Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
นิยายรัก ตอนที่ 8 จูบแรก (ครึ่งหลัง)


ดวงใจดล

ผู้เขียน : วรรณรวี

พิมพ์ครั้งแรก : มีนาคม ๒๕๕๗

copy.jpgสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ ๒๕๓๗

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารรูปเล่ม หรือเพื่อการใดๆเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ISBN : ๙๗๘ - ๖๑๖ - ๓๔๘ - ๗๖๕ - ๐

ราคา ๓๐๐ บาท


************************************************************************

ตัวอย่าง

๘.

จูบแรก ! (ครึ่งหลัง)


ดวงตาคมเฉียบของคนขับมองเส้นทางหากในใจวิเคราะห์ถึงนางในดวงใจ ถึงแม้ว่าเขาเจอเธอเพียงไม่กี่ครั้ง หากความน่ารักและการแสดงออกโดยไม่ปรุงแต่งของเธอทำให้เขาเข้าใจความหมายของคำว่า ‘น้อยๆ แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ’ ว่าเป็นเช่นไร...

ทั้งคู่มาถึงร้าน Music Long Play โดยใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีชายหนุ่มหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถยนต์เข้าไปจอดอย่างชำนาญ

“ถึงแล้วครับผม” เสียงนุ่มของคนที่เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้หญิงสาวโดยระยะห่างของใบหน้าแทบจะชิด

ปัญชลีย์รีบเอนไปด้านหลังโดยอัตโนมัติเธอกังวลว่าเขาจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ

“ขอบคุณค่ะ” เสียงเล็กตอบเบาๆ

ชายหนุ่มเดินลงไปเพื่อเปิดประตูรถยนต์ให้หญิงสาวหากเธอเปิดออกมาเสียก่อน พร้อมกับรองเท้าแตะคู่ใหม่ที่เขาซื้อให้

ร่างบางก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กมาถือ โดยเธอไม่รู้สึกขัดเขินว่ารองเท้าที่สวมอยู่นั้นไม่เข้ากันกับชุดสวยเอาเสียเลย‘ใครจะไปสน ร้านอินดี้แบบนี้ไม่มีใครเขาสนใจความไม่เข้ากันเล็กๆ น้อยๆ หรอก’

ปัญชลีย์คิดในแบบของตัวเอง เพราะเธอไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลกใหม่ความงามเกิดขึ้นได้จากสิ่งที่ไม่เข้ากันหากลงตัว ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานที่

บทสรุปของคนที่ร่ำเรียนศิลปะมาคือทุกสิ่งย่อมมีความงามในแบบฉบับของตัวเองเดรสคอวีสีน้ำเงินเข้มเว้าหลังบนร่างของเธอกับรองเท้าแตะคู่นี้ก็ประสบความสำเร็จในแง่ของการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าไปในร้านชายหนุ่มจูงมือของหญิงสาวเอาไว้อย่างถือสิทธิ์ โดยเขาก้มลงให้เหตุผลกับเธอสั้นๆ และสุภาพว่า

“ปัญย์เท้าเจ็บ ให้ผมจับมือนะครับ”

“...”

ปัญชลีย์ไม่ตอบเพราะตั้งตัวไม่ทันซึ่งเท้าเล็กก็ได้รับบาดเจ็บจริง หากแค่เพียงรองเท้ากัด มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะเดินเองไม่ได้เสียหน่อยถึงจะมีเหตุผลหักล้าง หากร่างบางก็ก้าวเดินตามแรงจูงของเขาแต่โดยดี มือแกร่งสอดประสานหลวมๆกับนิ้วเรียวเล็กดั่งลำเทียนเดินเข้าไปในร้านคล้ายกับ ‘คู่รัก’

เมื่อมีที่ว่างคือโต๊ะเล็กๆ ซึ่งอยู่ด้านในของร้านที่นั่งได้เพียงแค่สองคนถึงมันจะเล็ก หากเป็นที่พึงพอใจของชายหนุ่ม เพราะเขาเองชอบที่จะได้นั่งชิดกับเธอในระยะเข่าชนเข่าเช่นนี้มันช่างอบอุ่นและชวนจินตนาการเป็นอย่างดี ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ตอนที่เขามานั่งรอเธออยู่คนเดียวเขากลับรู้สึกอึดอัดเสียด้วยซ้ำ

ด้วยขนาดของร้านซึ่งไม่ใหญ่มากนัก เมื่อมีแขกมากมายในช่วงสุดสัปดาห์ก็ยิ่งทำให้ร้านดูเล็กลงไปถนัดตา หากองค์ประกอบต่างๆ ทำให้ร้านนี้มีเสน่ห์มากทั้งการตกแต่งที่ดูแปลกตาในรูปแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร้านต้องเป็นผู้มีรสนิยมที่ดีมากในเรื่องศิลปะร่วมสมัยเพราะไม่ว่าแขกจะมาช่วงไหนก็ไม่ทำให้รู้สึกเชยหรือเก่าไปตามกาลเวลา...

“ฉันชอบบรรยากาศร้านนี้มากๆ เปิดเพลงแปลกดีค่ะบางวันก็เปิดเพลงคลาสสิคจนฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังนั่งฟังซิมโฟนีออร์เคสตราอยู่ในโรงละครเลยแต่บางวันก็เปิดเพลงเร็กเก้จนฉันและเพื่อนๆคิดว่ากำลังเดินเล่นอยู่ริมชายหาดที่ไหนสักแห่ง บางวันพี่โป๊ะอารมณ์ไหนก็ไม่รู้เปิดโปรเกรสซีฟสลับเฮฟวี่เมทัลปวดหูไล่แขกเสียเฉยเลยตลกดี แล้วจำนวนแขกก็กำลังดีนะคะ ไม่มากไม่น้อย เจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่ของฉันเองค่ะเป็นผู้ชายที่น่ารักมาก นิสัยดีมาก หล่อแล้วก็ดังมากๆ แต่พี่เขาก็ชอบเก็บตัวมากๆด้วยเหมือนกันค่ะ”

หญิงสาวเอ่ยถึงชายหนุ่มเจ้าของร้านอย่างชื่นชมโดยไม่สังเกตสีหน้าของคนที่มองเธอด้วยแววตาเกินคำว่าหวานเป็นอย่างไร เพราะเธอกำลังกวาดตามองสำรวจไปรอบๆบริเวณร้านด้วยท่าทางตื่นเต้นและคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เพราะไม่ได้มาร้านนี้นานมากแล้ว

“ผมก็ชอบที่นี่มากๆ ครับ ปัญย์จำได้ไหมว่าเราพบกันครั้งแรกที่นี่”เสียงนุ่มเสียยิ่งกว่านุ่มของคนที่ขยับเข่าของเขาล้ำเข้าไปเพื่อโอบเข่าเล็กๆทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้ แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ ราวกับเขากลัวว่าเธอจะไม่ได้ยิน

“เอ่อ...แต่ฉันจำคุณไม่ได้เสียหน่อย”เสียงเล็กเอ่ยเบาๆ ก้มหน้าลงเพราะเขินอาย ทำไมเธอจะไม่รู้สึกถึงสัมผัสแนบชิดใต้โต๊ะระหว่างเขากับเธอ

“ไม่เป็นไรนี่ครับ เรานับหนึ่งกันใหม่ก็ได้”เจ้าของเสียงนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ โดยเข่าของเขารวบเข่าเล็กของเธอเอาไว้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม

“...”

หญิงสาวไม่ตอบเธอเพียงก้มหน้าซ่อนความอายหากหัวใจเจ้ากรรมกลับเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ตอนนั้นเธอจำอะไรไม่ได้ชัด แต่ถ้าหากกลิ่นกายของเขาตราตรึงอยู่ในความทรงจำเช่นนี้ย่อมแสดงว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นเขากับเธอต้องใกล้ชิดกันมากๆ อย่างแน่นอน

ปัญชลีย์รีบสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ภาพในอดีตแล้วเรียกสติกลับมาเพื่อโต้ตอบในแบบที่ไม่เข้าตัวเธอมากนัก

“ปัญย์ชอบดื่มอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”เสียงนุ่มเสียยิ่งกว่านุ่มเอ่ยถาม

“ขอพันซ์ค่ะ พันซ์ที่นี่มีสูตรเฉพาะพี่โป๊ะคิดสูตรเครื่องดื่มเอง หอมแล้วก็หวานนิดๆ ผสมแอลกอฮอล์นิดเดียว”

เมื่อได้รับคำตอบพร้อมรอยยิ้มของหญิงสาวชายหนุ่มจึงยกมือแกร่งเรียกบริกรหนุ่มมารับออร์เดอร์ เขาสั่งพันซ์ให้เธอและสั่งวิสกี้บางๆผสมโซดาให้ตัวเอง ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยถามบริกรหนุ่ม

“พี่โป๊ะอยู่ไหมเก๋พี่ไม่ได้เจอพี่โป๊ะนานแล้ว อยากจะทักทายพี่เขาสักหน่อย”

“ช่วงนี้พี่โป๊ะกลับไปค้างที่คอนโดฯไม่เข้าร้านมาเป็นสัปดาห์แล้วครับพี่ปัญย์” บริกรหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“แปลกจัง เคยได้ยินว่าพี่เขาไม่ชอบไปค้างที่คอนโดฯคนเดียว มันกว้างแล้วก็เหงานี่นา แล้วนี่นึกยังไง หรือว่า...” หญิงสาวหยุดคำพูดเอาไว้เพียงแค่นั้นก่อนส่งยิ้มตาวาวให้กับคนที่พยักหน้ารับเพราะเข้าใจในความหมาย

“อือ เข้าใจแล้วละ ไปเอาเครื่องดื่มที่สั่งมาได้เลยเก๋ขอบใจมากจ้ะ ขอโก๋แก่กับขาไก่ด้วยนะ”

ปัญชลีย์สั่งของกินเล่นโดยไม่สังเกตแววตาสงสัยของบริกรหนุ่มที่มองมายังชายหนุ่มลูกค้าขาประจำที่เขาเห็นหน้าแทบทุกสุดสัปดาห์กว่าหลายเดือน ทำไมเขาจะจำไม่ได้ก็เพราะชายหนุ่มผู้นี้มาในรูปลักษณ์แบบเดิม นั่นก็คือเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดและสั่งวิสกี้โซดาเพียงสองแก้วก่อนกลับไปในเวลาเดิมหากวันนี้ชายหนุ่มมาในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำหล่อเหลาดูแปลกตาและที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือเขามานั่งส่งตาหวานใส่พี่สาวและลูกค้าคนคุ้นเคยหากบริกรหนุ่มไม่มีเวลาสงสัยนานนักเพราะเขาต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ระหว่างรอจนกระทั่งบริกรหนุ่มนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเรื่องทั่วไป ทั้งวิจารณ์เพลงที่ทางร้านเปิดได้อย่างรอบรู้ในแวดวงดนตรีรูปแบบต่างๆได้อย่างน่าสนใจ แม้กระทั่งช่วงเวลาที่ทางร้านเปิดเพลงเก่ายุค 60s สลับ 70s บ้าง ทั้งคู่ก็มีความคิดเห็นสอดแทรกและรู้จักศิลปินเป็นอย่างดี แล้วยังร่วมร้องคลอไปตามเสียงเพลงประสานกันเบาๆ

รวมไปถึงงานศิลปะแขนงต่างๆ และของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ทางร้านนำมาตกแต่งร้านซึ่งเธอรู้ดีว่าเป็นไอเดียของชายหนุ่มเจ้าของร้านได้แบบคนคอเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อเธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ ‘คลิก’ กับเขาได้ง่ายดายเช่นนี้ และไม่รู้สึกว่ามีความสุขในการสนทนากับบุคคลอื่นมานานแล้วเช่นกันจนนึกเสียดายที่เวลาของคืนนี้มันควรจะจบลง ดึกมากแล้วเธอควรจะกลับเสียที

“กลับกันเถอะค่ะ จะเที่ยงคืนแล้ว”หญิงสาวเอ่ยชวนพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“ได้เลยครับผม” ชายหนุ่มตอบตกลงโดยง่าย

“วันหลังเรามากันอีกนะครับ” เขาเสนออย่างมีความหวัง

“ไว้ดูอีกทีก็แล้วกันค่ะ” เธอไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพราะลึกๆ แล้วเธอยอมรับอย่างไม่อายว่ามีความสุขและอบอุ่นที่ได้นั่งพูดคุยกับเขาในคืนนี้...

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ยกมือเรียกบริกรมาเช็กบิลก่อนที่เขาจะเดินจูงมือเธอกลับไปที่รถด้วยท่าทางเช่นเดียวกับตอนขามา

เพลงแจ๊สจากศิลปินคนดังขับกล่อมเบาๆมาตลอดทาง โดยคนขับไม่สอบถามเส้นทางกับหญิงสาว ซึ่งกำลังร้องคลอตามเสียงเพลงของศิลปินสุดโปรดเพลินจนเธออาจจะลืมสงสัยไปเลยว่าเขารู้เส้นทางได้อย่างไร

“ถึงแล้วครับผม”

เสียงนุ่มเอ่ยขณะปลดเข็มขัดนิรภัยให้ระยะใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งฟุตจนหญิงสาวตาพร่า เธอมีอาการคล้ายๆกับเมื่อเกือบสามชั่วโมงก่อนหน้านี้

และไม่ให้หญิงสาวได้ตั้งตัวชายหนุ่มก็ประทับริมฝีปากอุ่นๆ ลงบนริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน เขาค้างริมฝีปากนิ่งนับนาทีจนสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจเต้นรัวของเธอ

เจ้าของริมฝีปากเล็กพยายามรวบรวมสติก่อนที่เธอจะเคลิบเคลิ้มไปกับความรู้สึกแสนหวาน เพราะเพียงแค่แรกสัมผัส เธอก็รับรู้ถึงรสและกลิ่นเผื่อนของวิสกี้บางๆจนหัวแทบจะหมุน ถึงแม้จะไม่ใช่สาวแรกรุ่น หากนี้คือประสบการณ์ครั้งแรกของเธอ

และก่อนที่อะไรๆ จะนอกเหนือการควบคุมคนที่แผ่นหลังบอบบางสัมผัสเบาะที่นั่งก็เอ่ยเบาๆ

“อย่าค่ะคุณดล แบบนี้ไม่ดี”

“ลองดูก่อนนะครับเราเข้ากันได้ดีปัญย์ก็รู้” เสียงนุ่มหากพร่า กระซิบบนริมฝีปากที่ยังคงสัมผัสกัน

“ฉัน ฉัน”

หญิงสาวไม่ทันจะเอ่ย ริมฝีปากหยักของเขาก็กดลงบนริมฝีปากเล็กของเธออีกครั้งหากครั้งนี้ยิ่งกว่าสัมผัส เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความชำนาญชายหนุ่มบรรจงแผ่ความอุ่นจนเกือบร้อนของเขาขบเม้มเบาๆ กับริมฝีปากของเธอ ราวกับเป็นการหยอกล้อที่สุดแสนจะหวานโดยเขาครอบครองกลีบปากนุ่มนวลทั้งบนและล่างอย่างละเลียดยาวนานหากแสนหวานและอ่อนโยนก่อนจะถอนริมฝีปากออกแล้วเอ่ยกระซิบเสียงนุ่มและพร่า

“ปัญย์หวานที่สุดเลยรู้ตัวไหมครับ”

คนที่โน้มตัวและใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่หลังพิงเบาะเอ่ยเพียงแค่นั้นและเขาก็กระทำการหนักข้อขึ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นๆ ของเขาขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของเธอแล้วดึงออกเบาๆอย่างวอนขอ รสสัมผัสอันดูดดื่มของเขาพยายามนำทางอย่างหยอกล้อให้เธอไว้ใจ และยอมเผยอริมฝีปากอนุญาตให้ความอุ่นของเขาเข้าไปละเลียดชิมและสำรวจความหวานล้ำภายในโดยเขาค่อยๆ ขยับจังหวะช้าๆ จนไต่ระดับความเร็วหากยังคงความแสนหวานเมื่อปลายลิ้นสัมผัสอุ่นๆของเธอ ค่อยๆ ตอบสนองกลับมาอย่างคนไม่ชำนาญ หากความพยายามที่พร้อมจะเรียนรู้เป็นผู้ตามอย่างกระตือรือร้นจนคนที่เป็นฝ่ายรุกอยากจะมอบรางวัลนักเรียนดีเด่นให้เธอด้วยรสจูบอันดูดดื่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพหวานล้ำและหวังผลได้จากเขา ถึงแม้ความจริงแล้วรสจูบของเธอจะไม่เป็นสับปะรดอย่างที่สาวๆผู้มากประสบการณ์คนอื่นๆ ที่เขาเคยผ่านมา หากเพียงแค่จูบแรกก็ทำให้เขาแทบคลั่งจนอยากจะปลุกสัญชาตญาณดิบของตัวเองขึ้นมาแล้วปรับเบาะไปด้านหลังจนสุด กดเธอลงไปแล้วขึ้นคร่อมเหนือรูปร่างบอบบาง ถอดชุดสวยของเธอออกแล้วกระทำการเกินกว่าจูบเสียเดี๋ยวนี้

ซึ่งทั้งหมดเป็นได้เพียงแค่ในห้วงจินตนาการของชายหนุ่มเท่านั้นหากสิ่งที่เขาแสดงออกมาคือรสจูบแสนหวานอ่อนละมุนแผ่วเบาที่ค่อยๆทวีความเร่าร้อนในอุณหภูมิที่ฝ่ายรุกยังคงสามารถควบคุมมันได้โดยสมองของเขายังทำหน้าที่ประมวลผลและยิ่งกว่ามั่นใจว่า ‘นี่คือจูบแรกของเธออย่างแน่นอน ’

“หยุดเถอะค่ะคุณดล มันไม่เหมาะ”

คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มจากรสสัมผัสอันแสนหวานพยายามเอ่ยเพียงแค่นั้น เพราะคำว่า ‘ไม่เหมาะ’ เชื่อว่าชายหนุ่มคงจะรู้ดีว่าความหมายของเธอคืออะไรก็เพราะเขาเข้าใจว่าเธอมีลูกแล้วด้วยซ้ำไป ถึงแม้จะไม่ระบุว่ามีสามีอยู่ด้วยหรือไม่หากการที่เขาทำเช่นนี้กับเธอ โดยเธอเองเป็นฝ่ายยินยอมพร้อมใจ มันจะยิ่งทำให้เขาคิดได้ว่าเธอเป็นแม่ลูกอ่อนใจง่าย...

คนที่อารมณ์และความคิดกำลังปั่นป่วนอยากจะบอกความจริงกับเขาเสียเดี๋ยวนี่ เธอจะได้ตัดสินใจทำอะไรได้ง่ายขึ้นเธอยิ่งกว่าแน่ใจว่าเวลานี้ ‘เธอตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว’

“ปัญย์มีอะไรจะบอกผมไหม ปัญย์คุยกับผมได้ทุกเรื่องทุกเรื่องจริงๆ นะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงนุ่ม ขณะที่เขายังคงไล้ริมฝีปากลงบนแก้มขาวผ่านคางเล็กๆ ไปยังซอกคอขาวผ่องที่เปลี่ยนเป็นสีชมพู และคืนนี้เขาก็เห็นสีผิวของเธอเปลี่ยนมาแล้วหลายครั้งหากเมื่อเขาเห็นสายตาลังเลของเธอ เขาจึงไม่ถามซ้ำให้เธอลำบากใจ เป็นการให้เกียรติและรอจนกว่าเธอพร้อมจะบอกเขาด้วยความเต็มใจ

“เอ่อ เอ่อ คือ ไม่มีอะไรหรอกค่ะขอบคุณมากสำหรับคืนนี้ คุณกลับไปเถอะ”

หญิงสาวผลักร่างของคนที่ระดมจูบไปทั่วใบหน้าของเธอเบาๆเอ่ยเพียงแค่นั้น ก่อนคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กที่วางบนตัก อีกมือเปิดประตูรถยนต์ก่อนลงไปแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินผ่านประตูเล็กเข้าไปในบ้านที่ยังมองเห็นแสงไฟสว่าง

‘น้องสาวของเธอยังไม่เข้านอนจริงๆถ้าหากพี่สาวยังกลับไม่ถึงบ้าน’

ในความคิดของเขานึกชื่นชมความรักของสองพี่น้องและหลานสาวตัวน้อยผิวสีชมพูคนนั้นเห็นทีเขาคงต้องเพิ่มเงินเดือนให้กับเลขาคนใหม่และว่าที่น้องเมียเสียแล้ว

คนที่เพิ่งเข้าไปในบ้านเพิ่งรู้ตัวว่าได้ลืมรองเท้าแบรนด์เนมคู่แพงเอาไว้ในรถยนต์ของชายหนุ่มและถ้าหากไม่ขอคืนก็คงจะเสียดายมากเพราะมันเป็นรองเท้าคู่แพงที่สุดคู่เดียวที่เธอมี

“แต่คงไม่ขอคืนตอนนี้หรอกแค่นี้ก็อายจะแย่ ยอมให้เขาจูบ แถมยังไม่เคลียร์เรื่องลูกกับสามีอีกแล้วยังจะกล้าลืมรองเท้าเอาไว้ในรถยนต์ของเขา แบบนี้เขาจะคิดได้ว่าเราตั้งใจจะอ่อยเขานะสิแต่ แต่ก็อยากจะอ่อยจริงๆ นั่นแหละ” คนที่กำลังเดินขึ้นห้องนอนเอ่ยกับตัวเองอย่างเพลียๆ

ในขณะที่หญิงสาวเดินขึ้นห้องพร้อมกับความสับสนชายหนุ่มก็ขับรถยนต์กลับไปยังคฤหาสน์ของเขาอย่างอารมณ์ดี เขามั่นใจมากว่าเธอไม่มีใครเพราะรสจูบที่ผ่านมาเพียงไม่กี่นาทีนั้นคือจูบแรกชัดๆ หรือถ้าหากเธอจะแกล้งไร้เดียงสาเธอก็แสดงได้อย่างแนบเนียนมากชนิดที่ระดับปรมาจารย์อย่างเขาพร้อมจะเชื่อดวงตาคมเฉียบลดลงมองไปยังที่วางเท้าฝั่งที่นั่งคู่คนขับเขาเห็นรองเท้าแบรนด์เนมคู่สวยที่ทำร้ายเธอคืนนี้แล้วยิ้มกว้างเพราะมันจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลับไปหาเธออีกครั้งเร็วๆนี้อย่างแน่นอน

ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปยังคฤหาสน์ที่เขาไม่ได้แวะมาค้างนานแล้วและเมื่อดึกเช่นนี้ทุกคนในบ้านจึงไม่อยู่รอต้อนรับลูกชายคนเดียวของบ้าน เหลือเพียงพนักงานรักษาความปลอดภัยยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะเพียงแค่เห็นรถยนต์ของเขา รปภ.หนุ่มใหญ่ก็รีบเปิดประตูให้เขาขับเข้ามาเทียบจอดโดยทันที…

ในช่วงเวลาเดียวกันที่หนุ่มสาวคู่หนึ่งมีความสุขกับรสจูบอันแสนหวานร่วมกันครั้งแรก หนุ่มสาวอีกคู่ก็กำลังสับสนในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ทั้งคู่ทำไปโดยมีสติครบถ้วนไม่มีข้ออ้างจากสิ่งมึนเมา ความสุขหวานล้ำลึกซึ้งและขาดการยับยั้งชั่งใจการปลอบประโลมที่สุดแสนจะอ่อนโยนอย่างเข้าใจปัญหาหลังจากที่บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่มาส่งแบบสาวคนดังจนทั้งคู่มาจบลงบนเตียงนอนสีเบจกลางห้องนอนภายในคอนโดฯ หรูของเธอ

“จะกลับแล้วเหรอคะ”

เสียงหวานของยศวดีที่ยกรูปร่างบอบบางอย่างนางแบบขึ้นนั่งเอนๆเอ่ยถามหลังจากภูชิตลุกขึ้นไปหยิบกางเกงขึ้นมาสวม ตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีเข้ม ในขณะที่ตัวเธอมีเพียงผ้าห่มสีขาวเนื้อนุ่มที่ถูกดึงขึ้นมาปกปิดปริ่มๆเนินเนื้องดงามเอาไว้ส่งๆ

“ผมกลับก่อนดีกว่าครับ ผมไม่ต้องการให้คุณเสื่อมเสียชื่อเสียงถ้าหากมีใครบังเอิญมาเห็นว่าผมออกไปจากห้องของคุณตอนเช้า” เสียงทุ้มที่เคยห้าวของภูชิตเอ่ยเบาและนุ่มหากสีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย

“ชื่อเสียงไม่สำคัญกับฉันอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ ฉันโดนยกเลิกงานหมดแล้วคุณก็รู้”

นางแบบสาวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังในเมื่อเธอเล่าให้เขาฟังแล้วว่ารัฐมนตรีบรรพตส่งคนมาทาบทามเพื่อเจรจาเลี้ยงดูโดยเธอตอบปฏิเสธเสียงแข็ง

“ฉันมีศักดิ์ศรีและรู้คุณค่าในตัวเองคนอย่างฉันถ้าจะอยู่กับใครก็ต้องอยู่ด้วยความรักเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเงินและฉันต้องเป็นคนเลือกเอง”

การปฏิเสธเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีอย่างน่าชื่นชมของนางแบบสาวนั้นกลับกลายเป็นเรื่องเสียหน้าให้กับรัฐมนตรีคนดัง ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่น่านับถือของใครๆและในเมื่อเขายื่นข้อเสนอรับเลี้ยงดูเธอดีๆ ไม่ได้ การตัดเส้นทางรายได้เพื่อบีบบังคับเป็นวิธีที่คนระดับรัฐมนตรีนำมาใช้เพียงเพื่อต้องการจะได้ผู้หญิงหนึ่งคนเท่านั้น...

ยศวดีต้องการปรึกษาคนที่เธอไว้ใจได้แต่ในเมื่อไม่มีโอกาส ภูชิตก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เขาเป็นที่ปรึกษาที่ดี อบอุ่นและคอยดูแลเธอมานานหลายเดือนสายตาของภูชิตที่มองเธอเวลาเผลอ ทำไมจะมองไม่ออกว่าเขาคิดกับเธอเช่นไร หากเพราะเขาเจียมตัวและพยายามรักษาระยะห่างได้ดีมาตลอดจนกระทั่งเมื่อคืนนี้ เธอร้องไห้อย่างหนักและซบอกของเขาเล่าความจริงถึงสาเหตุความไม่สบายใจที่คอยคุกคามเธอมานานแรมเดือน

บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่เดินกลับมาที่เตียงหลังจากเขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยมือหนาของเขาจับมือบางพลางใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือของเธอเบาๆส่งสายตาที่เธออ่านความหมายได้ว่า ‘ขอโทษ’ โดยไม่ต้องเอ่ยออกมา

“คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษ และไม่ควรรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้นฉันเต็มใจเอง” เสียงหวานเอ่ยราวกับอ่านใจเขาออก

“ผมจะไม่แสดงตัวและถือสิทธิ์ในตัวคุณคุณมีอิสระทั้งตัว หัวใจและความคิด คุณสบายใจเรื่องนี้ได้ คุณยังปรึกษาเรียกใช้ผมได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ”

ภูชิตตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเจียมเนื้อเจียมตัวถึงแม้ว่าเขาไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะถ้าหากตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง จำนวนเงินมหาศาลซึ่งได้มาจากรายได้ของหุ้นที่เขาได้รับจากเจ้านายหนุ่มและการลงทุนส่วนตัวอย่างมีประสิทธิภาพอีกมากมาย หากตัวเขาเองเชื่อว่าจะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของนางแบบสาวที่มีคู่ควงเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดถึงแม้จะเป็นบอดี้การ์ดที่ใครๆ ต้องยำเกรงก็ตาม มันช่างเข้าตำราที่ว่า ‘ดอกฟ้ากับสุนัขในกุฏิ’ ได้อย่างไม่มีที่ติ

ภูชิตไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าท่าทางคำพูดและสายตาที่แสดงออกเด่นชัดว่าเจียมเนื้อเจียมตัวของเขา มันยิ่งทำให้หญิงสาวที่อยู่บนตียงนอนอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเพราะผู้ชายคนนี้รัก เทิดทูน จริงใจและให้เกียรติเธอ สายตาของเขาที่มองเธอราวกับเป็นอัญมณีล้ำค่าเธอมีความสุข ศักดิ์ศรีที่เคยถูกเหยียบย่ำของเธอมีค่ามากยิ่งกว่าสิ่งใดในสายตาของเขาและตอนนี้หัวใจที่ว่างมานานของเธอเหมือนถูกเติมเต็มเพียงแค่เห็นแววตาของผู้ชายคนนี้

ถึงแม้ว่าความรู้สึกจะเอ่อล้นมากมายเพียงใดเธอก็เอ่ยออกไปเพียงสั้นๆ

“ค่ะ”

นางแบบสาวโถมร่างเข้าไปกอดคนเจียมตัวเอาไว้แน่นผ้าห่มผืนหนาที่เคยปกปิดร่างของเธอก็หล่นลงมากองที่ตัก จนไม่สามารถปกปิดความงดงามของเรือนร่างเธอได้อีกต่อไป

ยศวดีจูบผู้ชายที่คิดว่าตัวเขาเองเป็นสุนัขในกุฏิอย่างดูดดื่มได้อย่างเช่นผู้หญิงแถวหน้าเพราะถึงแม้ว่าเธอจะมอบความบริสุทธิ์ให้เขาเป็นคนแรก หากการได้เคยฝึกฝนการจูบอย่างเผ็ดร้อนตามประสบการณ์วัยสาวมาบ้างและเธอก็ใช้ไม้เด็ดนี้เพื่อเป็นการขอบคุณในความน่ารักและซื่อสัตย์ของเขา

“ขอบคุณมากนะคะคุณน่ารักกับฉันเสมอมา ถ้าคุณจะเปลี่ยนใจอยู่กับฉันต่อจนถึงเช้า ฉันก็ยินดี” นางแบบสาวเสนอเสียงหวานหากเบาหลังจากเธอถอนริมฝีปากออกดวงตาของเธอช้อนขึ้นมองตาเขา

“ผมจะหายตัวไปในตอนเช้า”

หนุ่มใหญ่เอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วเขาก็เห็นยิ้มหวานของคนที่ยกแขนเรียวโอบรอบคอของเขา แล้วทั้งคู่ก็บรรเลงเพลงรักกันอย่างเร้าร้อนโดยไม่รู้จักอิ่มและยาวนานจนสลบไปอย่างหมดแรงพร้อมกันทั้งคู่จนกระทั่งล่วงเข้าสายของอีกวัน

ภูชิตหายตัวไปก่อนที่ยศวดีจะตื่นแล้วเขาก็ขับรถยนต์มายังคอนโดฯ ที่พักเพื่อภารกิจเร่งด่วนหลังจากได้รับโทรศัพท์ตามตัวในตอนสาย

“พี่ เราเจอปัญหาแล้วว่ะมีคนอยากลองดี พี่ไปดูหน่อยก็แล้วกัน”

เสียงที่เคยนุ่มเปลี่ยนเป็นกร้าวและทรงพลังของคนปลายสายทำหน้าที่ได้ดียิ่งกว่านาฬิกาปลุกรุ่นไหนๆจนเขาต้องรีบรุดออกมาจากห้องของคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยฝีเท้าเงียบกริบราวกับหายตัวได้อย่างที่เขาบอกเธอ

“ครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่รับคำสั่งสั้นๆ

“พี่อยู่ห้องหรือเปล่าวะ ขึ้นมาหาผมหน่อยมีรายละเอียดความระยำของพวกมันจะบอก” คนเป็นเจ้านายเอ่ยถามเสียงเข้ม

“ผมอยู่ข้างนอก จะถึงคอนโดฯ ในอีกไม่กี่นาที”บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่ตอบเสียงเข้มไม่แพ้กัน

“พี่ออกไปตอนเช้าหรือยังไม่ได้กลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืนวะ”คนเป็นเจ้านายเอ่ยถามกึ่งกวนอารมณ์ โดยเขาไม่ต้องการคำตอบ

“ผมต้องตอบคำถามของคุณข้อนี้ด้วยไหมครับเจ้านาย”

ภูชิตตอบกลับอย่างไม่เกรง เพราะเขารู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มตั้งคำถามในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้เขาไม่ต้องการรู้ลึกไปกว่านั้นเพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว ในความเป็นจริงเจ้านายหนุ่มและน้องชายของเขาคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาไปขลุกอยู่กับใครมาทั้งคืน




Create Date : 05 มกราคม 2558
Last Update : 5 มกราคม 2558 17:29:08 น. 0 comments
Counter : 3065 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wikky_78
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wikky_78's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.