เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
เมษายน 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
30 เมษายน 2559

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 44










วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 ท่านพระครูกลับจากงานเผาศพนางมั่นที่จังหวัดอ่างทอง ขณะที่รถมาตามถนนสายเอเซียใกล้ปากทางที่จะเข้าวัด พลันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเจ๊นวลศรีกำลังป่วยหนัก ควรจะต้องไปเยี่ยมเยียน เพราะในวันอาทิตย์ที่กำลังจะถึงนี้ แกจะ 'ไป' แล้ว 'เห็นหนอ' บอกว่าแกจะไปสู่สุคติในวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลา 04.10 นาฬิกา

"สมชาย ยังไม่ต้องเลี้ยวเข้าวัดนะ ฉันจะเข้าจังหวัดไปเยี่ยมเจ๊นวลศรีก่อน" ท่านกำชับคนขับ
"ป้านวลศรีไม่สบายหรือครับ แกเป็นอะไรครับ"
"เป็นเนื้องอกในท้อง เห็นว่าอีกสามวันจะทิ้งร่าง ต้องไปดูเขาหน่อย"
"จะตายแล้วหรือครับ เห็นแกอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ไม่น่าตายเลย อายุก็ยังไม่มากนี่ครับ ยังไม่ถึงหกสิบด้วยซ้ำ"
"จะอ้วนหรือผอม แก่หรือไม่แก่ เมื่อถึงเวลาก็ต้องตายทั้งนั้นแหละ" ท่านสรุป

"แล้วมีไหมครับหลวงพ่อ มีประเภทที่ถึงเวลาแล้วก็ยังไม่ตาย มีไหมครับ"

นายสมชายเริ่มเล่นลิ้น เนื่องจากเหงาปากมานาน เพราะพอขึ้นรถท่านก็นั่งหลับตา เพิ่งจะมาเอ่ยปากพูดเมื่อใกล้จะถึงปากทางเข้าวัด เพื่อจะบอกเขาว่ายังไม่ต้องกลับวัดนั่นแหละ

"มี ก็เธอไงล่ะ ที่ต้องตายทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา เพราะพูดมากปากมอม"
"แหม เป็นพระคุณอย่างสูงเลยครับหลวงพ่อ ที่ให้พรผม"

ท่านพระครูนิ่งไปสักยี่สิบนาทีเห็นจะได้ ต่อเมื่อรถเลี้ยวเข้าตัวจังหวัดแล้ว จึงพูดขึ้นมาว่า "ใครว่าฉันให้พร ฉันด่าเธอต่างหากล่ะ ฟังไม่ออกหรือ ความรู้สึกช้าจังนะ"

นายสมชายรู้สึกทึ่ง ที่ท่านอุตส่าห์ 'ต่อเรื่อง' จึงพูดว่า "นั่นแหละครับ ผมถือว่าให้พร คนโบราณเขายังสอนไว้เลยว่า 'ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก ผู้หญิงให้จวักแปลว่าเขากวักมือ' "

"แล้วถ้าผู้หญิงเรียก 'นายกระบือ' ล่ะ"
"ก็ต้องถือว่าเป็นความซวยครับ" นายสมชายตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
"เออ ดีมาก ระวังโน่น เลี้ยวซ้ายข้างหน้าโน่น อย่าขับเลยไปล่ะ"
"ครับ ไม่เลยแน่ ทำไมป้าเขาไม่ไปอยู่โรงพยาบาลล่ะครับหลวงพ่อ ลูกหลานเขาไม่พาส่งโรงพยาบาลหรอกหรือครับ"
"ส่งไปทุกโรงแล้ว แต่หมอเขาไม่รับ เขาบอกให้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน ลงเขาพูดอย่างนี้ก็แปลว่าไม่รอดแน่ เอาละ นั่น..จอดหน้าตึกนั่น"

สมชายทำตามคำสั่ง บ้านของเจ๊นวลศรีเป็นตึกแถวสามชั้นสองคูหา ข้างล่างขายอาหาร ข้างบนเป็นที่ัพักอาศัย เมื่อท่านก้าวลงจากรถ พวกหลานๆของนางนวลศรีก็เข้ามาต้อนรับ

"นิมนต์หลวงพ่อจ้ะ แหม..ดีใจเหลือเกินที่อุตส่าห์มาเยี่ยม" นางสาวกิมเจ็ง หลานสาวคนโตของเจ๊นวลศรีพูดอย่างยินดี

"เจ๊นวลศรีเป็นอย่างไรบ้าง" ท่านถามถึงคนป่วย
"ก็ทรงๆ ทรุดๆ ค่ะ หลวงพ่อ นิมนต์ข้างบนเลยค่ะ อาม่าอยู่ข้างบน"

หล่อนเดินนำไปที่บันไดแล้วหลีกทางให้ท่านพระครูกับลูกศิษย์ขึ้นก่อน ท่านพระครูถอดรองเท้าแล้วเดินขึ้นบันไดไป นายสมชายเดินตามหลัง นางสาวกิมเจ็งจึงสั่งน้องสาวให้ชงชาขึ้นมาถวาย

นางเนยกำลังป้อนข้าวให้มารดา ครั้นเห็นท่านพระครูก็วางมือแล้วร้องบอกมารดาอย่างดีใจว่า "แม่ หลวงพ่อท่านมาเยี่ยมแม่แน่ะ"

เจ๊นวลศรียันกายขึ้นนั่ง สองมือประนมแล้วกล่าวว่า "นิมนต์จ้ะหลวงพ่อ เป็นพระคุณเหลือเกินที่กรุณามาเยี่ยม"

"ไม่ต้องลุกก็ได้เจ๊ นอนตามสบายเถอะ"
"ไม่ได้หรอกจ้ะ ฉันกลัวบาป นอนคุยกับพระกับเจ้าฉันไม่เคยทำ" คนป่วยว่า
"หน้าสดชื่นดีนี่นา ยังกับคนปกติ หรือโยมเน้ยว่ายังไง" ท่านถามลูกสาวของนางนวลศรี
"ฉันก็ว่าอย่างหลวงพ่อแหละ แม่แกเป็นคนไข้ที่น่ารักมาก ไม่จู้จี้กวนใจ แล้วก็ไม่เคยบ่นว่าเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน" นางเน้ยกล่าวชมมารดา
"ก็ฉันเรียนฝึกสติมาจากท่านนี่นา ขืนเอะอะโวยวายก็เสียชื่อครูบาอาจารย์แย่เลย" คนป่วยพูดจ๋อยๆ

"จะไม่น่ารักก็เห็นจะมีเรื่องเดียวแหละจ้ะหลวงพ่อ เรื่องที่แกบอกว่าอีกสามวันจะตายแล้ว ฉันยังไม่อยากให้แกตาย หลวงพ่อช่วยหน่อยสิ" ลูกสาวเจ๊นวลศรีว่า
"เจ๊จะตายเมื่อไหร่หรือ" ท่านถามเพื่อจะตรวจสอบว่านางรู้เหมือนที่ท่าน 'รู้' หรือไม่

นางเน้ยรู้สึกพิศวงที่คนเป็นพระกับคนเป็นแม่ นั่งพูดเรื่องเป็นเรื่องตายกันหน้าตาเฉย

"วันอาทิตย์ แรม 10 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล เวลาตีสี่กับสิบนาที" นางนางนวลศรีตอบ

ท่านพระครูเชื่อแล้วว่าเจ๊นวลศรีได้ 'เห็นหนอ' เพราะมันตรงกับที่ท่านรู้เห็นทุกประการ นางเน้ยขออนุญาตลุกออกไป พอดีกับลูกสาวคนรองยกถาดน้ำชาขึ้นมา หล่อนจึงบอกลูกสาวว่า

"กิมฮวย ไปหยิบยาแก้ปวดหัวมาให้แม่สองเม็ด เอาน้ำมาด้วย"
"ใครจะกินล่ะแม่ อาม่าหรือ ก็หมอเขาให้ยามาแล้วไง" นางสาวกิมฮวยสงสัย
"เออน่า ไปเอามาเถอะ แม่จะกินเอง"
"แม่ปวดหัวเหรอ ทุกทีไม่เห็นเป็นอะไร พอหลวงพ่อมาก็กลับปวดหัว" ลูกสาวบ่น

นางสาวกิมฮวยบอกนายสมชายให้ช่วยประเคนน้ำชาท่านพระครูแล้ว จึงเดินลงไปข้างล่าง ไปหายาในตู้ยา ครู่หนึ่งนายฮิมก็ถือยาและแก้วน้ำขึ้นมา เขาเพิ่งกลับจากซื้อของที่กรุงเทพฯ รู้ว่าภรรยาจะกินยาแก้ปวดหัว จึงตามขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วง ครั้นเห็นท่านพระครูจึงวางยาและแก้วน้ำลง แล้วกราบสามครั้ง

"หลงพ่อมานานแล้วหรือครับ" สำเนียงพูดของเขาไม่ชัด

"สักครู่เห็นจะได้ กำลังพูดกับโยมเน้ยเขาอยู่ ว่าเจ๊นวลศรีหน้าตาไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด" ท่านพูดกับลูกเขยของนางนวลศรี

แม่ยายกับลูกเขยคู่นี้เกิดปีเดียวกัน แต่แม่ยายอ่อนเดือนกว่า สามีของเจ๊นวลศรีซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเมื่อสองปีที่แล้ว ก็เกิดปีเดียวกับแม่ยาย เจ๊เคยเล่าให้ท่านพระครูฟัง แล้วท่านก็สรุปในใจว่า 'สงสัย' จะเป็นกรรมพันธ์

"เห็นลูกมันว่าลื้อจะกินยาแก้ปวดหัวหรือ" 

นายฮิมถามภรรยา พลางหยิบยากับแก้วน้ำส่งให้ กระบวนรักภรรยาไม่มีใครเกินเถ้าแก่ฮิม

"ใข่ ฉันฟังแม่กับหลวงพ่อคุยกันแล้วปวดหัวทุกที"

ภรรยาวัยสีสิบบอกสามีวัยห้าสิบเก้า พลางรับยาและแก้วน้ำจากสามี ยานั้นบรรจุมาในขวดฝาเกลียว มีสำลีปิดที่ปากขวดกันชื้น นางเน้ยเปิดฝาขวดหยิบยาขึ้นมาสองเม็ด หากท่านพระครูห้ามไว้

"อย่ากินเลยโยม ยานั้นถัาจะกิน ควรกินเฉพาะตอนจำเป็นเท่านั้น ตอนนี้อาตมาเห็นว่ายังไม่จำเป็น เอาเถอะ..ตั้งใจฟังต่อไปแล้วจะหายปวดหัว เชื่ออาตมาเถอะ"

"หลงพ่อคุยอะไรกับแม่หรือครับ ถึงทำให้อาเน้ยเขาปวดหัว" นายฮิมถาม
"ไม่มีอะไรมากหรอกเถ้าแก่ อาตมาเพียงแต่ถามเจ๊ว่าจะไปวันไหน จะตรงกับที่อาตมาคิดเอาไว้หรือเปล่า เท่านั้นแหละ"

"แล้วตรงไหมครับ"

"ตรงเผงเลยละเถ้าแก่ เจ๊เขาเก่งจริงๆ นี่แหละ คนปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจังจะสามารถรู้วันตายของตัวเองได้ เถ้าแก่ว่าดีไหมล่ะ เถ้าแก่เตรียมบอกลูกหลานให้ตัดชุดกงเต็กได้แล้ว อีกสามวันเจ๊เขาไปแน่"

แล้วท่านก็หันไปถามคนป่วยว่า "ถามจริงๆเถอะเจ๊ พอรู้ว่าจะตายนี่รู้สึกกลัวไหม นึกเสียดายชีวิตบ้างไหม"

"ตอบตรงๆก็ต้องบอกว่าไม่กลัวเลยจ้ะหลวงพ่อ ก็ในเมื่อฉันเห็นกฏแห่งกรรมของตัวเองแล้ว ว่าจะต้องตายในวันนั้น ฉันก็ทำใจได้ ไม่รู้สึกกลัวหรือโศกเศร้าเสียดายชีวิตแต่อย่างใด คงเป็นเพราะฉันปฏิบัติกรรมฐานกระมัง ถึงได้ไม่กลัวความตาย"

"ถูกแล้วเจ๊ คนที่ปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจังจนประสบผลสำเร็จ สามารถเห็นกฏแห่งกรรมของตัวเองได้ เขาจะไม่กลัวตาย ส่วนคนที่ปฏิบัติจิ้มๆ จ้ำๆ ไม่เอาจริงเอาจังก็จะยังกลัวตายอยู่ เพราะยังไม่เห็นกฏแห่งกรรม อาตมาขอชมเชยเจ๊ที่มีความเพียร จนกระทั่งประสบความสำเร็จ เจ๊มีสติดีมาก สามารถข่มทุกขเวทนาไว้ได้ อาตมาก็รู้ว่าเจ๊ก็เจ็บก็ปวดเหมือนคนป่วยทั่วไป แต่ผิดกันตรงที่เจ๊สามารถเอาสติข่มเวทนาไว้ได้ อันนี้อาตมาขอชมเชยจากใจจริง เจ๊เป็นลูกศิษย์ที่อาตมาภูมิใจมากที่สุด"

ท่านพระครูชมเสียยืดยาว และเจ๊นวลศรีก็ปลาบปลื้มจนแทบจะหายป่วยเลยทีเดียว

"อาเน้ย ป๋าก็รู้สึกปวดหัวเหมือนกัน เรามากินยาคนละสองเม็ดดีไหม" นายฮิมพูดกับลูกสาวคนเดียวของแม่ยายเป็นเชิงปรึกษา

"ก็ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้ว" นางเน้ยว่า

"นี่..เอ็งสองคนอย่ามาพูดจากวนประสาทข้านะ" 

เจ๊นวลศรีซึ่งเป็นคนไทยเต็มตัวว่าลูกสาวซึ่งเป็นคนไทยครึ่งตัว เพราะมีเตี่ยเป็นคนจีน ส่วนลูกเขยคนดีของเจ๊นั้นเป็น 'จีนร้อยปูเซ็ง'

"เจ๊อย่าเพิ่งว่าโยมเน้ยกับเถ้าแก่เขาเลย เอาไว้อาตมาจะเป็นคนว่าให้เอง" แล้วท่านก็พูดกับสองสามีภรรยาว่า "ที่อาตมาคุยกับเจ๊เขานี่ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลไร้สาระนะโยม แต่จะอธิบายด้วยคำพูดมันก็ไม่ค่อยจะเหมาะ ประเดี๋ยวโยมสองคนก็จะพากันปวดหัวอีก เอาอย่างนี้ ถ้าพวกโยมอยากรู้ต้องไเข้ากรรมฐานที่วัดอาตมาสักเจ็ดวัน แล้วก็จะเข้าใจเรื่องที่อาตมาคุยกับเจ๊โดยไม่ต้องปวดหัว"

"ไม่มีเวลาครับ"
"ไม่มีเวลาจ้ะ"

สองผัวเมียตอบพร้อมกัน

เจ๊นวลศรีจึงกล่าวว่า "หลวงพ่ออย่าชวนเขาให้ยากเลย ฉันน่ะปลงแล้ว 'อย่าข่มเขาโคขืนให้กินหฐ้า' เลยจ้ะหลวงพ่อ" คนป่วยว่าเป็นกลอน

"เอาไว้ว่างๆแล้วผมค่อยไปนะครับหลวงพ่อ" นายฮิมพยายามประนีประนอม อย่างน้อยก้เห็นแก่ท่านพระครู

"ถ้าเถ้าแก่ต้องรอให้ว่าง รับรองว่าไม่ได้ไป เพราะเถ้าแก่จะหาเวลาว่างไม่ได้เลยในชีวิตนี้" แล้วท่านก็เล่าเรื่องของนายพลสนธยา ให้นายฮิมและนางเน้ยฟัง

เถ้าแก่วัยห้าสิบเก้าเชื่อ แต่ก็ผลัดว่า "งั้นผมขอรอให้เสร็จงานแม่เขาเสียก่อน"

"โฮ้ย ไม่ต้องเอาข้ามาบังหน้าหรอก จะไปก็ไปเลย เรื่องศพข้าก็ไม่ต้องห่วง ข้าบอกนังเน้ยมันเอาไว้แล้ว ขอเผาที่วัดหลวงพ่อแล้วกันนะจ๊ะ ทั้งเผาทั้งสวดเลย เพราะไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ฉันจะสั่งลูกหลานให้เรียบร้อย"

"จะสวดสักกี่คืนล่ะเจ๊"
"สามคืนก็พอ ตายวันสิบค่ำ เผาสิบสามค่ำ หลวงพ่อมาก็ดีแล้ว ฉันขอจองเมรุเลยนะ" คนจะตายสั่งการ

นางเน้ยเอามือกุมขมับ ไม่เคยพบเคยเห็น มีอย่างที่ไหน รู้วันตายของตัวเอง แถมสั่งงานเรื่องทำศพไว้เสร็จสรรพ ท่านพระครูก็ช่างกระไร เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย คนเข้าวัดนี่มีอะไรเพี้ยนๆเหมือนกันทุกคนหรือเปล่านะ

ท่านพระครูหยิบสมุดบันทึกออกมาจากย่าม เปิดหน้าที่ตรงกับวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2517 บันทึกว่า 'เจ๊นวลศรีตายเมื่อเวลา 04.10 น. สวดอภิธรรมที่วัดนี้ วันที่ 17-18-19 เวลา 19.00 น. แล้วเปิดไปหน้าวันที่ 20 กุมภาพัรธ์ 2517 บันทึกว่า เวลา 17.00 น. ฌาปนกิจศพเจ๊นวลศรีที่วัดนี้

"เอาละ เสร็จธุระแล้วอาตมาเห็นจะต้องขอลา ขอให้ไปสบายๆนะเจ๊ เรื่องศพไม่ต้องห่วง อาตมาจะจัดการให้เรียบร้อย ที่ผ่านมาถ้าอาตมาทำอะไรพูดอะไรให้เจ๊ไม่พอใจ อาตมาก็ขออโหสิกรรมจากเจ๊ด้วย"

"เช่นเดียวกันจ้ะหลวงพ่อ ถ้าฉันเคยทำอะไรล่วงเกินหลวงพ่อเอาไว้ ด้วยกาย วาจา ใจ ก็ดี ฉันขออโหสิกรรมหลวงพ่อด้วย"

"เอาละ อาตมาอโหสิให้ แล้วก็ถือโอกาสลาเลย" 

แล้วท่านก็หันมาพูดกับนายฮิมว่า "เถ้าแก่จะไปกับอาตมาวันนี้เลยไหมล่ะ"

"ยังหรอกครับหลงพ่อ เอาไว้ให้อะไรๆ มันเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ขอบคุณหลงพ่อมากครับที่ชวน"

ตอบเสร็จเขาก็ลุกขึ้นยืน เตรียมส่งท่าน นายสมชายลุกตามท่านพระครูและนายฮิมลงไปข้างล่าง

ก่อนขึ้นรถ หลวงพ่อก็หันไปพูดกับนายฮิมอีกว่า "อย่าลืมมาเข้ากรรมฐานนะเถ้าแก่ อยากให้รีบๆหน่อย อาตมาสังเกตดู รู้สึกว่าน้ำมันใกล้จะหมดแล้ว" ท่านเตือนเป็นนัยๆ

"น้ำมันอะไรครับหลวงพ่อ ถ้าน้ำมันรถ มีปั้มตรงทางที่จะออกไปถนนสายเอเซียครับ" เขาเข้าใจว่าท่านหมายถึงน้ำมันรถ

นายฮิมหยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิด ส่งเงินให้นายสมชายหนึ่งร้อยบาท

 "เอ้า..สมชาย ช่วยเติมน้ำมันรถให้หลงพ่อด้วย"

"ไม่ต้องหรอกครับเถ้าแก่ ผมเติมมาเต็มแล้ว"

"ก็หลงพ่อว่าน้ำมันใกล้จะหมด"

"อาตมาไม่ได้หมายถึงน้ำมันรถ แต่หมายถึงน้ำมันของแถ้าแก่น่ะ ว่าใกล้จะหมดแล้วนะ ต้องรีบเติมซะ คืออาตมาเปรียบเทียบให้เถ้าแก่ฟังว่า กุศลผลบุญที่เราทำมานั้นเปรียบเหมือนน้ำมันรถ ถ้ามีมากรถก็วิ่งได้นาน ถ้าหมดรถก็จอด เหมือนคนเรา เมื่อบุญหมดเมื่อไหร่ ก็ต้องตายเมื่อนั้น อาตมาจึงเตือนเถ้าแก่ว่าบุญกุศลที่เถ้าแก่ทำมานั้น ใกล้จะหมดแล้ว ต้องรีบสร้างเพิ่ม จึงได้ชวนเถ้าแก่ไปเข้ากรรมฐานยังไงล่ะ"

พอเข้าใจที่ท่านพระครูพูด นายฮิมก็ใจหายวาบ รู้สึกจิตตกทันที เขาบอกท่านเสียงสั่นว่า "ครับหลงพ่อ ผมเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงพิกล ใจนึงก็อยากไปอยู่วัดอย่างที่หลงพ่อบอก แต่อีกใจก็ห่วงอาเน้ยเขา ลูกห้าคนก็เป็นผู้หญิงหมด ผมเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน" คนมีห่วงผูกคอพูดอย่างน่าสงสาร

ท่านพระครูรู้แน่ว่าถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมไป เพราะ 'กรรม' นั้นหนักหน่วงนัก จึงช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้ เมื่อเขามีอันต้อง 'ไป' ก็อยากให้เขาไปดี จึงแนะแนวการปฏิบัติให้ 

 "เมื่อไม่มีเวลาจริงๆก็ไม่เป็นไร ขอให้หมั่นสวดมนต์แผ่เมตตา อโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวร นะเถ้าแก่นะ ทำได้ไหมล่ะ แผ่นปลิวบทสวดมนต์ที่อาตมาเคยให้เจ๊เขามานั่นแหละ ไปขอยืมเขามาสวดให้ได้ทุกคืน ต้องทำให้ได้นะ"

"ครับ ถ้าไม่ต้องไปอยู่วัดล่ะก็ผมทำได้ สวดมนต์อยู่ที่บ้านก็ได้" เขารับคำหนักแน่น

ทานพระครูจึงขึ้นรถกลับวัด รถมาถึงวัดเมื่อเวลาทุ่มเศษ 

นายขุนทองเดินออกมารับหน้า พร้อมรายงานว่า "หลวงลุงฮะ วันนี้หนูถูกพวกแขกของหลวงลุงรุมด่ากันใหญ่เลยฮะ"

เขาพูดพร้อมกับยื่นมือไปรับย่ามของท่านพระครูมาถือ ในลักษณะอุ้ม แล้วเดินตามท่านมาด้วย

"เอ็งไปทำอะไรให้เขาด่าล่ะ" ท่านย้อนถาม

"ก็หนูบอกว่าวันนี้หลวงลุงงดรับแขก เพราะเดินทางไปเผาศพที่อ่างทองตั้งแต่บ่ายโมง เขาก็พากันพูดไม่ดี หาว่าหลวงลุงเป็นพระเป็นเจ้าไม่รู้จักอยู่วัด หนูก็เลยเถียงแทนว่าทำไมเวลาหลวงลุงอยู่พวกเขาถึงไม่มาล่ะ คนสมัยนี้เห็นแก่ตัวจังเลยนะฮะ พอไม่ได้ดังใจก็พากันว่าแม้กระทั่งพระกระทั่งเจ้า เขาว่าอุตส่าห์ขับรถเสียน้ำมูกน้ำมันมา ท่านก็ไม่อยู่ให้พบ โอ๊ย..สารพัดสาระเพจะว่า หนูเห็นแล้วปลงอนิจจัง"

"ขนาดปลงก็ยังอุตส่าห์ไปทะเลาะกับเขา เอ็งนี่มันใช้ไม่ได้เลยนะเจ้าขุนทอง"

"ก็เขาอยากมาว่าหลวงลุงทำไมล่ะ"

"ก็ในเมื่อเขาว่าข้า แล้วเอ็งจะมาเดือดร้อนทำไมล่ะ ข้าเองยังไม่เดือดร้อนเลย ทำไมเอ็งถึงต้องเดือดร้อน หือเจ้าขุนทอง"

"หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมหลวงลุงถึงไม่รู้สึกเจ็บแค้นเสียบ้าง ปล่อยให้เขาว่าอยู้ได้" หลานชายกระเง้ากระงอด

"นี่นะเจ้าขุนทอง ข้าจะเปรียบเทียบให้เอ็งฟังสักเรื่องนึง สมมติว่าเอ็งไปบ้านคนอื่นเขา พอขึ้นเรือนปุ๊บ เขาก็ยกสำรับกับข้าวมาเลี้ยงเอ็ง พอดีเอ็งเพิ่งอิ่มมาจากบ้าน เอ็งก็เลยไม่กิน ขอถามหน่อยว่าพอเอ็งกลับไปแล้ว สำรับกับข้าวนั้นจะตกเป็นของใคร"

"ก็ตกเป็นของเจ้าของบ้านซิหลวงลุง ไม่น่าถามเลย"

"นั่นแหละ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้ามีคนเขามาด่าเอ็งแล้วเอ็งไม่รับ คำด่าเหล่านั้นมันก็ตกอยู่กับคนที่ด่า ถูกไหม จำไว้นะ ต่อไปอย่าไปรับคำด่าของใคร แล้วก็ไม่ต้องเอามาบอกข้า ข้าไม่อยากฟัง มาเหนื่อยๆ อย่าหาเรื่องกวนใจมาให้ จำไว้"

คราวนี้นายขุนทองไม่เถียง

เมื่อขึ้นมาถึงกุฏิชั้นบน ก็เอาย่ามวางไว้ข้างที่นอนของท่านแล้วจึงลงมาข้างล่าง เข้าห้องใส่กลอนแล้วล้มตัวลงนอน พอหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ย โดยไม่ยอมสวดมนต์ไหว้พระเสียก่อน ก็วันนี้เขาเหนื่อยกว่าทุกวัน 'ออกแรง' ทะเลาะกับแขกหนักหน่วง
ไปหน่อย

ท่านพระครูสรงน้ำเสร็จก็เตรียมจะเขียนหนังสือต่อ ยังไม่ทันลงมือเขียน นายสมชายก็มรรายงานว่า "หลวงพ่อครับ คุณนายราศีมาขอพบครับ นั่งรออยู่ข้างล่าง ผมบอกจะพาไปหาที่พัก แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาหาหลวงพ่อ แกก็ไม่ยอม บอกว่ามีเรื่องด่วนมาก"

"เรื่องอะไร เขาบอกหรือเปล่า"

"เขาว่าเขาจะมาลาตายครับ สงสัยคงเพี้ยนหนัก" ลูกศิษย์ตอบพร้อมประเมินผลเสร็จ

ท่านพระครูรู้ทันทีว่านั่นไม่ไม่ใช่ 'ร่าง' ที่แท้จริงของคุณนายราศี ที่นายสมชายเห็นคือ 'เจตภูติ' จึงตอบไปว่า "เอาละ งั้นฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ" 

แล้วท่านก็ลงมาข้างล่าง มีนายสมชายเดินตามมาด้วย

พอเห็นท่านพระครู คุณนายราศรีก็ร้องห่มร้องไห้ 'เจตภูติก็ร้องไห้เป็นด้วย' ท่านพระครูคิดในใจ แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้ลูกศิษย์ได้ยิน

"เจริญพร คุณนายมีธุระด่วนใช่ไหม ถึงได้มามืดๆค่ำๆ"
"ค่ะ หลวงพ่อ หนูจะมากราบขอขมา แล้วก็จะลาหลวงพ่อด้วยค่ะ" เจตภูติรายงานเสียงเบาๆเช่นกัน
"ขอขมาเรื่องอะไร แล้วก็จะลาไปไหน"
"หนูมากราบขอขมาลาโทษ ที่ได้แสดงกิริยาไม่งามที่กุฏิหลวงพ่อเมื่อวันขึ้นปีใหม่ แล้วก็มาลาไปปรโลกค่ะ พรุ่งนี้เวลาสองทุ่มตรง หนูจะถูกยิงตาย"
"ใครยิง"
"เมียน้อยของนายประวิทย์ คนที่เคยมาเข้ากรรมฐานกับหนูน่ะค่ะหลวงพ่อ เขาจ้างมือปืนมายิง"
"เขาจะยิงทำไมล่ะ คนเคยเข้ากรรมฐานมาแล้ว ทำไมยังมีจิตใจโหดร้ายปานนั้น แล้วทำไมคุณนายไม่แจ้งความไว้เสียล่ะ" ท่านถามเพื่อประเมินผลการปฏิบัติธรรมของคุณนายราศี

"ไม่หรอกค่ะหลวงพ่อ มันเป็นกฏแห่งกรรม เมื่อชาติที่แล้วหนูฆ่าเขาไว้ นี่ถ้าหนูไม่มาเข้ากรรมฐานก็คงไม่รู้ แล้วก็คงจะต้องจองเวรจองกรรมกันต่อไป เขาอยากจะเป็นคุณหญิงค่ะหลวงพ่อ เมื่อหนูตายแล้ว เขาคงคิดว่าจะได้ขึ้นเป็นคุณหญิง"

"ไม่ได้เป็นหรอก คนจิตใจโหดเหี้ยมยังงั้นไม่มีโอกาสได้เป็นคุณหญิงแน่ ไม่น่าเลย แสดงว่าศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ได้เข้าไปชำระล้างจิตใจเขาเลย มาปฏิบัติเสียเวลาเปล่า"

"ก็เขาไม่ได้ตั้งใจมาปฏิบัตินี่คะหลวงพ่อ ตั้งใจมาหาผัวต่างหาก พวกสาวแก่เข้าวัดก็ไม่มีอะไรหรอก มาเพื่อหาผัว" เจตภูติพูดอย่างดูแคลน

ท่านพระครูห้ามว่า "ช่างเขาเถอะคุณนาย อย่าไปว่าเหมารวมอย่างนั้น คนที่เขาไม่ได้คิดอกุศลอย่างที่ว่าก็มี เอาเถอะ ที่ขออโหสิอาตมาก็จะอโหสิให้ ส่วนเรื่องมาลาก็ขออวยพรให้ไปดี แล้วอาตมาจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ"

"งั้นหนูขอกราบลาค่ะ ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูง ที่เมตตาให้หนูรู้ดีรู้ชั่ว ทำให้หนูสามารถตัดภพตัดชาติให้สั้นลงได้ หนูลาละค่ะ"

คุณนายราศีลุกออกไปแล้ว นายสมชายตั้งท่าจะไปส่ง หากท่านพระครูห้ามไว้ และบอกเขาว่านั่นคือเจตภูติ ลูกศิษย์วัดจึงปิดประตูกุฏิเพื่อเตรียมเข้านอน ท่านพระครูเดินขึ้นข้างบน ตั้งใจว่าจะจดบันทึกเรื่องนี้ไว้เป็นหลักฐาน





ผู้ประพันธ์   :   ดร. สุทัสสา อ่อนค้อม
หมวดหนังสือ




Create Date : 30 เมษายน 2559
Last Update : 30 เมษายน 2559 22:58:59 น. 31 comments
Counter : 1407 Pageviews.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
คุมค่าแก่การรอคอยมากค่ะตอนนี้



โดย: หอมกร วันที่: 30 เมษายน 2559 เวลา:22:11:36 น.  

 
มาอ่านต่อครับ
พูดถึงเรื่องเวลาปฏิบัติธรรม เกือบทุกคนบอกไม่มีเวลาว่าง
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 30 เมษายน 2559 เวลา:23:13:37 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Travel Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

----------------------------

แวะมาอ่านและส่งกำลังใจก่อนนอนค่ะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 30 เมษายน 2559 เวลา:23:26:27 น.  

 
วันนี้เข้ามาไม่เสียเที่ยวค่ะ ได้อ่าน...


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
toor36 Education Blog ดู Blog
sawkitty Travel Blog ดู Blog
สมาชิกหมายเลข 3016924 Photo Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:47:23 น.  

 
จองที่ก่อนนะคะ ไว้มาอ่านตอนกลางวันค่ะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
mcayenne94 Home & Garden Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 1 พฤษภาคม 2559 เวลา:20:20:54 น.  

 
เหตุผลที่คุณนายราศีมาขอพบหลวงพ่อดูแตกต่างจากธรรมดานะคะ

ส่งกำลังใจให้คุณเวียงแว่นฟ้าค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

..............................



โดย: Sweet_pills วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:0:08:25 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: **mp5** วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:16:37:23 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า ^^

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
แมวเซาผู้น่าสงสาร Travel Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ชมพร About Weblog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: ปรัซซี่ วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:19:33:33 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: ก้นกะลา วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:23:46:20 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

สวัสดียามบ่ายค่ะ
มาส่งกำลังใจให้ด้วยนะคะ


โดย: AppleWi วันที่: 3 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:05:44 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ 

ผู้เขียน Blogหมวดเนื้อหาBlog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้าBook Blogดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 4 พฤษภาคม 2559 เวลา:0:00:41 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนครับ


โดย: **mp5** วันที่: 6 พฤษภาคม 2559 เวลา:21:23:28 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 9 พฤษภาคม 2559 เวลา:16:08:23 น.  

 
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยมค่ะ


โดย: pantawan วันที่: 13 พฤษภาคม 2559 เวลา:23:58:08 น.  

 
หากทุกคนสามารถรู้วันตายล่วงหน้าได้จะเป็นอย่างไรนะ

ปลงหรือเร่งกอบโกยในขณะยังมีชีวิตอยู่

แต่สำหรับคนปฏิบ้ติธรรมการรู้ตัวล่วงหน้าย่อมไม่โศกเศร้า

อะไรควรทำก็คงรีบทำก่อนจะละไปไกล

ขอบคุณนะคะสำหรับธรรมะดีๆ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
comicclubs Literature Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ชมพร Cartoon Blog ดู Blog
ฟ้าใสวันใหม่ Food Blog ดู Blog
The Kop Civil Diarist ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 18 พฤษภาคม 2559 เวลา:11:57:57 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: Close To Heaven วันที่: 30 พฤษภาคม 2559 เวลา:23:54:53 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Travel Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ขอบคุณที่แวะเยี่ยมนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 31 พฤษภาคม 2559 เวลา:6:20:28 น.  

 
ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไป



โดย: หอมกร วันที่: 31 พฤษภาคม 2559 เวลา:11:23:09 น.  

 
สวัสดีค่า

นึกว่าออนบล็อกใหม่แล้วซะอีก ครบเดือนพอดีบล็อกนี้ อิอิ
ขอบคุณที่แวะไปโหวตให้นะคะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 31 พฤษภาคม 2559 เวลา:12:03:06 น.  

 
อ่านแล้วต้องลุกขึ้นมาปฏิบัติบ้างเลยค่ะ
เคยได้ยินถึงการรู้วันตาย คนที่ปฏิบัติจนรู้วันตายของตัวเอง ก็จะไม่ค่อยกลัวความตายนะคะนี่

ตามมาอ่าน ขอโหวตให้นะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog
AppleWi Beauty Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: จี๊ดจ๊าด (บ้านต้นคูน ) วันที่: 1 มิถุนายน 2559 เวลา:11:02:59 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ


หายไปนานเลยนะคะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 2 มิถุนายน 2559 เวลา:19:38:53 น.  

 
ราตรีสวัสดิ์ครับ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:0:00:51 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
The Kop Civil Diarist ดู Blog
ตุ๊กจ้ะ Parenting Blog ดู Blog

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: newyorknurse วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:3:43:06 น.  

 
ทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mastana Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดีคะคุณเวียงแว่นฟ้า ขอบคุณมากนะคะที่ไปเที่ยวทะเลด้วยกันพร้อมโหวตให้กำลังใจด้วย

ตามมาอ่านกฏแห่งกรรมต่อค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านค่ะ โหวตให้เลยนะคะ

มีความสุขวันศุกร์ค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:7:27:47 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมชมดวงจันทร์ด้วยกันนะคะ

และขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตด้วยค่ะ




โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:8:00:34 น.  

 
มาโหวตหมวคงด ธรรมะค่ะ


ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจ ป้าก็ไม่ได้มาอ่านเสียนาน



โดย: ชมพร วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:9:49:05 น.  

 
คนทั่วไป พอจะใกล้ตายก็จะกลัว
มีแต่คนที่ปฏิบัติธรรมได้ดี ถึงจะไม่สะดุ้งกลัวกับความตายจริงๆนะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: ตุ๊กจ้ะ วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:9:57:22 น.  

 
เพิ่งจะได้กลับมาอ่านค่ะ
วุ่นวายกับตัวเองมากจริงๆ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆนะคะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:11:02:12 น.  

 
ขอบคุณสำหรับโหวต และกำลังใจมากมายนะคะ
ดีใจจุงเบยค่ะที่อ่านสนุก กลัวเบื่อน่ะค่ะ

กำลังตามท่านพระครูมาติดๆเลยคร่า


โดย: จี๊ดจ๊าด (บ้านต้นคูน ) วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:11:30:55 น.  

 
ดีใจที่แวะไปทักทายค่ะ
รีบตามมาคิดว่าอัพบล็อกใหม่แล้ว
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ


โดย: AppleWi วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:14:17:21 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog

แวะมาทักทายส่งกำลังใจให้เรื่องดีๆค่ะ



โดย: kae+aoe วันที่: 3 มิถุนายน 2559 เวลา:16:02:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]