ช่วงประมาณตีห้ามีเสียงเคาะห้องจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลตู้ขบวน มาเคาะห้องปลุก
เตือนเราให้เตรียมตัวสำหรับปลายทางที่กำลังจะมาถึง เราต่างพากันเก็บผ้าปู
ปลอกหมอน ผ้าห่ม เตรียมคืนส่งกันอย่างไม่รีบร้อน
ลำพังแค่เป้สองใบของตัวเองก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องพะวงกับข้าวของมากมายเท่า
ไหร่ แต่เจ้ากาน่านี่สิ ยังกะคนย้ายบ้าน เธอรื้อค้นเอาสัมภาระต่าง ๆ ออกมาจาก
ใต้เตียงสุมกองไว้เต็มไปหมด
ไม่รู้ว่าคืนนั้นขนขึ้นมาได้ยังไงกัน
แต่ถึงอย่างไร เธอขอร้องให้อยู่เป็นเพื่อนพักหนึ่ง
"พี่ชายฉันจะมารับที่ชานชาลา ช่วยยืนรอเป็นเพื่อนฉันก่อนได้ไหม?"
เป็นเวลานานถึง 36 ชั่วโมง จากการเดินทางด้วยรถไฟตั้งแต่อูลันบาตอร์ จนมาถึง
อีร์คุตส์ก์ หน้าปัดนาฬิกาถูกหมุนให้ไวขึ้นหนึ่งชั่วโมงตามเวลาท้องถิ่นเพื่อเตรียม
พร้อม สำหรับการก้าวออกไปยังดินแดนใหม่ที่ดูเหมือนฉันจะไม่ค่อยได้รู้จักมักคุ้นดีนัก
ถ้าพูดถึง รัสเซีย ใครต่อใครต่างก็พากันเบนเข็มทิศไปยังฟากฝั่งตะวันตก
อย่างกรุงมอสโก และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กันทั้งนั้น ทั้งที่ความกว้างใหญ่ของ
ประเทศนี้ มันกินพื้นที่เส้นแบ่งเขตเวลาเยอะถึง 11 ชั่วโมงเชียวนะ
สมมติกันเล่น ๆ ว่าถ้าเราอยู่ที่ มอสโก ในตอนเที่ยงวันและโทรหาญาติที่อยู่ฝั่ง
ตะวันออกอย่างเมืองวลาดิวอลสตอก
ประมาณว่า "ฮัลโหล กินข้าวกลางวันหรือยัง"
คนฝั่งนั้นก็คงพูดสายตอบกลับมาว่า
"มาถามอะไรไม่ดูเวลา นี่มันทุ่มนึงแล้วต่างหากย่ะ !"
...
กลับมาที่อีร์คุตส์ก์กันต่อ หลังจากที่รถไฟจอดลงที่ปลายทางสุดท้ายทุกอย่าง
ดูเหมือนจะต้องเริ่มต้นปรับตัวใหม่กันอีกครั้งทั้ง ผู้คน ภาษา เวลา และวัฒนธรรม
พวกเรายืนอยู่ที่ชานชาลากับอากาศเย็น ๆ ยามเช้าประมาณ 3 ํC ทั้งที่มันเพิ่งเข้า
สู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายนเอง
ไม่นานนักครอบครัวของพี่ชายกาน่าก็มารับ ฉันเดินตามพวกเขาลอดลงไปยัง
อุโมงค์ใต้ดินซึ่งตรงนั้นจะมีทางแยกที่เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟได้ ส่วนกาน่ากับ
ครอบครัวก็แยกไปอีกทาง
เงินสดจำนวนหนึ่งถูกกดออกจากตู้กดเงินบริเวณห้องพักผู้โดยสาร
โชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไรจากการใช้บัตรกดเงินนอกประเทศเป็นครั้งแรก
ตู้ ATM รัสเซียหลังทำรายการแล้วบัตรกดเงินจะออกมาก่อนเงินเสมอ
(ค่าเงินตกอยู่ประมาณ 1 รูเบิ้ล : 1 บาท)
จุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟจะอยู่ด้านนอกสถานี ที่อาคารหมายเลขหนึ่งก่อน
เข้าไปด้านในก็จะเจอกับพนักงานรักษาความปลอดภัยร่างสูงยืนคุมอยู่ที่เครื่อง-
ตรวจวัตถุต้องสงสัยบริเวณทางเข้า
ฉันยื่นกระดาษที่จด วันที่ -ประเภทชั้นโดยสาร เมืองเป็นภาษารัสเซีย
ให้เจ้าหน้าที่ดู พร้อมบอกกำกับว่า "บีเลี้ยต" ที่หมายถึง ตั๋ว ให้เข้าใจ
เขามองนาฬิกาพร้อมหยิบเครื่องมือตรวจมาสแกนเช็คตามตัวเล็กน้อย
ก่อนจะชี้บอกให้เดินไปยังจุดจำหน่ายและพูดบอกว่า "ดาไว"
พนักงานที่ทำหน้าที่จองตั๋วหยิบโพยที่ฉันส่งให้ตรวจสอบเที่ยวโดยสาร
ระหว่าง อีร์คุตส์ก์ มอสโก ให้ และ พบว่าในวันที่ฉันระบุแจ้งไป มันมีรอบ
โดยสารให้เลือกถึงสองเวลา
เธอจดราคาลงกระดาษไว้ประมาณ 5,8xx รูเบิ้ล พร้อมเขียนเวลาระบุเอาไว้ว่าฉัน
อยากจะเลือกไปรอบไหน ระหว่าง 18.00 น. หรือ 20.00 น.
อืม...หกโมงเย็นมันอาจจะฉุกละหุกไป งั้นก็ขอเลือกเวลาสองทุ่มแทนละกัน
เมื่อตกลงตามนั้นพนักงานทำการปริ้นท์ตั๋วโดยสารฉบับจริงและทอนเศษเงินที่
เหลือให้ พร้อมพูดกำชับเรื่อง ต้นทาง-ปลายทาง, วัน-เวลา ที่ระบุลงบนตั๋ว ให้
เข้าใจตรงกันเป็นภาษารัสเซีย ที่ฉันกำลังพยายามทำความเข้าใจอย่างหนัก
แต่จริง ๆ แล้ว ก็ได้แต่มองตามจุดที่เธอชี้บอกนั่นแหละ
ส่วนเวลาที่เน้นนักหนาที่ว่าให้มารอน่ะ บวกเพิ่มไปอีก 5 ชั่วโมง
เพราะรถไฟจะอิงเวลาตามเวลามอสโกเป็นหลัก
งานเข้าละสิ...
เที่ยวรถไฟรอบเวลาสองทุ่มที่เลือกไปถ้าบวกอีก 5 ชั่วโมง ก็คือ "ตีหนึ่ง"
ของอีกวันตามเวลาท้องถิ่น เย้ย...ได้ใช้เวลากับเมืองนี้นานสมใจ แบบไม่ต้้งใจ!
แล้วฉันจะเผลอพลาดท่า ตกรถไฟเพราะบวกเวลาผิดอีกไหมเนี่ย?
บริเวณหน้าสถานีรถไฟที่ตอนนี้ฟ้าจ้าสว่างแล้ว เป็นเวลา 8 โมงเช้า เห็นคนหลาย
คนกำลังยืนออกันที่ป้ายรถเมล์ฉันจับรถเมล์สาย 80 ไปลงยังตลาดตามที่เคย
เตรียมข้อมูลไว้เข้าใจว่าคงหาที่พักได้ไม่ยาก และจากนั้นก็คงต่อรถตู้ไปยัง
'หมู่บ้านลิสต์เวียนก้า' เลยแต่มันก็ไม่ได้ง่ายตามคิด
ไปหลงอยู่ส่วนไหนของเมืองก็ไม่รู้รู้แค่ว่าเป็นชุมชนแถวตลาด หลังจากลงรถ
มาแบบเคว้ง ๆ ก็เจอแต่ป้ายหน้าร้าน кафе (คาเฟ่) เยอะแยะ ...แล้ว โฮเทล,
โฮสเทล,เกสท์เฮาส์ มันหายไปไหนกันหมด?
ฉันกลับมาขึ้นรถหมายเลขเดิมกะว่าจะกลับมาตั้งหลักที่สถานีรถไฟอีกครั้ง แต่ดัน
ขึ้นผิดฝั่ง รถ 80 เจ้ากรรม มันพาผ่านมาถึงยังสนามบิน (เอาหล่ะ ถ้าใครมาทาง
เครื่องบินก็นั่งรถสายนี้ ต่อเข้าตลาดได้เลยนะ) และไปสุดทางที่ท่ารถแทนซะงั้น
ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่าเช้านี้แทบไม่ได้ทำอะไร
นอกจากนั่งรถเที่ยวรอบเมืองแบบไม่ได้ตั้งใจ
ลูปนี้วนจบลงที่หน้าสถานีรถไฟดังเดิมจ้าาา
...
เสียงของพนักงานต้อนรับวัยรุ่นผมสีดำขลับ ตัดทรงหน้าม้ากับดวงตาสีฟ้าใสแว๋ว
ท่าทางเริงร่าเดินออกมาเปิดประตูให้ หลังจากที่ฉันลองสุ่มกดออดดู มันเป็นที่พัก
ที่ตั้งอยู่แถว ๆ ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ เธอพูดทักทายเป็นภาษาอังกฤษความว่า
"ยินดีต้อนรับ" ซึ่งก็เข้าใจว่าหลังจากนี้ เราอาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด จริง ๆ
" так ! "
เป็นคำแรกที่เธอเปล่งเสียงอุทานมา หลังจากอธิบายเรื่องราคาที่ถามไป
เราพูดคนละภาษาแต่เจรจาด้วยการเขียนลงบนกระดาษประกอบ คำ ๆ นี้
ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร เพราะไม่เคยเตี๊ยมจดหรือรู้มาก่อน และตอนนี้
มันกำลังถ่าโถมมาอย่างระรัว
так! так! так! так! так!...
ถึงรูปแบบการสะกดดูน่าจะเป็น "ทั๊ก" แต่เสียงที่ได้ยินเผิน ๆ มันฟังดูเหมือน
Duck ยังไงไม่รู้สิ พอบอกว่าจะอยู่สามวันแต่ขอจ่ายก่อนหนึ่งคืนเพื่อที่จะไปแลก
เงินพรุ่งนี้เช้ามาจ่ายส่วนต่างทีหลัง ไม่รู้ว่าเธอจะตกลงตามนี้ได้หรือเปล่า
แต่ так! ก็เริ่มแห่มาเป็นโขยง เป็นเล้าเป็นทุ่ง
เธอมักจะเกริ่นก่อนพูดต่อแทบทุกรอบ บางทีคงเป็นคำติดปาก
แต่ถ้าหากเราคิดนานไป เจ้าตัวก็จะปล่อย เป็ด ออกมาเยอะหน่อย
มึน ตึ๊บ
จะร้อง "แคว้ก ๆๆๆ" สวนกลับไปตีกับเป็ดรัสเซีย ซะดีมั้ย?
เราคุยกันจนกระดาษA4 ใกล้จะเขียนหมดแผ่น โยงยาวสาวเรื่องเป็ด ๆ ไปเรื่อย
ก่อนที่จะจบลงด้วยการให้กุญแจห้องพักไปและขอพาสปอร์ตมาเขียนลงทะเบียน
การเข้าพักให้ จบ!
...
" อี ร์ คุ ต ส์ ก์ "
จำได้ว่าสเวียตต้า สาวรัสเซีย ที่เคยเจอกันในที่พักเดียวกัน
ตอนอยู่ในอูลันบาตอร์ ได้อ่านชื่อเมืองนี้ให้ฉันฟังพอเป็นตัวอย่าง
อี ร์ ที่มีเสียงกล้ำที่ r และ คุ ต ที่ มีเสียง "ต" เป็นตัวสะกดนำ
แล้วตามด้วยอีกสองเสียงแผ่ว ๆ คือ "ส" และ "ก" ตบท้าย
เธอออกเสียงแบบเคยชินและฟังดูง่าย ผิดกับฉันที่ชินกับเสียงตัวสะกดท้ายคำที่
มีจำกัดแค่ แม่กด แม่กบ แม่กก แม่กน ...จนแทบอยากเอาช้อนมางัดลิ้นให้กระดิก
ไล่เสียงตามให้ทัน ไม่รู้ว่าทำไมยากอะไรขนาดนี้เนี่ย
อี ร์ - คุ ต - (ส) - (ก) ว้าก ๆ
เขา ว่า กันว่า
คนรัสเซีย สูบบุหรี่และดื่มจัด, ไม่ชอบคนต่างชาติ จะมีกลุ่มคนที่เป็นตัวตั้งตัวตี
แนวหัวรุนแรงแบบพวก "สกินเฮด" ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
ทั้งยัง ดุ และเป็น เสือยิ้มยาก หากใครยิ้มหรือหัวเราะโดยไม่มีเหตุผล
ก็คงเดาว่าไม่ บ้า ก็ โง่ ฟังดูแล้วออกไปทางลบซะมากกว่านะ
แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ประสบการณ์โดยตรงของฉันเสียหน่อย...
เพราะท่ามกลางเสียงร่ำลือที่พาให้น่าระแวงกับคนชาตินี้ไปต่าง ๆ นา ๆ
ก็ยังมีสิ่งที่น่าประทับใจเยอะอยู่ อย่างเช่น ในขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงทางม้าลายเพื่อ
รอข้ามตามสัญญาณไฟได้มีรถยนต์คนหนึ่งกำลังจะวิ่งผ่านมาพอดี ซึ่งก็เป็นสิ่งที่
ตัวเองแทบจะไม่ได้เจอเลยตอนอยู่เมืองไทย รถคันนั้นชะลอความเร็วและหยุด
จอดในระยะที่ห่างพอสมควรพร้อมโบกมือบอกให้เดินข้ามไปทั้งที่สัญญาณไฟยัง
คงเขียวอยู่ ทั้งที่มีฉันเดินข้ามเพียงคนเดียวในเวลานั้น และก็เช่นเดียวกันกับทุก
ท้องถนนในรัสเซียที่รถมักจะหยุดจอดให้คนข้ามถนนไปก่อนเสมอ ๆ
จนแอบคิดเลยว่า ถ้าใครคนไหนมาโดนรถชนที่นี่
คงจะเรียกว่าถึงคราวดวงกุดสุด ๆ แล้วล่ะ
ฟากฝั่งสถานีรถไฟและเขตเมืองจะมีแม่น้ำอังการ่า กั้นผ่าน ซึ่งหากไม่อยากเดิน
เท้าก็สามารถนั่งรถรางและรถประจำทางเชื่อมต่อได้ส่วนราคาค่าโดยสารจะมีติด
บอกไว้ที่ข้างรถเสมอ
ในช่วงเวลาบ่ายแก่แดดที่นี่ดูเหมือนจะไม่แรงเท่าไหร่ แต่มีลมโกรกค่อนข้างแรง
ฉันเดินลัดไปเรื่อยจากที่นั่นจนมาโผล่ที่หน้าศาลาว่าการฯ
ที่มีภาพนิทรรศการการฉลองครบรอบ 350 ปีของเมืองนี้ตั้งอยู่
ซึ่งมันถูกจัดไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 โน่นแล้ว
เมื่อปี ค.ศ. 1661 ที่นี่ถูกตั้งขึ้นให้เป็นศูนย์กลางของไซบีเรียตะวันออกโดยเหล่า
ทหารคอสแสค (Cossack) และเป็นเมืองอุตสาหกรรมทางทหารอยู่หลายปีจนถึง
ยุคสงครามเย็นแต่ก่อนหน้านี้ก็มีกลุ่มชาวมองโกลหรือที่เรียกกันว่า "ชาวบูเรียต"
(Buryat) เข้ามาตั้งรกรากอยู่เก่าก่อนในเขตไซบีเรียบริเวณโดยรอบทะเลสาบ
ไบคาล กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ซึ่งคงไม่เป็นที่น่าแปลกใจ หากจะเห็นได้เห็น
พลเมืองรัสเซียที่มีหน้าตาแบบชนชาวตะวันตกและหน้าตาแบบชามองโกเลีย
ปะปนกันไปอยู่รายรอบย่านนี้
แมวไซบีเรีย
เรื่องการใช้ถุงพลาสติก ไม่ว่าจะที่ไหน ๆ คงไม่มีมาแจกจ่ายให้เยอะเท่า
บ้านเรา ... แอปเปิ้ลหนึ่งกิโลกรัมกับน้ำดื่มขวดโตแล้วก็ห่อเบอร์เกอร์ไซส์ยักษ์
ถูกอุ้มหอบมาจากร้านสะดวกซื้อโดยไม่มีบรรจุภัณฑ์อะไรมาใส่ให้เดินหิ้ว เว้นแต่
ถุงใส่ผลแอปเปิ้ลเท่านั้น
ฉันกลับเข้ามายังที่พักช่วงค่ำ ก็พบกับชายแปลกหน้ามาดขรึมกำลังยืนเซ็นอะไร
บางอย่างลงบนกระดาษและคุยกับพนักงานต้อนรับคนสวยเมื่อเช้านี้
"เรามีเรื่องจะคุยกับคุณด้วยนิดหน่อย" ภาษาอังกฤษของเขาค่อนข้างดีทีเดียว
เว้นแต่ท่าทางของเขาดูขรึมเคร่งเกินเป็นมิตรไปเสียหน่อย "นี่คือใบรีจิสเตอร์ส่วน
ที่เป็นของคุณ"
กระดาษ A4 นั้น ถูกฉีกแบ่งส่วนล่างไว้ นำส่งยื่นส่งให้กับฉันและอีกส่วนหนึ่งน่าจะ
เอาไว้สำหรับแจ้งทางการฯ
"ขอบคุณ" ฉันหยิบใบที่ว่าพับเก็บไว้ แม้ว่าการสนทนามันจะไม่ได้มีอะไรมากไป
กว่านี้ แต่ประสาทสัมผัสมันดันรับรู้ถึงความขึงขังแบบรัสเซียดุ ๆ ตามที่จินตนาการ
ไว้เป๊ะ
"แล้วก็ส่วนต่างที่เหลือที่ว่าจะพักอีกสองคืนตามที่คุณบอกพนักงานของเราไป
ก็ต้องจ่ายพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ไม่อย่างนั้นก็ต้องย้ายเข้าใจตามนั้นนะ"
ฉันพยักหน้าตกลง แต่เอาจริง ๆ ตอนนั้นก็แอบกลัวอยู่นะ
อิตานี่เป็น KGB เก่ารึปล่าวเนี่ย!? เมื่อจบธุระพูดคุยแล้ว
ฉันก็หอบของกินเดินกลับขึ้นห้องไปแบบใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
...
ฉันใช้เวลาช่วงค่ำกับช่องโทรทัศน์ในห้องที่เป็นภาษารัสเซีย ที่มีทั้งข่าว ละคร
รายการเพลงให้ดูกันเพลิน ๆ ในระหว่างรอห้องน้ำว่างเพื่อใช้อาบน้ำที่ก่อนหน้านี้
ได้ไปบิดประตูที่ถูกล็อคข้างในก็ได้ยินเสียงคนตะโกนบอกจากข้างในเป็นภาษา
รัสเซียดังแว่วมา
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงประตูเปิดพร้อม ๆ กับการปิดห้องที่อยู่ไม่ไกลจาก
บริเวณนั้น ฉันล็อกห้องและออกไปทันที เพราะเห็นประตูห้องน้ำเผยอเล็กน้อยให้
พอรู้ว่าไม่มีคนอยู่ข้างในแล้ว แต่เมื่อไปถึงตรงนั้น ตาคนที่พักห้องตรงข้ามกับ
ห้องน้ำ(ที่คาดว่าเพิ่งอาบน้ำไปเมื่อครู่นี้) ก็เปิดประตูเดินออกมาพูดอะไรบางอย่าง
กับฉันพร้อมชี้มาที่ห้องอาบน้ำ คงน่าจะออกมาบอกว่าห้องน้ำว่างแล้วมั้ง
มาเจอะไอ้หนุ่มสลาฟ ในสภาพตัวเปียกโชกถือผ้าเช็ดตัวซับผม
ยืนใส่กางเกงในตัวเดียว
ง่ะ... สปาซิ้บ่า
ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์มาบอก
อื่นๆ
1. Rigistration : ในการทำรีจิสเตอร์หรือลงทะเบียนนั้นเป็นการแจ้งที่อยู่ที่แน่นอนให้กับทางฝ่าย
ทางการของรัสเซียได้ทราบที่อยู่ดังกล่าวคือสถานที่ที่เดินทางมาถึง เช่น โรงแรม บ้านพัก
หรือสถานที่ อื่นรวมทั้งบ้านพักเพื่อนฝูงไม่ว่าจะเดินทางเข้ามาในประเทศรัสเซียด้วยวีซ่าประเภทใด
ก็ตาม
(หากอยู่เมืองใดไม่เกิน7 วัน ก็ไม่จำเป็นต้องทำอาจใช้หลักฐานการเดินทางระหว่างเมืองอ้างอิง
หากถูกเรียกตรวจ เช่น ตั๋วรถไฟ ,ตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น)
**ภาพตัวอย่าง (ด้านหน้า-หลัง)**
2. ควรหาข้อมูลเตรียมภาษาหรือคำศัพท์ที่เฉพาะเจาะจงมาใช้สื่อสารบ้าง
เพราะ ส่วนมาก จะไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษค่ะ
3. สกินเฮด : เป็นกลุ่มคนที่ชอบเหยียดสีผิว รังเกียจชาวต่างชาติ ถึงขั้นทำร้ายและฆ่ามีเอกลักษณ์
เฉพาะด้วยการไว้ผมทรงสกินเฮด อาจมีรอยสักและสัญลักษณ์นาซีปรากฏให้เห็น
4. เนื่องจากประเทศรัสเซียมีขนาดกว้างเวลาของแต่ละพื้นที่จึงมีต่างกัน (11 Time Zone)
ดังนั้นเวลาที่แจ้งในตั๋วรถไฟจึงใช้เวลาของ มอสโก (GMT+4) เป็นมาตรฐานหลัก
ตัวอย่าง เวลาเปรียบเทียบ
พาพี่ไปทริปแบบไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนบ้างก็ได้นะคะน้องฟ้า
ตัวเล็กแค่นี้กล้าหาญชาญชัยจริง ๆ
อ้อ..รถเขาจอดให้ข้าม เพราะเห็นเด็กข้ามถนนหรือเปล่า 555
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog