Happy La..La..La !! This is my life.


.. เป็นคนกรุงเทพฯ
.. แต่ชอบหนีออกจากกรุงเทพฯ
.. ไม่ใช่ว่ารักกรุงเทพฯ น้อยลง
.. แต่เพราะ ฉันรักการเดินทาง
.. และยังมีอีกหลายที่ในโลกนี้ที่รอให้ไปค้นหา
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
Nepal วันแรก ..แรกพบก็หลงรักเธอ (Kathmandu, Boudhanath, Syumbhunath)





วันแรก ..แรกพบก็หลงรักเธอ (Kathmandu, Boudhanath, Syumbhunath)


ทริปนี้เราไปกัน 5 คน รวมคนสองวัย คือคุณแม่ เพื่อนคุณแม่ คุณลูกและเพื่อนคุณลูก จากโปรโมชั่นตั๋วถูกจากการบินไทยที่จองตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้เราได้ไปใช้ชีวิตในประเทศในฝันรวม 7 วันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 - วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ.2556 

ก่อนไปมีแค่ 2 คำถามที่ต้องการหาคำตอบ คือ
1. เป็นคำถามจากหลายๆ คนเมื่อรู้ว่าเรากำลังจะไปเนปาล  ..ไปเนปาล ไปทำอะไร มีอะไรให้เที่ยวหรอ 
2. ไปแล้วหลงรักประเทศนี้ อยากกลับไปอีก จริงหรอ?  ..เป็นคำถามในใจ หลังจากอ่านกระทู้ บล็อคของหลายๆ คนที่หลงรักประเทศนี้ 

 photo IMG_2661.jpg


ตามข้อมูลเดือนกันยายนไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวประเทศนี้ คือต้องลุ้นไม่ให้ฝนตกในแต่ละวัน เพราะยังเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว เพิ่งเปิดฤดูท่องเที่ยว ก่อนเดินทางเราวุ่นวายกับการเช็คสภาพอากาศ และต้องเตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อสำหรับอากาศทั้ง 3 ฤดู  แถมด้วยการขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้เดินทางปลอดภัย และอากาศแจ่มใส

วันเดินทาง เครื่องออกจากสุวรรณภูมิประมาณ 10.30 ฝนตกที่ประเทศไทย ต้องใช้เวลากว่า 40 นาทีถึงจะฝ่าเมฆฝนออกไปยังอากาศแจ่มใสได้ ใช้เวลาประมาณ 2.50 ชั่วโมงเราก็มาถึงสนามบินตรีภูวัน เนปาลด้วยความปลอดภัย 

นั่งเครื่องฝั่งขวาขาไป เข้าเขตประเทศเนปาลอากาศแจ่มใส ได้เห็นหิมาลัยอยู่ที่ขอบฟ้า แค่เห็นไกลๆ ก็ได้กรี๊ดกันแล้ว เราโชคดีมากที่อากาศแจ่มใส ได้เห็นหิมาลัยตั้งแต่บนเครื่อง แรกพบเธอฉันก็หลงรักเธอซะแล้ว  นอกจากหิมาลัย วิวเมือง และภูเขาด้านล่างก็สวยมากๆ ประเทศอะไรภูเขาถึงสูงขนาดนี้ สวยขนาดนี้ 

 photo IMG_2665.jpg


 photo IMG_2673.jpg


สนามบินแห่งชาติเนปาล เหมือนๆ กับสนามบินที่ต่างจังหวัดบ้านเรา ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย แต่ห้องน้ำสะอาดดีจัง   ที่สนามบินแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสนามบินที่เครื่องลงยาก เพราะอยู่ท่ามกลางหุบเขา  มีเขาล้อมรอบ 360 องศา และอยู่บนระดับสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 1300 ฟุต 

 photo IMG_2691.jpg


พวกเขามารอรับนักท่องเที่ยว บางคนมาจากโรงแรม เกสเฮ้าส์ บางคนเป็นนายหน้าพาหาห้องพัก มารอกันเยอะแยะมากมายจริงๆ  ส่วนพวกเราก็มีคนมารับเหมือนกัน เพราะคุณแม่และเพื่อนคุณแม่รู้จักภัณเต (พระ) เนปาล ท่านมารับพวกเราพร้อมคนอื่นๆ เรียกว่าแรกพบหน้าก็ประทับใจกันเลย เราไปกัน 5 คน แต่เค้ามารับเราถึง 6 คน เอารถมา 2 คัน ทักทายเหมือนเคยรู้จักกัน เป็นญาติกันมานาน 

 photo IMG_2694.jpg

ยืนรวมกันแยกไม่ออกว่าคนไหนคนไทย คนไหนคนเนปาล

 photo IMG_2805.jpg

เรื่องขำๆ ช่วงต่อรถ Shuttle bus เข้า Terminal มีผู้ชายมาทักเรา หน้าตาดีใจเหมือนเรารู้จักกัน สรุปคือ เค้าทักเราว่าเป็นคนเกาหลีรึป่าว หน้าแตกไปเลย เพราะเราเป็นคนไทย ไม่ใช่เกาหลีจ้า

รถคันหนึ่งพากระเป๋าเรากลับไปที่วัดของภัณเต  ส่วนอีกคันรอรับเราไปเที่ยวเมืองกาฐมัณฑุ (Kathmandu) สถานที่แรกของทริปนี้คือ เจดีย์โพธินาถ (Boudhanath) ที่อยู่ห่างจากสนามบินไปไม่ไกลนัก  รถออกจากสนามบินได้ไม่นาน เราก็เจอฝุ่นๆๆ บนถนนมากมาย สมคำล่ำลือว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยฝุ่น ก็เพราะถนนที่นี่ไม่ได้ลาดยางสวยๆ แบบบ้านเรา เหมือนถนนยังก่อสร้างไม่เสร็จ แถมด้วยขยะริมถนนเป็นช่วงๆ  ร้านค้าริมถนนช่วงนี้เหมือนพาหุรัดเลย

เจดีย์โพธินาถ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล ที่นี่เป็นแหล่งชุมชนของชาวทิเบต ที่นี่จึงเปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายวัชรยานในเนปาล  รอบๆ เจดีย์มีกงล้อมนต์ให้เดินบำเพ็ญหมุนกงล้อไปรอบๆ  ด้านล่างมีร้านค้าขายของที่ระลึก และร้านอาหาร

 photo IMG_2753.jpg

 photo IMG_2756.jpg

 photo IMG_2754.jpg

 photo IMG_2732.jpg


วัดสำคัญทางพุทธศาสนาอีกแห่งที่อยู่ในเมืองกาฐมัณฑุ คือเจดีย์สยมภูวนาถ (Swayambhunath)เป็นเจดีย์พุทธศาสนาที่มีความเชือในองค์พระโพธิสัตว์ และศาสนาฮินดูรวมอยู่ เชื่อกันว่าเจดีย์แห่งนี้มีอายุเก่าแก่ที่สุดถึง 2000 ปี  เป็นหนึ่งจุดชมวิวเมือง เพราะตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ รอบๆ วัดมีลิงอาศัยอยู่เยอะ และมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ตามจุดต่างๆ ในวัด  ที่วัดนี้มีวงล้อมนต์ให้หมุนอธิษฐานขอพรเหมือนกับที่เจดีย์โพธินาถด้วย

วัดนี้ เราชอบมาก เจดีย์สวยและสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์ และองค์พระโพธิสัตว์ต่างๆ ที่มีมานาน  ที่นี่เราได้คุณลุงคนหนึ่งมาแนะนำวิธีการจุดเทียนบูชา เพิ่มความขลังไปอีกนิด

 photo IMG_2786.jpg

 photo IMG_2799.jpg


 photo IMG_2793.jpg


 photo IMG_2804.jpg


บันไดทางขึ้นด้านหน้าชันมาก แต่เรานั่งรถตู้ไปขึ้นอีกทาง

 photo IMG_2782.jpg


ก่อนพระอาทิตย์ตกวันนี้่ที่เมืองกาฐมัณฑุ เราไปเที่ยวหอคอย Dharahara ที่นี่สร้างมาตั้งแต่ปี คศ. 1825 เป็นหอคอยที่ไม่มีเหล็กเป็นโครงสร้างด้านใน ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวเมืองที่มีคู้รักขึ้นไปจู้จี้กันข้างบน เดินขึ้นบันไดไปประมาณ 250 ขั้น เกือบตึก 7 ชั้น เดินลงมาขาสั่นพั่บๆ ที่นี่เลยได้ชื่อเล่นจากพวกเราว่า หอคอยขาสั่น 

 photo IMG_2809.jpg

 photo IMG_2822.jpg


กลางเมืองที่นี่มีสนามหลวงเหมือนกรุงเทพฯ กลางสนามจะมีลานดินให้ทีมฟุตบอลมาเล่นกัน มีหลายๆ ลานแบ่งกันไป ส่วนหญ้ารอบๆ สนามนั่น ยาวเกินที่จะเล่นฟุตบอลได้ ถ้าเป็นบ้านเราคงจะตัดหญ้าแล้วเล่นบอลกันบนสนามหญ้าใช่มั๊ย 

 photo IMG_2829.jpg


ลงจากหอคอยมีโมโม่ และไอติมจากเจ้าของหอคอยใจดี  ได้กินฟรี ขึ้นหอคอยฟรี เพราะเจ้าของเป็นลูกศิษย์ภัณเต       ขอบคุณมากๆ คะ 

จากหอคอย กลับไปทานข้าวที่วัดภัณเต อาหารอร่อยมาก แล้วเดินทางไปที่พัก คืนนี้นอนหลับฝันดีที่เมืองกาฐมัณฑุ เนปาล






Create Date : 13 ตุลาคม 2556
Last Update : 13 ตุลาคม 2556 20:54:58 น. 1 comments
Counter : 1126 Pageviews.

 
วางแผนไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวปีนี้แต่ร่างกายไม่อำนวยแผนการต้องล้มเลิก รอดูตอนต่อไปค่ะ


โดย: jinjung วันที่: 13 ตุลาคม 2556 เวลา:23:47:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wetrip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wetrip's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.