บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
เรียนเก่งเรียนดี ทำงานบริษัทฯยักษ์ใหญ่ แต่ปรับตัวไม่ได้ทำไงดี...?

ขอวิเคราะห์จากข้อมูลที่ให้มา ผสมกับความคิดของผมละกันครับ..

จาก ข้อมูลของคุณ แสดงว่าคุณเป็นคนรักษาระเบียบของตนเอง และ เก่งทางด้านการเรียน อันนี้อิจฉามาก แค่อายุ 25 ปี ทำงาน 4 ปี จบโทตอนอายุ 21 ปี จบเร็วมาก..

ปัญหาที่คุณเจอผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กเรียน ผมก็เคยเจอลักษณะนี้มาก่อน แต่ดีกว่าเล็กน้อย ตรงที่เจอตอนเรียน ก็เลยแก้ไขตัวเองได้ทัน ก่อนจะเจอโลกจริง แต่ก็ไม่ดีเพราะทำให้ชีวิตการเรีนยหลังจากนั้นไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่. เล่าอตีตให้ฟังละกันนะ..

ผมเป็นคนที่เรียนได้ที่ 1 มาตลอดในช่วงประถมจนถึงมัธยมต้น แต่จุดหักเหที่การสอบเข้ามัธยมปลายและปัญหาเรื่องเงินทางบ้าน ทำให้ไม่อยากเรียน อยากออกมาทำงาน ก็เลยไม่ตั้งใจสอบ ไปสอบอย่างนั้นแหละ.. พอสอบเข้าได้ในมัธยมปลาย ปรากฎว่า ทำไมเราไม่เหมาะกันสถานที่ใหม่เลย ทำไมต้องบังคับทำกิจกรรม ทำไมต้องบ้งคับให้เดินหาห้องเรียน ทำไม.. เยอะไปหมด.. ก็ต้องปรับตัวขนานใหญ่ ผมกลายเป๋นคนเงียบ เรียนไม่เก่ง อยู่ห้องบ๊วย เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ก็เพราะเกิดความขัดแย้งขึ้นในความคิด และ ยึดติดกับอดีต ผมเริ่มศึกษาคนมากขึ้น ศึกษาธรรมชาติของคนอื่นมากขึ้น ศึกษาธรรมชาติของโรงเรียนใหม่มากขึ้น หลังจากปรับตัวได้ ก็เลื่อนมาเป็นห้อง Queen และ ห้อง King ตามลำดับ.. นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวผมเอง... พอเข้ามหาลัย ก็ไม่อยากเรียนอีก วันๆ ไปซ้อมวงดนตรี ทำกิจกรรมตอน ม.6 เพื่อนร่วมห้องไม่คบด้วยเพราะไม่ยอมอ่านหนังสือ (ธรรมชาติของห้อง King) ผมมันผิดธรรมชาติไปหน่อยเท่านั้น..อิอิ สอบเข้ามหาลัยปิดได้ และเป็น คณะที่ต้องการเรียนมากที่สุด แต่ไม่อยากเรียนมากที่สุด เพราะ แพง และ ไกล ดังนั้น ก็เลยแก้ปัญหาตัวเองโดยการทำกิจกรรมซะส่วนใหญ่... แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด กว่าจะกลับตัวมาเริ่มเรียนได้ก็ปาเข้าไปปี 2 เทอมปลายแลัว.. เหนื่อยมากช่วงนั้น..

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชีวิตของคุณ... ที่ผมเล่ามาเพราะว่านั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องเลือกทางชีวิตของคุณ ในชีวิตจริง คุณไม่สามารถยึดสภาพแวดล้อมในขณะใดขณะหนึ่งของคุณได้ตลอดไป คุณไม่สามารถเรียนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ทำงาน คุณไม่สามารถมีสภาพแวดล้อมของการทำงาน ให้เหมือนกับเรียนได้.. ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่คุณสามารถกำหนดชีวิตของคุณเองได้ใช่ไม๊...

ประสบการณ์สอนให้ผมรู้ว่าความโชติช่วงในอดีต เป็นเพียงใบผ่านทางเพื่อมาสู่ปัจจุบัน การกระทำปัจจุบัน ก็เป็นเพียงใบผ่านทางเพื่อไปอนาคตเช่นกัน..

คุณสามารถเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำได้ เพราะคุณมีใบผ่านทางในอดึตที่ดี แต่คุณจะประสบความสำเร็จในอนาคตหรือไม่นั้น งานของคุณในปัจจุบันเป็นเครื่องตัดสิน

ผมเดาว่า ปัจจุบันนี้ คุณมีปัญหาเรื่องงาน ไม่มีผลงาน ไม่มีเพื่อนที่เข้าใจ ทำไมงานของคุณถึงมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น มีการเหยียบย่ำซ้ำเติม เจ้านายไม่เข้าใจ ชอบดุ ชอบด่า.. เรื่องงาน เรื่องคน ประดังกันเข้ามาจนไม่รู้ว่า จริงๆแล้วคุณต้องทำอะไร ทำอย่างไรให้ทุกๆคนชื่นชม ทำอย่างไรให้งานประสบความสำเร็จ ทำอย่างไรให้ เจ้านายยอมรับ... ประเด็นอยู่ที่ว่า คุณปล่อยวางหรือยัง...

เด็กเรียนส่วนใหญ่ รู้ทุกอย่างในหนังสือ..ในตำรา ว่าแล้วน่าจะเป็นหนอนก็ว่าได้.. แต่โลกนี้ไม่ใช่ว่าจะเรียนรู้ได้จากหนังสือเพียงอย่างเดียว สิ่งรอบตัวของคุณคุณก็ต้องศึกษาด้วย..พี่น้อง เพื่อน คน งาน เจ้านาย การประยุกต์ทฤษฎีมาใช้งาน โลกภายนอก สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ โอ๊ย.. เยอะมาก ให้เรียนรู้ผมเองก็ยังเรียนรู้ได้ไม่มากสักที...



หันกลับมามองชีวิตจริง แล้วเริ่มปรับปรุงตัวคุณเองครับโดยทำลักษณะนี้นะครับ...

1. หามิตรแท้..
เป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำ (ผมใช้คำว่า MUST BE) เพราะเพื่อนจะเป็นกระจกส่องให้เห็นว่า คุณควรจะทำอย่างไรถึงผ่านพ้นช่วงเลวร้ายนี้ไปได้ ถ้าไม่มีมิตรแท้ จงหา และ ให้ความเป็นมิตรกับคนอื่นๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนเก่งเรียน ที่ไม่เก่งกิจกรรม แต่ไม่ยากจนเกินไป และ อย่าไว้ใจใครมากจนเกินไป การคบมิตรทำได้หลายทาง เช่น เพื่อนที่ทำงาน หากคุณมีคนที่พอจะพูดคุยกับเค้าได้ จงพูดคุยกับเค้าบ่อยๆ หาเรื่องที่เป็นความต้องการของคนที่เราจะคุย แล้ว คุยกับเค้า เมื่อเค้าเห็นเราเป็นมิตร เค้าก็อยากที่จะฟังเราบ้าง ส่วนใหญ่คนที่ไม่มีเพื่อนก็เพราะไม่ชอบคุย ไม่รู้จะคุยอะไร ก็ต้องพยายามหาคนที่ชอบคุย แล้วทำความสนิทสนมกับเค้าครับ จะทำให้เราเรียนรู้ในการคุยได้บ้าง เรื่องสำคัญในการหามิตรคือความจริงใจ ส่วนเรื่องที่จะทำให้มิตรเป็นศัตรูมีมากเช่น การพูดยกตนข่มท่าน การไม่ไว้หน้าเพื่อน การเยาะเย้ยถากถาง โอ้อวดตน จงหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้นะครับ คิดเสียว่า นิ่งเสียตำลึงทอง ดีกว่านะครับ


2. เรียนรู้ตัวเอง
คุณต้องหัดสังเกตตัวเองให้มากๆครับ ว่าเป็นคนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร นิสัยที่ดีมีอะไร นิสัยไม่ดีมีอะไร การได้มิตรมาสะกิด จะช่วยได้มากเหมือนกัน จากนั้นเมื่อรู้ข้อเสียของตนแล้วก็ต้องตั้งมั่นว่า จะแก้ไขตัวเอง อย่าได้ย่อท้อนะ เพราะนี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของคุณ จากคนกลุ่มหนึ่งไปยังกลุ่มหนึ่ง ผมใช้เวลาเรียนรู้ตัวเองมามากกว่า 20 ปี และยังคงเรียนรู้ตัวเองต่อไป แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองต่อไป.. ไม่มีใครสมบูรณ์ ทุกคนมีข้อเสีย แต่การพยายามแก้ข้อเสียที่มีให้น้อยลง เป็นการแสดงความสามารถในการเป็นคนอย่างแท้จริงครับ..


3. เรียนรู้คนอื่น
ระหว่างคุณทำข้อ 1 และ ข้อ 2 คุณก็ต้องทำข้อ 3 นี้ไปพร้อมๆกัน จงเรียนรู้คนอื่นที่คุณคบด้วย เรียนรู้ว่าเค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เรียนรู้ว่าเค้าเก่งเรื่องใด อ่อนเรื่องใด เรียนรู้ว่าเค้ามีจุดแข็ง หรือจุดอ่อนที่ใด นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสังคม สร้างสังคมของคุณเอง ทำและให้ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ ไม่ใช่ทำเพื่อตนเองเพียงอย่างเดียว


4. เข้าใจธรรมชาติ
เมื่อคุณเรียนรู้คน คุณก็ต้องเรียนรู้ธรรมชาติของคน เรียนรู้ธรรมชาติของสรรพสิ่ง รวมทั้ง งาน เงิน และอื่นๆ ทุกๆอย่างมีธรรมชาติของตัวเอง เช่น ชีวิตของคุณต้องการความสุข ได้รับการยอมรับ นั่นเป็นธรรมชาติของคุณ สัตว์เลี้ยงต้องการอาหาร การเลี้ยงดู และ ความรักจากเจ้าของ เป็นต้น มองธรรมชาติของสรรพสิ่งที่ความเป็นตัวของมันเอง (พูดง่ายแต่อธิบายยากจัง) เช่น งานทุกงานที่เราทำเพื่อรับเงินเดือน เป็นงานที่ต้องทำรายได้ให้เจ้าของมากกว่าที่เจ้าของจ้างเรา.. นี่ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง เจ้านายต้องการให้เราทำงานให้มากๆ ก็เพราะต้องการให้เราหาเงินให้เค้ามากๆนั่นเอง นี่ก็ธรรมชาติของเจ้านายเช่นกัน.. หรือ เพื่อนๆไม่ยอมรับคุณ เพราะเหตุใดก็ตามนั่นก็เป็นธรรมชาติของเพื่อนๆ.. หรือ คุณเองเกิดอาการอย่างนี้ ก็แน่นอนนี่เป็นธรรมชาติของคุณ และ สิ่งที่ผมเขียนมายืดยาวในนี้ ก็เพื่อนปรับธรรมชาติของคุณให้เข้ากับ ธรรมชาติของสิ่งแวดล้อมที่คุณอยู่ ที่คุณทำงานก็เท่านั้น...


5. ปล่อยวาง
เมื่อคุณเริ่มรู้จักตัวเอง รู้จักคนอื่น รู้จักธรรมชาติแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณต้องสร้างให้เกิดขึ้นกับตัวคุณเองก็คือ การปล่อยวาง เพราะ สิ่งที่คุณรับรู้จะไม่เป็นสิ่งที่คุณพึงพอใจในทุกเรื่อง สิ่งที่คุณได้อาจจะไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณเห็นก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด ดังนั้น คุณจะเกิดอาการอย่างที่เป็นในปัจจุบันคือ ความผิดหวัง และความขัดแย้งในตัวเอง ผมอยากแนะนำให้คุณทำเรื่องนี้ก่อน แต่ผมว่า คุณควรจะทำทั้ง 4 หัวข้อเบื้องต้นก่อนเพราะมันเป็นพื้นฐานของหัวข้อนี้.. ขอยกตัวอย่างนะครับ ไม่ว่าคุณจะทำตามที่ผมบอกหรือไม่ หรือ จะติดต่อผมหรือไม่ ผมก็ต้องปล่อยวาง เพราะนั่นเป็นสิทธิของคุณในการตัดสินใจที่จะทำ หรือเลือกทางเดินของคุณ หรือจะมีใครด่าผมว่าเขียนน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ผมก็ต้องปล่อยวางเช่นกัน.. ไม่ใช่คุณคนเดียวที่ต้องทำลักษณะนี้ ทุกคนที่จะก้าวหน้าต่อไปก็ต้องทำลักษณะนี้เช่นกัน


6. ละทิ้งอดีต มุ่งเน้นปัจจุบัน สร้างสรรอนาคต
อดีตที่ประสบความสำเร็จเป็นเพียงแค่ความทรงจำ และ เป็นใบเบิกทางในปัจจุบัน แต่คุณจะยึดติดกับความสำเร็จในอดึตไม่ได้ คุณต้องทำปัจจุบันของคุณให้ดี เพื่อเป็นใบเบิกทางในอนาคตต่อไป ผมแนะว่าคุณเก็บความทรงจำดีๆเก็บไว้ เขียนเป็นบันทึกกันลืมถึงความสำเร็จของคุณ จากนั้น คุณก็เริ่มเขียนแผนในปัจจุบัน และวางแผนในอนาคตต่อไปครับ ทำปัจจุบันให้ดี สร้างแผนในอนาคตให้ดีครับ และ ตั้งแต่วันนี้ก็คิดแต่เรื่องปัจจุบัน กับ เรื่องอนาคตก็พอครับ คิดว่า ทำอย่างไรให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันนี้ทำผิดพลาดเรื่องใดบ้าง และ หากเกิดเรื่องที่ผิดพลาดอย่างนี้ขึ้นซ้ำเดิม คุณจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีก แล้วนำไปใช้ในอนาคตครับ...


7. เข้าใจกิจกรรมการทำงาน
เรื่องงานเป็นเรื่องที่ต้องทำต้องหาเงิน ต้องสร้างตัวเองขึ้นมา เป็นสิ่งที่จะสร้างตัวคุณในอนาคต ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่คุณต้องคำนึงถึง และ พยายามเข้าใจให้มากที่สุด ก็คืองานของคุณ ว่า คุณต้องทำอย่างไรเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิต คุณต้องทำอย่างไรเพื่อให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เจ้านายต้องการอะไร บริษัทต้องการอะไรจากคุณ แล้วทำในสิ่งที่เค้าเหล่านั้นต้องการ ดู้เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แต่สิ่างที่เค้าต้องการ ก็คือสิ่งที่คุณควรจะทำ เค้าจ้างคุณมาก็เพื่อหวังว่าคุณจะทำได้ตามสิ่งที่เค้าต้องการครับ... ถ้างานกับคุณไม่ถูกชะตากัน หรือ งานไม่ตรงกับความสามารถของคุณ ก็จงบอกกับเจ้านาย พูดถึงตัวคุณว่าคุณควรจะทำงานลักษณะไหน มีงานลักษณะดังกล่าวสำหรับคุณหรือไม่.. ถ้ามีก็ขอย้ายไปทำ แต่ถ้าไม่มีคุณก็ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับงานแล้วครับ


8. หาความรู้นอกตำรา
ความรู้มีอยู่ทั่วไปไม่ใช่เพียงตำรา ความรู้นอกตำราทำให้เรามีโลกทัศน์กว้างไกลขึ้น เข้าใจ และ รับรู้ความเป็นไปมากขึ้น เหมือนกับถามคุณว่า รู้ไม๊ว่าไม้หมอนรองรางรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่มีกี่ก้อน.. ผมก็ไม่รู้ครับ ผมยกตัวอย่างให้ดูว่า มีสิ่งไม่รู้ในรอบๆตัวเราเยอะไปหมด ลองมองดูคอมฯข้างหน้าคุณสิ คุณรู้ไม๊ว่าข้างในมีอะไรบ้าง อะไรทำงานอย่างไร.. มองให้ใกล้กว่านั้น ก็ลองดูตัวคุณเองดูว่า เสื้อที่คุณใส่ เค้าตัดเย็บอย่างไร ทำไมต้องตัดอย่างนี้ ถ้าให้คุณทำคุณจะสามารถทำได้หรือไม่.. มองลึกเข้าไปตัวคุณดูสิว่า สิ่งปกติในชีวิตคุณเช่นการเดิน การนอน การกิน การเคี้ยว คุณทำมันอย่างไร มันเป็นธรรมชาติที่เราทำจนคุ้นเคย แต่ทำไมมันถึงทำได้ยากนักกับหุ่นยนต์ ทำไม Honda ถึงชูประเด็นการเดินเสมือนจริงของหุ่นยนต์ที่เค้าพัฒนาขึ้น.. เห็นไม๊ว่า คุณยังไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้เลย ทั้งๆที่อยู่ใก้ลกับคุณ ดังนั้น ผมอยากให้คุณเรียนรู้เรื่องนอกตำราให้มากๆ เรียนรู้จากชีวิต และ ประสบการณ์ของตนเองให้มากๆ เพราะนั่นจะทำให้คุณสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆรอบๆตัวที่เกิดกับคุณได้ดีขึ้น...


9. เข้าสังคม
นอกจากการสร้างมิตรแล้ว การเข้าสังคมเพื่อรู้จักเพื่อนๆในสายงานอื่นๆ หรือ บุคคลกลุ่มอื่นๆ เป็นเรื่องที่คุณควรทำ เพราะจะทำให้คุณมีโลกทัศน์กว้างขึ้น การเรียนรู้จากประสบการณ์ท่านอื่นๆ เป็นหนทางที่เร็วที่สุดที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ อย่างห้องนี้ เป็นสังคมหนึ่งที่เราเอาประสบการณ์ความรู้ความสามารถมาเสนอ และ แนะนำกัน ผมว่าคุณก็สามารถรับรู้ได้ว่า ห้องนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ และ ผมก็กำลังถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ ความสามารถของผม ลงเป็นตัวหนังสือ เพื่อให้คุณเข้าใจ และ รับรู้ว่า สังคมสามารถสร้างสรรคุณให้ดีขึ้น ให้กำลังใจคุณ และ ทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใด ทั้งนี้ก็จากความรู้ที่สั่งสมมา จากประสบการณ์ที่พานพบ แต่ให้คุณภายในความคิดเห็นเดียว หากคุณไม่ได้เข้ามาในสังคมนี้ คุณก็คงไม่ได้ความคิดเห็นที่หลากหลายจากกระทู้ของคุณเป็นแน่...


10. สร้างสรรสังคม
การให้เป็นส่วนหนึ่งของการเสียสละ และ เป็นการสร้างมิตรที่ดี การสร้างสรรสังคมก็เพื่อให้คุณทำความดีให้กับคนอื่นอย่างไม่ต้องการได้รับสิ่งตอบแทน เมื่อคุณให้ คุณก็จะได้รับ ไม่ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม


สิ่งเหล่านี้ที่แนะนำ มันไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด มันเป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้น เอาหลายๆคำแนะนำของแต่ละท่านมารวมกัน และ สร้างตัวตนของคุณขึ้นมานะครับ เอาใจช่วยครับ...


Create Date : 21 กรกฎาคม 2548
Last Update : 21 กรกฎาคม 2548 18:46:19 น. 6 comments
Counter : 2133 Pageviews.

 
แวะมาอ่าน + เอาใจช่วยด้วยคนค่ะ


โดย: คนขี้เหงาคนหนึ่ง วันที่: 21 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:53:23 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 21 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:38:24 น.  

 
เป็นบทความที่มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ
โดยเฉพาะกับคนที่เริ่มงานใหม่อย่างเรา


โดย: ซีบวก วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:10:48:58 น.  

 
เมื่อเรามี IQ ที่ดีเยี่ยมแล้ว ต้องไม่ละลืม EQ เพื่อการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างและที่สำคัญมันเป็นผลดีกับตัวเราเอง ทั้งนั้น "จินตนาการสำคัญมากกว่าการเรียนรู้"


โดย: dew_1986@hotmail.com IP: 125.24.194.38 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:17:20:31 น.  

 
ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆครับ


โดย: ake461 IP: 58.8.38.235 วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:14:18:06 น.  

 
ดีค่ะ ชอบจัง


โดย: may IP: 125.24.18.182 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:0:14:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.