Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ธันวาคม 2559
 
All Blogs
 
BIR (3) ฉันจะเล่าเรื่องการเดินทางให้ฟัง



ฉันนั่งพะวงกับการสะกดชื่อ บีร์ ในภาษาฮินดีอย่างไม่เป็นสุข ลำพังความจำ
ที่มีอย่างเลือนลางและการสะกดแบบงู ๆ ปลา ๆ ก็พาให้เอะใจและวุ่นวาย
กับการเทียบเสียง ระหว่าง बीड ที่เป็นชื่อปรากฏถึงสถานที่นี้ และ बीर 
ที่ออกเสียงใกล้เคียงกว่าแต่สุดท้าย ข้อสรุปนี้ก็ไปตกอยู่ที่การสะกดแรก
ที่ได้เห็นจากตามป้ายหน้ารถเมล์ยันไกด์บุคนี่แหละ


.....



ในปีที่ผ่านมา บีร์ ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน 
Paragliding World Cup เป็นครั้งแรก

ระหว่างวันที่ 23-30 ตุลาคม (2015) คลิกดู > รายละเอียดข่าว
นี่ก็แอบนึกเสียดายอยู่เหมือนกันนะ ที่มาไม่ทันได้เห็นงานนี้







Deer Park Institute 


จนแล้วจนเล่า ฉันก็ยังก้าวไปไหนได้ไม่พ้นรัฐหิมาจัลประเทศเสียที 
หลังจากที่กล้องพังแล้วก็ยิ่งไปใหญ่...ฉันพับแผนการเดินทางไปยังสถานที่ 
ใหญ่โตไปจนหมดและเรื่องมันก็พัดเพหันเหมาสนใจกับพื้นที่เล็ก ๆ แทนซะได้

ครั้งนี้ฉันก็มีเรื่องมาเล่าย้อนหลังให้
ฟัง 
มันเป็นเกี่ยวกับการเดินทางของฉันเองนี่แหละ

ในที่สุดฉันก็เดินทางมาถึง Deer Park จนได้ 
โดยบังเอิญมารู้จักจากคำบอกผ่านของเพื่อนร่วมทางที่แนะนำมา
เมื่อวันก่อนหลังจากที่เดินวนดูรอบสถานที่แล้ว กลับไม่ได้พบเจอใคร 
อาจเพราะหมดฤดูกาลการทำกิจกรรมหรือหลักสูตรอบรมเป็นที่เรียบร้อย
เหลือให้เห็นเพียงแต่เจ้าหน้าที่ประจำไม่กี่คน 





ฉันมานั่งจ๋องอยู่แถวหน้าบันไดทางเข้าวิหารเล็ก ๆ ซึ่งด้านใน
มีพระประธานตั้งอยู่ 
(ที่นี่ไม่ได้เป็นวัดหรอกนะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด)

และกำลังคิดใคร่ครวญว่า...
หลังกลับไปยังบ้านพักแล้วและอยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง 
ก็คงลาลับไปจากบีร์พร้อม ๆ กับความทรงจำที่ว่างเปล่า
ถ้าหาก ปวิน หนึ่งในเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานไม่เดินมาทักเข้า

การพูดคุยของพวกเราไม่ได้ดูห่างเหิน
แต่ก็ไม่ใช่ตีซี้แบบที่เคยเจอมา เขาวางตัวค่อนข้างดี
ปวิน ได้พาเดินดูสถานที่เพื่ออธิบายโครงการฯ เพิ่มเติม 
รวมไปถึงเล่าเรื่องการร่วมงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งด้านองค์ความรู้
และรวมไปถึงโครงการปลูกผักปลอดสารพิษที่จัดพื้นที่แบ่งไว้ส่วนหนึ่ง




บริเวณสวนผักปลอดสารพิษ ที่ได้แต่ยืนมองห่าง ๆ 
จะเข้าไปข้างในโดยพละการไม่ได้เพราะหมาที่เฝ้าดุมาก 



บริเวณ Eco Zone ของกลุ่มงาน Zero Waste



ปวินเคยเดินทางมาอบรมจันทบุรีเมื่อปีก่อนและยังมีเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง
ในภาคส่วนของงานด้านสิ่งแวดล้อม 
ก็เคยเดินทางมาเรียนรู้แลกเปลี่ยน
ในเมืองไทยเช่นกัน
และอยู่นานจนถึง 6 เดือนเชียว

ฉันรู้มาว่ามีกลุุ่มนักศึกษาและองค์กรจากประเทศไทย
ได้เข้ามามีส่วนร่วมในบางกิจกรรมด้วย

ดังนั้นปวินจึงบอกกับฉันว่า พวกเขากับคนไทยเป็นกัลยาณมิตรกัน
กัลยาณมิตร เพราะจัง...มันฟังดูดีกว่า my friend ตั้งเยอะ
แบบที่หลายคนชอบทึกทักเรียกบ่อยครั้งแต่แรกพบจนเลี่ยนหู

พวกเขาต่างรู้จักกับ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ กันดี
และที่ห้องสมุดนี้
ก็มีหนังสือที่เขียนโดย ส.ศิวรักษ์ อยู่หลายเล่ม 



ห้องสมุดของ Deer Park Institute

ส่วนอีกบุคคล ที่ฉันพอจะจำได้
ปวินได้พูดถึงผู้ที่เป็น 
ภิกษุณี รูปแรกของไทย
ซึ่งฉันจำชื่อท่านไม่ได้หรอก 
ดังนั้นตัวเองจึงแอบมีสิ่งที่เคลือบแคลงเล็ก ๆ  
กับคำใช้เรียก 'ภิกษุณี' ของเขา 

ภิกษุณี ที่พูดถึง...
ท่านห่มผ้าเหลือง หรือขาวกัน? 

เช่นเดียวกับนักบวชหญิงที่เคยพบจาก Bön Monastery 
ฉันกลับใช้คำว่า 'พระผู้หญิง' แทนที่จะเรียกเป็นคำแทนอื่น
เพราะกลัวว่าจะผิดเพี้ยนจากความหมาย
แต่ปวินก็ตอบได้กระจ่างดีเสียเหลือเกิน

นุ่งเหลืองสิ ... ถ้าสีขาวน่ะ  Mae Shee 

ฉันนี่ขำแทบตาย ที่เขาใช้คำทับศัพท์ภาษาไทยได้ชัดขนาดนั้น


ศูนย์อบรมฯ ของที่นี่เป็นแนวพุทธ โดยยึดตามสโกแกนที่ตั้งไว้ว่า 

Spirit of Nalanda continues...

ถ้าไม่นับเรื่องของการเข้าหลักสูตรการเรียนการสอนเชิงศาสนา ก็จะยังมีส่วน
ของงานอบรมอื่นที่จัดขึ้นทั้งปี อย่างการถ่ายรูป 
การทำภาพยนตร์สั้น ฯลฯ
รวมไปถึงกิจกรรมสำหรับกลุ่มเด็กและเยาวชน 
ตลอดจนงานที่ทำร่วมกับชุมชน
ด้านสิ่งแวดล้อมและ
กลุ่มเกษตรกรท้องถิ่น  








เท่าที่เดิน(หลง)ผ่านพื้นที่ท้องไร่ท้องนาเมื่อวันก่อน 
การที่ได้เห็นพื้นที่การเกษตรตั้งแต่ Upper Bir ไล่เรื่อยลงมา
ยังหมู่บ้าน Chowgan ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวทิเบต
ก็ได้มีการจัดสรรปันส่วนพื้นที่กันอย่างเป็นระบบระเบียบ 
มีการทำโรงเรือนปลูกพืช บางแห่งก็ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ 
ไว้สำหรับผลิตไฟฟ้า หรือไม่ก็ประเภทที่ไว้ใช้ทำน้ำอุ่นแทนการใช้ฟืน

มานึกดูแล้ว อาจจะเป็นเพราะบทบาทของกลุ่มองค์กรเหล่านี้ก็ได้
พวกเขามักจะมีอาสาสมัครจากที่ต่าง ๆ เข้ามาร่วมงานในการรณรงค์
และให้
ความรู้แก่ชุมชนเสมอ   


ฉันคิดว่านวัตกรรมที่มนุษย์คิดค้นสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก
และผ่อนแรงที่ดูเข้าท่า โดยไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลภาวะ 
เท่าที่นึกออกก็คงมี 'จักรยาน' แล้วก็ 'โซล่าเซลล์' นี่แหละ
โอ๊ะ ๆ... อย่าเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นพวก Luddite เชียว!
คือทุกอย่างมันก็ต้องมีความพอดีกันบ้างล่ะน่า 





บริเวณโดยรอบที่พอมองเห็นจากมุมดาดฟ้าของ Deer Park 
ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนชาวทิเบต และมีวัดตั้งอยู่หลายแห่ง



วัดทิเบตอีกแห่งที่ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าจากฝั่งถนน


ทีนี้ฉันพอเดาออกแล้วล่ะว่า...กลุ่มชาวต่างชาติที่เดินทางมายังบีร์ทั้งหลาย 
หากตัดเรื่องการมาเยี่ยมชมสถานที่และวัดวาอาราม การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
และ Paragliding ออกไป 
ก็คงจะมาเป็นอาสาสมัครหรือ มาฝึกอบรมฯ อยู่กัน
แบบระยะยาว 

ส่วนสถานที่ซึ่งจัดรองรับ เท่าที่รู้มานอกจากที่ > Deer Park แล้ว 
ก็ยังมีศูนย์ฯ อีกแห่งทีชื่อ> Dharmalaya เช่นกัน

อีกอย่างหนึ่ง แม้ที่นี่จะดูมีวัดพุทธวัชรยานหลากนิกายตั้งอยู่หลายจุด 
แต่ถัดไปจากบริเวณนี้ไม่ไกล ก็มีร้านจำหน่ายไวน์ท้องถิ่นตั้งอยู่เยอะ
โดยเฉพาะแถวสนามที่เป็นลานร่อนร่ม เนี่ย ...มันน่าไปนั่งชมวิวชะมัด!

และถึงสภาพแวดล้อมจะดูเป็นใจแบบนั้นก็เถอะ ฉันกลับไม่คิดกล้าไปนั่ง
ก่งก๊งเท่าไหร่ ก็เพราะเกรงใจสถานที่พักแห่งใหม่มากกว่า 
ใช่แล้ว เพราะในตอนนี้ฉันย้ายลงมาเข้าพักที่ Deer Park แทนแล้วน่ะสิ 



จาก Upper Bir มาถึง Tibetan Colony
ฉันเดินเท้ามาประมาณสี่กิโลเมตรบนเส้นถนนที่ดูไกลกว่า
แต่น่าตลก ที่กลับมาถึงจุดหมายไวกว่าทางลัดแบบเมื่อวานซะอีก 

ถึงมันจะตั้งอยู่กลางเขตชุมชน แต่ก็ดูเงียบสงบดีทีเดียวและฉันเองก็ไม่ค่อย
เหงาเท่าไหร่ แถมยังมีชาวต่างชาติที่อาจเป็นหน้าเก่าแวะมาพักเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้สถานที่พักใน Deer Park จะไม่เหมือนเกสท์เฮาส์แบบทั่วไปหรอกนะ
เนื่องด้วยเขามีจัดไว้รองรับคนที่เข้ามาทำกิจกรรมหรือกลุ่มอาสาสมัครมากกว่า
พอปวินบอกว่า ช่วงนี้ไม่ได้มีงานอบรมอะไรแล้วจึงมีห้องว่างเหลือให้เข้าพัก
เยอะแยะ  หากจะเลือกนอนแบบดอร์ม(ห้องหนึ่ง มี 3 เตียง) ฉันก็จะเหมาห้อง
อยู่ได้คนเดียวเลย 

โดยมีข้อแม้ว่าห้ามไปยุ่มย่าม ใช้หมอน ผ้าห่ม ของเตียงอื่น ๆ หรือกระทั่ง
พื้นที่ตู้เก็บของที่ไม่ได้เป็
นของฉัน แม้มันจะอยู่ในสถานะว่างก็ตาม ...






ส่วนเรื่องอาหารการกิน ช่วงมื้อกลางวันของวันแรกนั้น 
ฉันได้ลองไปเลือกหา
จากร้านข้างนอกดู และ
พบว่ามันช่างยุ่งยากกับการเดินออกไปตระเวนหาอะไร
กินเองมาก ๆ

ถึงร้านอาหารของที่นี่จะมีเยอะแถว Upper Bir ก็จริง แต่รายการเลือกสั่งกลับ
มีไม่กี่อย่างเช่นเคย ซึ่งคนแถวนี้เรียกมันว่า fast food หรือไม่ก็เหมารวมว่าเป็น
Chinese Food  ที่วนเวียนอยู่แค่ โชวเมียน - โมโม่ - ทุกปะ นี่แหละ

หน้าฉันคงจะกางโตเท่าถาดใส่หมี่ผัดในไม่ช้า
ก็ส่วนประกอบอาหารที่ว่ามันช่างไร้โภชนาการสิ้นดี

หลังมื้อกลางวันอันน่าเบื่อนั่นได้ผ่านไปก่อนช่วงเย็นฉันเลยไปสั่นกระดิ่ง
ที่จัดวางไว้หน้าประตูห้องครัว (มันเป็นสัญญาณเรียกเจ้าหน้าที่ในนั้น) เพื่อ
ขอลงชื่อเข้ารับมื้ออาหารจากครัว ก็ได้เจอกับตาบีเอ็ม (B.M.) ชาวเนปาลี 
ผู้ทำหน้าที่อยู่ประจำห้องครัวเดินออกมาเจรจาด้วย

เขาอธิบายรายการอาหารแต่ละมื้อ เพื่อเตรียมใจไว้ให้ฟังก่อนว่า
ทางเราไม่รู้ว่าแต่ละวันจะกำหนดเมนูอะไรได้ มันขึ้นกับวัตถุดิบที่ได้มา
ส่วนปริมาณที่ทำแต่ละมื้อ ก็ตามจำนวนคนที่ลงชื่อล่วงหน้า ดังนั้น...
อย่าคาดหวังและตักใส่ถาดแต่พออิ่ม ส่วนเวลาก็มีจำกัดสำหรับการวาง
ให้บริการ หากมาช้าอาหารก็อาจหมดไม่ก็ถูกยกกลับเข้าโรงครัว

ฉันได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ตกลงตามที่ว่าไปก่อนที่จะลงชื่อแจ้งบอก
ไว้ว่าจะมากินมื้อไหนบ้าง
ฉันเลือกแค่ มื้อกลางวันและมื้อเย็น 
เพราะตอนเช้าอยากจะออกไปโต๋เต๋ข้างนอกมากกว่า

ถัดจากนั้น ฉันจึงได้รู้ว่าเสียงระรัวเคาะโลหะดัง แก๊ง ๆๆๆๆ ปริศนา
ที่ได้ยินในช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมาเนี่ย มันคืออะไรกัน?



ระหว่างที่ฉันมานั่งใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตแถวหน้าโรงอาหาร เพื่อฆ่าเวลาก่อน
กินมื้อเย็
นของวันนั้น ดันเหลือบไปเห็นภาพของชายคนหนึ่งจากโรงครัวเดินออก
มาเคาะถาดโลหะตอนหกโมง 
ตามเวลากินข้าวที่กำหนดในตารางเป๊ะ ๆ

ผู้คนที่มาพักต่างก็เดินเร่ตรงเข้ามาหยิบถาดหลุม ช้อน ส้อม ถ้วยใบเล็ก 
และเวียนตักอาหารกันแบบรู้งาน ส่วนเวลากินหมดแล้วก็จะต้องทำหน้าที่
รับผิดชอบเก็บล้างเอง

โอ....ฉันจึงเพิ่งรู้ว่าเขาเคาะส่งสัญญาณเรียกกินข้าวกันแบบนี้นี่เอง

ภายหลังจากที่ออกไปจากที่นี่แล้ว 
พอได้เวลาอาหารทีไร
ฉันมักจะนึกถึงช่วงเวลาเขาเรียกกินข้าวอยู่
เสมอ ๆ 

ส่วนในวันที่ฉันย้ายมาเข้าพักนอกจากจะต้องมาติดต่อ และกรอกแบบฟอร์ม
ลงชื่อเข้าพักกับปวินแล้ว 
ก็ยังได้เจอกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อว่าปรีตู 
เธอทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยได้เจอผู้หญิงที่ออกมา
ทำงานแบบนี้เลยและก็มีเธอเพียงคนเดียวในที่นี้ ที่อยู่ในส่วนสำนักงาน 

ตอนเราเจอกันวันแรก เธอแต่งตัวด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนส์ ใส่รองเท้ากีฬา
แบบวัยรุ่นทั่วไป 
ปรีตูเข้ามาทักทายอย่าง เฮ้ว ๆ ถึงชื่อเธอว่าถ้าออกเสียงยากนัก
ก็ให้เรียกง่าย ๆ ว่า P2  
ในความรู้สึกของฉันตอนนั้น โคตรดีใจแทบตายเลยรู้ไหม
ที่นาน ๆ ทีจะได้พูดคุยกับผู้หญิงด้วยกันเนี่ย !!!





เขตปลอดขยะ

ปวิน ได้กล่าวอย่างภูมิใจว่าหิมาจัลประเทศเป็นรัฐแรกในอินเดีย
ที่ประกาศนโยบายต่อต้านการใช้ถุงพลาสติกมาตั้งแต่ปี 2003





ฉันไม่เคยคิดเลยนะ ว่าตัวเองจะทำตัวให้เป็นปัญหากับสภาพแวดล้อม
และคิดว่าบรรดาขยะทั้งหลายเมื่อลงไปอยู่ในถังแล้วทุกอย่างก็จบสิ้นลง

ตอนที่เดินทางไปอยู่ในหมู่บ้าน จิตกุล ฉันก็มัวแต่บ่นอุบถึงเรื่องถังขยะ
ที่หลังจากเดินหามารอบหมู่บ้านแล้วก็กลับไม่พบ แถมผู้คนมักทิ้งกันเกลื่อน
โดยเฉพาะพวกที่เป็นถุงขนม ขวดน้ำ ที่ซื้อมาจากร้านขายของชำเล็ก ๆ
ที่มีตั้งอยู่เพียงสองสามแห่ง

แต่คราวนี้ ดูเหมือนว่าการมีถังขยะ 
อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุดเพียงอย่างเดียวแล้วสินะ

ตาม กติกา ข้อตกลง ของที่นี่ สำหรับการทิ้งขยะจากส่วนที่เราเอาเข้ามา
บริโภคในที่นี้ จำเป็นต้อง
มาแยกประเภทเสียก่อน โดยพวกเขาจะมีถังจัดเตรียม
ไว้ให้แยกทิ้ง เพื่อนำกลับมาใช้ในกิจกรรมอื่น
ทั้ง Recycle และ Reuse ครั้งต่อไป
ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ไม่ง่าย




ฉันต้องนำถุงขนม และ สิ่งต่าง ๆ ที่ กินและใช้แล้ว มากางแผ่เพื่อทำความสะอาด 
ก่อนที่จะนำไปตากผึ่งลมและ
เมื่อมันแห้งแล้ว ถึงจะนำเอามาหย่อนลงถังได้ 



โดยแต่ละถังก็มีการกำหนดประเภทต่างกันออกไป
ในช่วงแรกฉันก็ยังสนุกอยู่นะ ที่ต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่ซื้อมากินหลังจากนั้น
พักหลัง ดูเหมือนว่าปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากถังใบแล้วใบเล่ามันจะมาจาก
ฝีมือของตัวเองทั้งนั้น ครั้นจะคิดลักไก่
แอบเอาออกไปทิ้งที่ด้านนอกเสีย ก็ดู
เหมือนจะหลอกตัวเอง
และโยนภาระให้ชุมชนอีก  


เฮ้ย...

นี่ฉันเริ่มวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้มากไปแล้วใช่ไหมเนี่ย?

แต่มันก็ทำให้ได้ข้อสรุปมาเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า
ต่อให้มีพื้นที่ทิ้งเพื่อความ
เป็นระเบียบมากแค่ไหน
ก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เรากำลังจะ 'ผลิต' ออกมา 

ยังมีขยะอยู่อีกประเภทหนึ่ง ที่ฉันทิ้งได้แบบไม่รู้สึกผิดเท่าไหร่ 
นั่นคือถังสำหรับทิ้งเปลือกผลไม้และถังใส่เศษอาหาร เศษขนม
ที่เหลือ
ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปย่อยสลายโดย วัว

คล้าย ๆ กับสมัยเด็กที่เคยเห็นคนเลี้ยงหมูมาตระเวนขอเศษอาหาร
ตามบ้านเลย หรือเศษอาหารที่เหลือบางส่วนพวกเขาก็จะนำไปทำปุ๋ยหมัก 
นึกภาพออกไหมล่ะ ฉันกำลังพูดถึงขยะที่มันนำไปกำจัดทางธรรมชาติได้น่ะ



ในบริบทผู้ทำหน้าที่ย่อยสลายนี้  ฉันไม่คิดเหมารวมกับพวกวัวที่น่าสงสาร
ในย่านเมืองใหญ่เด็ดขาด  
ถ้าใครที่มาอินเดียก็คงจะคุ้นภาพของวัวที่เดินไป
เดินมาอย่างสบายใจเฉิบ
ตามที่ต่าง ๆ อยู่แล้ว

ทั้งนี้เราอาจเห็นได้ว่า วัวตามเมืองใหญ่พวกมันกินไม่ค่อยเลือกเท่าไหร่
หรือไม่ก็ไม่มีอะไรให้เลือกกิน และซ้ำร้ายไปกว่านั้นฉันเคยเห็นพวกมัน
กินขยะเป็นอาหาร !




ภาพจาก https://www.indiatvnews.com/


ขยะจำพวกพลาสติก, โฟม ยังต้องอาศัยกระบวนการย่อยสลายหลายร้อยปี 
แล้วแบบนี้ท้องไส้พวกวัวเหล่านั้นมันไม่พินาศเอารึไง? 

นี่ฉันแค่ยกตัวอย่างถึงเรื่อง
ผลกระทบของสภาพแวดล้อมในกระเพาะวัวเองนะ 
ยังไม่ได้ขยายความถึงการกำจัดขยะอื่น ๆ บนโลก ในส่วนมหภาคที่มีทั้ง
บรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ  กระทั่งขยะพิษ  โดยการนำไปทำลายและย่อยสลาย
ด้วยการ
ทิ้งลงทะเล, เผา, ฝังกลบ หรือกระทั่งเอาไปทิ้งยังประเทศโลกที่สาม 

แค่คิดก็เหนื่อยแล้วเนอะ

จากการได้มาอยู่ที่นี่นานวันเข้า
แม้ไม่ได้อบรมอะไร
แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่จัดขึ้
ฉันเองก็จำเป็นที่จะต้อง Rethink ขึ้นเยอะเลยล่ะ 

ต้องมาคิดแล้วคิดอีก ว่าจะเลือกซื้อเลือกใช้อะไรมาบริโภค 
แล้วสิ่งที่เหลือทิ้งจะกลายไปเป็นอะไรต่อจากนั้น



ภาพที่ถ่ายมาจากเมืองรีวัลซาร์


ในตอนเช้าตรู่ ฉันพบว่าอากาศที่นี่ค่อนข้างหนาว ถึงมันจะอยู่สูงจากระดับ-
น้ำทะเลแค่ 1,350 เมตร  แต่ก็ยังแอบมีเกล็ดน้ำแข็ง
ติดเกาะตามใบหญ้าด้วย 
ดังนั้นเวลาที่ฉันเดินออกไปข้างนอก ก็ต้องเอาผ้าคลุมมาห่มพันตัวทับกันหนาว
เพิ่มอีกชั้น แต่แล้ว
ก็ไปเจอกับฝูงหมาที่อยู่แถวนั้นเข้า พวกมันจ้องเขม็งอยู่นาน
เชียว 
ฉันทำเป็นไม่ใส่ใจกระทั่งเดินผ่านแต่ก็โดนแว้งกัดจากด้านหลังเข้า 
ดีที่มันไปงับดึงที่ชายผ้าไม่ได้กัดฉันโดยตรง ทำฉันให้เริ่มนึกถึงเรื่องหมาจรจัด
ที่คุ้มคลั่ง
ตอนที่เจอกับอากาศหนาวจัดขึ้นมาทันที และยิ่งถ้ามันอยู่รวมเป็นฝูงล่ะ
ก็ให้เลี่ยงหลบไปไกลเลย

เพราะที่เลห์ ก็ข่าวถึงมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้น 
พวกมันพากันรุมกัดกินเด็กเล็กตาย 
ส่วนอีกรายเป็นผู้หญิงจนบาดเจ็บแต่รอดชีวิต  

จากเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดกับฉันวันนั้น 
ก็พาลให้ระแวงหมาจรไปพักใหญ่ทีเดียว 




แต่ในที่นี้ก็คงต้องยกเว้นกับเจ้าปั๊บปี้ และ กาลู 
(กาลู ที่ผันมาจากคำว่า กาลา ในภาษาฮินดี แปลว่า ดำ)

สองหมาใน Deer Park ที่ดูเป็นมิตรที่สุดในย่านนี้ 




โดยเฉพาะปั๊บปี้ ชอบมาโผล่หน้าห้องเป็นประจำ


ฉันพยายามจำภาษาฮินดีจากตำราที่เปิดอ่านในห้องสมุด และลองหัด
ประติดประต่อคำเล่น ๆ ดู 
พอเห็นปรีตูจูงสองหมาภูเขาที่ตัวโตและดุ 
ออกมาเดินตอนเช้ากับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง เลยลองหันไปลองวิชาสักนิด 

"บารา กุตต้า"

แปลว่า หมาตัวใหญ่ 

ปรีตู รีบหันมาควับแซวกลับทันทีว่าทำไมฉันรู้ภาษาฮินดีด้วย
ฉันบอกว่าเพิ่งไปหัดอ่านมาจากห้องสมุดเมื่อวาน 
แต่เธอกลับทำหน้าตามีเลศนัยแอบยิ้มกรุ้มกริ่มเล็ก ๆ 

โวะ พวกผู้หญิงนี่ชอบคิดอะไรมุ้งมิ้งกันซะจริง !!!


การเดินของฉันใกล้จบลงแล้ว แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟัง 
ฉันได้พบกับ "โดโรเธีย" สาวใหญ่ชาวเยอรมัน ที่มาเข้าพักในช่วงเดียวกับฉัน
โดโรเธียแต่งงานกับชาวอินเดีย และได้พำนักอาศัยอยู่ในประเทศนี้ แต่ทุกปี
เธอจะจัดแบ่งเวลากลับไปเยี่ยมบ้านเกิด หรือบางครั้งก็มาเข้าพักที่นี่
เพื่อปลีกตัว


เราเริ่มพูดคุยกันเพราะมานั่งผิงไฟกันที่โรงอาหารหลังมื้อค่ำ
ด้วยความที่ปรีตูเคยพบเจอกับโดโรเธียมาก่อน ก็เลยได้ฟังพวกเขา
คุยเรื่
องหนหลังไปด้วย และพอเราได้ร่วมทำความรู้จักกันแล้วเราพากัน
คุยเรื่อยเปื่อยถึงการเดินทางแต่ละคน 

และฉันก็ได้ยินเรื่องราวของลาดักห์อีกครั้ง 
หลังจากที่ชื่อนี้มันได้เลือนหายไปจากความคิดของตัวเองมานาน 
สถานที่ที่ใคร ๆ ก็ไปกัน...จนคิดว่าไม่มีอะไรเหลือให้น่าค้นหาแล้ว

เมื่อได้ฟังผ่านการบอกเล่าของคนที่เคยไปเมื่อยี่สิบปีก่อน
และเธอยังคงรักที่นั่น คำพูดของโดโรเธียทำให้ฉันเริ่มนึกถึงการเดินทาง
ในหนถัดไปอีกครั้งที่ยังไงจะต้องมีลาดักห์เป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน


ในคืนวันสุดท้าย ปรีตู โดโรเธีย และ ฉัน พากันออกไปดื่มชากันที่ด้านนอก
มันก็มีหลายเรื่องให้เรานึกขำกัน อย่างการที่พวกเราต่างโตมากันคนละแห่ง
มาจากโลกที่ต่างวัฒนธรรม มีภาษาแม่ที่พูดคนละภาษา ถ้าใครคนใดคนหนึ่ง
เกิดไม่เข้าใจในเรื่องที่อีกฝ่าย
กำลังพยายามอธิบายเรื่องของตนให้เข้าใจ 
เราคงจะหาทางจูนกันยากพิลึก

และเมื่อ โดโรเธียถามฉันว่าได้ไปที่ไหนมาบ้าง?
ฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวจากการเดินทางมากนัก
เมื่อบอกเธอถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่ผ่านมาก่อนที่จะบ่นถึงช่วงเวลาที่ใช้ไป 
ฉันติดกับการพูดคุย ติดกับการอยากรู้อยากเห็นมากกว่าการท่องเที่ยว 
และหลายคนก็มักจะคาดหวังให้ไปจนทั่วพิชิตทั้งเหนือจรดใต้ มากกว่า
ที่จะออกมาเป็นรูปแบบนี้ 

แต่ถึงอย่างนั้น ท่าทีของโดโรเธียกลับดูต่าง
และผิดไปจากที่คาดไว้มาก เมื่อเธอพูดกับฉัน

"เธอไปไม่เยอะ แต่ก็ได้เห็นอะไรเยอะนะ"




"ไร่ชา" ที่ตั้งขนาบทางถนนก่อนถึงลานร่อนร่ม  หากเป็นช่วงฤดูร้อนคงมีนักท่องเที่ยว
เช่าจักรยานมาปั่นชมวิวกัน  
แต่พอตอนนี้เข้าหน้าหนาวแล้วมันเลยอาจดูเงียบเหงาไปบ้าง



เอาละ นี่คงเป็นวรรคท้ายสุดแล้วที่ฉันจะได้เขียนบันทึกบ่นถึง เพราะจำเป็น
จะต้องตีห่างไปจากรัฐหิมาจัลประเทศ 
ที่ซึ่งฉันสามารถมองเห็นแนวเขาหิมาลัย
ได้อย่างไม่ยากเย็น

อาจดูตลกนะ แม้ตอนนี้ฉันยังนึกฝันถึงแนวเทือกเขานั่นมาตลอด




ในเย็นวันสุดท้าย ฉันรีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อมาเก็บภาพสุดท้ายก่อนตะวันตกดิน 
ตรงหน้าลานร่อนร่ม มุมโปรดที่สุดในบีร์ เพื่อบันทึกความทรงจำเอาไว้ ก่อนที่
จะต้องย้อนกลับไปกินข้
าวเย็นให้ทันเวลาตามเสียงเคาะเรียกก๊องแก๊ง ๆๆ 








และเมื่อถึงวันที่ฉันได้ออกไปจากที่นี่ 
การจากลาครั้งนี้ดูไม่น่าเศร้ามากมายนัก
ยังมีผู้คนที่ยังติดต่อกันอยู่ มีภาพแห่งการรำลึกถึงและยังหวังถึงการหวนคืน  



แสงส้ม ๆ ที่สาดกระทบภูเขาของดวงอาทิตย์
ตอนลาลับขอบฟ้
ายามนั้น ยังคงงดงามเสมอ



Create Date : 08 ธันวาคม 2559
Last Update : 2 มีนาคม 2561 9:21:11 น. 32 comments
Counter : 1758 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ

มีคำถาม สงสัยเรื่องขยะรีไซเคิลค่ะ เป็นกฏว่าต้องล้างต้องผึ่งให้แห้งก่อนนำไปทิ้งรวมหรือคะ

+


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 8 ธันวาคม 2559 เวลา:21:58:14 น.  

 
@เรียวรุ้ง : เป็นกฏที่ต้องล้าง ทำความสะอาด + ผึ่งแห้ง ก่อน
(คงยกเว้นกระดาษ 555)
หย่อนแยกประเภท ไม่ทิ้งรวมนะ แยกลงตามถังที่เห็นในภาพเลย
จะได้สะดวกในการจัดเก็บ คือ เกิดมันจะไม่เป็นกลายเป็นขยะที่ส่งกลิ่น

ซึ่งก็อีกนานกว่าเขาจะเก็บรวมจากถังนั่นไปใช้งานต่อ



โดย: กาบริเอล วันที่: 8 ธันวาคม 2559 เวลา:22:24:24 น.  

 
สวัสดีครับคุณฟ้า
เออนะ...ขยะรีไซเคิล คนทิ้งขยะต้องล้างทำความสะอาดก่อน
เป็นขั้นตอนที่นึกไม่ถึงเลยว่าจะนำมาบังคับใช้ได้
ไม่รู้ว่าจะมีคนแหกคอกไหม แบบว่า
นำไปทิ้งทั้งๆที่ยังไม่ทำความสะอาด

ตอนที่เคาะโลหะเรียกให้ไปกินอาหารได้
หากเป็นในบ้านเมืองเรา
ก็อาจแค่มีข้อความแจ้งเวลาอาหารก็น่าจะรู้กันแล้วนะครับ

ได้รู้ได้เห็นเรื่องราวแปลกๆดีครับ
ขอขอบคุณที่นำมาเล่าให้ได้รู้กว้างไกลมากขึ้นครับคุณฟ้า



โดย: loongchat (สมาชิกหมายเลข 3016924 ) วันที่: 9 ธันวาคม 2559 เวลา:12:43:26 น.  

 
@loongchat :

โหยยย....เกิดใครไม่ล้าง แล้วไปเอาหย่อนลงถังดื้อๆเนี่ย
ไม่อยากคิดเลย จิตใจทำด้วยอะไรกันน๊อออ 55

พวกหนู มด แมลงสาบ แมลงวัน
คงแห่มาเยือนเต็มพื้นที่เลยค่ะ

มะกี้ฟ้านั่งแก้คำผิด อยู่พอดี
เกิดอ่านสะดุด รึตกหล่นอะไร ต้องขออภัยด้วย แฮ่ๆ

เคาะเรียกกินข้าวนี่คลาสสิคมาก
นึกถึงทีไรก็ยังฮาได้ตลอด 555



โดย: กาบริเอล วันที่: 9 ธันวาคม 2559 เวลา:13:13:39 น.  

 
กดโหวตหมวดไดอารี่ไปแล้วเพราะอ่านๆ ดูเหมือนบันทึกความทรงจำที่แม่บุญเองก็ชอบทำแบบนี้เช่นัน เราคอ...เดียวกันในเรื่องเที่ยว แม่บุญชอบ เห็นเยอะ แต่..ไม่ไปเยอะ..แบบที่ว่า การเดินทางแต่ละทริปจึงกินเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนสำหรับสถานที่หนึ่งๆ ไม่วิ่งชะโงกทัวร์เหมือนสมัยเป็นสาวที่คิดแต่ว่าอยากจะให้คุ้มกับที่มา พอแก่แล้วคิดไปอีกแบบ...

ปีหน้า...เราสองคนจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ระยะเวลาครึ่งเดือนที่ศรีลังกา น่าจะพอให้ได้พบเห็นอะไรดีๆ เพื่อนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป ...ปีหน้า

ขอบคุณมากที่แวะไปให้กำลังใจกับแม่บุญค่ะน้องฟ้า


โดย: Maeboon วันที่: 9 ธันวาคม 2559 เวลา:18:37:34 น.  

 
ภิกษุณีหญิงคนแรกของไทย ถ้าจำไม่ผิดเป็นอดีตอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์ค่ะ

ชอบเขตปลอดขยะเขาจัง ดีงามอ้ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 ธันวาคม 2559 เวลา:0:42:13 น.  

 
เอนทรี่นี้พี่ชอบหลายภาพเลยฟ้า สวย...

นึกหน้าฟ้านั่งหน้าจ๋องตรงทางขึ้นบันได

ถ้าพี่เป็นปวิน ก็คงภูมิใจเหมือนเค้าล่ะ อาจจะคุยโม้คุยโตไปอีกต่างหาก

พี่ไม่ได้เป็นคนมักง่ายกับการทิ้งขยะนัก แต่วิธีการก่อนจะทิ้งของเค้า ทำเอาปวดหัวเหมือนกันเนอะ

หมาคลุ้มคลั่งเพราะหนาวด้วยเหรอนี่ พี่เพิ่งรู้ ... ปั๊บปี้ กาลู น่ารักขนฟูหน้ามอมเลย

ปรีตู คิดอะไรมุ้งมิ้งฮึฟ้า พี่ไม่เก็ท 555

จริง พี่ก็เห็นด้วยกับโดโรเธีย ฟ้าไปไม่เยอะ แต่ได้เห็นอะไรเยอะ มีหลายคนที่อยากทำเหมือนฟ้า แต่ไม่ได้ทำ และทำไม่ได้...

ชอบเอนทรี่นี้ อ่านเพลิน ภาพสวย

ขอบคุณฟ้าสำหรับประสบการณ์ดี ๆ ที่เล่าสู่กันฟัง พี่หวังว่าจะได้อ่านต่อไปเรื่อย ๆ นะ



บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
Quel Klaibann Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
life for eat and travel Food Blog ดู Blog
ชีริว Cartoon Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Food Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


*** พี่เคยเอาหนูดีมาโชว์โฉมแล้วจ้ะ นี่รอบ 2 ล่ะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 10 ธันวาคม 2559 เวลา:20:46:39 น.  

 
พอใจ เป็นวิเชียรมาศจ้ะ

ถุงเท้าสีจางหน่อย เค้าเพิ่ง 7 เดือนกว่า เดี๋ยวคงเข้มขึ้น ๆ นี่แก้มก็เริ่มดำแล้วเนี่ย


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 10 ธันวาคม 2559 เวลา:20:53:07 น.  

 
สีส้มจับขอบฟ้าสวยงามเสมอจริง ๆ ค่ะ
+


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 ธันวาคม 2559 เวลา:21:38:56 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 11 ธันวาคม 2559 เวลา:0:15:51 น.  

 
ดูแล้วผมมองว่าคุยกันได้แบบสนิทสนมเลยทีเดียว

ฮาตรงเค้าทับศัพท์นะครับ 555

ดูแล้วได้อะไรจากที่นี่เยอะนะครับ

เรื่องอาหารผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ตอนที่อธบายครับ แต่ตอนเค้าเรียกนี่สิน่าสนใสจดี

เรื่องรีไซเคิล ผมคุ้นๆ ว่าญี่ปุ่นก็ล้างทำความสะอาดเหมือนกันนะ (อาจเป็นเฉพาะพื้นที่รึเปล่าไม่แน่ใจ แต่เเพื่อนมันทำ)

กาบริเอล Travel Blog
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 ธันวาคม 2559 เวลา:0:29:00 น.  

 
ปวินถือว่าเป็นกัลยาณมิตรในยามที่หลงทางไม่รู้จะไปไหนได้ดีมากเลยนะ
ขำปวืนคำว่า " แม่ชี " ชัดมาก ไม่ต้องแปลต่อ 555
อ่านไปมีสอดมุขขำเข้าไปด้วยนะฟ้า

เกษตรกร ธรรมชาติ และในสถานที่แบบนี้
ถ้ามีไฮเทคมากไปพีว่าก็คงไม่สอดคล้องกันแน่
จักรยานนี่เข้ากับบรรยากาศมาก โซล่าเซลล์นี่พี่ก็ยังว่าไม่เข้ากันนะ
เรื่องขยะนี่ ที่เยอรมันก็แยกทิ้งขยะ
หมดเวลาไปกับการแยกขยะทิ้งเหมือนกัน
ที่บ้านพี่มี 4 ถังขยะ แล้วยังต้องเอาขวดไปทิ้งที่เขาจัดไว้ให้ทิ้ง
มีแยกสีขวดอีก เช่น สีขาว น้ำตาล เขียว
แล้วยังมีขยะพิเศษที่ห้ามทิ้งในถังขยะอีก
แรกๆก็มึนนะ แต่พอนานๆเข้าก็ชินไปกับกานแยกขยะ อิอิ

ภาพบล๊อกนี้สวยมาก มีแสงแดดมากกว่าบล๊อกอื่นๆ

กาบริเอล Travel Blog


** พี่เห็นฟ้าหายไปเลยแวะมาเยี่ยมจ้ะ
ช่วงนี้พี่ก็ยุ่ง อาจจะมาเยี่ยมช้าเหมือนกัน


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 11 ธันวาคม 2559 เวลา:6:39:53 น.  

 
มาเที่ยวด้วยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต


กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 12 ธันวาคม 2559 เวลา:7:41:13 น.  

 
ใช่ๆ โคโดโมกลิ่นส้มอร่อยสุด (มาละ เจ้าพวกกินยาสีฟัน)

บีร์จัด Paragliding World Cup ได้แสดงว่าลมดี
เจ้าหน้าที่ก็ชื่ออย่างกับคนไทยเลยครับ ปวิน ใช่ อ.ปวินที่ลี้ภัยการเมืองไปป่าว? #ผิดๆ อีกคนที่ชื่อคล้ายคนไทยก็ ส.ศิวรักษ์ ....อันนั้นคนไทยจริงๆ!!
ภิกษุณีคิดว่าหายสาบสูญไปเป็นพันปีแล้วซะอีกครับ มีคนไทยบวชเป็นภิกษูณีจริงดิ?
ดีว่าพื้นที่ห่างไกลนี้ยังมีอาสาเอาความเจริญเข้ามาช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น มีกระทั่งโซลาร์เซลล์ มีแยกขยะ มีรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติกด้วยอะ กรีนน่าดู

หมาจรจัดก็ดุนะเนี่ย ชอบกัดเด็กสตรีและคนชรา หมาพวกนี้ใจหมาจริงๆ
ลาดักห์เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นมีทัวร์ออกมา แต่ฟ้าได้ไปก่อนเพื่อนจริงๆ แถมยังมาเจอสาวเยอรมันที่ไปก่อนฟ้าอีก!! อิอิ ชุมทางผู้รักการผจญภัย
ชอบประโยคที่ว่า "เธอไปไม่เยอะ แต่ได้เห็นอะไรเยอะนะ" เป็นเช่นนั้นเลยครับ ฟ้าเที่ยวละเอียดถึงระดับวัฒนธรรม
นักเที่ยวส่วนใหญ่ซะอีก ชอบไปแพ็คเกจทัวร์ 3-5 ประเทศ เพื่อให้ได้ชื่อว่าเคยไปประเทศนั้นๆ ไม่รู้จะเก็บ achievements ไปแลกพ็อยต์กับใคร

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Photo Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
สองแผ่นดิน Photo Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ชีริว วันที่: 12 ธันวาคม 2559 เวลา:13:45:06 น.  

 
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องค่อยๆอ่านเพื่อไม่ให้ตกหล่น
เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากครับ
ชอบคำพูดของเพื่อนร่วทางที่ว่าท่องโลกมาไม่มากแต่เห็นมามาก
เรื่องขยะนี่เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ บางที่คนเมืองก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจ ทิ้งรวมๆกันไปไม่แยก ถึงแยก คนเก็บก็เอาไปรวมกันอยู่ดี ผมมักแก้ด้วยการคิดก่อนซื้อ คงไม่ใช่วิธีที่ดี เพื่อความสบายใจ สรุปง่ายๆว่า คงมีกระบวนการขจัดขยะรอรับที่มีมาตรฐานอยู่แล้วมั่ง นึกแบบนี้ทุกครั้งที่หย่อนขยะ ก็ทำให้สบายใจดีครับ

โหวตหมวดท่องเที่ยวครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 12 ธันวาคม 2559 เวลา:19:34:07 น.  

 
คุณฟ้า เขียนแบบนี้ ดีมาก ๆ เลยครับ... ทำให้พวกเราเข้าใจ
เห็น วัฒนธรรมภาคพื้นโน้น จิตใจ... แนวความคิด..

เขียนต่อแบบนี้อีกไปเรื่อย ๆ ผมจะได้แวะมาอ่านอีก.... แบบนี้
ซิครับ คือการเที่ยวแบบแท้จริง ถึงแก่นงั้นโหวต หมวดนี้
ให้คุณฟ้า

กาบริเอล Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 12 ธันวาคม 2559 เวลา:20:26:47 น.  

 
สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้า

ใช่เลยเดี๋ยวนี้พี่ก็กินบุฟเฟ่ไม่ได้เยอะ ต้องเอาเพื่อนที่เก่งเก่งเก่งไปจ้าถึงจะคุ้ม


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 ธันวาคม 2559 เวลา:21:09:20 น.  

 
มาโหวตท่องเที่ยวให้น้องฟ้าจ๊ะ
ชอบบรรยากาศแบบนี้


โดย: อุ้มสี วันที่: 13 ธันวาคม 2559 เวลา:7:07:54 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 13 ธันวาคม 2559 เวลา:9:18:50 น.  

 
มาเม้นต์แบบ "ดาวหาง" (นาน ๆ จะโคจรมาเม้นต์ไง ฮุฮุ :D)



รูปถ่ายตอนท้ายบล็อกที่แล้ว เห็นถ่ายคนเล่นที่ร่อนลมมาด้วย
แต่ลืมถามว่ามีความหมายอะไรบ้าง (มันแต่แซวเพลินไปหน่อย ^^")
เพิ่งรู้ว่า...ที่นี่มีสำคัญขนาดจัด World Cup เลยนะนั่น! o_O

เห็นชื่อ Deer Park ก็นึกถึงอะไรที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาแน่นอน
ซึ่งพอเจอที่นี่ก็ไม่น่าผิดหวังเลย ^^
เห็นสโลแกน "Spirit of Nalanda continues..." แล้วเข้าท่าแฮะ
นาลันทา ดั้งเดิมไม่ใช่สถาบันการศึกษาคร่ำครึ
แต่เป็นสถานที่รวมตัวของคนหัวก้าวหน้าด้วยซ้ำ
Deer Park Institute นี่ก็น่าจะใช่เหมือนกัน
จากที่อ่านในบล็อกนี้...ดูแนวคิดต่าง ๆ ก็จัดว่าก้าวหน้าเลยล่ะ
อย่าง Zero Waste นี่พูดง่ายแต่ทำไม่ง่ายนะ
ต้องอาศัยคนตั้งใจทำจริงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ด้วยแหละ ^^

หมดเวลาการเม้นต์แล้ว ขอทิ้งสะเก็ดดาวหางไว้หน่อย
เห็นด้วยกับคุณโดโรเธียนะ ปริมาณไม่สำคัญเท่าคุณภาพหรอก ^^



ป.ล.1 เห็นข้าวถาดหลุมแบบเลือกเมนูไม่ได้ในโรงครัว
และต้องมากินพร้อมเพรียงกันเป็นเวลาแบบนี้
ก่อนกินต้อง "ขัดฉาก" ด้วยมั้ยอะ แบบว่าบรรยากาศให้น่ะ :D

ป.ล.2 ไหน ๆ ก็มาแล้ว แถมนิดหน่อย ^^
X อลังการณ์__O อลังการ


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 16 ธันวาคม 2559 เวลา:0:26:10 น.  

 
จากบล็อก

เขาจึงว่าให้บทกวีพูดแทนไง


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 ธันวาคม 2559 เวลา:12:05:33 น.  

 
นึกว่าอัพเอนทรี่ใหม่แล้วอ้ะ

ใช่ๆ พี่ก็ชอบการตกแต่งที่นี่ มันมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ เป็นกิมมิคเยอะลเยจ้า



โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 ธันวาคม 2559 เวลา:18:50:26 น.  

 
สวัสดีอีกรอบ

โอเคจ้า รับทราบ แฮร่...

อาหารเช้าที่พี่ชอบมากจะเป็นอีกรร.ที่ย่านนิมมานฯ น่ะแหละ ราคาค่าห้องก็ประมาณนี้ เพียงแต่ที่นั่นไม่มีสระว่ายน้ำอะนะ

เลยค่อนข้างไม่ถูกใจกับรร.นี้จ้า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 19 ธันวาคม 2559 เวลา:9:25:30 น.  

 
แต่ละทริปของน้องฟ้า
ไม่มีใครเหมือน
และไม่เหมือนใครจริงๆ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ธันวาคม 2559 เวลา:11:22:11 น.  

 
ตอนพาหนูดีไปฉีดวัคซีน หมอบอกรอเค้าหง่าวก่อน ค่อยมาทำหมันก็ได้ ก่อนหน้านั้น หมอถามพี่ว่า จะฉีดยาคุมให้เค้าหรือเปล่า พี่บอก ไม่เอ๊า ไม่ฉีดค่ะ เราเลี้ยงแบบปิด ไม่มีอุบัติเหตุ ท้องไม่มีพ่อแน่นอน ....

นั่นล่ะ ปล่อยมาเรื่อย จนเค้าหง่าว สงสารเค้ามาก ฟ้าเอ๊ย โหยหวนดีเนอะ พี่ลูบหลัง ลูบหัวก็แล้ว นี่เราทรมานเค้าหรือเปล่าว้า คิดไปคิดมาอีกที ถ้าปล่อยเค้าท้องเรี่ยราดแล้วเราไม่มีปัญญาดูแลลูกเค้าได้หมด ยิ่งน่าสงสารกว่าอีก ว่ากระนั้นแล้ว ก็เลยคิดเข้าข้างตัวเอง หง่าวแล้ว ก็ไปทำหมันเลยละกัน

อีกแหละ ทำหมันเสร็จ ต้องใส่ลำโพงกันเค้าเลีย รอแผลแห้ง คืนแรกที่กลับมาบ้าน พี่แทบไม่ได้นอน เฝ้ากันไป เค้าเหมือนเมายา ตื่นขึ้นมาเป็นพัก ๆ กว่าจะเช้า กว่าจะหมดวัน โอย สงสารหนูดีมาก และแล้วก็ครบ 7 วัน พาไปให้หมอดูแผล หมอชมว่า ดูแลเค้าดี แผลสวย แห้งสนิท ก็ดีใจหน้าบานไป 5555

จริง ๆ เราเลี้ยงแบบปิดกันอยู่แล้ว น่าจะลดความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อจากภายนอกได้เยอะ อาจจะไม่ต้องทำหมันก็ได้ ฟ้าก็ระวังเจ้าถุงทองดี ๆ ล่ะ

--------------

พี่ชอบพริตตี้แต่งตัวแบบนี้ ดูโก้ ดูดีกว่าเยอะเลยเนาะ อืม แล้วพริตตี้เค้าจะเชื่อเรามััย ว่าเค้าดูดีกว่าแต่งตัววับ ๆ แวม ๆ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 19 ธันวาคม 2559 เวลา:13:59:47 น.  

 
โหวตให้กำลังใจครับ คุณฟ้า

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 19 ธันวาคม 2559 เวลา:23:56:22 น.  

 
ลองไปดูค่ะ ต้องถ่ายรูปเพลินแน่ๆค่ะ แต่ถ้าช่วงเทสกาลคนน่าจะเยอะพอดู


โดย: blog pu วันที่: 20 ธันวาคม 2559 เวลา:8:33:08 น.  

 
สวัสดีครับคุณฟ้า
ลุงตอบคำถามช่วงเวลาที่เหมาะในการถ่ายภาพไว้ให้ที่บล็อกของลุงนะครับ ก้อปปี้คำตอบมาวางที่บล็อกคุณฟ้าไม่ได้ ช่องคอมเม้นต์ไม่ยอมให้ก้อปมาวาง รบกวนคุณฟ้าตามไปอ่านเองนะครับ ฮิๆ

ขอให้มีความสุขในการถ่ายภาพนะครับ



โดย: loongchat (สมาชิกหมายเลข 3016924 ) วันที่: 20 ธันวาคม 2559 เวลา:9:08:21 น.  

 
อ่านจนจบ ใช้เวลาเยอะเลยค่ะ
เนื้อหาเยอะและพี่อ่านครั้งละมากๆไม่ได้
แต่ได้ความรู้และสนุกมาก

ไว้กลับมาโหวตพรุ่งนี้นะคะ พี่หมดตัวแล้ว
ขอบคุณโหวตให้นุ้งด้วย

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยม เราไม่ได้พบกันนาน
เลยนะคะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 20 ธันวาคม 2559 เวลา:17:55:45 น.  

 
กดอีโมมั่วๆ แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ค่ะ


โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 20 ธันวาคม 2559 เวลา:18:26:18 น.  

 
ไม่ง่วง แหงๆ

อยู่ในกรอบตัวมันเล็ก จิ้มๆไป พอขึ้นมาแล้วเหมือนมันง่วงนะ
ไม่รู้คนอ่านหรือคนเขียนที่ง่วงก็เลยถาม แต่พี่ไม่ได้ง่วงนะเออ
พี่ว่าพี่อยากพักสายตาเป็นช่วงๆ ยังได้พักแค่แปีบเดียว
ต้องมาต่อ

รีบไปหม่ำข้าวเน้อ ขุนให้อึ๋มแล้วจะได้กลับไปโต๋เต๋ใหม่นะจ๊ะ

เอาใหม่


โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 20 ธันวาคม 2559 เวลา:18:46:00 น.  

 
สำหรับคนจำและเขียนชื่อสถานที่แถวอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือได้ อินโดก็คงไม่ยากครับ อิอิ :D
โรตีบอยบทจะหายก็หายไปไม่เหลือร่องรอยไว้บ้างเลยอะ พวกคริสปี้ครีม แกเร็ตปอปคอร์น ฯลฯ ถึงจะเลิกป๊อบแต่ก็ยังคงมีให้ซื้อกินปกติเนาะ
รูปปั้นจากเรื่องมหาภารตะนี่อาจจะมี แต่กระพ้มไม่รู้จักเลยสักตัว *ยืด*

ส่วนโล่ชิริวนั้นกากมาก เปลี่ยนจากโล่เป็นหน้า ทนกว่าแน่นอนครับ


โดย: ชีริว วันที่: 20 ธันวาคม 2559 เวลา:21:08:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.