ขอบคุณค่ะ
บล๊อกมานานแต่ไม่เคยคอมเม้นท์
อยากบอกว่า ตอนนี้ได้ประโยชน์มากๆ จากความรู้ที่ได้
เพราะกำลังเริ่มงานในองค์กรใหม่
กำลังอยากทำงานแบบ proactive
ได้ความรู้จากบล๊อกนี้เยอะเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะ

สำหรับธุระกิจใหญ่ๆอะ
บล๊อคนี้ให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจดีจัง

ผมไม่มีธุรกิจ ครอบครัว ...
แต่ขอเข้ามาอ่าน หาความรู้ครับ

แหม่นึกถึงตอนไปวางระบบ Computer ให้ห้าง ที่มีเถ้าแก่ แล้วมีลูกๆ ที่จะต้องคอยรับช่วงต่อจัง มันคงเป็นเหมือน หมดจากยุคเตี่ย ไปเป็นยุคเสี่ย แบบที่ว่าน่ะครับ แต่หลายๆ ที่ คนสองยุค นี่ก็เข้าใจกันยากส์ จริงๆ ไอ้เราตัวกลางก็ลำบาก

ต้องอดทนมากขอบอก เคยโดนกับตัวมาแล้ว ที่บ้านมีอาชีพค้าส่ง ใหญ่มากขอบอก แม่ผมยังใช้สมุดบัญชีเล่มยาว อยู่เลย ยอดขายวันละล้านกว่าบาท ออร์เดอร์มาครั้งละ 50 - 60 รายการ ลูกค้ามาชื้อของครึ่งชัวโมง ทำบัญชี ครึ่งชัวโมง เราก็เพิ่งจบ ก็มาหาวิธี จะให้เปลียน เตี่ย ก็ไม่ยอม บอกว่า กูทำมาเป็นสิบปีไม่มีปัญหาอะไร มึงมาทำเดือนเดียว ทำเปงมีปังหา สุดท้าย ต้องหาวิธีที่จะเปลี่ยนระบบให้ได้ เลยเอาเพื่อนสนิทสมัยเรียน มาร่วมทำงานด้วย เพื่อหาแนวร่วม จากนั้น จึงหาจุดอ่อนของระบบทั้งหมดก่อน แล้วจึงเริ่มการแสดงละคร เรื่องแรกก็คือ สต็อก เรากับเพื่อนเรารวมหัวกัน คิดว่าถ้าสต็อกของเราไม่มีระบบการจัดการที่ดีเข้ามาช่วย จะเกิดผลอย่างไรในอนาคต เพื่อนเราก็บอกของเก่าของใหม่จะแยกกันไม่ออก แล้วของก็จะหมดอายุก่อนถึงมือลูกค้า เราก็บอกว่าไม่ต้องรอ ให้ทำเลย หมายถึงให้ลูกน้อง เอาของใหม่ขายก่อน แล้วทิ้งของเก่าให้หมดอายุ มูลค่าความเสียหายประมาณ สองแสน เราจึงให้ เตี่ยกับแม่ ไปดู หน้าเสียไปพักนึง แล้วพูดขึ้นว่า ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว เจ๊งแน่เลยอย่างนี้ แล้วถามเราว่าจะจัดการยังไง เราก็บอกว่าต้องขยายโกดัง จัดของให้เป็นหมวดหมู่ ตั้งพนักงานประจำสต็อก เบ็ดเสร็จ ลงทุน ไป 8 ล้าน

ละครฉากที่สอง เรื่องบัญชี
ก็เอา สมุดบัญชีเล่มเก่าของแม่มาเติมตัวเลขลงไป หรือไม่ก็ลบออกบ้าง แล้วทำแกล้งมานั้งตรวจสอบ แล้วก็บอกแกว่า แกคิดผิดไปหลายรายการเลย แกก็งงแล้วมาบวกใหม่ ตอนนั้นเราแก้ไปแล้ว เออคิดผิดจริง ๆ แล้ววันต่อมา รวมหัวกับลูกค้า ให้เอาบิลเก่ามา แล้วแก้ตัวเลข แล้ว ก็ไปบอกแม่เราว่าลูกค้าบอกว่า บิลของสามเดือนที่แล้วคิดผิด แม่ก็ตรวจดูเออคิดผิดจริง ๆ ด้วย เราก็บอกว่าลูกค้าไปแก้ตัวเลขรึปล่าว เราก็ให้แม่เราหาต้นขั้วมา แกบอก หาไม่เจอ สงสัยเผาหมดแล้ว ก็ต้องคืนเงินให้เค้าไป ก็เลยบอกแม่ว่า เอาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยคิดมั๊ย แกบอก แกทำไม่เป็น เสร็จเราเลย ก็เลยลงระบบให้แก ก็หาญาติเรามาช่วยออกบิลอีกทีนึง โดยแกจะเป็นคนกำหนดราคา แล้วก็นับเงิน ไม่ต้องไปนั่งบวกเลขเป็นชั่วโมงเหมือนแต่ก่อน เดือนแรก แกกลัวเครื่องจะคำนวนผิด กลางคืนแกมาบวกซ้ำ ก็เลยเบาใจ สรุป คนรุ่นเก่า ยังใช้นิสัยแบบ วัวหายล้อมคอก คือต้องให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วจึงหาทางแก้ไข เราคนรุ่นใหม่ ต้องป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงต้องใช้วิธีนี้ จัดการกับการเปลี่ยนระบบกงสี ทุกวันนี้ ที่บ้านทุกคนก็ happy โดยเฉพาะ เตี่ยกับแม่ มีเวลาไปเที่ยว รอบโลกแล้ว แต่ที่สำคัญ หากจะใช้ ควรคิดให้รอบคอบเสียก่อน แล้ว ต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจ หาเหตุผลให้มากที่สุด

ขอบคุณมากสำหรับความรู้ที่แบ่งปัน
ได้นำไปใช้ทั้งในการทำงาน การเรียน และในชีวิตประจำวัน

เราคือเถ้าแก่คนนั้น กำลังมองหาวิธีลงที่สวย และได้ผล!!