท์

“มืดนิดหน่อยจ้ะพี่ปัญย์แต่คงไม่ดึกมากหรอก กันย์โทรมาบอกว่าวันนี้จะอยู่ทำโอทีแล้วจะเลยมารับปุณกลับบ้านพี่ปัญย์ไปเถอะจ้ะ ปุณไม่อยากได้อะไร อีกอย่างน้องคงอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกันวันนี้น้องดื้อกับพี่ปัญย์หรือเปล่าจ๊ะ” ปุณทริกเอ่ยถามถึงลูกสาวตัวสีชมพูเล็กที่สุดจะแสนน่ารักพร้อมเผยรอยยิ้มทั้งปากและดวงตา

“ไม่ดื้อเลย ไม่งอแงเลยด้วย น่ารักที่สุดในโลกหลานสาวของใครก็ไม่รู้”

คุณป้าวัยสาวที่หลงหลานไม่ลืมหูลืมตาตอบเสียงก้องกังวานปนร่าเริงบนใบหน้าขาวผ่องเคลือบรอยยิ้มตลอดเวลา เรียกเสียงหัวเราะจากคนปลายสายได้ไม่แพ้กันก่อนวางสายไป

และแล้ววันนี้คุณป้าคนสวยกับหลานสาวตัวสีชมพูเล็กๆของเธอก็เตรียมตัวออกตะลุยห้างดังกลางเมือง จากเดิมที่คิดเอาไว้ว่าจะไปห้างใกล้ๆ บ้าน แต่แล้วต้องเปลี่ยนใจเพราะห้างใกล้บ้านไม่มีร้านหนังสือสัญชาติญี่ปุ่นร้านโปรดของเธอ

หญิงสาวกับเด็กน้อยน่ารักเตรียมตัวพร้อมเดินทางซึ่งมีรถเข็นเด็กที่มีตะกร้าใส่ของด้านหลัง โดยคนเป็นป้าจัดเตรียมแพมเพิส ผ้าผืนเล็กจุกนมปลอมและขวดนมที่เพิ่งชงใหม่ๆ เธอเก็บทั้งหมดลงใส่กระเป๋าผ้าเอาไว้ ส่วนตัวเองก็มีกระเป๋าเป้สะพายหลังใบโตซึ่งมีความจุเพียงพอกับสิ่งของมากมายที่เธอต้องการจะซื้อกลับมาในวันนี้

ร่างบางสวมกางเกงยีนขาสั้นสีซีดอวดเรียวขากับชิ้นบนซึ่งเป็นเสื้อยืดสีขาวลายการ์ตูนเล็กๆ ที่หน้าอกด้านซ้ายและรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สคู่เก่งเพื่อความคล่องตัวบนใบหน้าลงแป้งบางๆ โดยระบายลิปกลอสสีชมพูที่ริมฝีปาก และปัดแก้มสีชมพูเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหากเพียงพอที่จะทำให้เธอดูราวกับเด็กมัธยมปลายหรือเพิ่งจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเสียด้วยซ้ำและวันนี้เธอมีเด็กน้อยร่วมทางไปด้วย ยิ่งทำให้เธอดูราวกับคุณแม่วัยรุ่นที่พลาดท่ามีลูกตั้งแต่ยังไม่ทันหย่านมเสียด้วยซ้ำ...

“น้องโบตั๋นคะเราไปหาอะไรดื่มที่ร้าน...”คนเป็นป้าเอ่ยชื่อร้านกาแฟสุดดังที่มีแฟรนไชส์อยู่ทั่วโลก เธออยากจะดื่มกาแฟสักแก้วก่อนตะลุยช้อปปิ้ง

“หนูไปนั่งกินเค้กเป็นเพื่อนป้าแล้วกันนะลูกเค้กอร่อยมาก” เธอชะโงกหน้าลงไปถามหลานรัก แล้วได้รับรอยยิ้มดวงตายิบหยีจากเด็กน้อยที่โชว์เหงือกสีชมพูและฟันน้ำนมซี่เล็กๆ กลับมา นั่นเท่ากับว่าหลานสาวของเธอตอบตกลง

หญิงสาวสั่งอเมริกาโน่ร้อนให้ตัวเองหนึ่งแก้วกับเค้กช็อคโกแลตโดยไม่ลืมที่จะสั่งเค้กนมสดให้หลานสาว แล้วบรรจงป้อนเค้กชิ้นเล็กๆ พอดีคำให้เด็กน้อยที่เคี้ยวบ้างเป่าออกมาบ้างพร้อมกับน้ำลายเป็นฟองๆเลอะริมฝีปากสีชมพูเล็ก โดยเธอบรรจงเช็ดมุมปากให้เด็กน้อยอย่างเบามือและอ่อนโยน ทำหน้าที่ได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเมื่อได้รู้ว่าน้องสาวตั้งครรภ์ คนเป็นพี่ก็จัดหาตำราแม่และเด็กมาอ่านเพื่อศึกษาให้พร้อมประหนึ่งว่าราวกับเธอเป็นคุณแม่เสียเอง

“อิ่มแล้วใช่ไหมคะลูกถ้างั้นเราไปร้านหนังสือกันก่อนดีกว่า ถ้าหนูเหนื่อยหนูเพลีย หนูหลับได้เลยนะคะ ป้าไม่ว่าอะไรหรอก”

หญิงสาวให้ความสนใจเพียงแค่หลานสาวตัวเล็กที่อยู่ในรถเข็นเด็กเธอเอ่ยอย่างอ่อนโยนตกลงกันประหนึ่งเด็กน้อยเข้าใจในทุกความหมาย เธอพูดไปพลางยิ้มไปพลางดวงตาเปล่งประกายวาววับจนไม่ได้สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว

หากดวงตาคมเฉียบของใครบางคนจ้องมองภาพนั้นอย่างไม่คลาดสายตาตั้งแต่วินาทีที่หญิงสาวรูปร่างบอบบางในกางเกงยีนขาสั้นกับเสื้อยืดตัวเล็กและรองเท้าผ้าใบบนหลังของเธอมีกระเป๋าเป้ใบโต ในมือเล็กจับรถเข็นที่มีเด็กตัวน้อยนอนอยู่ในนั้นแล้วเธอก็เดินไปสั่งกาแฟ ก่อนกลับมาป้อนขนมเค้ก พูดคุยกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนซึ่งเป็นภาพคุณแม่ยังสาวที่เซ็กซี่เอามากๆ แม้เธอจะแต่งกายด้วยชุดที่สุดแสนจะธรรมดาหากผิวพรรณ เครื่องหน้า และขนาดบางอย่างที่ยังคงลอยวนอยู่ในห้วงจินตนาการของเขาแม้นานนับปีภาพที่เธอทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบภาพนั้นกระแทกตากระแทกใจคนที่นั่งมองอยู่ใกล้ๆอย่างจัง แม้เจ้าตัวก็ไม่สามารถบรรยายถึงอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้ได้ หรือจะสามารถแปลงความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไรเขาตื่นเต้นราวกับกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอายุสิบหกที่กำลังตกหลุมรักครั้งแรก แม้เขาจะผ่านความรู้สึกนั้นมานานมากแล้วก็ตามเขาไม่ปฏิเสธว่าดีใจมากที่ได้เจอคนที่เขาฝันถึงและมีประสบการณ์รักเร่าร้อนร่วมกับเธอในฝันแทบทุกคืนมานานแรมปีเขารอเธอจนเกือบจะหมดหวังไปแล้ว หากดวงตาคมเฉียบของเขากระจ่างชัดในเวลานี้ก็คือเธอมีลูกไปแล้ว…

“จะเป็นไปได้อย่างไรก็ไอ้แฟนของเธอคนนั้นมันชอบผู้ชายมันหลอกลวงเธอ มันแอ๊บแมน แล้วก็สร้างภาพมีลูกมีเมีย โกหกสังคมเรื่องรสนิยมของตัวเอง”

คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวและคำตอบที่ดูเหมือนจะเข้าข้างตัวเองเมื่อเขาเห็นหญิงสาวคนเดิมในคืนนั้นคนที่เป็นนางฟ้าซ่อนรูปและกลิ่นกายหอมกรุ่นซึ่งเธอตกลงมาใส่ตักของเขา

‘คงไม่ผิดถ้าหากจะทำให้เธอหูตาสว่างแล้วรับรู้ความจริง เป็นสิ่งที่นักบุญในบางเวลาอย่างเขาควรจะทำและรับช่วงอุปการะดูแลเธอต่อเสียเองซึ่งเขาคิดว่าเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ได้บุญและที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือได้ภรรยาที่มีลูกแล้วเป็นของแถม’

ความคิดด้านมืดที่ไม่ได้ผ่านริมฝีปากของชายหนุ่มที่หวังจะเคลมลูกเมียชาวบ้านมันเป็นแรงผลักดันให้เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนก้าวยาวๆ เดินตรงไปยังเป้าหมายโดยทันที

“สวัสดีครับ” เขานั่งลงบนเก้าอี้ว่างแล้วเอ่ยเสียงนุ่มเสียยิ่งกว่านุ่มทักทายเธอ

“เรารู้จักกัน?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างงงๆดวงตากลมโตมองสำรวจชายหนุ่มแปลกหน้า เธอตกใจกับท่าทีสนิทสนมมากกว่าจะชื่นชมในความสมบูรณ์แบบของเขาเรียกได้ว่าสายตาของเธอมองไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเพียงเสี้ยววินาที

“ผมจำคุณได้ครับ เราเคยเจอกันเมื่อปีก่อนคุณหล่นลงมาใส่ตักและซบหน้าบนอกของผม คุณจำไม่ได้หรือครับ”

เขารุกด้วยถ้อยคำที่แสดงให้เห็นว่าเขารู้จักเธอเป็นอย่างดีถึงแม้ว่าจะเป็นการเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม หากมันเป็นครั้งเดียวที่ลืมไม่ลงในใจของเขาครุ่นคิด หากสิ่งที่แสดงออกคือใบหน้าเคลือบรอยยิ้มกับดวงตาคมเฉียบที่เปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำ

“เราเคยเจอกันเมื่อไหร่เหรอคะ ฉันไม่ค่อยแน่ใจนักว่ารู้จักกับคุณ”เสียงเล็กก้องกังวานเอ่ยถามด้วยท่าทางไม่พอใจ

“ลูกสาวของคุณน่ารักจังเลยครับ”ชายหนุ่มเอ่ยถามไปอีกเรื่องหากมีความหวังว่าเธอจะตอบปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกสาว แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวตอบเพียงแค่นั้นแล้วมันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องรีบแก้ตัว แม้ว่าเธอจะคุ้นกลิ่นกายของเขาก็ตาม กลิ่นหอมเย็นๆเช่นนี้ทำให้เธอคิดถึงใครบางคนเมื่อนานมาแล้ว

และก่อนที่บทสนทนาหรืออะไรๆจะมากไปกว่านี้ มือเล็กก็รีบเก็บสัมภาระแล้วเตรียมตัวลุกเธอเชื่อว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

“ฉันขอตัวก่อน คุณคงจะจำผิดคนแล้วล่ะค่ะฉันไม่คุ้นหน้าคุณเลย”

หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเข้มก่อนหันมาชวนหลานสาวตัวน้อยเสียงหวาน

“เราไปกันเถอะนะคะลูก วันนี้คิวย๊าวยาวเราต้องไปตั้งหลายที่ หนูอิ่มแล้วใช่ไหมคะ” คนเป็นป้าซึ่งกำลังสวมบทบาทคุณแม่คุยกับเด็กน้อยตัวเล็กที่ยิ้มหวานพลางเป่าน้ำลายออกมาเป็นฟองๆ เลอะริมฝีปากจิ้มลิ้ม เด็กน้อยแสดงท่าทางราวกับเข้าใจในทุกความหมายที่เธอพูด

“คุณมากันสองคน ให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนดีกว่านะครับวันนี้ผมว่างทั้งวัน ถ้าคุณจะกรุณาไว้ใจบางทีคุณอาจจะจำผมขึ้นมาได้บ้าง นะครับ”

ชายหนุ่มไม่ละความพยายาม เพราะถึงแม้เธอจะมีลูกแล้วแต่เขามั่นใจว่าสามีของเธอไม่บอกความจริงเรื่องรสนิยมแท้จริงของเขา ตัวเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจหรือมองว่าชายรักชายเป็นเรื่องผิดปกติหรือผิดศีลธรรมอันใดในเมื่อบุคคลนั้นเป็นคนดีไม่ได้สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่น แต่ที่เขาติดใจก็คือความไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองหรือแต่งงานบังหน้าเว้นเสียแต่ว่าทั้งคู่จะยอมรับกันได้ตั้งแต่ต้น

‘แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า’

ในห้วงความคิดของเขามีคำถามมากมายที่ต้องการพิสูจน์แต่ถ้าเธอยังไม่รู้ เขานี่แหละจะเป็นคนบอกความจริงกับเธอด้วยตัวเอง

“อย่าลำบากเลยค่ะ ฉันกับหลา...ลูก ไม่รบกวนอีกอย่างเราไม่ได้สนิทกัน หรือเป็นเพื่อนกันถึงขึ้นที่จะมาเดินเล่นด้วย” หญิงสาวชะงักคำว่าหลานและตอบปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพ

“ลองดูก่อนสิครับบางทีมันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเพื่อนสนิทของเรา”

ชายหนุ่มยังคงพยายามต่อไป ทั้งที่ในใจของเขาสับสนกับตัวเองไม่น้อยเพราะตอนนี้เขาดูเหมือนกำลังจะ ‘เคลม’ ลูกเมียชาวบ้าน แต่ถ้าบังเอิญเธอเป็นแม่หม้ายเรือพ่วงอย่างที่เขาต้องการพิสูจน์เขาเองก็มั่นใจว่ารับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

“เห็นทีฉันคงห้ามคุณไม่ได้แล้ว”

หญิงสาวเอ่ยเพียงสั้นๆ พลางเข็นรถที่มีหลานสาวตัวน้อยนอนอยู่ในนั้นเดินออกไปจากร้านหากเธอก็รู้ว่าชายหนุ่มแปลกหน้า คนที่มีกลิ่นกายคุ้นเคยกำลังเดินตามเธอมาไม่ห่างโดยเธอเองก็ไม่รู้สึกกลัวเพราะที่นี่คือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เธอจะตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างแน่นอนถ้าหากว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลและเธอเองก็ไม่คิดว่าคนที่สมบูรณ์แบบอย่างเขาจะเป็นมิจฉาชีพไปได้

หญิงสาวคิดอย่างเอียงๆ เพราะในโลกแห่งความจริงถึงแม้ว่าจะดูดีเพียงใดก็มีสิทธิ์เป็นมิจฉาชีพได้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งชายหนุ่มรูปงามผู้นี้...

“ผมชื่อ ดล พัฒนชาติคุณจะเรียก ดล หรือ ดอร์น ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มก้าวเข้ามาประชิดหญิงสาวก่อนเอ่ยแนะนำตัวเองเขาจะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเหมือนที่แล้วมา

“ฉันชื่อ ปัญชลีย์ ดำรงตระกูล หรือปัญย์ ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวกลับโดยอัตโนมัติ เพราะไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียหาย

“ไหนคุณบอกว่าเรารู้จักกันมาก่อนแต่ฉันรู้สึกเหมือนเพิ่งได้ยินชื่อคุณวันนี้” คนที่กำลังเข็นรถที่มีเด็กเอ่ยถามโดยไม่หันมองคนที่เดินคู่

“คืนนั้นคุณเมา คุณร้องไห้หนักมากแล้วคุณก็กอดผมเอาไว้แน่น ผมไม่ทันจะได้แนะนำตัว คุณก็กลับออกไปเสียก่อน”

เสียงนุ่มของชายหนุ่มทำให้คนฟังใบหน้าร้อนวูบแน่นอนว่ามันคงจะเป็นเมื่อครั้งที่เธอเมามายแล้วร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักกับเรื่องราวในครอบครัวครั้งนั้นเธอเมาและหล่นลงไปนั่งตักของใครคนหนึ่ง เธอกอดเขาแน่น ซบหน้าร้องไห้กับคนที่เธอไม่รู้จักมาก่อนแต่ถึงแม้จะเมาเธอก็รับรู้ได้ถึงหัวใจที่อบอุ่น มือแกร่งของเขากอดเธอเอาไว้หลวมๆ ลูบหลังและตบเบาๆเพื่อปลอบประโยน เธอไม่ปฏิเสธว่ากลิ่นกายหอมเฉพาะตัวของเขานั้นเป็นกลิ่นเดียวกันกับชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้หรือว่าอาจจะเป็นเขา!

“ผมไปรอคุณที่ร้านนั้นเกือบทุกคืนวันศุกร์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาผมหวังว่าอาจจะได้เจอคุณอีก” ชายหนุ่มก้มลงมาบอกหญิงสาวเกือบชิดด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะนุ่มและหวาน

“ฉันไม่ได้ออกไปดื่มนานแล้ว” เธอเงยหน้ามองเขาตอบเสียงเบาแล้วเดินตรงไปข้างหน้าดังเดิม

“แต่ผมเห็นแฟนคุณบ่อยๆ” เสียงของเขายังคงนุ่มในท่าทางที่ก้มลงมาเกือบชิดเธอเช่นเดิม

“แฟน?” เสียงเล็กเพิ่มระดับสูงขึ้นเอ่ยอย่างงงๆ

“ผู้ชายหล่อๆ ที่ไปกับคุณคืนนั้นคนที่คุณกลับออกไปกับเขา”

น้ำเสียงนุ่มของเขาปกติราวกับไม่ใส่ใจหากเป็นการหยั่งเชิงอยู่ในที เขาคาดหวังคำปฏิเสธว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่แฟนหรือสามีของเธอเหมือนกับตอนที่เขาถามนำเรื่องเด็กน้อยคนนี้ว่าเป็นลูกของเธอหรือไม่แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังซ้ำสอง เพราะเธอเพียงแค่พยักหน้าโดยไม่ยอมรับหรือปฏิเสธใดๆออกมา

‘เรากับแน๊ทตี้อ่านะเป็นแฟนกัน คิดได้นะยะแหม..ถ้างั้นน้องโบตั๋นก็คงจะเป็นลูกของเรากับณัฐสินะ ก็ดีเหมือนกัน ตัดไฟแต่ต้นลมให้เขาเข้าใจแบบนี้น่ะดีแล้ว’

ถึงแม้จะโสดมานาน แต่เธอก็กลัวการมีความรักเพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่รอบตัวมักจะมีปัญหาชีวิตคู่ ความไม่เข้าใจกันจนต้องเลิกรากันไปหรือมีปัญหาเรื่องมือที่สามให้วุ่นวายใจ เธอไม่ต้องการเป็นอีกคนที่จะต้องประสบปัญหาเช่นนั้นและตอนนี้เธอก็มีความสุขดีแล้ว เธอมีคนที่รักอยู่รอบตัว พ่อ แม่ น้องสาว หลานสาวตัวน้อยเธอเชื่อว่าผู้ชายไม่สำคัญแล้วก็ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตเธอ และเขาก็คงจะไม่ได้กำลังจีบเธออยู่หรอก…

เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็พยักหน้ากับตัวเองเบาๆเธอไม่ปฏิเสธว่าสับสนและเสียดาย

“แล้วที่เขาพยายามเข้ามาเป็นเพื่อนอยู่นี่ล่ะหมายความว่าอะไร”หญิงสาวยังคงตั้งคำถามในใจ

“คุณอยากซื้ออะไรครับ” ชายหนุ่มก้มลงถามเกือบชิดเช่นเดิม

“ฉันจะไปร้านซีดี อยากซื้อแผ่นหนังใหม่ปีก่อนฉันแทบไม่ได้ดูหนังเลย” เธอตอบไปตามจริง

‘ก็คงช่วงที่เธอท้องโต จะให้ออกมาดูหนังเดินห้างได้ยังไงกันแต่ทำไมรูปร่างของเธอไม่ใกล้เคียงกับคนที่เพิ่งจะคลอดลูกเลยสักนิดเดียว รูปร่างเล็กเอวบาง ขาสวย จะมีก็แต่หน้าอกที่อิ่มเกินตัวไปหน่อยก็เท่านั้นเอง’

ยิ่งได้เห็นหญิงสาวแต่งกายอย่างเช่นวันนี้เขาเองก็นึกภาพไม่ออกว่าเธอจะเป็นคุณแม่ไปได้อย่างไร หรือเธออาจจะเป็นคนที่ดูแลใส่ใจและหมั่นออกกำลังกายจนรูปร่างกลับเข้าที่ได้อย่างรวดเร็ว เขาชื่นชมเธอในใจก่อนเอ่ยเสียงนุ่มอีกครั้ง

“ดีเลยครับ ผมอยากได้อัลบั้มใหม่ของSil.H.T อยู่พอดี”

ชื่อของศิลปินดังซึ่งเป็นลูกครึ่งไทยออสเตรีย ผ่านริมฝีปากของชายหนุ่ม และเป็นศิลปินสุดโปรดที่เธอตั้งใจจะซื้อกลับไปด้วยในวันนี้ความจริงจะสั่งออนไลน์ก็ไม่ยาก หากเธอชอบที่จะเดินเข้าร้านซีดีแล้วเลือกดูตามชั้นวางมากกว่ามันเป็นความสุขเหมือนที่เคยชอบทำมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

หญิงสาวไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ พลางเข็นรถเข็นเด็กเดินนำออกไปเธอก้มลงมองหลานสาวเป็นระยะๆ ตอนนี้เด็กน้อยน่ารักกำลังหลับปุ๋ย คงจะอิ่มขนมและนมที่เธอป้อนให้และแอร์เย็นๆ เช่นนี้ก็คงจะทำให้เด็กน้อยหลับยาวไปอีกสักพักใหญ่

ชายหนุ่มมองเห็นภาพนั้นเขาก็ยิ่งหลงใหลเธอมากยิ่งขึ้นดวงตากลมโตของเธออ่อนโยนเมื่อทอดมองไปยังเด็กหญิงตัวน้อย จนเขาอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้เขาลืมไปแล้วว่านี่คือ ‘ภรรยาและลูกน้อยของคนอื่น’

“ผมเข็นรถให้นะครับ คุณจะได้เดินสบายๆ”เขาอาสาเสียงนุ่ม พร้อมยื่นมือออกไป

“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ” เธอปฏิเสธเสียงอ่อนไม่ต่างกัน

“ผมยินดีมากครับ ไม่ลำบากเลยเถอะนะครับ”

เสียงที่สุดแสนจะนุ่มของเขา พลางส่งสายตาอ้อนวอนทำให้หญิงสาวร้อนวูบไปทั้งหน้า เธอรีบปล่อยมือออกจากรถเข็นราวกับจับของร้อน

หญิงสาวยังคงเงียบกริบหากเดินเคียงคู่กับเขาไปแต่โดยดีเป็นภาพที่ชวนมองสำหรับคนที่เดินผ่านไปมา ภาพครอบครัวสุขสรรค์ที่มีคุณพ่อรูปงามทำหน้าที่เข็นรถของลูกสาวตัวจ้อยที่กำลังหลับ กับภรรยาที่ดูเด็กหากเซ็กซี่เกินตัวของเขาเธอสวมเสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีรูปร่างกับกางเกงยีนขาสั้นแค่คืบนิดๆ อวดเรียวขางดงาม

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายคู่ที่หันมามองเธอและเขาก็หวงเสียจนต้องส่งสายตาอำมหิตเพื่อกำราบไปยังหนุ่มๆ เหล่านั้นและนี่คือการเตือน “หวงโว้ย! หยุดมองเธอซะถ้าไม่อยากตาบอด” ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะหนุ่มๆเหล่านั้นพากันหลบสายตาอำมหิตของเขา

“มีเมียเด็กแล้วยังขี้หวงอีกมองแค่นี้ ทำเป็นโหด!” และนั่นคือสายตาที่ส่งความหมายแทนคำพูดกลับมาให้เขา

ร่างสูงใหญ่เดินคู่ร่างเล็กพร้อมรถเข็นเด็กไม่ห่างมือของเธอหยิบแผ่นไหนเขาก็หยิบแผ่นนั้น ทั้งบังเอิญบ้างและตั้งใจบ้าง จากสิ่งของส่วนใหญ่พอตัดสินได้ว่าทั้งคู่มีรสนิยมเดียวกันหรือใกล้เคียงกันมากๆและเมื่อเขาเห็นดังนั้นก็เผยรอยยิ้มอย่างไม่ปิดบัง เพราะมันเพียงพอที่เขาจะสานต่อความสัมพันธ์กับเธอได้อย่างแนบเนียนเสียแล้วการได้พูดคุยในเรื่องเดียวกันอาจจะทำให้เธอยอมไว้ใจและสนิทสนมกับเขาได้รวดเร็วขึ้น...


มีวางจำหน่ายแล้วในรูปแบบ E-BOOK ค่ะ ตามลิ้งก์ค่ะ

//www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=9020


ส่วนรูปเล่มรอฉบับรีปริ้นครั้งที่ 3ใครสนใจอยากได้เล่ม "ดวงใจมัท" ในรูปเล่ม แจ้งเข้ามาได้ที่ E-Mail : wikky7ster@gmail.com ค่ะ

หรือแฟนเพจ 




Create Date : 30 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 3 ธันวาคม 2557 16:43:48 น. 0 comments
Counter : 500 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wikky_78
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wikky_78's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.