เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
20 พฤศจิกายน 2557

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 26




สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  -  บทที่ 26



ท่านพระครูออกจากวัดป่ามะม่วงตั้งแต่ตีสี่ เพื่อไปเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีมงคลสมรสลูกสาวของลูกศิษย์ ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นจึงจะเดินทางไปจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้ทันฉันเพลที่วัดบ้านแหลม ในโอกาสที่เจ้าอาวาสวัดนั้นอายุครบหกรอบ และได้นิมนต์ท่านไว้

รถวิ่งจากวัดไปออกถนนสายเอเซีย เลี้ยวขวาตรงไปเข้าอยุธยา ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เข้าเขตอำเภอเมือง ซึ่งมีบ้านเรือนปลูกเรียงรายอยู่ตามริมถนนทั้งสองฟาก

เมื่อรถวิ่งผ่านบ้านหลังหนึ่ง ท่านก็บอกคนขับว่า "จอดก่อน เสียงบ้านนั้นเขาทำอะไรกันแต่เช้ามืด หรือว่าลุกขึ้นสวดมนต์ ช่วยจอดประเดี๋ยว ฉันจะได้ฟังให้ถนัดว่าสวดบทไหน คาถาชินบัญชรหรือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก"

เมื่อนายสมชายหยุดรถ ท่านก็ไขกระจกลงแล้วก็ได้ยินเสียงชัดเจน นายสมชายก็ได้ยินเต็มสองหู

"....อีสัตว์..." เป็นเสียงของผู้ชาย แล้วต่อด้วยคำพูดที่ระคายหูคนฟังอีกว่า "มึงมันเลวยิ่งกว่าผู้หญิงหากิน คนอย่างมึงน่ะหาความดีไม่ได้เลย พวกผู้หญิงหากินยังดีกว่ามึง"

เสียงผู้หญิงย้อนเอาว่า "อ้อ..อย่างนี้นี่เอง แกถึงชอบไปนอนกะโสเภณีจนเอาโรคมาติดข้า เมียเก่าแกก็เป็นโสเภณีไม่ใช่หรือ"

ท่านพระครูทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงบอกนายสมชายให้ออกรถ ความจริงท่านจะฟังคนเดียวด้วยการกำหนด 'เห็นหนอ' โดยไม่ต้องหยุดรถก็ได้ แต่ท่านต้องการจะสอนนายสมชาย จึงสั่งให้หยุดรถฟัง

"ไมไหว ลุกขึ้นมาด่ากันแต่มืดแต่ดึกแบบนี้ไม่ไหว เห็นจะต้องกลับไปล้างหู ฤกษ์ไม่ดีเลยที่มาได้ยินเขาด่ากัน" ท่านพูดเป็นเชิงบ่น เห็นคนฟังไม่ว่าอะไรก็เลยพูดต่อว่า "แล้วจะไปหาความเจริญได้ยังไง ทะเลาะเบาะแว้งกันแบบนี้เทวดาหนีหมด ต่อไปถ้าเธอมีลูกมีเมีย อย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่างเลยนะ" ท่านถือโอกาสสั่งสอน

"รับรองได้เลยครับหลวงพ่อ ตัวอย่างเลวๆแบบนั้นผมไม่นำไปประพฤติปฏิบัติอย่างแน่นอน ผู้ชายอะไรไม่ให้เกียรติผู้หญิงเสียบ้างเลย ถ้าผมเป็นเมียผมไม่อยู่ด้วยแล้ว ไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นเขาทนได้อย่างไร" นายสมชายวิจารณ์

"เขาเห็นแก่ลูกนั่นแหละ พูดให้ถูกกว่านั้นก็คือ เขาทำกรรมไม่ดีมาก็เลยต้องมาเจอคนไม่ดี"
"ผู้ชายที่ด่าเก่งนี่ ผมว่าคงไม่มีใครดีนะครับหลวงพ่อ เพราะถ้าดีก็คงไม่ด่า"
"ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงหรอก ลงได้ด่าเก่งก็ยากที่จะเป็นคนดีได้ อย่างที่เขาว่าคนบางคนว่าปากร้ายใจดีน่ะ จริงๆแล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะถ้าเขาใจดีจริง ปากจะต้องไม่ร้าย พระพุทธองค์ท่านถึงเน้นมโนกรรมมาก เพราะเป็นต้นเหตุของวจีกรรมและกายกรรม คือคนที่พูดชั่ว ทำชั่ว ก็เพราะใจคิดชั่ว มีพุทธพจน์ตรัสสอนไว้นะสมชาย ฉันจำได้แม่นเชียวละ ที่จำแม่นก็เพราะพยายามสอนตัวเองเสมอ ฉันจะยกมากล่าวให้เธอฟัง รู้สึกจะเข้ากับชายปากจัดคนนั้นพอดี"

นายสมชายลดความเร็วของรถลงเพื่อจะฟังให้ถนัด ท่านพระครูซึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าคู่กับคนขับหันมาพูดกับเขาว่า "พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ...ผรุสวาทเพียงดังจอบ ซึ่งเป็นเครื่องขุดโค่น ตัดทอนตนของคนพาลผู้กล่าวคำชั่ว ย่อมเกิดขึ้นที่ปากของบุคคลผู้เป็นบุรุษพาล ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรติเตียนหรือติเตียนคนที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นได้ชื่อว่สะสมโทษด้วยปาก ย่อมไม่ประสบสุขเพระโทษนั้น"

"การที่ผู้ชายคนนั้นไปยกย่องโสเภณีว่าดีกว่าภรรยาตัวเอง เป็นการสรรเสริญคนที่ควรติเตียนใช่ไหมครับ"

"ถูกแล้ว"

"ผมว่าแกคงหลงรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสของหญิงโสเภณีจนโงหัวไม่ขึ้น ขนาดเอามาเป็นข้อบริภาษเมียตัวเอง แล้วเมียเก่าแกเป็นโสเภณีจริงหรือเปล่าครับ" เด็กหนุ่มถาม เขารู้ว่าท่านสามารถให้คำตอบได้ เพียงหลับตาท่านก็จะรู้เรื่องที่อยากรู้

"จริงหรือไม่จริงมันก็เรื่องของเขา เราหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันเพียงแต่จะยกตัวอย่างให้เธอเห็นเท่านั้น วันข้างหน้าเมื่อเธอเป็นพ่อบ้านพ่อเรือน จะได้วางตัวได้สมฐานะ ให้แม่บ้านเขานับถือและเกรงใจ อย่าให้เขาดูถูกเอาได้ ฉันต้องการเพียงแค่นี้ ไม่ได้ต้องการให้เธอมาวิเคราะห์วิจัยเรื่องเมียเก่าเขา เข้าใจหรือยัง"

"เข้าใจครับ
"

นายสมชายตอบด้วยเสียงอ่อยๆ เมื่อท่านไม่อนุญาตให้สืบสาวราวเรื่อง เขาจึงต้องปิดปาก ตั้งหน้าตั้งตาขับรถเพื่อให้ไปถึงที่หมายทันเวลา

ก่อนออกจากจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อไปจังหวัดสมุทรสงคราม ท่านพระครูสั่งให้นายสมชายแวะที่ร้านดอกไม้ในตัวเมือง เพื่อหาซื้อกระเช้าดอกไม้ไปแสดงมุทิตาจิตแก่เจ้าของวันเกิด เป็นความเคยชินของท่านที่จะต้องมีของติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าภาพเสมอ ทั้งยังเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ศิษยานุศิษย์ของท่านว่า หลวงพ่อเจริญเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นธรรมะหรือวัตถุสิ่งของ หากมีผู้ขอท่านก็จะให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

บ่อยครั้งที่พวกชาวบ้านผู้ยากไร้พากันมาขอข้าวสารจากวัดป่ามะม่วงไปหุงกินเพื่อประทังชีวิต บางคนก็ขอพริก หอม กระเทียมเป็นของแถมด้วย แต่สิ่งที่ท่านแถมให้ทุกครั้งโดยไม่ต้องขอคือธรรมะ

ไม่แต่ชาวบ้านเท่านั้นที่มาขอ แม้แต่พระสงฆ์วัดข้างเคียงก็เคยส่งพระมาปันของฉันของใช้ เนื่องจากไม่มีคนไปถวาย ท่านก็แบ่งปันให้โดยไม่รังเกียจรังงอน บางครั้งท่านได้รับการทัดทานจากพวกทายก ว่าไม่ควรให้เพราะอาจจะทำให้ที่วัดขาดแคลน ท่านกลับสอนพวกเขาให้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คำพูดที่ติดปากท่านเสมอก็คือ 'ไม่หวงไม่อด หมดก็มา ' กับ 'ยิ่งให้ก็ยิ่งงอก'

และก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ท่านพูด เพราะมีหลายครั้งที่ข้าวของทำท่าว่าจะหมด แต่แล้วก็มีญาติโยมนำมาถวายใหม่อีก วัดป่ามะม่วงจึงยังไม่เคยต้องเผชิญกับภาวะอดหยากขาดแคลนเลยสักครั้งเดียว เพราะมีผู้ใจบุญนำข้าวสาร กะปิ น้ำปลา ตลอดจนพริก หอม กระเทียมมาบริจาคอยู่เนืองๆ

คำพูดของท่านที่ว่า 'ยิ่งให้ก็ยิ่งงอก' จึงกลายเป็นคำขวัญประจำวัดป่ามะม่วงไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตาม ท่านพระครูมักจะเน้นให้ญาติโยมได้สำเหนียกอยู่เสมอว่า การให้ที่ด้บุญกุศลมากที่สุดนั้นคือการให้ธรรมะ ดังมีพุทธวจนะรับรองไว้ว่า ' สพพทาน ธมมทน ชินาติ  - การให้ธรรมย่อมชนะการให้ทั้งปวง'

ที่วัดบ้านแหลม ขณะที่พระรูปอื่นกำลังฉันเพลอยู่นั้น ท่านพระครูไม่ได้ฉัน ท่านเพียงแต่พิจารณาอาหารแต่ละอย่าง แล้วตั้งจิตแผ่เมตตาให้ผู้นำมาถวาย เพื่อที่เขาจะได้รับบุญกุศล ญาติโยมที่ไม่เข้าใจคิดว่าท่านฉันอาหารด้วยตา คือคิดเอาเองว่าท่านเพียงแต่มองอาหารก็ทำให้อิ่มได้

โยมผู้ชายคนหนึ่งคลานเข้ามาหาท่าน ประนมมือพุดว่า "นิมนต์หลวงพ่อฉันเถิดครับ สงสัยอาหารจะไม่ถูกปาก หลวงพ่อถึงไม่ยอมฉัน"

ท่านไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจ จึงใช้ส้อมจิ้มทองหยอดลูกหนึ่งมาใส่ปาก แล้วก็ทำแบบนี้อีกสองครั้งจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เห็นท่านฉันพอเป็นพิธีแล้วชายผู้นั้นจึงคลานออกไป

ระหว่างที่รอให้รูปอื่นๆฉันเสร็จ ท่านก็มองออกไปข้างหน้า ห่างออกไปประมาณร้อยเมตรเป็นโรงเรียนการช่างสตรี อาจารย์สาวอายุประมาณไม่เกินสามสิบ กำลังยืนสอนนักเรียนอยู่หน้าชั้น ท่านอยากรู้ว่าเขาสอนอะไรกัน จึงกำหนด 'เห็นหนอ'   ไปฟังด้วย

"นี่แน่ะนักเรียน วันนี้ครูจะสอนเรื่องเคล็ดลับในการดำเนินชีวิต" อาจารย์คนนั้นพูดกับลูกศิษย์สาวอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด "พวกเธอก็เป็นสาวเป็นนางกันแล้ว ครูจะบอกเคล็ดลับให้ว่าอย่าไปมีสามี โบราณเขาว่ามีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ ถ้าอยู่เป็นสาวหน้าขาวเป็นยองใย เพราะฉะนั้นพวกเธออย่าได้คิดแต่งงานเป็นอันขาด"

'แหมดีจัง อาจารย์คนนี้สอนดี สงสัยจะชวนลูกศิษย์ไปบวชเป็นชีเสียละมัง' ท่านพระครูคิดแล้วตั้งใจฟังต่อไป

"พวกเธอดูครูเป็นตัวอย่าง ครูใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีบ้านหลังงาม มีรถยนต์ขับโดยไม่ต้องมีสามี ก็เราหาของเราเองได้ จริงไหม พวกเธออยากรู้วิธีรวยทางลัดไหมล่ะ"

"อยากค่ะ" เสียงนักเรียนหญิงตอบพร้อมกันทั้งห้อง

"เอาละ ครูจะบอกให้ รับรองว่าถ้าพวกเธอทำอย่างครู พวกเธอจะสบาย เป็นอิสระและมีเงินใช้ วิธีง่ายๆก็คืออยากนอนกับใครก็ไปนอน แต่ให้เลือกเฉพาะคนที่กระเป๋าหนักๆ พวกถังแตกอย่าได้เลือกคบเด็ดขาด เปลืองตัวเปล่าๆ เป็นไงดีไหม ชีวิตแบบนี้ดีไหม ได้เงินทีละมากๆแล้วก็ไม่ต้องเหนื่อยด้วย"

"ดีค่ะ"มีคนตอบเพียงสองสามคน ซึ่งแสดงว่านักเรียนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับความคิดพิลึกพิลั่นของอาจารย์

"แล้วถ้าผู้ชายเขามีเมียแล้ว เราไม่บาปหรือคะที่ไปแย่งเขา" คนหนึ่งในจำนวนที่ไม่เห็นด้วยถามขึ้น

"เมียเขาก็อยู่ส่วนเมียเขาสิ เราไม่ได้ไปแย่งเขา แค่ขอยืมมาใช้ชั่วครู่ชั่วยาม เราไม่ได้คิดจะเอามาเป็นสามีสักหน่อย" อาจารย์สาวตอบ

"แบบนี้มันก็โสเภณีชัดๆละค่ะอาจารย์" นักเรียนคนหนึ่งพูดอย่างอดรนทนไม่ได้
"นี่ พูดให้ดีๆนะสุจิตรา ระวังจะโดนหักคะแนน" อาจารย์ขู่
"แต่หนูว่าสุจิตราเขาพูดถูกนะคะอาจารย์" นักเรียนที่นั่งติดกันพูดขึ้นบ้าง
"อะไร เธอก็เป็นไปกับเขาด้วยหรือ จิราภรณ์ แหม..ครูไม่นึกเลยว่าจะมีลูกศิษย์โง่ๆแบบเธอสองคน"

คำพูดของอาจารย์ทำให้นักเรียนคนอื่นๆที่ไม่เห็นด้วยไม่กล้าแสดงความคิดเห็น

เมื่อไม่เห็นผู้ใดโต้แย้งอีก อาจารย์สาวก็พูดต่อไปว่า "เพื่อนๆครูไม่มีใครแต่งงานสักคน เขาก็ทำแบบที่ครูทำอยู่ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน มัวรอกินแต่เงินเดือน มีหวังไส้แห้งตาย ชาตินี้ทั้งชาติก็ไ่ีม่มีรถขับ เงินเดือนครูน่ะมันซักกี่ตังค์เชียว" หล่อนดูแคลนอาชีพครู

ท่านพระครูอยากตบอกผางๆ คิดไม่ทัน คาดไม่ถึง ว่าจะมาเห็นมาได้ยิน หรือว่าสมัยนี้ครูบาอาจารย์เขาเปลี่ยนแนวการสอนกันแล้ว ช่างน่าสลดใจเสียเหลือเกิน อยากรู้นักว่าถ้ารัฐนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาได้ยินเข้าจะทำประการใด การที่อาจารย์ผู้นั้นบอกว่าเพื่อนของหล่อนก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ย่อมแสดงว่าไม่ได้มีหล่อนคนเดียวที่สอนผิดๆแบบนี้ น่าสงสารลูกศิษย์ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ที่มีครูบาอาจารย์เป็นมิจฉาทิฐิสูงโด่งถึงปานนี้

ท่านพระครูเล่าเรื่องอาจารย์สาวให้นายสมชายฟัง ขณะเดินทางกลับวัดป่ามะม่วง

"จริงหรือครับหลวงพ่อ ไ่ม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นไปได้"
"อ้อ..นี่เธอหาว่าฉันพูดเท็จงั้นิสิ"

"เปล่าครับเปล่า ผมน่ะเชื่อหลวงพ่อ แต่ไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์คนนั้นจะเพี้ยนได้ถึงเพียงนั้น น่าเป็นห่วงประเทศชาตินะครับ คนทุกวันนี้จิตใจต่ำลงไปทุกวัน เห็นแก่ความสบายทางกายจนลืมนึกถึงความถูกต้องดีงาม วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นวันอะไครับหลวงพ่อ เราถึงได้เจอแต่เรื่องไม่ดีไม่งามมาสองเรื่องแล้ว"

"วันนี้วันพฤหัศบดี" ท่านพระครูตอบหน้าตาเฉย เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ก็พูดต่อไปว่า "เดี๋ยวแวะอ่างทองด้วย ฉันจะไปเยี่ยมโยมปั่นเขาหน่อย จำทางไปบ้านโยมปั่นได้หรือเปล่าล่ะ"

"จำได้ครับ นิมนต์หลวงพ่อพักผ่อนเถิดครับ ถึงแล้วผมจะเรียนให้ทราบ"

เมื่อนายสมชายพูดเช่นนั้น ท่านพระครูจึงนั่งหลับตา ซึ่งนายสมชายคิดว่าท่านคงหลับ แต่ความจริงท่านไม่ได้หลับ ท่านกำหนดแผ่เมตตาให้กับบรรดาสัมภเวสิไปตลอดทาง

ผู้ที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถชนกัน มักจะไปเกิดเป็นพวกสัมภเวสี ซึ่งแปลว่าพวกแสวงหาภพ คือยังไม่เกิดเป็นที่เป็นทางตามกรรมที่กระทำไว้ เพราะขณะที่ตายนั้น จิตเป็นกลางๆ ไม่เป็นกุศลและอกุศล ถ้าตายขณะที่จิตเป็นกุศลก็จะไปเกิดในสุคติภูมิ แต่ถ้าจิตเป็นอกุศล ก็จะไปเกิดในทุคติภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉานเป็นต้น ส่วนพวกที่ตายในขณะจิตเป็นกลางๆ จะไปเกิดเป็นสัมภเวสิ เมื่อใดที่สัมภเวสิเหล่านี้ระลึกได้ถึงกรรมที่ตนกระทำไว้ ก็จะไปเกิดในภพภูมิที่เหมาะสมกับกรรมนั้น

ท่านพระครูนั่งแผ่เมตตาให้พวกสัมภเวสิมาตลอดทาง กระทั่งถึงทางแยกเข้าสู่จังหวัดอ่างทอง มีอุบัติเหตุรถชนกันข้างหน้า ทำให้รถติดยาวเป็นพรืด นายสมชายหันมามองท่านพระครู เหมือนจะปรารภว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นท่านนั่งหลับจึงไม่กล้าถาม

แต่ท่านก็พูดขึ้นเหมือนรู้ใจเขาว่า "รถชนกันข้างหน้า มีคนตายสามศพ
ถ้าเธอไม่เชื่อจะลองเดินไปดูก็ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพลิกศพ"

"แถวนี้มีคนตายบ่อยนะครับ เห็นเขาว่ามีผีตายโหงสิงอยู่"

นายสมชายพูดพลางหยุดรถตามรถคันหน้า เขาไม่จำเป็นต้องลงไปดู เพราะรู้ว่าสิ่งที่ท่านพระครูพูดนั้นจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์

"ไม่ใช่ผีตายโหงหรอกสมชาย ผีตายทั้งกลมน่ะ" ท่านพระครูบอกหลังจากใช้เห็นหนอตรวจสอบแล้ว

"ทำไมเขามาอาละวาดแถวนี้เล่าครับ"

"เพราะแรงอาฆาตนั่นแหละ ผู้หญิงคนนี้เขาปวดท้องจะคลอดลูก หมอตำแยเขาทำคลอด เด็กก็ไม่ยอมออกสักทีจนเขาหมดปัญญา ก็เลยพากันหามมาจากหมู่บ้าน จะพาไปส่งโรงพยาบาลในเมือง พอถึงปากทาง โบกรถคันไหนๆ ก็ไม่มีใครหยุดรับ รถประจำทางก็ไม่มีเพราะมืดแล้ว เขาก็ทุกข์ทรมานจนขาดใจตาย เลยอาฆาตแค้นคนที่ขับรถผ่านไปมา จึงแกล้งให้เกิดอุบัติเหตุ นี่ก็ร่วมร้อยศพแล้วมั้ง" ท่านเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่หกเดือนที่แล้ว

"แล้วบาปไหมครับหลวงพ่อ เขาทำแบบนั้นบาปไหม" นายสมชายอยากรู้
"บาปซิ"
"ผีก็ทำบาปได้ใช่ไหมครับ"
"ทำได้ ไม่ว่าผีว่าคน หรือแม้แต่เทวดา ถ้าทำบาปก็ได้บาป อย่างวิญญาณผู้หญิงคนนี้เที่ยวก่อกรรมทำเข็ญกับคนใช้รถใช้ถนน เท่ากับเป็นการสะสมบาปไว้"

"แล้วทำไมไม่ตกนรกเล่าครับ ทำไมยมบาลไม่มาเอาตัวไปลงโทษ ปล่อยให้รังความคนอื่นเขาอยู่ได้"

"มันก็พูดยากนะสมชาย ความอาฆาตพยาบาทนั้นหากมีพลังมาก มันก็สามารถฝืนแรงกรรมได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่จะฝืนได้ตลอด เพราะในที่สุดก็ต้องรับกรรมที่ตัวเองทำเอาไว้"

"หมายความว่าในที่สุดวิญญาณผู้หญิงคนนี้ก็ต้องไปรับโทษทัณฑ์ในเมืองนรกใช่ไหมครับ"
"ต้องเป็นอย่างนั้น"
"แล้วอีกนานไหมครับกว่าเขาจะได้โทษ"

"มันก็ขึ้นอยู่กับแรงบุญแรงบาปที่เขามา ถ้าแรงบุญมีมาก อีกไม่นานเขาก็จะสำนึกได้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันเป็นบาป ก็จะเลิกทำ แต่ถ้าแรงบาปมีมาก เขาก็จะสะสมบาปต่อไป จนกระทั่งกฏแห่งกรรมทำหน้าที่ของมัน"

"แล้วหลวงพ่อจะช่วยเขาได้บ้างไหมครับ ผมหมายความว่าหลวงพ่อน่าจะสอนให้เขารู้บาปบุญคุณโทษโดยเร็ว จะได้เลิกก่อกรรมทำเข็ญ" นายสมชายพูดด้วยจิตที่เมตตา

"ฉันก็ว่าจะลองดูเหมือนกัน แต่ก็ไม่หวังว่าเขาจะเชื่อฟังที่ฉันพูดหรอกนะ ถ้าตอนมีชีวิตอยู่เขาเป็นมิจฉาทิฐิ ตายแล้วก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้นแหละ ถ้าเปลี่ยนได้ คนที่มาเกิดก็คงเป็นคนดีกันหมดแล้ว จริงไหม เพราะคนแต่ละคนต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้กี่ครั้ง"

"หลวงพ่อลองพูดกับเขาสิครับ เผื่อเขาจะเชื่อฟังบ้าง คนที่ใช้เส้นทางสายนี้จะได้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ" นายสมชายนึกสงสารทั้งคนเป็นและคนตาย

"ก็ได้ ฉันจะลองดู"

แล้วท่านก็นั่งตัวตรง หลับตา สำรวมจิตเพื่อเจรจากับวิญญาณอาฆาตของหญิงนั้น

"โยม อาตมาขอตุยด้วยสักหน่อยนะ"

ท่านพูดกับหญิงตายทั้งกลมซึ่งมาปรากฏในนิมิต วิญญาณนั้นลอยมาหยุดเบื้องหน้าท่าน ยกมือขึ้นพนม

"ท่านพระครูเจริญใช่ไหมจ๊ะ หลวงพ่ออยู่วัดป่ามะม่วงใช่ไหม"
"โยมรู้จักอาตมาด้วยหรือ" ท่านแปลกใจ

"รู้ซิจ๊ะ ฉันเคยไปทำบุญที่วัดป่ามะม่วงสามสี่ครั้ง หลวงพ่อยังชวนฉันมาทำกรรมฐาน พอดีฉันตั้งท้องลูกคนแรกเสียก่อน เลยไม่ได้ไป คิดว่าพอคลอดลูกแล้วลูกโตก็จะหาโอกาสไปให้ได้ ก็พอดีมาตายเสียก่อน ตายทั้งกลมเสียด้วย" หล่อนร้องไห้กระซิก แล้วจึงพูดต่อว่า "คนมันใจร้าย มันไม่ยอมหยุดรถรับฉันไปโรงพยาบาล ฉันต้องนอนเจ็บปวดจนขาดใจตาย ด้วยความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส"

"โยมก็เลยแก้แค้นใช่ไหม สามศพข้างหน้านั่นก็ฝีมือโยมใช่ไหม" ท่านพูดด้วยเสียงตำหนิ
"ก็ฉันแค้น"หล่อนตอบเสียงอ่อย

"ทำแล้วหายแค้นหรือเปล่าล่ะ คนที่โยมทำเขาตายนั่นเขาไปสร้างความแค้นให้โยมหรือเปล่า มันคนละคนกันใช่ไหม หรือโยมจำได้ว่าคนที่ไม่ยอมหยุดรถรับโยมน่ะเป็นใคร"

"จำไม่ได้จ้ะ"

"ก็ในเมื่อจำไม่ได้แล้วโยมเที่ยวไปทำร้ายเขาอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกต้อง รู้ไหมว่าโยมกำลังสร้างกรรมสร้างเวร แล้วตัวโยมเองนั่นแหละจะต้องรับกรรมในภายหลัง หยุดเสียเถิด อาตมาขอบิณบาตนะโยมนะ" ท่านขอร้องพร้อมกับแผ่เมตตาให้หล่อนด้วย

เมื่อได้รับกระแสเมตตาที่ท่านแผ่มาให้ วิญญาณอาฆาตดวงนั้นก็รู้สำนึกในบาปบุญคุณโทษ

หล่อนกราบท่านพระครูแล้วกล่าวว่า "ฉันหยุดแล้วจ้ะหลวงพ่อ หยุดแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเลิกก่อกรรมทำเข็ญ แต่คนอื่นๆเขาจะคิดยังไงฉันไม่รู้นะจ๊ะ เพราะบางคนเขาก็เชื่อฟังฉัน แต่บางคนก็ดิ้อรั้น"

หล่อนหมายถึงดวงวิญญาณอื่นๆที่ตายเพราะอุบัติเหตุ อันเนื่องมาจากความอาฆาตของหล่อน

"เดี๋ยวอาตมาจะแผ่เมตตาไปให้พวกเขา แล้วโยมค่อยไปบอกก็แล้วกัน จากนั้นก็ให้โยมไปเข้าฝันพวกชาวบ้าน ให้จัดการทำบุญปัดรังควานกันที่ถนนนี้แหละ ชวนพรรคพวกไปด้วยนะ บอกหลายๆเสียง เขาจะได้เชื่อ" ท่านแนะนำ

"หลวงพ่อ ฉันคงจะตกนรกแน่นอน หลวงพ่อช่วยฉันด้วย" หล่อนอ้อนวอนเพราะรู้สึกกลัวกรรมอันเกิดจากบาปที่สร้างขึ้นมาเองด้วยแรงโทสะ

"อาตมาคงช่วยไม่ได้มากนักหรอก โยมจะต้องก้มหน้ารับกรรมที่โยมก่อ ที่กลับใจได้นี่ก็เป็นผลดีแก่ตัวโยมมากแล้ว เพราะจะได้ไม่ต้องไปตกนรกนาน อาตมาเห็นจะต้องลาละ"

แล้วท่านก็กำหนดลืมตา ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ตำรวจทางหลวง จัดการนำศพและซากรถที่ขวางทางอยู่ออก รถจึงวิ่งได้ตามปกติ

"สำเร็จไหมครับหลวงพ่อ" นายสมชายถาม ขณะเคลื่อนรถตามรถคันหน้าไปอย่างช้าๆ

"โชคดีที่เขารู้จักฉัน เลยพูดกันง่ายหน่อย ก็ต้องนับว่าเป็นบุญของเขา ขืนดื้อดึงก็ต้องก่อกรรมทำเข็ญไปอีกนาน"

"แล้วหลวงพ่อรู้จักเขาไหมครับ"

"ไม่รู้จักหรอก เขาบอกเขาเคยไปทำบุญที่วัดป่ามะม่วง คนทำบุญมีเป็นร้อยเป็นพัน ฉันจะจำยังไงไหว ขืนจำได้หมดก็เป็นผู้วิเศษเท่านั้น"

"แต่ใครๆเขาก็คิดกันทั้งนั้นว่าหลวงพ่อเป็นผู้วิเศษ ไม่งั้นจะพูดกับผีได้หรือ" นายสมชายไม่ยอมแพ้

"รีบๆไปเถิดไป๊ จะได้ถึงบ้านโยมมั่นเร็วๆ" ท่านตัดบท คร้านจะอธิบายให้นายสมชายหรือใครต่อใครฟัง ว่าท่านเป็นเพียงผู้ต้องการละกิเลส แล้วก็ละได้จนเกือบจะหมดสิ้นแล้วเท่านั้น







ผู้ประพันธ์  :  ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม

























Create Date : 20 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 13:31:48 น. 24 comments
Counter : 1582 Pageviews.  

 
สวัสดีค่ะ
มาเปิดบล็อค
พรุ่งนี้มาใหม่นะคะ วันนี้หมดโคว้ต้าแล้วคะ


โดย: pantawan วันที่: 20 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:51:41 น.  

 
งวดนี้รอนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ


เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 20 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:51:51 น.  

 
อนุโมทนาสาธุ เก่งจังค่ะ


โดย: เยี่ยมยอด IP: 202.60.203.105 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:03:26 น.  

 
มาอ่านต่อครับ
เวียงแว่นฟ้า Book Blog


โดย: moresaw วันที่: 20 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:59:14 น.  

 
โหวตก่อนค่ะ ไว้มาอ่านนะคะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
มัลลิกา ป 402 Music Blog ดู Blog
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 20 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:32:56 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ
มาอ่านและส่งกำลังใจค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 21 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:29:50 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
ขอบคุณนะขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 21 พฤศจิกายน 2557 เวลา:10:37:59 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

--------------------------------

แวะมาอ่านและส่งกำลังใจด้วยค่ะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 22 พฤศจิกายน 2557 เวลา:19:21:30 น.  

 

แวะมาส่งกำลังใจค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
multiple Funniest Blog ดู Blog
กิ่งฟ้า Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 22 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:57:24 น.  

 
มาอ่านช้าค่ะ งวดนี้
คุณน้านุ่นศึกษาธรรมะอยู่
เค้ามาสายทางนี้เลยค่ะ
เน้นปฏิบัติ ไม่เน้นวัตถุ
แต่นุ่นไม่ค่อยซึมซับเลยค่ะ
ตามอ่านแบบนี้ดีกว่า
เหมือนจะเข้าใจดีกว่า

ขอบคุณมากๆนะคะ



โดย: lovereason วันที่: 24 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:41:05 น.  

 


แวะเยี่ยมค่ะ... สบายดีนะค่ะ ส่วนโอพีย์ เองเป็นวันหยุดยาวเลยมีเวลาวิ่งหาเยี่ยมเพื่อนๆคิดถึงๆจ้ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Kavanich96 Funniest Blog ดู Blog
เตยจ๋า Dharma Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: Opey วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:3:17:41 น.  

 
เข้ามาอ่านเช่นเคย และส่งกำลังใจให้ด้วยครับ

เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog


โดย: Insignia_Museum วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:14:04:02 น.  

 

โหวตbook blog ค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:18:13:57 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
อ่านสนุกเชียวค่ะ เคยเห็นพิมพ์เป็นรวมเล่มด้วยค่ะเรื่องนี้


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog




โดย: หอมกร วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:19:58:04 น.  

 
จองที่ก่อนค้าบ พรุ่งนี้มาอ่าน

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:21:19:06 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) วันที่: 1 ธันวาคม 2557 เวลา:0:15:04 น.  

 
สวัสดีค่ะ
หายไปหลายวัน คิดถึงค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: pantawan วันที่: 17 ธันวาคม 2557 เวลา:0:14:48 น.  

 
จขบ.หายไปไหนไม่รู้ ลืมกวาดบ้าน
เลยวางโหวตม่ายด้าย กลับไปรอก่อน



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 17 ธันวาคม 2557 เวลา:14:10:29 น.  

 
สุขสันต์วันคริสต์มาส นะขอ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:11:46:15 น.  

 



Merry Christmas and Happy New Year 2015
สุขภาพแข็งแรง โชคดี มีความสุขมากๆค่ะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:15:28:25 น.  

 
พาเด็กมาอวยพรวันคริสต์มาสค่ะ



โดย: pantawan วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:23:38:04 น.  

 



สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอให้มีความสุขกายสุขใจตลอดปีและตลอดไปค่ะ


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 30 ธันวาคม 2557 เวลา:16:41:28 น.  

 



สวัสดีปีใหม่ 2558 ค่ะ

ขอให้ มีหัวใจที่เข้มแข็งและแข็งแรง
พอที่จะรับทั้งความสุขและความทุกข์ได้...ตลอดไปค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 30 ธันวาคม 2557 เวลา:18:49:29 น.  

 
มีครูแบบนี้ด้วยเหรอคะเนี่ย


ค่อนเดือนแล้วสวัสดีปีใหม่ยังทันนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 มกราคม 2558 เวลา:15:18:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]