Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
28 กุมภาพันธ์ 2566
 
All Blogs
 
SPITI (ปี 3) Kaza บนความทรงจำบทใหม่



⭗ พื้นที่สำหรับวิ่งรถ รอยต่อที่เชื่อมระหว่างฝั่ง Kaza Khas และ New Kaza
 



หลังจากเปลี่ยนรถและกลับมาถึง Kaza ในช่วงสายของวันอย่างปลอดภัย เรามุ่งตรงกลับไปยังเกสเฮาส์เดิม
ที่ได้ฝากกระเป๋าไว้ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็พบกับคุณลุง (สามีของป้าคุนซุม) กำลังสาละวนทำโน่นนี่อยู่
พอดีถึงแม้ว่าลุงจะจำผู้มาพักรายนี้ได้ดีอยู่ แต่สภาพมอมแมมของเสื้อผ้าสีเข้มที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น 
เหมือน
กับว่าไปกลิ้งเกลือกคลุกถนนลูกรังมาแบบนี้ ทำให้แกอดถามไม่ได้

 

"ไปถึงไหนมา"
 

"เพิ่งกลับมาจาก Mud ค่ะ"
 

"โอ้โห! ไปซะไกลเชียว"


ลุงบอกว่าเก็บห้องเล็กนั่นไว้ให้นะไม่ต้องกังวล พลางเดินนำเราเข้าไปเอาเป้ใหญ่ที่ฝากไว้
ตรงชั้นล่าง จากนั้นก็ชี้บอกจุดวางกะละมังและพื้นที่ซักตากเสื้อผ้าให้ด้วย เหมือนรู้ล่วงหน้า
ว่าเราต้องการทำอะไรหลังออกเดินทางไกลไปหลายวัน

 


เสร็จสิ้นจากธุระส่วนตัวแล้ว ก็ต้องเตรียมไปยื่นเอกสารที่ ADC (Additional Deputy Commissioner)
(ที่ตั้ง : https://mapcarta.com/N1934751077เป็นธุระปะปังที่ต้องทำก่อนเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ นั่นคือ
การขอใบอนุญาตผ่านพื้นที่เขตพิเศษ (Inner line Permit)  ไว้ล่วงหน้า เพราะเราจะต้องเดินทางผ่าน
เขตที่เรียกว่า 
Upper Kinnaur ช่วงขาออกนั่นเอง

 


หน้าตาของสำนักงานในตอนนี้ ดูเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย
เมื่อเราเดินขึ้นไปยังชั้นสองตามความเคยชิน (รอบนี้ไม่มีหมาเดินตามแล้วนะ)
ก็พบว่าบริเวณด้านบนนั้นถูกใช้เป็นห้องทำงานแผนกอื่นไปแล้ว พอถามไถ่กับเจ้าหน้าที่
ประจำการบนนั้น พวกเขาบอกให้ลงไปติดต่อที่ชั้นล่าง จุดทำการอยู่ใกล้กับทางขึ้นบันได
ก็พบว่าปัจจุบันนี้แผนกดังกล่าว ดูมีความเป็นทางการมากขึ้น


จากที่เคยเป็นโต๊ะเดี่ยว ๆ ในห้องทำงานของเจ้าหน้าที่
ก็กลายเป็นช่องติดต่อที่ทำจัดทำแยกไปตามการยื่นเรื่อง


แบบฟอร์มกรอกข้อมูลที่มี การพิมพ์ระบุให้ผู้ติดต่อได้เขียนชี้แจงลงไป
หลังยื่นแบบฟอร์มที่กรอกข้อมูลลงไปจนครบ ก็แนบเอกสารอย่างสำเนาพาสปอร์ต
และวีซ่า พร้อมรูปถ่ายส่งให้คุณเจ้าหน้าที่ นอกเหนือไปจากตัวเอกสารที่ปรับปรุงใหม่
จนดูดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ก็ยังต้องมาถ่ายรูปจากกล้องที่เชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์
เพื่อนำไปใช้ประกอบเอกสาร พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียม 300 รูปี
(ข้อมูลปี 2019)




⭗ ตัวอย่าง Inner Line Permit สำหรับใช้เดินทางผ่านเขต Upper Kinnaur
(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)  ปล. ขอใช้รูปอื่นแทนภาพจริง จขบ. ไปละกันนะ  11




การส่งข้อความถึงทางบ้าน แน่นอนว่าการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านซิมมือถือในพื้นที่ห่างไกล
อย่างหุบเขาสปิติ
ยุคนี้อาจไม่ใช่เรื่องยากอะไร หากว่าเรามีซิมการ์ดที่ว่า แม้อาจจะไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
แต่เรื่องจุกจิกบางอย่างที่นักท่องเที่ยวจอมขี้เกียจอย่างเราไม่อยากใช้เวลาไปกับการลงทะเบียนฯ ก็เลย
ไปอาศัย
wifi จากร้านกาแฟในการเชื่อมต่อแทน

เมื่อหลายปีก่อนเท่าที่
จำได้ใน Kaza จะมี internet cafe แห่งหนึ่งใกล้ ๆ Bodh Guesthouse 
ตรงย่านตลาด แล้วก็อีกที่คือร้าน Deyzor สุดฮิปประจำย่านนี้ นอกเหนือจากนั้น ไม่ค่อยได้รับ
รับรองว่ามีความเสถียรสักเท่าไหร่ 

 

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีตัวเลือกมากขี้น แต่เราก็ยังเลือกที่จะแวะกลับไปยัง Deyzor Hotel
บริเวณด้านล่างของโรงแรมคือร้านอาหาร มันยังคงเป็นร้านที่ดูดีดังเดิม ถึงจะพอรู้มาว่าผู้เป็น
เจ้าของไม่ใช่ชาวสปิติ แต่เขาก็ดูมีพยายามที่จะ
นำผลิตภัณฑ์แปรรูปของท้องถิ่นมาเป็นจุดขาย
เลยมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรกับท้องถิ่นดี ส่วนโซนที่พักจะอยู่ด้านบนของตัวอาคาร   


ระหว่างที่เดินผ่านและกำลังจะเลี้ยวเข้าประตู หมาเซนต์เบอร์นาร์ดตัวเป้งที่ขึ้นชื่อว่ามี
นิสัยเป็นมิตรกับทุกคน ก็ลุกพรวดพลาดขึ้นมาตามเห่าไล่อย่างลั่น พักหนึ่งก็มีคนดูแล
ออกมาปรามให้ 


 

"เฮ่ ซิมบ้า เงียบ ๆ โว้ย!"



ด้านหน้า Deyzor Hotel และเจ้าซิมบ้าที่กำลังยืนเห่าไล่แขก 

 

พอสั่งเครื่องดื่มแล้ว เราใช้เวลาระหว่างนี้สาละวนเดินดูข้าวของที่จัดแสดงโชว์ในร้านคั่นเวลา
ในร้านมีหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจให้หยิบยืมอ่าน ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นลูกค้าคนใหม่
อีกราย
ผลักประตูเข้ามาและทักทายเราด้วยน้ำเสียงเหมือนคนเคยรู้จัก


พอเงยหน้าไปดูเจ้าของเสียงทักเท่านั้นแหละ เจ้หยาง นี่หว่า!

หลังจากเจอกันครั้งสุดท้ายในเลห์ ก็ไม่ได้เจอกันอีก เราเคยเกริ่นไว้ว่าจะแวะมาที่หุบเขาสปิติ
และหยางก็เดินทางล่วงหน้ามาถึงก่อนพักใหญ่แล้ว การที่พวกเราไม่ได้
แลกคอนแทคสำหรับ
ส่งข่าว นัดหมาย หรือไว้พูดคุย พอเมื่อมาเจอกันแบบนี้ ไม่รู้ว่า
จะดีใจหรือตกใจก่อนกันดีเนี่ย? 

 

ลืมเรื่องราวของเหล่าคนช่างพูดคุยขณะเดินทางไปได้เลย ไม่ใช่กับพวกเราแน่ ๆ
คือต่างคนต่างมีโลกส่วนตัวที่สูงปรี๊ดกันทั้งคู่ และหยางมีความเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก
มากสุดก็แค่แลกเปลี่ยนข้อมูลการเดินทางกันบ้างนิดหน่อย พูดถึงเรื่องราวหลังจาก
แยกย้ายกันที่ลามะยูรู การเทรกในหุบเขาสปิติที่เพิ่งผ่านมาหมาด ๆ  และที่พัก 


หยางพักอยู่ฝั่งตลาด ซึ่งเธอเองไม่รู้สึกปลาบปลื้มสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลของเสียงที่
จอแจของผู้คนและมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่านย่านนั้นมันดังรบกวนเธอ ส่
วนเหตุผลที่หยาง
แวะมาร้านนี้คงไม่ต่างไปจากเรา เธอได้ยินมาว่ามีสัญญาณ
wifi ที่พอใช้ได้ที่สุดแล้ว
ในละแวกนี้

 

พวกเราขอรหัสจากคนที่ร้านมาทำการล็อคอิน ซึ่งก็แอบอำเราด้วยนะว่า
เน็ตที่นี่ช้าเป็นเต่า เชื่อมต่อได้ก็จริง แต่ข้อความที่ส่งไปอาจถึงผู้รับพรุ่งนี้

เจ้หยางสั่งอาหารชุดใหญ่มากิน เธอดูมีความสุขกับการได้กินสเต็กเนื้อชิ้นโต
ก่อนเลิกคุยกันและหันไปละเมียดกับอาหารบนโต๊ะของใครของมัน (ไม่ได้นั่ง
ด้วยกันนะ)  พวกเราตัดสินใจแลก
whatsaap กันซะที  เราแอดเบอร์หยางไว้
แล้วบอกว่าถ้าเจอข้อความ
+66 ส่งไปก็ฉันเองแหละ

 

"รหัสประเทศเธอเหรอ ไทยแลนด์"

"อือ เจอสัญญาณแล้วจะส่งไปหา"  เรารับปาก

 

หนุ่มอินเดีย เด็กเสิร์ฟประจำร้านผู้สาละวนจัดข้าวของอยู่ใกล้ ๆ ก็ดูอยากมีส่วนร่วม

"ส่วนของผมอ่ะขึ้นต้นด้วย +91 xxxx xxxxx"  อิอิ 




 

 

เสวนากันได้ครู่หนึ่ง ลูกค้ารายใหม่เปิดประตูเข้ามาเพิ่มเติมอีกสองราย พวกเขาเป็น
ผู้สูงวัยชาวอินเดียคู่หนึ่ง
ที่เดินทางมาพร้อมกับกระเป๋าใบโต โดยมีคนขับรถช่วยขนของ
และเดินนำทางมาเพื่อแนะนำที่พักให้ 
พวกเขาขอให้สารถีส่วนตัวเป็นตัวแทนช่วยเดินขึ้น
ไปดูห้องให้ก่อนตัดสินใจ ซึ่งลุงป้าคู่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน พวกเขาคือคน
ที่มาพักอยู่
ในเกสเฮาส์เดียวกับเราเมื่อคืนที่ผ่านมาใน หมู่บ้าน 
Mud (Pin Valley) นั่นเอง

ช่วงที่รอคนขับรถขึ้นไปเช็คสภาพห้องอยู่นั้น ลุงก็เดินมาทักทาย เลยรู้ว่าพวกเขาเช่ารถ
นำเที่ยวแบบทริปส่วนตัว โดยเข้ามาจากฝั่ง Kinnaur และมีจุดหมายถัดไปหลังจากตระเวน
จนทั่ว
หุบเขาสปิติก็คือ Chandra Lake และไปสิ้นสุดทริปนี้กันที่มะนาลี

 

"เส้นทางจากฟาก Kinnaur ถนนดีมากเลยล่ะ"  คุณลุงยืนยันว่าจากที่ผ่านมามันเป็นการเดินทาง
ที่ราบรื่นมาก ๆ  ฟังแล้วแทบไม่น่าเชื่อ เพราะมันดูย้อนแย้งกับภาพจำครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอนะสิ 



หลังจากที่คนขับรถเดินลงมาที่ชั้นล่าง และบอกสภาพที่พักด้านบนว่า ที่นี่ดูดีสุดแล้ว
พวกเขาก็ตกลงที่จะขนของตามขึ้นไปและหันมาบอกลา พร้อมอวยพรขอให้โชคดี

 

 


ความเปลี่ยนแปลงใน Kaza และพื้นที่อื่น ๆ ที่กำลังคืบคลานเข้ามาให้หุบเขาสปิติ

คุณลุงคุณป้าเจ้าของเกสเฮ้าส์ ได้เข้ามานั่งคุยกับเราในช่วงบ่าย หลังจากที่ออกไปจัดการ
เรื่องเอกสารเดินทางและเรื่องจิปาถะเรียบร้อยแล้ว คุณลุงพูดถึงการก่อสร้างที่ผุดขึ้นอยู่รายรอบ
ในขณะนี้ที่มีเยอะขึ้น พอ
ถนนหนทางเริ่มดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน คนภายนอกก็เริ่มแห่กันมาแบบคับคั่ง
แต่พื้นที่นี้กำลังถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว ที่มาเพียงแค่ไม่กี่วันแล้ว
ก็จากไป  


เราพอจะเดาภาพได้จากกลุ่ม Vlog ที่มาถามหาร้านอาหารที่หมู่บ้าน Demul นั่นได้ ลุงสะท้อนบาง
เรื่องให้ฟังว่าไม่ใช่เราที่ต้องปรับตัวนะ แต่ผู้มาเยือนควรต้องทำความเข้าใจกับพื้นที่ของสปิติด้วยว่า
มีตัวเลือกไม่มากนักหากต้องการที่จะมา ส่วนเรื่องของน้ำก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน ทั้งแหล่งน้ำ
ใต้ดินที่บรรดาที่พักทั้งหลายต้องสูบขึ้นมาใช้และระบบชักโครกคือความสิ้นเปลือง (แต่ทางโรงแรม
ก็มักใช้ตัวเลือกนี้ในการดึงดูดผู้มาเข้าพัก) ซึ่งครั้งหนึ่งเราก็เคยรู้สึกตลกกับการใช้ห้องน้ำแบบท้องถิ่น 
เมื่อต้องอยู่ในโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านห่างไกลด้วยความไม่คุ้นชิน  แต่ถ้าให้มองในมุมของสภาพแวดล้อม
ที่มีน้ำใช้ค่อนข้างจำกัดแล้ว มันก็สมเหตุผลกันดีอยู่  


ปัญหาโลกแตกจากนักท่องเที่ยวอีกเรื่องก็คือ น้ำดื่ม
แต่ไหนแต่ไรมาคนท้องถิ่นดื่มน้ำจากแหล่งธรรมชาติ ซึ่งเดี๋ยวนี้แต่ละบ้านจะมีเครื่องกรองน้ำไว้ใช้
แทบไม่มีใครซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดกัน ส่วนนักท่องเที่ยวก็ไม่กล้าดื่มน้ำกรองและหันไปซื้อน้ำขวดมาดื่ม 
กลุ่มงานอนุรักษ์พื้นที่ในหุบเขาสปิติ พยายามหาแก้ไข
โดยการจัดตั้ง สถานีเติมน้ำดื่ม(ฟรี)  

(ภาพตัวอย่างที่เคยถ่ายไว้ใน Komic : https://www.bloggang.com/data/w/wachii/picture/1657591240.jpg)
เอาไว้ตามที่ตั้ง Monastery ต่าง ๆ ที่เป็นจุดท่องเที่ยว เพื่อลดจำนวนขวดน้ำพลาสติกที่ชักจะเริ่มกอง
สูงขึ้นเป็นกองพะเนินเรื่อย ๆตามจำนวนตัวเลขของผู้มาเยือน

 

 



ขวดน้ำพลาสติก ถูกนำมาทาสีและเรียงรายติดผนังให้ดูเหมือนเป็นงานศิลปะ และป้ายที่ติดบอกถึงความไม่น่ารักของมัน
 



⭗ สื่อสะท้อนที่จัดทำขึ้นบนกระดานใน Sol Cafe เชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้คิดถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภาคการ
ท่องเที่ยวโดยนำเสนอทางเลือกสำหรับการการแก้ไขในรูปแบบที่ควรจะเป็น--หวังว่าโครงการเหล่านี้จะประสบความสำเร็จ
ในวงกว้างนะ

 



                  

(คลิกภาพเพื่อขยาย)

⭗ ตัวอย่างของคำศัพท์ในภาษาสปิติ (ถ่ายมาจากด้านหลังเมนูของ Deyzorและรูปเล่มกิจกรรมโปรโมท-
ท้องถิ่นและการท่องเที่ยวของกลุ่ม Spiti Ecosphere
(ที่ Sol Cafe) กับหน้าตัวอย่างคอร์สเรียนทำอาหาร 

 

 

ช่วงเวลาครึ่งวันที่เหลือในยามบ่ายนี้ ขอเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ Kaza ส่งท้ายกันสักหน่อย
ถ้าจะต้องเท้าความย้อนหลัง เราเคยเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกในปี 2014 ในช่วงที่นักท่องเที่ยว
ส่วนใหญ่กำลังทยอยออกไปที่อื่นกันเกือบหมด ด้วยสภาพอากาศ ถนนหนทาง และข้อจำกัด
อีกหลาย ๆ เรื่องของพื้นที่นี้ต่างมีส่วนเร่งให้ผู้มาเยือนจากภายนอกต้องรีบออกไปยังที่อื่น ก็จะ
เหลือให้เห็นหน้ากันแค่ไม่กี่รายที่หลงเข้ามาในช่วงต้นฤดูหนาวแบบนั้น  
 




อาคารบ้านเรือนฝั่ง New Kaza ฟากนี้จะมีที่ตั้งของ โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการและปั๊มน้ำมัน



เส้นถนนอันคับแคบในตลาด เมื่อต้องเดินทะลุผ่านก็ต้องคอยระวังกับรถที่สวนมาในระยะประชิด
 



⭗ บริเวณสามแยกใจกลางเมือง แหล่งกระจายสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในหุบเขาสปิติ คนที่อยู่หมู่บ้านห่างไกลก็มักจะต้อง
เดินทางมาเพื่อจับจ่ายซื้อหาข้าวของจากที่นี่กันทั้งนั้น ฝั่งนี้เป็นที่ตั้งของ ท่ารถ ธนาคาร ร้านอาหาร และ ATM  




สิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ ที่กำลังมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มองไปทางไหนก็เจอ



⭗ ทางเดินไปยังพื้นที่เพาะปลูกบริเวณใกล้ ๆ กับแม่น้ำสปิติ
ส่วนอาคารทรงสูงด้านหน้าคือ 
 Eco-Community Centre



 ช่วงนี้ผืนดืนยังคงมีพืชสีเขียวปกคลุมอยู่ ถ้ามาไวกว่านี้คงรู้ว่าที่ตรงนี้เพาะปลูกอะไรกัน 




⭗ ลานตั้งแคมป์ชั่วคราวบริเวณรอบข้าง ช่วงฤดูร้อนคงคึกคักมากกว่านี้



⭗ ต้น willow ที่ปลูกตามริมทางเดินกำลังเริ่มเปลี่ยนสี 
 



 จุดไหลผ่านแม่น้ำสปิติ  เราเคยมายืนอยู่ที่นี่เมื่อสี่ปีก่อน มามองยอดเขาที่ปกคลุมหิมะบริเวณไกล ๆ (บริเวณหุบเขาพิน)
เพื่อดูแสงสุดท้ายของวันแตะกระทบยอดเขานั้น จนกลายเป็นสีส้ม ๆ   

 



⭗ ก้อนหินบริเวณแม่น้ำ น่าจะถูกใจบรรดา Rockhound ทั้งหลาย 



เงามืดจากหุบเขาฝั่งตะวันตก กำลังไล่กลืนเมือง Kaza ไปอย่างช้า ๆ ในช่วงเวลาเย็น



ครั้งนี้เราคงไม่ได้เขียนคำแนะนำเนื้อหาที่ควรรู้เกี่ยวกับ Kaza หรือหุบเขาสปิติเพิ่มเติมอีก 
ข้อมูลเดิมจากครั้งก่อนน่าจะพอนำมาเทียบเคียงกันได้อยู่  มีเพียงแค่ฤดูกาลกับวาระที่ไม่เหมือนเดิม
รวมไปถึงความรู้สึกนึกคิดที่เปลี่ยนไปตามเวลา หรือหากเมื่อได้ย้อนกลับไปอ่านในเอนทรี่เก่า ๆ นั่นแล้ว
อาจพบว่าตัวตนอย่างที่เคยเป็นของเจ้านักท่องเที่ยวผู้เพ้อฝันถึงภูเขาสูงและดินแดนอันเงียบสงบอันห่าง
ไกลสุดขอบฟ้าคนนั้นมันได้เลือนหายตายจากไปเป็นที่เรียบร้อยล่ะ

 

[เอนทรี่ที่เกี่ยวข้อง]

SPITI (ปี 1) สำรวจ Kaza และเรื่องทั่วไป :
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=wachii&month=13-01-2015&group=20&gblog=12






ก่อนมืดค่ำจนหมดแสง เราย้อนกลับขึ้นมายังบริเวณหนึ่ง กะว่าจะเดินสำรวจจุดอื่น ๆ ที่ไม่เคยเดินผ่านในตัวเมืองบ้าง
ก็พบว่าตรงหน้าศูนย์อนามัยชุมชน จะมีการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมบางอย่างของเด็กนักเรียนหญิง





พวกนักเรียนแบกถุงใส่ขยะใบโตแยกกระจายไปเป็นกลุ่ม คอยตามเก็บขยะที่ตกหล่นตามพื้น




⭗ คุณลุงที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็พลอยร่วมวง ก้มเก็บชิ้นส่วนขยะบนพื้นมาโยนใส่ถังบ้าง 
พอเพ่งมองดี ๆ ก็เพิ่งจะมาเห็นที่ตั้งของ Rock Art Museum ตรงหน้า (อดเข้าไปดูเลย!) 





พื้นที่บริเวณศูนย์ราชการ   
 



⭗ หมาน้อยแห่งหุบเขาสปิติ


แผนการของวันพรุ่งนี้ จะต้องขึ้นรถเดินทางไกลตั้งแต่เช้าตรู่ไปยังจุดหมายแห่งใหม่
แม้บทลงท้ายจะไม่มีคำเขียนจบประโยคเดิม ๆ อย่าง แล้วสักวันจะกลับมา เช่นเคย
ต้องยอมรับแหละว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน และประเทศอินเดียก็ไม่ได้อยู่ใกล้แค่ปากซอย  
แต่เราถือว่านี่คือการลาจากในแบบที่ไม่ได้เศร้าอะไรนัก และยังรู้สึกยินดีเสมอที่การเดินทาง
หนนี้ได้เลือกย้อนกลับมาใน Kaza ที่ ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการได้ทำความรู้จักหุบเขาสปิติของเรา 


 




Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2566
Last Update : 24 กันยายน 2566 20:02:41 น. 3 comments
Counter : 855 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณ**mp5**, คุณดอยสะเก็ด, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก


 
อ่านและได้ข้อมูลเพียบ
คุ้มค่ากับการรอคอยจ้าน้องฟ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 3 มีนาคม 2566 เวลา:0:43:37 น.  

 
เรื่องน้ำกินน้ำใช้นี่เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ
คนที่มาจากบ้านเมืองที่มีน้ำสะอาดใช้จนเคยชิน
ถ้าไม่เตือนไว้ก่อนอาจไม่ได้ฉุกคิดว่าที่อื่น ๆ
เค้ามีปัญหาเรื่องน้ำกินน้ำใช้ แน่ ๆ

เห็น Kaza แค่ไม่กี่รูปยังรู้สึกว่าอะไร ๆ เปลี่ยนไปขนาดนี้
ถ้าคุณฟ้ามาคราวหน้าอาจจะเจอตึกแบบแถบ ๆ เลยก็ได้มั้ง ^^"


ป.ล. เห็นใบผ่านทางแล้วเพิ่งรู้ว่าจาก Kaza สามารถเดินทะลุผ่านอียิปต์ได้ด้วย 55


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 13 มีนาคม 2566 เวลา:15:32:45 น.  

 
@อุ้มสี : ข้อมูลเก่าน้อ พี่อุ้ม




@ทุเรียนกวนฯ : หนึ่งในช่วงเวลา 40 ปีหลังอพยพออกจากอียิปต์ โมเสสได้พาชาวอิสราเอล (หลง)มาถึงหุบเขาสปิติ ก่อนวกย้อนกลับไปคานาอัน //เฮ้ย ๆ ผิด!!!


โดย: กาบริเอล วันที่: 14 มีนาคม 2566 เวลา:14:47:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.