บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
อุบาสิกา ถวิล - บทที่สิบเอ็ด - กว่ามรสุมจะผ่านพ้น

เมื่อออกจากราชการใหม่ๆ ป้าคิดว่านอกจากมีเวลาดูแลปรนนิบัติพ่อของป้า มากขึ้นแล้ว ยังอาจได้ช่วยเหลืองานของวัดเพิ่มขึ้น แต่ความเป็นจริงกลับทำไม่ได้เต็มที่ เท่าที่คิด เพราะดูเวลาส่วนใหญ่ ต้องอยู่กับพ่อที่ต่างจังหวัด

ในปี ๒๕๒๑ ราวๆ ปลายปี จนถึงปี ๒๕๒๓ เดือนกุมภาพันธ์ ป้าคงมาวัดได้เฉพาะวันอาทิตย์ต้นเดือน มาครั้งใดก็จะไปกราบคุณยายฯ ทุกครั้ง ในช่วงเวลานั้น ป้าต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูแลและประนิบัติดูแลพ่อ ซึ่งชราภาพมากและล้มป่วยอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากพ่อพักอยู่ที่บ้านจังหวัดราชบุรี ทำให้ดินทางไม่สะดวกเหมือนกับระยะที่อยู่ในกรุงเทพฯ

เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ในยามชรา และมีโรคเรื้อรังประจำตัว ป้าก็เห็นชัดถึงความเสื่อมในร่างกาย ไม่ว่าป้าจะระแวดระวังให้พ่อของป้ากินดี อยู่ดีแค่ไหน ร่างกายของท่านก็คอยแปรปรวนอยู่ตลอด พอรักษาโรคนี้หาย โรคใหม่ก็มาแทน ป้าจึงนึกว่าสิ่งที่ดีที่สุด ที่ป้าควรให้พ่อ ไม่ใช่เรื่องดูแลทางร่างกายเพียงอย่างเดียว ต้องให้การดูแลทางใจเป็นหลักสำคัญ ให้ใจของท่านเกิดปัญญา มีสัมมาทิฏฐิ ฝักใฝ่อยู่ในบุญกุศล การตายจากโลกนี้ ร่างกายไปกับท่านไม่ได้ แต่จิตใจที่ผ่องแผ้ว จะทำให้ท่านได้เกิดใหม่ ในภพภูมิที่ดี

จะนับว่าเป็นโชคของเราสองคนพ่อลูกก็ได้ ที่บังเอิญมีพระภิกษุสูงอายุท่านหนึ่ง ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนพระอภิธรรม ในสำนักเรียนที่มีชื่อเสียง ไปพักอยู่ที่ใกล้ๆ บ้าน พ่อจึงได้ไปสนทนาธรรมกับท่านบ่อย จนพระเถระรูปนั้นเห็นนิสัยและปัญญาของพ่อ ว่าสามารถเรียนอภิธรรมได้ ท่านจึงเปิดการสอนขึ้น มีผู้เรียนอยู่ ๔-๕ คน พ่อเรียนทั้งเช้าและบ่าย ตอนเพลป้านำปิ่นโต ไปถวายพระอาจารย์ด้วย เอาอาหารกลางวันไปส่งพ่อด้วย บ่ายป้าก็มีโอกาสเรียน

ในการเรียนพระอภิธรรม มีหลายตอนที่โยงไปถึงเหตุการณ์ ในสมัยพุทธกาล ทำให้พ่อกับพ่อต้องการรู้เรื่องให้ละเอียด จึงปรึกษากันซื้อพระไตรปิฎกทั้งชุด พ่อได้อ่านพระสุตตันตปิฎกควบคู่กับการเรียนพระอภิธรรม ทำให้เข้าใจหลักธรรมต่างๆ ขึ้นมาก มีใจผูกพันอยู่กับคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดเวลา จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ปลายปี ๒๕๒๕

เมื่อพ่อถึงแก่กรรมแล้ว ป้าก็บวชเป็นชีโกนผมนุ่งขาวห่มขาว (แต่เดิมเพียงแต่ถือศีลแปดไม่ได้โกนผม) อยู่ประจำเรียนพระอภิธรรม ในสำนักเรียนสองสำนัก พร้อมกันนั้นเรียนนักธรรมไปด้วย เข้าสอบครั้งใดเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ กระทั่งเดือนมีนาคม ๒๕๒๗ หลวงพ่อเจ้าอาวาสได้เมตตา ให้หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสไปตามตัวป้า ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่ดอยอินทนนท์

หลวงพ่อเจ้าอาวาสคงดีใจที่ป้ากลับมาเข้าวัดตามเดิม ท่านจึงมักพูดชมเชยให้ใครๆ ฟังอยู่เสมอว่าป้าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดวัดพระธรรมกาย ในสถานที่ที่ตั้งอยู่ทุกวันนี้ ป้าไม่ใช่แม่ชีธรรมดาทั่วๆ ไป แต่เป็นคนมีความรู้ขั้นปริญญา เคยมีหน้าที่การงานทางโลกสูง มีนิสัยดี ฯลฯ ซึ่งป้าไม่เคยหลงตน ทนงตน เพราะรู้ดีว่าคำชมเชยต่างๆ ที่ได้รับ ล้วนแต่เป็นการเมตตาให้กำลังใจ จากหลวงพ่อฯ คงทำตัวเสมอต้นเสมอปลายกับทุกคน

ในเวลาต่อมา คนตัวเล็กได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว เขาถือว่าเขาเป็นฝ่ายชนะ ต่อจากนั้นหลวงพ่อรองเจ้าอาวาส ก็ถูกใส่ความว่า ทำตนแข่งดีกับหลวงพ่อเจ้าอาวาส บังเอิญหลวงพ่อเจ้าอาวาสไม่เชื่อถือ ท่านรู้จักนิสัยของหลวงพ่อรองเจ้าอาวาสดี เรื่องจึงยุติลง

ตั้งแต่คุณยายฯ และหลวงพ่อเจ้าอาวาสได้ย้ายมาอยู่ที่วัดพระธรรมกาย ก็ได้มีอุบาสกเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คุณยายฯ และคณะสงฆ์มอบหมายให้ภิกษุร่างเล็กดูแลอุบาสกในวัด แต่ปรากฎว่า เมื่อภิกษุรูปนี้ไม่พอใจผู้ใด ก็จะผูกโกรธผู้นั้น มีบางครั้งที่ความเห็นไม่ตรงกัน ภิกษุร่างเล็กได้ใช้กำลังลงโทษอุบาสกท่ามกลางที่ประชุม ซึ่งคุณยายฯ และคณะสงฆ์เห็นว่า ผู้ใหญ่ไม่ควรลงโทษผู้น้อยในลักษณะนี้ จึงมิให้ดูแลรับผิดชอบดูแลอุบาสกในวัดอีกต่อไป

คุณยายฯ เป็นเสมือนครูบาอาจารย์ของทุกคนในวัด เมื่อมีสิ่งใดไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นคุณยายฯ จะไม่นิ่งดูดาย ถือว่าธุระไม่ใช่เป็นอันขาด ท่านจะหาทางแก้ไข ในกรณีภิกษุร่างเล็กผู้นี้ เมื่อก่อนบวชแม้จะตั้งสัจจะประพฤติพรหมจรรย์แล้ว ก็ยังมีเรื่องชู้สาวในหมู่คณะเกิดขึ้น หลังบวชก็ยังทำเรื่องมัวหมอง ชอบพบกับอุบาสิกาในแผนกครัว คุณยายฯ จึงออกปากว่ากล่าว ทำให้เป็นสาเหตุใหญ่ ผูกใจเจ็บแค้น

มีการกระทำหลายประการ เหมือนจงใจให้ผู้สูงอายุอย่างคุณยายฯ มีความวิตกกังวล ไม่สบายใจ เช่นเมื่อเกิดการทะเลาะโต้เถียง หลวงพ่อเจ้าอาวาส มักจะขอร้องฝ่ายภิกษุร่างเล็กกล่าวคำขอโทษคุณยายฯ ภิกษุนี้จะไม่มาพบตอนกลางวัน พอตอนกลางคืนเวลาดึกหน่อยจึงมาขอพบ คุณยายฯ อยู่ตามลำพัง ท่านจึงไม่ให้พบ ฝ่ายขอพบก็จะเดินเคาะฝา รอบกุฏิที่พักคุณยายฯ ปากก็พูดไปว่า " ยาย ยาย จะมาขอขมา ยาย ยาย จะมา ขอขมา "

คุณยายฯ เล่าให้ป้าฟังว่า " คุณถวิล ยายอยู่คนเดียว ตอนดึกๆ มีคนมาทำยังงี้ ยายก็กลัวไม่กล้าให้พบหรอก กลางวันมีคนอยู่กับยายแยะๆ ทำไมไม่มา มีอีกนะ เรื่องนี้ยายให้อภัยไม่ได้ เดินผ่านยาย ไม่มีใครเห็น เข้ามาต่อยยาย ยังงี้ ยังงี้เลย " เล่าแล้วคุณยายฯ ก็ทำท่ากำหมัดสองมือยื่นออก ชกมาข้างหน้าสลับมือกัน "ยายเซไปเลย แล้วพอยายเอะอะ กลับบอกใครๆ ว่าเดินเซไปชนยายเข้า โธ่ ไม่เซนะ ต่อยยาย ยังงี้ ยังงี้ " ว่าแล้วก็ทำซ้ำให้ดู

ในความคิดของป้า ไม่ว่าจะแกล้งต่อยขู่จริงๆ หรือเดินสวนกัน แล้วทำเซไปชนก็ตามเป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้นทั้งสิ้น ถ้าถือว่าคุณยายฯ เป็นเสมือนครูบาอาจารย์ เรื่องแกล้งต่อยขู่ก็เป็นความเนรคุณอย่างไม่มีที่เปรียบ เรื่องเซไปชนก็ผิดวิสัยศิษย์ เพราะเมื่อมีครูอาจาย์สวนทางมา ถ้าไม่หยุดให้เดินไปก่อน ก็ต้องชลอความเร็วลง เพื่อทักทาย ไม่ใช่เดินเร็วจนเซไปชน อีกอย่างหนึ่งวัดที่อยู่กันนั้น ไม่ใช่วัดเล็กๆ มีเนื้อที่สองพันกว่าไร่ ทำไมทางเดินจึงแคบจนไม่มีที่หลีก ดูเป็นคำแก้ตัวที่อ้างไม่ขึ้นเอาเสียเลย

เมื่อเหตุการณ์เคาะกุฏิคุณยายฯ เกิดติดต่อกันหลายคืนเข้า คุณยายฯ มีอาการกังวลถึงนอนไม่หลับ พาลให้ร่างกายเจ็บป่วย ในที่สุดหลวงพ่อเจ้าอาวาสต้องแก้ปัญหา นำพระรูปเล็กรูปนี้ ไปฝากไว้วัดต่างจังหวัดชั่วคราว พอถึงวันอาทิตย์ต้นเดือน จึงให้คนขับรถไปรับมาร่วมในพิธีถวายข้าวพระ ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตของคนภายนอก เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนนานพอสมควร จึงให้กลับมาอยู่วัดตามเดิม

ระยะเวลาที่เรื่องราวต่างๆ ที่เล่าเกิดขึ้น อยู่ระหว่างปี ๒๕๒๗ - ๒๕๒๘

ต่อมาในปี ๒๕๓๑ ภิกษุร่างเล็กได้ทำเรื่องร้ายใหญ่โตมาก ยุยงภิกษุอีกสองรูปให้เข้าด้วย ร่วมมือกันอัดเทปบ้าง พิมพ์ใบปลิวแจกบ้าง โจมตีกล่าวร้ายหลวงพ่อทั้งสองรูป โดยเฉพาะหลวงพ่อเจ้าอาวาสถูกป้ายสี บิดเบือนความจริง ชนิดขาวเป็นดำ ที่ทำเป็นเทปมีความยาวถึง ๖ ม้วน

ป้าเองมีคนเอาเทปมาให้ฟัง ๒ ม้วน ฟังม้วนแรกไปได้ไม่ทันจบ ป้าก็เกิดอาการคลื่นไส้อยากอาเจียน จนต้องหยุดฟัง เพราะเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่อง " มหาโกหก " ทั้งหมด เป็นเสียงคนบ้าพูดชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนวนโวหาร การใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง คนวิกลจริต มีอาการเครียดทางประสาทพูด

เพียงแต่เป็นคำพูดของคน ที่มีความฉลาดในการล่อหลอกให้คนเชื่อ คือเอาความจริงที่มีอยู่ เป็นความจริงที่มีวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง เวลาพูดกลับชักนำชี้ชวน ให้คนฟังเห็นเป็นวัตถุประสงค์อีกอย่าง ในทางเสื่อมเสีย เรียกว่าฉลาดเฉียบแหลมในการพูดบิดเบือนให้ดูสมเหตุสมผล ยกตัวอย่างเช่น อาคารบางหลังในวัด ต้องติดเครื่องปรับอากาศ ทำความเย็นภายในอาคารอยู่เสมอ เพราะเป็นที่เก็บเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องใช้สมัยใหม่ เช่นเครื่องแสง เครื่องเสียง ทั้งวิทยุ เทป วีดีโอ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ฯลฯ เครื่องเหล่านี้เวลาใช้งานหรือไม่ได้ใช้ก็ตาม ถ้าอยู่ในที่มีอากาศเย็น จะทำให้อายุการใช้งานได้นาน คือไม่เสียเร็ว

แต่เวลาพูดบิดเบือนกลับไพล่เป็นกล่าวร้ายว่า หลวงพ่อฯ บวชเป็นพระภิกษุ ไม่ทำตัวให้เลี้ยงง่าย ที่อยู่ต้องติดเครื่องปรับอากาศ มีเครื่องใช้สะดวกสบายประการต่างๆ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าไปดูจริงๆ ก็จะพบว่ากุฏิหลวงพ่อฯ กับอาคารเก็บเครื่องเทคโนโลยี เหล่านั้นเป็นคนละหลังและห่างกันเป็นครึ่งกิโลเมตร ไม่เกี่ยวกันเลยกับที่อยู่ของพระภิกษุ โยงเอามาพูดให้น่าเชื่อถือจนได้

พวกสื่อมวลชนโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ ไม่รู้ความจริง เห็นแก่ประโยชน์ของตนเพราะถ้ามีข่าวของวัดลงหน้าแรก ยอดจำหน่ายประจำวัน จะสูงขึ้นหลายแสนฉบับ ก็ช่วยกันประโคมข่าวทำลาย ไม่ใช่แต่วัด กลายเป็นทำลายพระศาสนาไปในตัวด้วย

ภิกษุร่างเล็กพิษร้ายรูปนี้ ได้ส่งข้อความและเอกสารโจมตีบ้าง หนังสือร้องเรียนบ้าง ไปตามสถาบันสำคัญต่างๆ ทั้งทางราชการ ทางการเมือง ทั่วประเทศตลอดจนบางแห่งที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ ยังพูดจาต่อคนที่ใกล้ชิดให้รู้กันทั่วว่า " กูจะอยู่ ดูวัดพระธรรมกายฉิบหาย "

หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสฟังเทปโจมตีแล้ว ท่านเสียใจมาก ที่พบเรื่องใส่ร้ยป้ายสี ชนิดขาวเป็นดำอย่างนี้

สำหรับหลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านมีเมตตาใหญ่หลวงนัก ท่านกล่าวว่า " อย่าให้หลวงพ่อฟังเทปโจมตีนั่นเลย หลวงพ่อไม่อยากฟัง อยากจะจดจำแต่ความดีงาม ที่ท่านรูปนั้นกับหลวงพ่อ มีต่อกันตลอดมาไว้ในใจ เกิดมีคราวใดท่านองค์นั้น ต้องการความช่วยเหลือจากหลวงพ่อในเวลาภายหน้า หลงวพ่อจะได้ช่วยท่านได้เต็มใจ โดยไม่รู้สึกอะไร "

ในที่สุดหลวงพ่อเจ้าอาวาสก็มอบหมายให้หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสและคณะสงฆ์ประชุมหารือกันเกี่ยวกับพระภิกษุร่างเล็ก โดยหลวงพ่อจะปฎิบัติตามมติของคณะสงฆ์ส่วนใหญ่ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เด็ดขาดให้เชิญภิกษุร่างเล็กออกจากวัดไป แรกๆ ภิกษุร่างเล็กก็ไม่ยอมออกไปจากวัด จนกระทั่งยอมจำนนต่อหลักฐานคือเทปที่โจมตีหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่ได้ส่งไปตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ภิกษุร่างเล็กก็ยอมย้ายไปอยู่วัดของพระอุปัชฌาย์ แรกๆ ภิกษุ แม่ชี และผู้คนบางส่วนในวัดที่ย้ายไปอยู่ด้วยนั้นก็พากันเชื่อถือถ้อยคำ มีอคติกับหลวงพ่อฯ และวัดพระธรรมกาย ต่อมาเมื่อเห็นฤทธิ์เดช นิสัยของภิกษุร่างเล็ก ก็พากันเลิกเชื่อถือ

ถ้าถือว่าวัดเป็นเหมือนชีวิตคน ปี ๒๕๓๑ ก็เหมือนชีวิตตอนชะตาตกทีเดียว ถูกภิกษุร่างเล็กใส่ความยังไม่พอ มีเรื่องชาวนาซึ่งเคยเป็นคนเช่านาอยู่ก่อน เจ้าของขายให้วัด ได้รับเงินค่าจ้าง จากผู้ต้องการทำลายพระพุทธศาสนา ในเมืองไทย ให้ก่อกวนวัดในรูปแบบต่างๆ ยื่นหนังสือร้องเรียน ชุมนุมประท้วง บุกเข้าวัดจะจุดไฟเผา เข้ามาทำร้ายร่างกายอุบาสกของวัด เข้ามาทำนาในวัด ทำลายต้นไม้ที่วัดปลูก จับปลาในวัดไปขาย ทำลายรั้วด้านทิศตะวันตกหมดทั้งแถบ ราวๆ ๓ กิโลเมตร ยิงปืนขู่ ก่อกวนมาเป็นระยะๆ เรื่อยมา จนกระทั่งปี ๒๕๓๕ ถึงกับเผากุฏิพระ ไปหลายหลัง

ผู้คนไม่รู้ความจริง ก็เชื่อข่าวหนังสือพิมพ์ว่า วัดรังแกประชาชนยากจน ฝ่ายผู้จ้างวานให้ชาวนาก่อกวน เขารู้ดีว่า ทำลายวัดพระธรรมกายได้เพียงวัดเดียว เท่ากับทำลายพุทธศาสนาในประเทศไทยเกือบหมด เพราะพระภิกษุวัดพระธรรมกาย รูปไหนก็รูปนั้น สามารถเป็นสมภารวัดอื่นได้ทันที ที่ได้รับการแต่งตั้ง เนื่องจากมีคุณสมบัติพร้อม เช่นอุทิศชีวิตบวชไม่สึก มีความรู้ทางโลกไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี เรียนปริยัติธรรมและตั้งใจฝีกฝนธรรมปฏิบัติ ฯลฯ ใครก็ตามทำวัดเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่มีคนศรัทธาได้เมื่อใด เมื่อนั้น พระพุทธาศาสนาในประเทศไทย จะมีโอกาสฟื้นฟูได้ยาก

เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย วัดมีโครงงานใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการเผยแพร่พุทธศานาไปทั่วโลก และการก่อสร้างพุทธสถานอันยิ่งใหญ่ รวมทั้งมหาวิทยาลัย ที่เรียนทั้งทางโลกและทางธรรม จำเป็นต้องใช้ทุนทรัพย์มาก ศิษย์ของหลวงพ่อมีศรัทธาเข้มแข็ง ได้ตั้งใจดำเนินธุรกิจต่างๆ เพื่อหารายได้มาบริจาค เช่นจัดสรรที่ดิน หรือธุรกิจการค้า ทำกันไปตามถนัด บางคนมีปัญหานึกหาทางออกไม่ได้ มาขอคำแนะนำจากหลวงพ่อฯ ท่านก็เมตตาให้ความคิดเห็น ที่ไม่ผิดต่อสมณะวิสัย

พวกหนังสือพิมพ์ ก็พยายามจะใส่ความ ให้เป็นธุรกิจที่วัดทำเองให้ได้ ประกอบกับผู้คนที่ไม่รู้ความจริง ช่วยกันกระพือข่าว ทำให้ดูเหมือนวัดทำความผิด หลวงพ่อฯ เป็นหัวหน้าผู้ทำผิด

หลวงพ่อฯ ท่านใช้ขันติธรรมเข้าต่อสู้ คือวางเฉย แล้วแต่ใครจะพูดว่า ท่านไม่เถียง ถ้าใครมาสอบสวน ทางวัดก็ชี้แจง ไม่มาสอบสวน สืบถาม ทางวัดก็นิ่งเฉย

หลายปีเข้าความจริงก็ค่อยปรากฏ ผลงานกอบกู้พระศาสนา เริ่มทยอยออกมาให้เห็น ทางราชการให้ความสนใจ และติดตามดูการทำงานของวัด จึงเห็นแต่สิ่งดีงาม ที่ทำออกมาให้แก่ชาติบ้านเมือง ในที่สุดหลวงพ่อทั้งสองรูป ได้รับแต่งตั้งเป็นพระเถระชั้นเจ้าคุณ

ปลายปี ๒๕๓๔ หลวงพ่อเจ้าอาวาส เป็น พระสุธรรมยานเถระ

กลางปี ๒๕๓๕ หลวงพ่อรองเจ้าอาวาส เป็น พระภาวนาวิริยคุณ

ตลอดยี่สิบกว่าปี ของการสร้างวัด ได้มีอุปสรรคปัญหาต่างๆ มากมาย ที่คุณยายอาจารย์ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง ต้องต่อสู้แก้ไขร่วมกับหมู่คณะ ผู้ร่วมบุกเบิกแต่ละท่านต้องรับผิดชอบแต่ละด้าน แต่ละงานก็แตกต่างกัน บางท่านก็ได้สร้างสรรค์ผลงานปูชนียสถานอันสง่างามไว้ เช่น พระภูเบศ ฌานาภิญโญ และพระชิตชัย มหาชิโต ที่ได้ร่วมกันควบคุมการก่อสร้างอุโบสถ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีความรู้มาก่อนเลย จนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นอุโบสถที่มีส่วนประกอบโครงสร้างที่สะอาดที่สุดในโลก

งานแต่ละอย่างมากมาย เป็นความยากลำบาก แต่ก็เป็นความชื่นใจ เป็นความทรงจำอันงดงามของผู้รับบุญแต่ละท่าน ซึ่งไม่สามารถจะรวบรวมมาให้ครบถ้วนในที่นี้ได้ วัดของเราได้เกิดขึ้น ก่อสร้างสำเร็จและก้าวหน้าอยู่จนถึงทุกวันนี้ ด้วยน้ำมือน้ำใจของสาธุชนทั้งหลาย นับหมื่นนับแสนคน

ป้าหวนนึกถึงวันเวลาที่ผ่านไป นึกถึงความรักใคร่สามัคคีที่บ้านธรรมประสิทธิ์ ที่ไม่มีโอกาสจะหวนกลับมาอีก นึกถึงผู้ร่วมบุญที่สมัครสมานปรองดองกัน ก็แสนจะเสียดายอาจารย์วรณี ผู้ที่ป้าเคารพรัก เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน และเป็นผู้มีพระคุณที่มอบที่ดินให้วัดก็แยกย้ายไปด้วยความเข้าใจผิด หรือจากเด็กหนุ่มที่เคยมีความตั้งใจดี ที่จะร่วมงานบุญเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยกกันกับหมู่คณะ แม้จะได้รับมรดกจากคุณพ่อ สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมดก็นำมาซื้อแลกเปลี่ยนให้ได้รถชั้นดี มาใช้งานพระศาสนา แต่ก็ต้องมาเปลี่ยนไปด้วยพ่ายแพ้ต่อกิเลสมาร สร้างความมัวหมองให้แก่ตนเอง หมู่คณะ และพระพุทธศาสนา

เราต้องยอมรับความจริงด้วยใจเป็นกลางว่าไม่มีปุถุชนคนใดที่จะมีความดีสมบูรณืพร้อม ๑๐๐ % หรือเลวร้าย ๑๐๐ % ฉะนั้นในระยะเวลาที่ยาวนานที่เราบุกเบิกสร้างวัดมาด้วยกัน ย่อมเกิดเหตุการณ์ที่ดีและเลวเกิดขึ้นปะปนกันเป็นธรรมดา

ในห้วงเวลาต่อมา ก็มีหลายท่านที่ได้มาร่วมกับหมู่คณะ บางท่านก็ยังอยู่เป็นกำลังสำคัญของหมู่คณะ บางท่านก็จากไป เมื่อพิจารณาแล้ว ก็เป็นเหตุการณ์ธรรมดา ที่เกิดจากความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ตามกฎไตรลักษณ์

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ป้ามั่นใจเหลือเกินว่า หมู่คณะของเราก็จะคงอยู่และยึดมั่นตามคำสอนของพระบรมศาสนาตลอดไป

เราจะเคารพ และระลึกถึงความดีของท่านผู้มีพระคุณ

เราจะให้อภัย แก่ผู้ที่หลงผิด คิดร้าย มุ่งทำลายหมู่คณะ

เราจะแผ่เมตตาจิต ให้แก่มวลมนุษยชาติ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย

เราจะอดทน และต่อสู้อุปสรรคทั้งหลาย เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามมโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และคุณยายอาจารย์ผู้เป็นที่เค่รพบูชายิ่งของพวกเรา นักสร้างบารมีทุกคน



Create Date : 23 เมษายน 2551
Last Update : 23 เมษายน 2551 11:19:20 น. 0 comments
Counter : 2213 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.