Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
นิยายรัก ตอนที่ 1 ค้อนยักษ์

COPY WRIGHT : สงวนลิขสิทธิ์ทั้ง ปกหนังสือ และ เนื้อหาค่ะ


ดวงใจดล

ผู้เขียน : วรรณรวี

พิมพ์ครั้งแรก : มีนาคม ๒๕๕๗

copy.jpgสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ ๒๕๓๗

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารรูปเล่ม หรือเพื่อการใดๆเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ISBN : ๙๗๘ - ๖๑๖ - ๓๔๘ - ๗๖๕ - ๐

ราคา ๓๐๐ บาท


*******************************************************************************

ตัวอย่างค่ะ


๑.

ค้อนยักษ์ !

ตุ๊บ...ตุ๊บ...ตุ๊บ !!!

ดวงหน้านวลผ่องดั่งทารกเสมือนถูกเทราดด้วยเลือดข้นๆ เหนียวๆ ที่ไหลบ่าลงมาจากศีรษะยังหน้าผากนูน ผ่านดวงตากลมโตสีนิลซึ่งล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนหากตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เอ่อคลอด้วยม่านน้ำใสๆ ที่เจ้าตัวพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อกักเก็บเอาไว้ภายในอกหากความพยศของมันยังคงเอ่อคลอเต็มดวงตา จมูกเล็กเชิดอย่างเด็กรั้นหายใจเข้าออกแรงๆกระทั่งอกอิ่มเกินตัวกระเพื่อมขึ้นลงราวกับดิ้นรนเพื่อสูดอากาศจากภายนอกเข้าไปหล่อเลี้ยงอวัยวะภายในให้มากที่สุด

ความรู้สึกเสมือนก้อนสมองชั้นดีที่ซ่อนอยู่ภายใต้ศีรษะทุยเล็กของหญิงสาวร่างบาง ค่อยๆ ขยายขนาดของมันราวกับพยายามแทรกตัวออกมาภายนอกเมื่อได้ยินประโยคหยุดโลกเสียงแผ่วจากสาวน้อยร่างสูงเพรียวตรงหน้าคนที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะมาได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น

หากเสียงแผ่วเบาราวกระซิบนั้นดังกึกก้องดั่งพลังเสียงตะโกนบนหน้าผาสูงแล้วสะท้อนกลับมาให้ได้ยินไปทั่วทุกโสตประสาทและสูบฉีดอย่างรวดเร็วไปตามเส้นเลือดทุกเส้นของผู้เป็นพี่สาว

“พี่ปัญย์ ปุณท้องงงง !!!”

“...”

เสมือนโลกหยุดหมุนคล้ายกับโดนค้อนยักษ์ทุบซ้ำๆ ลงบนศีรษะอย่างจังจนแทบหายใจไม่ออกหมดสิ้นแล้วความหวัง หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง หมดแล้วหมดกัน หมดแล้วหมดเลย...

‘พ่อกับแม่จะว่ายังไงน้องยังเรียนไม่จบแล้วไอ้กันย์มันจะว่ายังไง จะรับไหม ถ้าท้องโตกว่านี้จะไปเรียนยังไง พลาดได้ไงแล้วตอนนี้จะทำยังไง’

คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของ ปัญชลีย์ทันทีเมื่อ ปุณทริก น้องสาวซึ่งอายุห่างกันเกือบสิบปีและยังเรียนไม่จบเธอเพิ่งจะขึ้นชั้นเรียนในระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สามเทอมแรกเท่านั้น มือบางของน้องสาววางอุปกรณ์สำหรับทดสอบการตั้งครรภ์ที่มันแสดงสัญลักษณ์แถบสีแดงสองขีดนั่นหมายความว่ามีโอกาส ‘ตั้งครรภ์’ สูงตามที่คู่มือแนบมาบอกไว้และมันจะสามารถยืนยันได้ดีอีกครั้งเมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลซึ่งโอกาสที่ผลจะผิดพลาดก็มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เวลาสองทุ่มในคืนหนึ่งกลางสัปดาห์เดือนแรกของต้นปีอันแสนสาหัสของปัญชลีย์หลังจากที่เธอต้องร่วมทำงานกับผู้มากด้วยอัตตาและมากฝีมือไปพร้อมๆ กัน กระทั่งการต่อกรกับบุคคลที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจเงินอย่างมหาศาลเช่นลูกค้าซึ่งเรื่องมากทั้งหลายและสร้างความวุ่นวายใจให้เธอมาทั้งวัน

กับความจริงที่เพิ่งรับรู้ หากหญิงสาวก็ยังไม่แน่ใจในวินาทีนี้ว่ามันคือข่าวดีหรือร้ายหลังจากที่ปุณทริกขอตัวลงไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้าปากซอยเพื่อซื้อของส่วนตัวบางอย่างพร้อมติดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหลายลงไปด้วยแล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับน้ำตามากมาย ทั้งที่ก่อนลงไปน้องสาวบอกเธอแค่เพียงว่า

“พี่ปัญย์เดี๋ยวปุณลงไปซื้อแชมพูหน่อยนะ มันหมด”

เสียงหวานของปุณทริกบอก หากดวงตาช่างสังเกตของเธอเหลือบเห็นถุงยาเล็กๆที่น้องสาวซื้อกลับเข้ามาตอนที่ทั้งคู่ไปกินมื้อเย็นข้างนอกด้วยกัน เธอจำได้ว่าน้องสาวขอตัวไปซื้อยารักษาภูมิแพ้ที่ร้านขายยาใกล้ๆเมื่อจัดการกับอาหารมื้อเย็นหมดก่อนแล้วปล่อยให้เธอมีความสุขกับบะหมี่เจ้าประจำของตัวเองต่อไป

หากก่อนที่คนเป็นน้องจะออกไปจากห้องเธอเก็บถุงยาเล็กๆลงในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวเก่าพร้อมกับอุปกรณ์สื่อสารมากกว่าหนึ่งเครื่องเกินความจำเป็นลงไปด้วย

“ไปแค่นี้เองทำไมต้องถือโทรศัพท์ลงไปตั้งสองสามเครื่อง”หญิงสาวเอ่ยถามเพราะไม่เห็นความจำเป็น ที่น้องสาวจะต้องลงไปนานจนต้องหอบทั้งไอโฟนและแท็ปเล็ตลงไปให้วุ่นวายหากได้ยินเสียงหวานตอบว่า

“อ๋อ เผื่อกันย์โทรมาน่ะจ้ะพี่ปัญย์”ร่างสูงเพรียวตอบเสียงร่าเริง เพราะ กันย์ แฟนหนุ่มวัยเดียวกันจะโทรศัพท์มาหาตรงเวลาเสมอ

“อือ ขึ้นมาเร็วๆ แล้วกัน” ปัญชลีย์เอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนหันไปท่องโลกออนไลน์ต่อไป

เวลาแห่งการรอคอยสาวน้อยที่บอกเพียงว่าจะลงไปซื้อแชมพูก็ยาวนานจนผิดสังเกตเพราะมันใกล้เวลาสามทุ่มแล้ว คนเป็นพี่สาวถามตัวเองเบาๆ

“ร้านขายของอยู่แค่นี้เองทำไมลงไปนานนักนะ หรือจะคุยโทรศัพท์กับเจ้ากันย์จนเพลินวะ”

คำถามและคำตอบโดยอัตโนมัติของคนเป็นพี่สาวซึ่งไม่สงสัยอะไรมากไปกว่านั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูที่เปิดออก ชั่ววูบนั้นเธอตกใจกับภาพที่เห็น นั่นคือภาพน้องสาวของเธอร้องไห้อย่างหนัก

“ร้องไห้ทำไม เป็นอะไร ใครทำอะไร” เสียงเล็กกังวานเอ่ยถามออกไปเร็วๆและร้อนรน หญิงสาวละภารกิจทุกอย่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนปิดสวิตช์หากปุณทริกไม่ตอบและร้องไห้หนักขึ้นจนเธอเริ่มใจไม่ดี แล้วเอ่ยถามร้อนรนอีกครั้ง

“ปุณเป็นอะไร บอกพี่มา ร้องไห้ทำไมใครทำอะไร”

คำถามเดิมซ้ำๆ หากเพิ่มระดับเสียงขึ้นซึ่งคนถามตั้งสมมุติฐานไปหลายทางว่าปุณทริกคงจะทะเลาะกับแฟนทางโทรศัพท์ ทั้งที่โดยปกติแล้วคู่นี้แทบจะไม่เคยทะเลาะกันให้เห็นสักครั้งทั้งคู่กลับแสดงออกถึงความรักที่มากล้นต่อกัน แต่ก็น่ารักดีในสายตาเธอ กันย์ดูแลและเชื่อฟังปุณทริกอย่างดีไม่เคยไปแอบมีกิ๊กที่ไหนให้ต้องกังวลใจ ทั้งคู่ยังคงรักกันดีแม้ว่าจะคบหากันมายาวนานตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นด้วยกัน

แต่ในเมื่อน้องสาวไม่ตอบความคิดมากมายจึงวนเวียนในหัวของคนเป็นพี่สาว

‘หรือว่าไอ้กันย์มันจะนอกใจแล้วปุณจับได้ถึงขั้นบอกเลิกกันเลยเหรอวะ ไอ้นี่กล้าดียังไงมึง กล้าทำปุณร้องไห้ตาปูดตาบวมกลับมาซะขนาดนี้แกเจอฉันแน่ไอ้กันย์ ไม่รู้ฤทธิ์แม่ซะแล้ว’ความโกรธแค้นพรั่งพรูอยู่ภายใน หากแสดงออกมาทางสายตาอำมหิตที่เธอสามารถหักคอเด็กหนุ่มดวงตกผู้โชคร้ายผู้ซึ่งได้ชื่อว่ากำลังจะเข้ามาเป็นว่าที่น้องเขยได้ด้วยมือเล็กเพียงข้างเดียว แต่แล้วพิรุธบางอย่างที่เธอมองข้ามไปในคราแรกหากมันเป็นที่มาของประโยคหยุดโลกที่ว่า

“พี่ปัญย์ อย่าโกรธ อย่าเกลียดอย่าด่า อย่าว่าอะไรปุณนะ ปุณขอโทษ ปุณไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ปุณเสียใจ ปุณไม่ดีปุณทำให้ทุกคนผิดหวังกันไปหมด ปุณไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ปุณมันไม่รักดีพี่ปัญย์ ปุณ ปุณ ปุณ พี่ปัญย์ ปุณท้อง !!!”

และแล้วคำตอบแห่งน้ำตามากมาย ผ่านออกมาจากริมฝีปากของสาวน้อยอย่างอยากลำบาก

ปัญชลีย์มึนงงกับความจริงเพียงไม่กี่คำหากมันมีน้ำหนักมหาศาลซึ่งกดทับตรงหน้าอกของเธอ ความรู้สึกเสมือนศีรษะเล็กราวกับชุ่มไปด้วยเลือดซึ่งเป็นผลมาจากการโดนค้อนยักษ์ที่แสดงตัวออกมาผ่านริมฝีปากของน้องสาว และมันทุบลงมาแรงๆซ้ำๆ หลายครั้ง หากสิ่งที่พี่สาวอย่างเธอทำได้ดีที่สุดในเวลานี้คือเรียกสติกลับคืนมาให้เร็วที่สุดก่อนก้าวขาพาร่างบอบบางเข้าไปกอดร่างของคนที่สูงกว่าเอาไว้

คนที่ความสูงน้อยกว่าพยายามโน้มคอน้องสาวลงมาแล้วกอดเอาไว้แน่นเธอปลอบโยน ลูบหลัง ลูบหัว ลูบไหล่ แล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือเพียงว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”ซึ่งมันคงไม่มีประโยคใดที่จะพูดได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

พี่น้องกอดปลอบกันอยู่นานจนกระทั่งปุณทริกหยุดร้องไห้เมื่อเสียงสะอื้นเบาลงทั้งคู่จึงผละร่างออกจากกัน แล้วมองหน้ากันนิ่งๆ ‘เป็นเรื่องที่น่ายินดีหากมาผิดเวลาไปเท่านั้น’สมองทรงประสิทธิภาพด้านบวกของคนเป็นพี่สาวบอกตัวเองภายในใจ

“พ่อแม่รู้เรื่องนี้หรือยัง” คำถามแรกที่สำคัญที่สุดเพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าจะปิดบังผู้ใหญ่ที่รักทั้งคู่มากที่สุดให้รับรู้คนถามไม่อยากจะนึกถึงสีหน้าและสายตาของคู่ทุกข์คู่ยากว่าจะผิดหวังเสียใจเพียงใดที่ ‘ดำรงตระกูล’ ต้องมีคนครหา

“รู้แล้วค่ะ ปุณโทรบอกแม่ตะกี้เดี๋ยวแม่คงบอกพ่อเอง” สาวน้อยตอบกลับเสียงแผ่ว

“ไอ้กันย์รู้หรือยัง” เสียงเล็กหากก้องกังวานเอ่ยถาม

“รู้แล้ว โทรไปบอกแล้ว” ระดับเสียงยังคงแผ่วตอบ

“แล้วมันว่าไง”คนถามเพิ่มระดับความเข้มในน้ำเสียง เพราะเธอกังวลในสิ่งที่จะได้ยิน

“กันย์บอกให้เก็บไว้” คนเป็นน้องตอบปราศจากเสียงสะอื้นเพราะรู้ดีว่าถึงอย่างไรแฟนหนุ่มของเธอก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง “แล้วจะทำยังไงต่อไป”คำถามสั้นๆ หากคาดหวังกับคำตอบของคนเป็นพี่สาว

“ปุณก็ไม่รู้ ปุณไม่อยากทำอะไร อยากเก็บเด็กไว้แต่ปุณกลัวพ่อเสียใจ” คนเป็นน้องสาวตอบเสียงแผ่ว แล้วเปิดฉากร้องไห้ตัวโยนอีกครั้ง

“แต่ปุณยังไม่พร้อมนะ เรียนก็ยังไม่จบเหลืออีกหนึ่งปี เก็บไว้แล้วจะทำยังไงต่อ”

ริมฝีปากเรียวบางรีบพูดออกไปเร็วๆโดยไม่ทันได้ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนเพราะความเห็นแก่ตัวด้วยความรักเข้าครอบงำจิตใจ และสันนิษฐานไปเองว่าน้องสาวของเธอคงเพิ่งจะเริ่มตั้งครรภ์ได้ไม่กี่สัปดาห์สติด้านบวกของเธอหยุดทำงาน โดยลืมไปว่าในบางครั้งคำพูดที่ไม่รอบคอบอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว

ไวเท่าความคิดเมื่อปุณทริกตอบกลับมาเสียงหนักแน่นและน่าชื่นชมจนคนเป็นพี่รู้สึกคล้ายกับกำลังโดนตีแสกหน้า หากมันเรียกสติด้านมนุษยธรรมของเธอคืนมา

“ปุณกลัวบาปการทำแท้งเป็นสิ่งที่บาปหนักที่สุด ปุณกลัวจะต้องรู้สึกผิดไปจนตลอดชีวิตเพราะการตัดสินใจครั้งนี้เด็กที่กำลังจะมาเกิดแสดงว่าเขามีบุญ เขาถึงมาเกิดในท้องของปุณการไปทำลายไม่ไห้เขาเกิดมันเป็นบาปหนักนะพี่ปัญย์”

หญิงสาวเห็นคล้อยตามและนึกชื่นชมน้องสาวที่มีจิตสำนึกของความเป็นแม่อย่างเต็มเปี่ยมทั้งที่เพิ่งจะรับรู้หน้าที่นั้นในเวลานี้

“โทรหาผู้ใหญ่สิ เล่าไปให้หมด”คนเป็นพี่บอกออกไปเพียงไปแค่นั้น หากเธอเองก็รู้คำตอบในใจ

ปุณทริกกดโทรศัพท์หามารดาของแฟนหนุ่มที่ต่างจังหวัดแล้วเริ่มต้นเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ครอบครัวของกันย์รักและเอ็นดูปุณทริกมาก เธอเข้านอกออกในบ้านราวกับเป็นลูกสาวอีกคนมาร่วมสิบปีตั้งแต่เธอตกลงคบเป็นแฟนกับกันย์ และการได้รับรู้ว่าแฟนสาวของลูกชายตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับครอบครัวของคนปลายสายเช่นกัน

“น้องปุณอย่าเพิ่งทำอะไรนะลูกไม่ต้องคิดมาก แม่เลี้ยงได้” คนที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังจะกลายเป็นคุณย่าเอ่ยอย่างกระตือรือร้นหล่อนไม่สามารถปกปิดความสุขที่เอ่อล้นออกมาทางน้ำเสียงได้

“ปุณเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยค่ะแม่กันย์ก็บอกให้เก็บเด็กเอาไว้ แต่ปุณคงต้องคุยกับพ่อก่อน” ปุณทริกตอบแม่สามีทางพฤตินัยอย่างกังวลเธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับบิดาด้วยตัวเอง

“แม่จะจัดงานแต่งให้นะลูก” เสียงเล็กสมตัวของคนที่มีอิทธิพลเหนือสามีเสนออย่างกระตือรือร้นเช่นเดิมหล่อนรักและยินดีต้อนรับลูกสะใภ้คนนี้โดยเสนอจัดงานแต่งก็เพื่อรักษาเกียรติและเป็นการขอขมาผู้ใหญ่ของว่าที่ลูกสะใภ้ในความผิดของลูกชายตน

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ งานแต่งงานไม่สำคัญสำหรับปุณความรักและการถูกยอมรับสำคัญกับปุณมากกว่าค่ะแม่” ปุณทริกตอบแม่สามี เข้าใจดีว่าท่านไม่ต้องการให้เธอตกเป็นที่ครหาของใครๆเพราะถึงแม้จะรับรู้กันทั่วไปว่าทั้งคู่เป็นแฟนคบหากันมานาน หากการตบแต่งให้ถูกต้องตามประเพณีก็เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อรักษาเกียรติของบิดามารดาเธอหากเธอเองที่ยังไม่พร้อมในเวลานี้

“เอาแบบนั้นจะดีเหรอลูก แต่ถ้าน้องปุณตกลงแบบนั้นแม่ก็ไม่ขัดใจเดี๋ยวแม่จะไปคุยกับพ่อของน้องปุณเอง ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นพรุ่งนี้ก็ไปให้หมอตรวจให้แน่ใจว่าอายุครรภ์กี่สัปดาห์ แล้วก็ฝากครรภ์เสียเลยตั้งแต่เนิ่นๆจะได้หายห่วงนะลูก” แม่สามีกำชับในตอนท้าย

“ค่ะแม่ พรุ่งนี้ปุณจะไปหาหมอ”

การสนทนาของแม่สามีและลูกสะใภ้จบลงโดยที่ปัญชลีย์ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็คอยฟังอย่างตั้งใจ และได้ยินเสียงเล็กที่ลอดออกมาทางโทรศัพท์ตลอดเวลามันทำให้เธอใจชื้นราวกับดอกไม้ได้น้ำเพราะครอบครัวของกันย์ยินดีต้อนรับน้องสาวและหลานปู่หลานย่าที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน

ผ่านไปแล้วหนึ่งด่านสำคัญและพรุ่งนี้เช้าบิดาคือคนแรกที่เธอจะโทรศัพท์ไปหา…

เช้าวันใหม่ ณ บริษัทพีเจมส์จำกัดซึ่งเป็นบริษัทรับออกแบบและผลิตเครื่องประดับรายใหญ่ โดยสิ่งแรกที่ปัญชลีย์ทำเมื่อมาถึงห้องทำงานก็คือการเปิดอินเตอร์เน็ตเธอหวังจะแชทเพื่อปรึกษาเพื่อนแท้คนหนึ่งบนโลกออนไลน์นามว่า พี่เงาะ ของเธอ

Pun says : พี่ๆ

Rambutan says : ดีน้อง

Pun says : อยากปรึกษา ปัญหาใหญ่มาก ไม่รู้จะทำไงดี

Rambutan says: เรื่องอะไร

Pun says: น้องสาวท้อง เพิ่งซื้อที่เทสมาตรวจเมื่อคืน

Rambutan says: กี่เดือนแล้ว

Pun says: ไม่รู้ แต่มันบอกว่าเมนส์มาครั้งสุดท้ายเดือน....นี่ก็เดือน....แล้ว

Rambutan says: โหจะสี่เดือนแล้วนะ เรียนอยู่ปีอะไร

Pun says: ปีสาม

Rambutan says: เหลืออีกหนึ่งปีจะจบ

Pun says: อือ

Rambutan says: มีสองทางเลือก หนึ่งคือเอาเด็กออกสองคือบอกพ่อแม่ แล้วเรียนให้จบเทอมนี้ คงจะคลอดพอดี แล้วทำเรื่องดรอปเรียนไว้หนึ่งเทอมคลอดเสร็จกลับมาเรียนต่อ หรือบางทีก็ไม่ต้องดรอปถ้าท้องไม่โตมาก ปิดเทอมใหญ่คลอดพอดีกลับมาเรียนได้เหมือนเดิม แล้วปัญย์คุยกับแฟนน้องยัง

Pun says: ยังไม่ได้คุย แต่น้องมันบอกว่าแฟนไม่ให้เอาออกจะเก็บเด็กไว้

Rambutan says: อืม..ดีแล้ว

Pun says: เลือกดรอปหนึ่งเทอม เรียนไปจนถึงปิดเทอมใหญ่แล้วกลับบ้านไปคลอดถ้าไหวก็มาเรียนต่อ หรือถ้าไม่ไหวก็ดรอปหนึ่งเทอม จบช้าครึ่งเทอมดีกว่า สงสารน้องนะพี่ตัวมันเองก็ไม่อยากเอาเด็กออก ไม่อยากทำบาป เด็กมาเกิดคือเด็กมีบุญ การทำให้เขาไม่ได้เกิดมามันบาปหนักต่อไปตัวเราเองจะรู้สึกผิด การทำอะไรต่อไปข้างหน้าก็ไม่เจริญ น้องมันบอกไว้แบบนี้ปัญย์เองก็รู้สึกผิดมากเลยพี่เมื่อคืน ที่บอกน้องไปว่าเรายังไม่พร้อมเกือบจะแนะนำให้เอาเด็กออกแล้ว เสียใจ รู้สึกผิดจริงๆ T^T

Rambutan says: “...”

Pun says: ประเด็นสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือต้องแล้วแต่พ่อ พ่อจะว่ายังไงพ่อตั้งความหวังเอาไว้กับน้องมากนะพี่ แล้วก็ยังเรียนกันทั้งคู่ แต่คู่นี้คบกันมานานจะสิบแล้วนะ

Rambutan says : ทางบ้านแฟนน้องล่ะ พ่อแม่เขาว่ายังไง

Pun says: แม่เจ้ากันย์จะไปคุยกับพ่อปัญย์วันนี้แม่เจ้ากันย์ดีใจมาก บอกว่าไม่ไห้ทำอะไรทั้งนั้น ให้เก็บลูกไว้ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพ่อคนเดียว

Rambutan says: ดีแล้ว

Pun says : ไม่รู้ว่าปุณจะทนสภาพท้องโย้ตั้งแต่เรียนไม่จบได้ไหมคำครหาต่างๆ นานา อีก ปัญย์สงสารน้อง T^T

Rambutan says: คุยกับน้องสิ คุยกันให้มากๆ

Pun says: ปุณบอกว่ารับได้ บอกเองว่าไม่อยากทำแท้ง มันบาป

Rambutan says: ดีแล้ว มีกำลังใจ

Pun says: ดีแล้วเด็กมีบุญ เอาบุญมาให้แต่มันมาผิดเวลา

Rambutan says: ไม่หรอก ถูกเวลานั่นแหละ

Pun says: เป็นพี่จะทำยังไง

Rambutan says: ถ้าพ่อแม่รู้ อย่างที่บอกก็ดรอปเรียนไว้ก่อนคลอดเสร็จกลับมาเรียนใหม่ แต่ถ้าเขาไม่รู้แล้วผู้ชายไม่ยอมรับบางทีก็อาจจะต้องเอาเด็กออกแต่นี่พ่อแม่ฝ่ายชายรับรู้ยินดี แฟนก็รับรู้ ตัวน้องสาวเองก็พร้อมจะรับเด็กคนนี้ไว้ปัญย์ก็บอกพ่อไปแล้วกัน แล้วค่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันเอง

Pun says: ปัญย์รู้สึกผิดมากเลยนะพี่ เมื่อคืนมันช็อค ห่วงน้องมากด้วยพลั้งปากไปว่าเรายังไม่พร้อม กลัวน้องหมดอนาคตเลยพูดออกไปแบบนั้น

Rambutan says: คุยกันใหม่ อย่าโทษตัวเองคุยกับน้องใหม่แล้วคุยกับพ่อซะ

Pun say: TTT^TTT

Rambutan say: อย่าร้องไห้สิวะ ตั้งสติให้ดี คิดใหม่ เอาใหม่ลบคำพูดเมื่อคืนทิ้งไปให้หมด บอกพ่อซะ แล้วเอาใหม่ คิดใหม่ จัดระบบใหม่ บอกเขาว่านี่คือสิ่งที่ดีมันจะทำให้ทั้งคู่มีสติมากขึ้นทุกครั้งที่จะทำอะไรต่อไปข้างหน้า ถ้าวันนี้คิดจะเอาเด็กออกต่อไปถ้ามีอีกก็เอาออกอีก แล้วมันจะกลายเป็นความเคยชิน ร้อยคู่พันคู่ถ้าเอาเด็กออกชีวิตครอบครัวไม่ดีสักคู่ ไม่เลิกราก็ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น เหมือนเป็นเวรเป็นกรรม !!

Pun says: คู่นี้รักกันมากนะพี่ รักกันมาตั้งแต่เด็กจะสิบปีแล้วนะ

Rambutan says: นั้นแหละดีแล้ว อย่าให้มันจบเพียงเพราะคำว่าไม่พร้อมเราพร้อมแล้ว เด็กพร้อมแล้ว คนดูแลก็พร้อมจะเลี้ยงดู เพราะงั้นทุกอย่างก็พร้อมเวลาก็พร้อม มีเวลาอีกตั้งหลายเดือนให้พักผ่อนหลังคลอด

Pun says: ปัญย์ก็คิดว่างั้น ถ้าน้องมีลูกชีวิตของทั้งคู่จะได้มีจุดมุ่งหมาย

Rambutan says: ใช่นะสิ ถ้าไม่พร้อม หมายถึงเงินไม่มีแฟนก็เลิกพ่อแม่ก็ด่าว่า นั่นต่างหากไม่พร้อม

Pun says: สงสารพ่อ แกผิดหวัง

Rambutan says: ไม่หรอก ไม่ผิดหวัง คุยกับพ่อให้เข้าใจน้องมันต้องทำให้พ่อได้ภูมิใจกว่านี้แน่ เรียนจบแต่มันต้องมีข้อยกเว้นระหว่างเรียนจบช้าไปอีกหน่อยกับเรียนไม่จบเลย ลูกหลานลำบาก แฟนทิ้งเลี้ยงลูกคนเดียวหรือมีตราบาปในใจ พ่อจะเอาอะไร บางครั้งการเรียนจบและการทำแท้งมันไม่ได้การันตีว่าเรียนจบไปแล้วจะมีงานทำดีๆ หรือมีชีวิตคู่ที่ดีก็เป็นได้ตามหลักคำสอนของศาสนา การที่คนเราจะได้รับสิทธิ์ให้มาเกิดแสดงว่ามันต้องพร้อมด้วยหลายๆอย่าง ทั้งบุญของพ่อบุญของแม่และบุญของเด็กเอง ถ้าทุกอย่างไม่พร้อมมันจะมาเกิดได้อย่างไรล่ะวะเพราะฉะนั้นบางทีอาจจะไม่ต้องดรอปก็ได้ พอคลอดแล้วก็กลับไปเรียนต่อได้เลยร่างกายยังดีอยู่ไม่ลำบากอะไรเลย แล้วนี่ถ้านับตามที่บอกก็สี่เดือนแล้วนะ เด็กมีหัวใจ เป็นตัวแล้ว มีแขนมีขา มีความรู้สึกแล้วนะ

Pun says: “...”

Rambutan says: ปัญย์กลับไปวันนี้ กอดน้องให้แน่นๆ บอกน้องขอโทษน้องถ้าพูดอะไรไม่ดีไปเมื่อคืนบอกว่ารักน้องรักหลานอยากเห็นหน้าหลาน จะเลี้ยงหลานให้ดีที่สุด เราจะช่วยกันเลี้ยง

Pun says: กอดแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ก็ไม่ได้พูดอะไรไม่ดีออกไปสักคำแต่ประโยคที่ทรมานใจที่สุดก็คือ ‘เรายังไม่พร้อมนั่นแหละพี่เงาะ’

Rambutan says: ไปขอโทษน้องซะ แล้วบอกว่าตอนนี้เราพร้อมแล้วอย่าเอาความผิดพลาดของเราไปลงที่เด็ก เราต้องรับผิดชอบเองเราพร้อมแล้วที่จะรับผิดชอบ กลับไปกอดน้องแล้วบอกน้องว่า "เราพร้อมแล้ว"

Pun says: ขอบคุณมากนะพี่เงาะ

Rambutan says: อือ ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก ทำงานๆไปทำงานได้แล้ววววว ^^

และแล้วคำปรึกษามากมายที่เธอได้รับจากพี่เงาะก็ช่วยเพิ่มความกล้าให้เธอต่อสายคุยกับบิดาด้วยความมั่นใจและมีกำลังใจมากยิ่งขึ้นจนทำให้ประวัติศาสตร์ของการพิมพ์คุยกันที่ยาวและนานที่สุดก็ถูกทุบสถิติลงอย่างราบคาบในวันนี้…


*******************************************************

มีวางจำหน่ายแล้วในรูปแบบ E-BOOK ค่ะ ตามลิ้งก์ค่ะ

//www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=9020


ส่วนรูปเล่มรอฉบับรีปริ้นครั้งที่ 3ใครสนใจอยากได้เล่ม "ดวงใจมัท" ในรูปเล่ม แจ้งเข้ามาได้ที่ E-Mail : wikky7ster@gmail.com ค่ะ

หรือแฟนเพจ 





Create Date : 25 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 3 ธันวาคม 2557 16:45:24 น. 0 comments
Counter : 623 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wikky_78
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wikky_78's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.