วันแรก ..แรกพบก็หลงรักเธอ (Kathmandu, Boudhanath, Syumbhunath)
ทริปนี้เราไปกัน 5 คน รวมคนสองวัย คือคุณแม่ เพื่อนคุณแม่ คุณลูกและเพื่อนคุณลูก จากโปรโมชั่นตั๋วถูกจากการบินไทยที่จองตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้เราได้ไปใช้ชีวิตในประเทศในฝันรวม 7 วันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 - วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ.2556
ก่อนไปมีแค่ 2 คำถามที่ต้องการหาคำตอบ คือ
1. เป็นคำถามจากหลายๆ คนเมื่อรู้ว่าเรากำลังจะไปเนปาล ..ไปเนปาล ไปทำอะไร มีอะไรให้เที่ยวหรอ
2. ไปแล้วหลงรักประเทศนี้ อยากกลับไปอีก จริงหรอ? ..เป็นคำถามในใจ หลังจากอ่านกระทู้ บล็อคของหลายๆ คนที่หลงรักประเทศนี้
ตามข้อมูลเดือนกันยายนไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวประเทศนี้ คือต้องลุ้นไม่ให้ฝนตกในแต่ละวัน เพราะยังเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว เพิ่งเปิดฤดูท่องเที่ยว ก่อนเดินทางเราวุ่นวายกับการเช็คสภาพอากาศ และต้องเตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อสำหรับอากาศทั้ง 3 ฤดู แถมด้วยการขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้เดินทางปลอดภัย และอากาศแจ่มใส
วันเดินทาง เครื่องออกจากสุวรรณภูมิประมาณ 10.30 ฝนตกที่ประเทศไทย ต้องใช้เวลากว่า 40 นาทีถึงจะฝ่าเมฆฝนออกไปยังอากาศแจ่มใสได้ ใช้เวลาประมาณ 2.50 ชั่วโมงเราก็มาถึงสนามบินตรีภูวัน เนปาลด้วยความปลอดภัย
นั่งเครื่องฝั่งขวาขาไป เข้าเขตประเทศเนปาลอากาศแจ่มใส ได้เห็นหิมาลัยอยู่ที่ขอบฟ้า แค่เห็นไกลๆ ก็ได้กรี๊ดกันแล้ว เราโชคดีมากที่อากาศแจ่มใส ได้เห็นหิมาลัยตั้งแต่บนเครื่อง แรกพบเธอฉันก็หลงรักเธอซะแล้ว นอกจากหิมาลัย วิวเมือง และภูเขาด้านล่างก็สวยมากๆ ประเทศอะไรภูเขาถึงสูงขนาดนี้ สวยขนาดนี้
สนามบินแห่งชาติเนปาล เหมือนๆ กับสนามบินที่ต่างจังหวัดบ้านเรา ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย แต่ห้องน้ำสะอาดดีจัง ที่สนามบินแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสนามบินที่เครื่องลงยาก เพราะอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีเขาล้อมรอบ 360 องศา และอยู่บนระดับสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 1300 ฟุต
พวกเขามารอรับนักท่องเที่ยว บางคนมาจากโรงแรม เกสเฮ้าส์ บางคนเป็นนายหน้าพาหาห้องพัก มารอกันเยอะแยะมากมายจริงๆ ส่วนพวกเราก็มีคนมารับเหมือนกัน เพราะคุณแม่และเพื่อนคุณแม่รู้จักภัณเต (พระ) เนปาล ท่านมารับพวกเราพร้อมคนอื่นๆ เรียกว่าแรกพบหน้าก็ประทับใจกันเลย เราไปกัน 5 คน แต่เค้ามารับเราถึง 6 คน เอารถมา 2 คัน ทักทายเหมือนเคยรู้จักกัน เป็นญาติกันมานาน
ยืนรวมกันแยกไม่ออกว่าคนไหนคนไทย คนไหนคนเนปาล
เรื่องขำๆ ช่วงต่อรถ Shuttle bus เข้า Terminal มีผู้ชายมาทักเรา หน้าตาดีใจเหมือนเรารู้จักกัน สรุปคือ เค้าทักเราว่าเป็นคนเกาหลีรึป่าว หน้าแตกไปเลย เพราะเราเป็นคนไทย ไม่ใช่เกาหลีจ้า
รถคันหนึ่งพากระเป๋าเรากลับไปที่วัดของภัณเต ส่วนอีกคันรอรับเราไปเที่ยวเมืองกาฐมัณฑุ (Kathmandu) สถานที่แรกของทริปนี้คือ เจดีย์โพธินาถ (Boudhanath) ที่อยู่ห่างจากสนามบินไปไม่ไกลนัก รถออกจากสนามบินได้ไม่นาน เราก็เจอฝุ่นๆๆ บนถนนมากมาย สมคำล่ำลือว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยฝุ่น ก็เพราะถนนที่นี่ไม่ได้ลาดยางสวยๆ แบบบ้านเรา เหมือนถนนยังก่อสร้างไม่เสร็จ แถมด้วยขยะริมถนนเป็นช่วงๆ ร้านค้าริมถนนช่วงนี้เหมือนพาหุรัดเลย
เจดีย์โพธินาถ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล ที่นี่เป็นแหล่งชุมชนของชาวทิเบต ที่นี่จึงเปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายวัชรยานในเนปาล รอบๆ เจดีย์มีกงล้อมนต์ให้เดินบำเพ็ญหมุนกงล้อไปรอบๆ ด้านล่างมีร้านค้าขายของที่ระลึก และร้านอาหาร
วัดสำคัญทางพุทธศาสนาอีกแห่งที่อยู่ในเมืองกาฐมัณฑุ คือเจดีย์สยมภูวนาถ (Swayambhunath)เป็นเจดีย์พุทธศาสนาที่มีความเชือในองค์พระโพธิสัตว์ และศาสนาฮินดูรวมอยู่ เชื่อกันว่าเจดีย์แห่งนี้มีอายุเก่าแก่ที่สุดถึง 2000 ปี เป็นหนึ่งจุดชมวิวเมือง เพราะตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ รอบๆ วัดมีลิงอาศัยอยู่เยอะ และมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ตามจุดต่างๆ ในวัด ที่วัดนี้มีวงล้อมนต์ให้หมุนอธิษฐานขอพรเหมือนกับที่เจดีย์โพธินาถด้วย
วัดนี้ เราชอบมาก เจดีย์สวยและสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์ และองค์พระโพธิสัตว์ต่างๆ ที่มีมานาน ที่นี่เราได้คุณลุงคนหนึ่งมาแนะนำวิธีการจุดเทียนบูชา เพิ่มความขลังไปอีกนิด
บันไดทางขึ้นด้านหน้าชันมาก แต่เรานั่งรถตู้ไปขึ้นอีกทาง
ก่อนพระอาทิตย์ตกวันนี้่ที่เมืองกาฐมัณฑุ เราไปเที่ยวหอคอย Dharahara ที่นี่สร้างมาตั้งแต่ปี คศ. 1825 เป็นหอคอยที่ไม่มีเหล็กเป็นโครงสร้างด้านใน ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวเมืองที่มีคู้รักขึ้นไปจู้จี้กันข้างบน เดินขึ้นบันไดไปประมาณ 250 ขั้น เกือบตึก 7 ชั้น เดินลงมาขาสั่นพั่บๆ ที่นี่เลยได้ชื่อเล่นจากพวกเราว่า หอคอยขาสั่น
กลางเมืองที่นี่มีสนามหลวงเหมือนกรุงเทพฯ กลางสนามจะมีลานดินให้ทีมฟุตบอลมาเล่นกัน มีหลายๆ ลานแบ่งกันไป ส่วนหญ้ารอบๆ สนามนั่น ยาวเกินที่จะเล่นฟุตบอลได้ ถ้าเป็นบ้านเราคงจะตัดหญ้าแล้วเล่นบอลกันบนสนามหญ้าใช่มั๊ย
ลงจากหอคอยมีโมโม่ และไอติมจากเจ้าของหอคอยใจดี ได้กินฟรี ขึ้นหอคอยฟรี เพราะเจ้าของเป็นลูกศิษย์ภัณเต ขอบคุณมากๆ คะ
จากหอคอย กลับไปทานข้าวที่วัดภัณเต อาหารอร่อยมาก แล้วเดินทางไปที่พัก คืนนี้นอนหลับฝันดีที่เมืองกาฐมัณฑุ เนปาล