Group Blog
 
<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 กันยายน 2558
 
All Blogs
 
[R]ตะลอนนั่งรถไฟไปรัสเซีย 09 - กว่าจะถึงไซบีเรีย(1)



เมื่อย้อนกลับไปถึงการขอวีซ่าเข้าประเทศจีน แม้ว่าเราได้เขียนถึงแผนการ-
เดินทางยื่นต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ก็ยังไม่วายที่จะต้องถูกทวนถามซ้ำอีกหน


"ไปเมืองจีน เที่ยวที่ไหนบ้างคะ?"

ขณะที่กำลังดำเนินการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศจีน เมื่อช่วงต้นเดือน
ก่อนหน้า 
เจ้าหน้าที่ก็ซักถามรายละเอียดเยอะทั้งปากเปล่าและตรวจเอกสาร
มากกว่าที่คาดไว้ดูเข้มงวดพอควร 

" อยู่ที่ปักกิ่งแค่สามวันค่ะ จากนั้นก็จะออกจากเมืองจีนทางรถไฟไปมองโกเลีย "

" มองโกเลียใน รึเปล่า?" เจ้าหน้าที่ถามเพิ่ม

พอมาถึงตรงนี้ มองโกเลียใน มองโกเลียนอก
เอ๊ะ เราจะไปที่มองโกเลียไหนกันล่ะ?

"มองโกเลีย..."
ฉันพยายามคิด "มองโกเลีย ที่เป็นประเทศค่ะ"

พอเจ้าหน้าที่รับทราบทุกอย่างก็เรียบร้อย 

"งั้นก็คงนั่งรถไฟผ่านอย่างเดียวไม่แวะลงเนอะ" 

ก็เพิ่งมารู้วันนั้น ว่ารถไฟขบวนนี้มันต้องวิ่งผ่าน เขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน
หรือ เน่ยเหมิงกู่ ซะด้วย  
หลังจากตรวจตราทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ยื่น
หลักฐานที่
ไม่จำเป็นต้องใช้ประกอบการยื่นขอวีซ่ากลับคืนมา รวมถึงสำเนาตั๋ว
เครื่องบินขากลับจากรัสเซีย 

"เอาแค่ ตั๋วรถไฟเดินทางออกนอกประเทศจีนก็พอค่ะ" 

จากนั้นก็ได้รับกระดาษใบสีชมพูแจ้งให้มารับเล่มพาสปอร์ตคืนในอีก 4 วันถัดไป

จะว่าไปแล้ว จุดเริ่มต้นของการเดินทางอย่างเป็นทางการครั้งนี้ที่ไม่ใช่ความคิด
ฝันลมแล้ง ก็เห็นจะเป็นที่ศูนย์ให้บริการวีซ่าประเทศจีนนี่แหละ 

...

มองโกเลีย
ไม่มีพื้นที่ติดทะเล และมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยราว 3 เท่า
แต่ ในขณะเดียวกันก็มีพลเมืองเพียงแค่ 3 ล้านเศษเท่านั้น ผู้คนที่นี่อาจมีหน้าตา
ไม่ต่างไปกับชาวจีนนัก แต่ว่าในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกลับดูสนิทชิด
เชื้อกับทางรัสเซียเสียมากกว่า




ทั้งนี้นอกจาก "เจงกิสข่าน" จะเป็นความภาคภูมิใจของชาวมองโกเลียแล้ว
ก็ยังมี 
"ซัคบาทาร์"  ผู้ถือว่าเป็นหนึ่งในวีรบุรุษผู้นำการปฎิวัติ ที่ปลดปล่อย
มองโกเลีย
ให้หลุดพ้นไปจากภายใต้การปกครองของจีน โดยได้รับความช่วย
เหลือจาก
สหภาพโซเวียต จากนั้นอิทธิพลของโลกคอมมิวนิสต์ก็เข้ามามีบทบาท
ในมองโกเลียนับแต่
นั้นเป็นต้นมา  รูปปั้นของเขาตั้งอยู่ใจกลางลานจตุรัส
ซัคบาทาร์ ตรง
เบื้องหน้ารูปปั้นเจงกิสข่าน ที่นั่งอยู่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล



รูปปั้นของเจงกิสข่าน และอาคารทำเนียบรัฐบาล



ชาวมองโกล กับชุดแบบดั้งเดิม พวกเขาแต่งชุดนี้มาถ่ายรูปรวมญาติกัน
ในวันแต่งงานของบ่าวสาวคู่หนึ่ง ที่กำลังตระเวนหาจุดถ่ายรูปกันที่จตุรัสฯ



ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง



ภาพตัวเมืองของอูลันบาตอร์

นอกจากนี้ อูลันบาตอร์ ยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า,ตลาดหุ้น,สถานที่ราชการ
ฯลฯ ตลอดจนมีสิ่งก่อสร้างตามยุคสมัยอย่างตึกใหญ่ระฟ้าตามอย่างที่เมืองใหญ่
โตของประเทศอื่นจะมีกัน ดังนั้นภาพสังคมและความเป็นอยู่ของชาวมองโกเลียใน
เขตเมืองใหญ่กับชาวทุ่งที่อาศัยไกลห่างจากตัวเมืองจึงดูเหมือนจะต่างกันลิบลับ 



เช้านี้เป็นวันอาทิตย์ ธนาคารสำนักงานใหญ่ปิดทำการกันหมด คงเหลือแต่จุด
แลกเงินส่วนย่อยหรือของเอกชนเท่านั้นที่ยังเปิดทำการ
จำนวนเงินเจ็ดหมื่นทู้กรุก
ถูกแลกไปเป็นเงินรัสเซีย 
1,360 รูเบิ้ล ที่สำนักงานส่วนย่อยของ Khan bank 
ฉันใช้เวลาที่เหลือหลังจากนี้เดินเที่ยวตัวเมือง หาซื้อของที่ระลึก เข้าพิพิธภัณฑ์ 
(The National Musseum of Mongolia) และสุดท้ายก็โบกแท็กซี่ให้ไปส่งยัง
สถานีรถไฟ 


...




จำนวนเงินที่เหลืออีกเล็กน้อยถูกละลายหายไปกับของกินที่ร้านค้าในสถานีฯ
และจ่ายเป็นค่าเข้าห้องน้ำ มันเป็นอีก
หนึ่งวันเหงา ๆ ที่กำลังจะหมดไป ผู้คนมาก
หน้าหลายตาในสถานีนี้
มองไปก็ไม่มีชาวต่างชาติเลยสักคน ฉันคิดว่าหน้าตา
ตัวเองก็ดูไม่ต่างไปจากพวกเขานัก 
แต่ก็ติดตรงที่ว่าเราสื่อกันไม่ได้ความดีนัก

ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อปิดการใช้งาน หลังจากนี้มันคงไม่ได้เปิดใช้ระยะ
หนึ่ง 
ถ้าไม่ได้เผลอลืมเปิดรับสัญญาณ wifi ค้างไว้ก็คงไม่รู้ถึงอะไรบางอย่าง...
ให้ตายเถอะ ในขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิมีสัญญาณอินเตอร์เน็ต
ให้บริการฟรีแบบจำกัดเวลาแถมยังต้องขอรหัส  
แต่ที่นี่ห้องพักผู้โดยสารสถานี
รถไฟอูลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย 
ดินแดนที่แสนจะไกลปืนเที่ยงกลับมี free
wifi ให้ใช้บริการ !!!

ฉันรีบโทรกลับไปยังเมืองไทยผ่านทางไลน์ทันทีหลังจากนั้น ดีใจจังที่
เย็นวันนี้
ได้โม้เป็นภาษาไทยสมใจอยากก่อนที่จะติดต่อกับใครไม่ได้ไปอีกสองวัน 
ก็นะ...อารมณ์คิดถึงบ้านมันก็คงเป็นแบบนี้นี่เอง
ส่วนเหล่าพี่น้องมองโกเลียทั้งหลายหันพากันควับมามองกันอย่างน่าประหลาด
หลังจากได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ดังแจ้ว ๆ นั่นเข้า 
หากแปลใจความจากสีหน้าได้
ก็คงเดาได้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่

ชะชะ เจ้านี่มันไม่ใช่ชาวมองโกลหรอกรึ !?




หลังจากที่ท้องฟ้ามืดลงแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นมากผู้คนในสถานีรถไฟ ต่าง
หยิบชุดกันหนาวมาใส่เพิ่มขึ้นอีกชั้น 
พวกเขาคงรู้ทิศทางของอุณหภูมิที่แปรปรวน
จนเป็นเรื่องปกติ
แต่สำหรับฉันมันคล้ายกับการเปลี่ยนฤดูจากร้อนไปหนาวที่ไว
กะทันหันเกินไปหน่อย

ร้านขายของในสถานีต่างเริ่มทยอยปิดลง พร้อมกับเสียงประกาศแจ้งจากจุด
ประชาสัมพันธ์ด้านนอกก้องดังเป็นภาษามองโกเลีย 
เรียกให้ผู้คนที่นั่งรอบางส่วน
ลุกออกไปรอยังชานชาลาด้านนอก 
ซึ่งอันที่จริงก็มีอยู่แค่เพียงชานชาลาเดียว
เท่านั้นแหละ

สองทุ่มสิบห้า มีเสียงประกาศดังขึ้นมาอีกหน ทุกคนที่เหลือต่างทยอยเดินออก
ไปจนเกือบเกลี้ยงสถานี หลังขบวนรถไฟเข้าเทียบ
ที่ชานชาลาแสงไฟในห้องพัก
ผู้โดยสารต่างก็ทยอยดับลงทีละดวงสองดวง 
ดูแล้วก็รู้สึกทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกล 

อืม...ไม่มีใครเดินทางโดยสารกันในรอบสามทุ่มเลยหรือไงเนี่ย?

หลังจากมองไปทางซ้ายทางขวา เพื่อสำรวจประชากรที่ยังคงเหลือในนี้ และออก
ไปดูรถไฟมารอบนึง แล้วฉัน
ก็กลับมานั่งรอที่เดิมเพราะมันยังไม่ถึงกำหนดเวลา
เดินทาง แต่ที่อาคารในตอนนั้นก็
คงเหลือเพียงแค่พนักงานความสะอาดกำลังทำ
หน้าที่เก็บกวาดอยู่ และในขณะที่ไม่มีใครคนอื่นมานั่งรอกันแล้ว

ฉันวิ่งออกไปยังจุดประชาสัมพันธ์ยื่นตั๋วรถไฟถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ แม้ว่า
เวลาดังกล่าวเพิ่งถึงสองทุ่มนิด ๆ  แต่ก็ผิดจากที่คาดไว้เมื่อ
เจ้าหน้าที่บอกให้รีบ
ตรงไปที่ตู้ขบวนสุดท้าย 
และที่สำคัญนี่คือเที่ยวโดยสารรอบสุดท้ายของวัน 

รถไฟมาก่อนเวลา เกือบ 45 นาทีได้ 

ฉันคว้าเป้ขึ้นสะพายพร้อมวิ่งไปยังท้ายขบวนอย่างรวดเร็ว นี่มันเป็นผลมาจาก
ความเคยชินกับมาตรฐานเวลาของรถไฟไทย
มาตลอด ซึ่งมันคงใช้ไม่ได้กับทุก
ที่บนโลกนี้ ดังนั้น
เวลาที่แจ้งบอกในตั๋วนั่นก็คือเวลาที่รถไฟออกเดินทางต่างหาก!




ห้องโดยสาร ประเภท Kupe มีจำนวน 4 เตียง ดูเหมือนกับ Hard sleeper
ที่โดยสารมาจากปักกิ่ง 
ต่างกันเพียงแค่สไตล์การตกแต่งที่ดูฉูดฉาดกว่าเยอะ
ครั้งนี้ฉันได้อยู่เตียงบนและมีเพื่อนร่วมห้องหนึ่งคนอยู่เตียงล่างฝั่งตรงข้าม 
เป็นชายชาวมองโกเลียวัยกลางคน ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำตู้ขบวนนี้เป็นผู้หญิง
เธอเดินเข้ามาเก็บตั๋วโดยสาร
พร้อมยื่นส่งผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนให้ 


"มาจากประเทศไหน?"

เพื่อนร่วมห้องของฉันคนนี้กำลังจะเดินทางไปยังอีร์คุตส์ก์เช่นกัน
เขาเงยหน้าทักทายขณะที่นั่งอยู่ที่เตียงล่าง 
เราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก 
อาจเป็นข้อต่างทางภาษาและอายุที่ดูเป็นช่องว่าง

"มาจากเมืองไทย " ฉันตอบไป

"จะไปเรียนที่ อีร์คุตส์ก์ ?" เขาถามกลับมาอีกมาแบบเป็นคำ ๆ

"เปล่าค่ะ ไปเที่ยวเฉยๆ" ฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบไปยาว ๆ ยังไง

"เที่ยว?" ดูเขาทำท่างงกับคำตอบนี้นิดหน่อย 


แต่แล้วเราก็หยุดคุยกันดื้อ ๆ เมื่อชายคนนั้น
หยิบเอาหนังสือขึ้นมาอ่านแทนการสนทนา

ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยเชื่อว่ามันคงจะดีหากเราเตรียมหนังสือ, เกม, เครื่องเล่นเพลง
หรือตุนของกินไว้มาทดแทนความเหงาและความน่าเบื่อในขณะที่ต้องเดินทาง
ตามลำพัง 
แต่พอได้มาเห็นเพื่อนร่วมห้องปลีกตัวไปทำสิ่งที่ว่า ก็กลับคิดในสิ่งที่
ตรงข้ามเลยว่ามันดูน่าอึดอัดแค่ไหน
ถ้าต้องอยู่แต่ในโลกส่วนตัวของตนเองแบบนี้ 


ก่อนที่เรากำลังจะเข้าโหมดโลกเงียบอันน่าพิศวงบนรถไฟมองโกเลีย ซึ่งจะกำลัง
เตรียมตัวเคลื่อนขบวนเดินทางในอีกไม่กี่นาที
ตามเวลาที่แจ้งไว้พอดีเป้ะ
ชายชาวยุโรปวัยลุงได้เดินเข้ามาที่ห้อง เขาวางกระเป๋าเดินทางลงที่ใต้เตียงล่าง
ฝั่งเดียวกับฉันและชะโงกหน้าทัก  
"พูดอังกฤษได้ไหม?" 

ลุงฝรั่ง หยิบเอากระดาษมาเขียนประกอบให้ดูด้วย 
ฉันพยักหน้าอือออไปกับสิ่งที่ลุงบอก 

"ข้าชื่อ อันดริอาโน่ มาจาก โรม่า ประเทศอิตาลี"

เราแนะนำตัวกันพอประมาณ รู้ว่าลุงจะไปลงรถไฟที่ อูลันอูเด
ที่จะถึงก่อนที่หมายของฉัน ในคืนวันพรุ่งนี้ 

"เดี๋ยวเราต้องปรับเวลาให้เร็วกว่าที่นี่อีกหนึ่งชั่วโมงนะ" ลุงอิตาเลียนชี้แนะ

"ไม่ ๆ เวลาเดียวกับอูลันบาตอร์" ชายมองโกเลียผู้นั้นได้เงยหน้า
จากเล่มหนังสือเพื่อพูดแย้งขึ้นระหว่างนั้น  

"ผิดแล้ว! เวลาที่อูลันอูเดกับอีร์คุตส์ก์ จะไวกว่าหนึ่งชั่วโมง"

ลุงอิตาลี กำลังให้เหตุผลเกทับข้อมูลของชายมองโกเลีย

"ที่นั่นใช้ GMT+9 ส่วนที่นี่ คือ GMT+8 ตะหาก"

ชายชาวมองโกเลียเงียบลงและไม่ร่วมวงเสวนาต่อ
แต่หันกลับไปนั่งอ่านหนังสือแทน...
พวกเราเลยเดินออกมาโม้กันต่อที่ระเบียง
ทางเดินหน้าห้อง 
เพราะกลัวจะไปรบกวนเขาพลางดูรถไฟเคลื่อนผ่านออกไป
จากสถานีอย่างช้า ๆ 

ทั้งนี้ ก็ได้สังเกตว่าห้องพักที่อยู่ถัดไปจากเรา มันยังคงว่างอยู่ทั้งสี่เตียง



"รู้ไหมห้องน้ำรถไฟมองโกเลีย เขาแยกหญิง -ชาย กัน
เอ็งต้องเข้าที่ด้านหน้าตรงทางขึ้น ของข้าอยู่ท้ายตู้ขบวน"

ระหว่างที่ลุงอันดริอาโน่กำลังบอกเล่าควรรู้เรื่องบนรถไฟให้ฟังอย่างสนุกนั้น
จู่ ๆ ก็เห็นชายชาวมองโกเลียเดินออกมาจากห้องโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และกลับมา
พร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อเซ็นใบแจ้งการขอย้ายไปอยู่ห้องว่างนั่นแทน

"Sorry, sorry" เขาหันมาบอกเราขณะที่กำลังขนของ

บางทีเขาอาจจะไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า หรืออาจ
ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากกว่านี้
ดูท่าแล้วคงพูดลำบาก 

จากนั้นเราก็เดินกลับเข้าห้องแยกย้ายกันนอนตัวใครตัวมัน 
เพราะคิดว่าเสียงของเราอาจคงจะดังไปรบกวนคนอื่น ๆ ด้วย
หากยังมายืนโม้กันที่หน้าระเบียงดึกดื่นแบบนี้ต่อ


ตกดึกแล้วขณะที่ยังหลับไม่สนิทดีนัก ฉันรู้สึกว่ารถไฟมันกำลังจอดอยู่พักหนึ่ง
และดูคล้ายกับว่ามีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย มี
เสียงแกร้ก ๆ ดังขึ้น จากการ
ปลดล็อคสลักประตูหน้าห้อง ซึ่งจะมีแต่เจ้าหน้าที่เท่านั้น
ที่จะเป็นคนใช้คีมงัดออก
จากด้านนอกได้ และเมื่อบานประตูถูกเลื่อนเปิด ก็มี
ภาษาแปลก ๆ ที่ดังเอะอะมะ
เทิ่ง ลั่นขึ้นมา
พร้อมกับกับการเคลื่อนย้ายและจัดวางสิ่งของชิ้นใหญ่ภายในห้อง

"เงียบ ๆ ได้ไหมคนจะนอน !"

ลุงอันดริอาโน่ ตวาดแว้ดขึ้นใส่คนแปลกหน้าที่เข้ามาในยามวิกาล

แล้วก็มีเสียงของผู้หญิงตอบกลับมา "Sorry,sorry"

นั่นคือสิ่งที่ฉันได้ยินก่อนที่จะงีบหลับไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรอีก 
แต่แล้วก็เกิดคิดแว้บขึ้นมาในใจกับคำว่าขอโทษนั่น ที่ดูคล้ายกับ
ชายมองโกเลียคนนั้นพูดก่อนย้ายห้องจากเรา 

สงสัยคงจะเป็นคนมองโกเลียละมั้ง 






Create Date : 01 กันยายน 2558
Last Update : 30 ตุลาคม 2560 14:19:42 น. 8 comments
Counter : 2185 Pageviews.

 
รอตอนต่อไปด้วยใจระทึก


โดย: ฟิลิปดา (สมาชิกหมายเลข 1795981 ) วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:23:28:37 น.  

 
ถ้ามองโกเลียใน อันนี้อยู่ในจีนครับ

แล้วแต่คนชอบนะบางทีมีโลกส่วนตัวมันก็ดี แล้วแต่อารมณ์ด้วยมั้ง ถ้าเราอยู่ในอารมณ์อยากคุยก็สบายไปครับ แต่ถ้าไม่อยากคุย จะรู้สึกรำคาญมากๆ

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:0:19:34 น.  

 
มองโกเลีย มี free wifi ให้ใช้ด้วยดีจังเลย ท่านขุนเคยฝันไว้ว่าอยากมาเยือนถิ่นมองโกสักครั้งหนึ่งขอรับ เท่าที่ดูๆนิสัยใจคอพวกเขาคล้ายๆชาวเอเชียเพื่อนบ้านเราหลายๆชาติ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:1:04:38 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 3 กันยายน 2558 เวลา:3:17:00 น.  

 
บล็อกทีแล้วก็รีวิวร้านอาหารจีนนะคะน้องฟ้า
เดือนนี้ว่าจะรีวิวร้านทั้งเดือนดีมั๊ยคะ ^__^


โดย: เนินน้ำ วันที่: 4 กันยายน 2558 เวลา:16:50:07 น.  

 
ไปไหนไปโต้ยๆ





บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ที่เห็นและเป็นมา Music Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 4 กันยายน 2558 เวลา:17:58:29 น.  

 
ถ้าพี่เอาหนังสือไปอ่านระหว่างเดินทาง...คงอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะรู้ว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียว

free wifi บ้านเค้า ... เทียบกับบ้านเราเนาะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 6 กันยายน 2558 เวลา:19:17:44 น.  

 
ตามมาอ่านย้อนค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 11 กันยายน 2558 เวลา:13:50:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.