Group Blog
 
<<
เมษายน 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 เมษายน 2559
 
All Blogs
 
DHARAMSHALA : ชีวิต คือ การเดินทาง?




" Nehru personally chose Dharamshala for us,
base on what he called it's peace and tranquility."

บทความจากหนังสือ The Dalai Lama 'My Tibet' , หน้าที่ 9
โดย Glen Rowell



....



บ่อยครั้งเราก็เชื่อมั่นในประสบการณ์มากเกินไป !

ณ ท่ารถเมืองมะนาลี ในช่วงค่ำของวันฮาโลวีน  ฉันเคยจองตั๋วโดยสารล่วง-
หน้ามาตลอดและพบว่าเที่ยวรถไม่เคยเต็ม 
โดยเฉพาะการเดินทางรอบกลางคืน 
แต่มาหนนี้กลับไม่ใช่ตามที่นึกคิดไว้  มะนาลี - (ผ่าน ชัมบา) - ดารัมซาลา 
ที่มีเที่ยวโดยสารรอบเดียวตอนหนึ่งทุ่ม ซึ่งมันจะไปถึงยังที่หมายตอนหกโมงเช้า 
กลับถูกจองจนเต็มคันแล้ว 


"เอาไงดีเนี่ย ?"


จากที่สอบถามไว้ เที่ยวรถที่วิ่งตรงไปยังเส้นทางดังกล่าว
มีเพียงแค่สองเที่ยว
คือรอบหนึ่งทุ่มครึ่งและเจ็ดโมงเช้า 

ในตอนนั้นยังมีรถประจำทางที่วิ่งมาจาก Keylong แวะมาจอดรับส่งผู้โดยสาร
ที่มะนาลี และกำลังจะเดินทางผ่านไปยัง ดารัมซาลา ด้วย 
แต่ไม่ได้วิ่งตรงแบบ
เส้นทางเฉพาะเหมือนคันที่ตั้งใจจะไป 

มันเป็นเหมือนกับรถหวานเย็นที่แวะจอดรับไปเรื่อย 
ฉันเหลือเวลาให้ตัดสินใจไม่มากนัก เพราะรถที่ว่า
กำลังจะออกเดินทางต่อแล้วอีกสองนาที 

เดินทางไวจากกำหนดนิดหน่อยคงไม่เป็นไร 
กระเป๋ารถเมล์บอกว่าจะไปถึงที่หมายประมาณตีสี่ครึ่ง 

เอาน่า อีกไม่นานก็เช้า !
เมื่อถึงเวลานั้น ฉันคงนั่งอยู่ในท่ารถเมืองดารัมซาลา 
จนกว่าจะสว่างนั่นแหละแล้วค่อยจับรถขึ้นต่อไปยังเมืองด้านบน




หลังจากกระโดดขึ้นรถ ไปอย่างฉุกละหุกตอนนั้น 
ก็ได้แต่คิดว่า ชีวิตคือการเดินทาง ชีวิตคือการผจญภัย

เรื่องการเดินทางตอนกลางคืนด้วยรถโดยสารประจำทางในอินเดีย 
มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลยสำหรับตัวเอง แต่นี่คงเป็นครั้งแรก 
ที่นึกอยากให้เจ้ารถหวานเย็นวิ่งไปถึงที่หมายช้า ๆ เสียเหลือเกิน



จำนวนผู้โดยสารที่รับมาจากมะนาลี มีอยู่ประมาณ 20 คนได้
แต่หลังจากนั้นก็มีคนใหม่ขึ้นมาเพิ่มไม่ก็ลงป้ายไปตลอดทาง
มีลุงขี้เมาตาเยิ้มนั่งพิงหน้าต่างและยกขาพาดกินพื้นที่เบาะสามที่นั่ง 
อยู่เยื้องถัดจากฉันไปไม่มากกำลังเปิดเพลงจากโทรศัพท์ฟังอย่างสบายใจ 

ฉันคิดว่าจะดีกว่าไหม ถ้าลุงซื้อหูฟังมาใส่ฟัง?

หนวกหูจริง(ว้อย) ... 






กลางดึกราวห้าทุ่ม

มีผู้โดยสารเหลืออยู่บนรถห้าคน
ซึ่งก็ไม่รวมกระเป๋ารถเมล์และคนขับรถนะ


ถึงกระจกหน้าต่างบนรถจะปิดหมดทุกบาน ก็ใช่ว่ามันจะป้องกันลมได้
มีจุดชำรุด หรือไม่ก็มีการเคลื่อนเปิดแง้มเวลาเบรกเพราะไม่มีตัวล็อคที่ดี 
จึงทำให้ลมเย็นจากด้านนอกพัดเข้ามาได้เป็นระยะ

ความหนาวในตอนนั้น ชาวบ้านหลายคนต่างงัดเอาผ้าคลุม (Shawl) ที่มีลายปัก
แบบกุลลู
มาคลุมห่อร่าง คล้ายผ้าห่มเพื่อกันความหนาวทับเสื้อแจ็คเก็ตอีกที
ฉันมีแค่ผ้าพันคอผืนบาง ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรได้ดีเท่าไหร่และมักสะดุ้งตื่น 
เพราะความหนาวจากลมที่พัดลอดเข้ามาทางหน้าต่างที่มันแอบเคลื่อนแง้ม
ไปเกือบตลอดทางบ่อยครั้ง 

จนกระทั่งทุกอย่างลงตัว หลังจากเอาผ้าพันคอมาห่มกันลมได้สำเร็จ และไม่มี
การเผยอเลื่อนของหน้าต่างมาพักหนึ่ง เลย
ทำให้ฉันงีบหลับไปได้อย่างสนิท




......





"ถึงดารัมซาลาแล้ว"

กระเป๋ารถฯ เดินมาสะกิดปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง


ตีสี่ครึ่งแล้วเหรอเนี่ย?   ไวจริง

ฉันงัวเงียลุกขึ้นมาเอื้อมหยิบเป้ใหญ่ที่วางไว้บนช่องเก็บสัมภาระบนรถ 
พลางหยิบนาฬิกามาดูเพื่อความแน่ใจ บ้าไปแล้วว ตีสองครึ่ง!

รถคันนั้นไม่ได้เข้าจอดตรงท่ารถเสียด้วย มันเป็นปากทางที่ด้านข้างมีเพียง
แค่ทางเล็ก ๆ มืด ๆ 
ส่วนรอบข้างที่เห็นในเวลานั้นยังกับป่าละเมาะรกร้าง 

ไม่รู้ทำไมถึงให้มาลงที่นี่ มันเป็นจุดจอดรถแท็กซี่
มีแสงสว่างจากหลอดไฟดวงเดียวตรงซุ้ม นอกเหนือไปจากนี้ก็มืดสนิท 
ถึงฉันจะเคยมาเมืองนี้แต่มันก็จำอะไรไม่ได้หรอก ส่วนย่าน 'แมคลอดกันจ์' 
ที่จะไป ก็ต้องต่อรถประจำทางขึ้นไปอีกราว 9 กิโลเมตร บนทางถนนปกติ
แต่หากเป็นรถรับจ้างเขาจะพาไปยังทางลัดที่ใกล้กว่าและดูเปลี่ยวมาก

ฉันยอมรับเลยว่าไม่กล้าไปคนเดียวในตอนนี้

มีรถแท็กซี่ จอดอยู่  6-7 คัน ซึ่งคนขับจะนอนหลับคลุมโปงกันอยู่ข้างใน 
กลุ่มคนที่ลงรถมาด้วยกันกับฉันเป็นผู้ชายทั้งหมด บางคนก็เคาะเรียกแท็กซี่
เพื่อจ้างวานให้ไปส่งยังที่หมายถัดไป

ฉันวิ่งไปถามเพื่อหวังที่จะขอติดรถและหารค่าโดยสารด้วย 
แต่ก็น่าผิดหวังเพราะยังหาคนที่จะเดินทางขึ้นไปยังแมคลอดกันจ์ไม่ได้
ทำให้ต้องหอบเป้กลับมายืนตรงซุ้มในจุดที่มีแสงไฟอย่างกังวลเล็กน้อย

ชื่อว่าเมือง'ธรรมศาลา' คงไม่น่าจะมีอะไรหรอก

อืม แต่ด้านข้างก็เป็นป่ามืด ๆ นี่หว่า
ฉันคิดปลอบใจตัวเอง ว่าจะออกไปตรงนี้ได้ยังไงกัน 
แล้วเมื่อไหร่มันจะสว่างเสียที นานเกินไปแล้วนะ หนาวก็หนาว

พระเจ้าขา ขอให้ส่งใครก็ได้ 
ที่น่าไว้ใจมาสักคนเถอะ !!!!!



10 นาที ผ่านไป มีรถโดยสารคันใหม่มาเทียบจอดที่นี่ ฉันไม่ทันได้มองป้าย
ข้างรถหรอกว่ามันวิ่งมาจากที่ไหน มีกลุ่มคนเดินลงมาตามเดิม บ้างก็เดินหายไป
ยังทางมืด ๆ 
บ้างก็มาเคาะเรียกแท็กซี่  ซึ่งก็ตามเคยพวกเขาจะต่อรถไปที่อื่น

แต่ยังมีความหวังอยู่ลึก ๆ เมื่อเห็นพระทิเบตรูปหนึ่งเดินลงมาจากรถ 

หลวงพี่สะพายเป้ใบเล็กใส่รองเท้าผ้าใบและในมือถือโทรศัพท์
สมองรีบประมวลผลทันทีเลยว่า พระทิเบตต้องขึ้นไปที่แมคลอดกันจ์!


"ไป แมคลอดกันจ์ หรือปล่าวคะ?"


ฉันเดินเข้าไปถามโดยทิ้งเป้ใบโตไว้ที่ข้างซุ้มก่อน

"โน ๆ อิงลิช"

พระ หันมาบอกว่าไม่เข้าใจที่ฉันพูดมาหรอก ภาษาอังกฤษเนี่ย

ฉันจึงพยายามอีกครั้ง ย้ำถึง แมค - ลอด - กันจ์
ให้ชัดอีกหน คราวนี้หลวงพี่ก็พยักหน้าตอบ 

รอดแล้ว !!!!




ก่อนที่จะแน่ใจและกลับไปแบกกระเป๋าที่วางไว้ ก็เห็นหลวงพี่ยืนกดโทรศัพท์
คุย
ผ่านโปรแกรมสนทนา และเดินมาเคาะที่รถคันหนึ่งพร้อมกดมือถือโทรออก
ระหว่างรอคนขับตื่นขึ้นมา ...
พวกเขากำลังคุยอะไรกัน ฉันฟังไม่ออกหรอก

จังหวะที่ตาแท็กซี่ เปิดผ้าห่มที่คลุมตัวพร้อมกับเลื่อนบานหน้าต่างรถลง
เพื่อเจรจา 
พระทิเบตก็ส่งมือถือให้พูดกับปลายทาง แท็กซี่ดูเหมือนไม่เต็มใจ
แถมยังแสดงท่าทางรำคาญเล็กน้อย ที่ต้องคุยผ่านโทรศัพท์ 

ฉันพอเข้าใจแล้วว่า พระทิเบตรูปนี้พูดภาษาฮินดีไม่ได้ 

ผ่านไปนานหลายนาทีอยู่กว่าจะยอมออกรถ 
หลวงพี่ตรงเข้าไปนั่งด้านในและรถแท็กซี่ก็เริ่มติดเครื่อง

ในขณะที่ฉันกำลังยืนลุ้นอย่างจดจ่อ ว่าจะพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ยังไง

หลวงพี่เหลือบหันมามองฉันอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูรถ 
ฉันชี้มาที่ตัวเองและชี้ไปยังรถบอกใบ้ว่าขอตามติดไปด้วยได้ไหม?
ถึงจะดูไม่เข้าใจประโยคคำถามนี้ แต่พระก็พยักหน้าและเขยิบที่ให้นั่ง

แท็กซี่พาพวกเราตรงขึ้นไปยังทางลัด
ซึ่งก็เป็นตามที่คาดมันเปลี่ยวและมืดสุด ๆ

คนขับฯ พยายามพูดอะไรบางอย่างกับพระทิเบต คงเป็นเรื่องที่หมาย 
แต่หลวงพี่ไม่รู้ภาษาและสื่อสารไม่ได้  ทำได้แต่ส่งมือถือที่ยังเปิดคุยอยู่
ยื่นให้พูดถามกับคนในสาย  เจ้าคนขับรถงี่เง่าก็เอาแต่พร่ำบ่น ๆๆๆ ไม่หยุด

ที่จริงแล้วฉันไม่รู้หรอกว่าปลายทางที่จะไปถึงมันคือที่ไหนกัน?

ไม่กี่อึดใจนักเราก็มาถึง แมคลอดกันจ์ ที่ฉันเคยรู้จัก
แต่ในตอนนั้นกลับมืดมิดไปหมดทุกตรอกซอกซอยจนดูน่ากลัว


แท็กซี่ได้หยุดจอดในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งบริเวณนั้นก็มีแต่บ้านช่องที่ปิดเงียบไปหมด
ก่อนลงจากรถฉันคิดจะเดินไปหาที่นั่งแถวทางแยกหน้า Main square จนสว่าง
แล้วค่อยหาที่พักอีกที  ตอนนั้น
มีผู้ชายชาวทิเบตมายืนรอที่ปลายทางล่วงหน้า
ท่ามกลางเงามืด ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่เดาว่าน่าจะเป็นคน ๆ เดียวกับเสียง
ในโทรศัพท์ที่คอยบอกทางกับคนขับแท็กซี่และพูดคุยกับพระ

จากนั้นเราก็จ่ายค่าโดยสารคนละร้อยรูปี 


ฉันโผล่หน้าไปทักทายชายทิเบตที่มายืนรอรับพระ 
พร้อมกับมองไปยังพื้นที่รอบข้างก็พบว่าไม่มีจุดนั่งพักในที่สว่างเลย

"เธอมีที่พักหรือปล่าว?"  เขาถามฉัน
ดูท่าว่าจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากคุยกับพระ

"ยังไม่มีเลย ฉันมาถึงที่นี่ผิดเวลา"

ไม่รู้ว่าจะไปไหนได้ในเวลานี้ตอนตีสามเนี่ย!

"ไปพักที่บ้านผมก่อน พอสว่างแล้วก็ค่อยออกมา" เขาเอ่ยปากชวน 

ไปก็ไป ไม่มีทางเลือกแล้ว 



พวกเขาเดินนำทางฉันไปยังตรอกทางเข้าที่พัก ต่างคนต่างเอาโทรศัพท์มาเปิด
ไฟส่องทางเดินให้  
มันเป็นทางเนินลงที่ห่างจากถนนเส้นหลักพอสมควร

ประตูจากห้องเล็ก ๆ ฝั่งริมถูกเปิดออก ฉันถอดรองเท้าวางไว้ข้างนอก
เหมือนกับพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าไป ด้านในห้องนั้นมีการวางเตียงนอนแยก
อยู่ที่สามมุมขนานชิดไปกับผนังสามฝั่ง 
และที่เตียงกลางมีคนนอนหลับอยู่  

ในขณะที่ฉันนั่งกองอยู่ที่พื้นห้อง
เพื่อรอพระกับชายทิเบตคนนั้น 

แต่แล้วคนที่กำลังนอนได้โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม และลุกขึ้นมาคุยด้วย
หลังจากที่รู้ว่ามีคนแปลกหน้าหลงมาเยือนยามวิกาล 
เขาพูดภาษาแปลก ๆ
ที่อาจพอเดาได้ว่า ไปไงมาไง?

"รถ จากมะนาลี มาถึง ดารัมซาลา ตอนตี สอง" 

ฉันพูดทีละคำพร้อมไปกับชี้นาฬิกา และชูนิ้วเป็นบอกเวลาให้พอเข้าใจ

เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม ๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอนคลุมโปงต่อ
เราคงสื่อสารกันได้ไม่เยอะเท่าไหร่แถมยังรู้สึกง่วงนอนมากด้วย

สักพัก พระและชายทิเบตก็เดินออกมาจากห้องด้านใน 
เขาบอกให้ฉันนอนเตียงที่ตั้งตรงทางเข้าประตูนี่แหละ 

"ขอบคุณมาก" คงไม่มีคำไหนดีไปกว่านี้ 

เขาพยักหน้าพร้อมบอก ไม่เป็นไร

ฉันวางกระเป๋าใบเล็กลงที่เตียงก่อนจะห่มผ้าคลุมตัวหลับ
ในบรรยากาศไม่คุ้นเคย  
เสียงพูดคุยระหว่างสามคนนั้น 
เป็นภาษาเดียวกับที่ฉันเคยฟังในหนังเรื่องหนึ่งไม่ผิดเพี้ยน 
เพียงแค่ไม่มีคำบรรยายภาษาไทยให้รู้ความหมาย 
ก่อนที่จะหลับลงโดยสนิทใจว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ





หน้าประตูของ บ้านพักที่ได้มาขออาศัยหลับก่อนสว่าง

ยามเช้า เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นตอนหกโมง ความจริงแล้ว
หากไม่ได้พลาดเรื่องรถหรือฉันจองตั๋วเที่ยวรถนั้นเอาไว้ล่วงหน้า  มันก็ควร
เป็นเวลาที่ฉันน่าจะมาถึงเมืองนี้มากกว่า
จะมาตื่นนอนที่บ้านคนทิเบตแบบนี้

พวกเขายังไม่ตื่นกันสักคน แต่ก็ไม่กล้าเรียกปลุก 

ที่เตียงนอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งผ้าห่มและผ้าคลุม เพิ่งถูกซักและปูใหม่
เพื่อรอต้อนรับใครสักคน คงเป็นพระที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงเมื่อคืนแน่ ๆ

เมื่อฉันหันไปมองเตียงที่ตั้งติดผนังฝั่งตรงข้าม
ก็พบว่าชายคนนั้นต้องไปนอนเบียดกับหลวงพี่แทน







ทางเดินไปที่พักชาวทิเบต เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา



พบว่าเป็นแยกทางเดินไปยัง น้ำตกบัคซู




ฉันออกมาจากที่นั่นโดยไม่มีใครรู้ แต่ระหว่างนั้นก็พยายามนึกจำหน้าตาของ
พวกเขาแต่ก็นึกไม่ออก เพราะ
ทุกอย่างดูเหมือนจะไวเกินกว่าที่จะจำทัน และ
อีกอย่างในตอนนั้นมันก็มืดมากเสียด้วย

ได้แต่แอบหวังว่าบนพื้นที่เล็ก ๆ บนแมคลอดกันจ์แห่งนี้ 
คงคับแคบพอที่จะทำให้พวกเราได้กลับมาพบเจอกันอีก




ฉันเดินมาถึงหน้าถนนโจกิวารา พร้อมกับก้าวเดินลงทางบันได ตรงไปยังย่าน
ที่พักเก่าด้านล่างและได้
เจอเด็กคนหนึ่งเดินมาซื้อนมที่ร้านชำ คงซื้อเอาไปต้มชาดื่ม

"กำลังหาที่พักอยู่รึปล่าว"

เจ้าหนู นี่มันตาไวดีแท้ ...เขาโผล่หน้ามาถามฉันอย่างไว

"ใช่" ด้วยสภาพตอนนี้ที่เหมือนคนอดนอน กับเป้ที่สะพายอยู่บนหลัง
มันก็ไม่น่าจะเดายากเท่าไหร่  
"มีราคาดี ๆ หน่อยไหม" 

"พี่จะให้เท่าไหร่" เขาถาม...

จำได้ว่าที่พักจะตกอยู่ประมาณ 300 รูปี  

"250 ได้มะ" ฉันพูดไปงั้นแหละ แต่ถ้าได้ก็ดี 

"โอเค มา..." ไอ้น้อง มันให้จริงแฮะ 

ฉันตามไปเรื่อยจนถึงที่พักก็พบกับเจ้าของเกสท์เฮาส์ กำลังง่วนอยู่กับการ
จัดระเบียบข้าวของในห้องรับแขก ที่แบ่งพื้นที่เป็นห้องอาหารอีกด้วย
น้องที่พามาบอกให้ฉันนั่งรอไปก่อนเพื่อคุยกับเจ้าของที่พัก เขาตกลงที่จะให้
ราคานี้ก่อนที่จะถามชื่อเสียงเรียงนามกัน 

ฉันงัดเอาห่อใส่โชวเมียนที่เหลือจากมะนาลีเมื่อคืนนี้มาคลี่เปิดบนโต๊ะ 
พลางขอยืมส้อมจาก ซานัม ลุงเจ้าของที่พักร่างท้วมมาตักกิน 

"เข้าไปหยิบในครัวเลยฟ้า"

ซานัม พยายามสร้างความคุ้นเคยด้วยการเรียกชื่อ
และทำทีเหมือนกับจะสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้า 

"อะไรนั่น ...จะกินเข้าไปได้ไง มันเย็นชืดหมดแล้ว!"   

ไม่ทันไร แกก็ยกห่อหมี่ผัดเนื้อแกะของฉันเข้าไปในครัว
เปิดเตาแก๊สตั้งกระทะเพื่ออุ่นให้อย่างว่องไว

เฮ้อ...พอบางจังหวะได้เจอคนดี ๆ อะไรก็ดีจนน่าใจหายไปหมด



หลังจากซานัมผัดหมี่ให้เสร็จ ฉันก็ยกมานั่งกินที่โต๊ะอาหารและได้เจอกับ ทิม 
นักท่องเที่ยวชาวเบลเยี่ยม 
ชายผมบลอนด์ผู้ไถผมเป็นทรงอันเดอร์คัทและถัก-
เดดรอคมัดรวบกลางศีรษะ ระเบิดหู และเจาะจมูก  
พร้อมกับมีรอยสักนอกร่มผ้า
อันแสนอลังการ

ถ้าฉันไม่เคยออกเดินทางไปเจอกับผู้คนที่ดูต่างจากสังคมเดิม 
ก็คงจะตัดสินไปแล้วว่า เขาต้องเป็นคนน่ากลัว! 
แต่นั่นก็ตรงกันข้ามเลย  ทิมเป็นคนสุภาพมาก!

พวกลูก ๆ ของซานัม ต่างก็ชอบมาเล่นกับเขา 


ทิม คุยฟุ้งให้ฟังว่าเขาชอบที่นี่มากแค่ไหนจนถึงกับเอ่ยบอกได้ว่า เป็นบ้าน
หลังที่สองของเขา ที่
อยากจะมาพักอยู่แบบนาน ๆ ไปเลย  ดูท่าทางแล้ว..
การมาอินเดียรอบที่หกหนนี้ ก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้สึกพอ

ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่า ในอนาคตจะมีโอกาส
ได้พูดประโยคเดียวกันนี้เหมือนทิมหรือปล่าวนะ?

จะว่าไป อินเดีย มันก็เป็นประเทศที่แสนประหลาด
คนบางคนยังเคยไม่มา แต่แค่ได้ฟังชื่อก็เริ่ม ผวา
คนบางคนมาแล้วก็ เลิกลา จากหายกันไปเลย
หรืออีกประเภทที่ยัง หาเรื่องกลับมา ครั้งแล้วครั้งเล่า 




หลังเข้าที่พัก ฉันก็สลบเหมือดไปเกือบครึ่งค่อนวัน 
เพราะเหนื่อยจากการเดินทางมาพอสมควร... 

ในช่วงเวลาเย็นฉันออกไปเดินเล่นแถว ๆ ที่ทำการไปรษณีย์ มันเป็นเส้นถนนที่
เชื่อมต่อกับทางไปยังที่พัก ซึ่งบริเวณนั้นจะมี
พื้นที่ขายผักและผลไม้และถัดไป
ก็
จะมีแผงขายของที่ระลึกและร้านอาหารตั้งเรียงไปจนสุดทาง

เรื่องทุกอย่างดูเหมือนผ่านไปนานมาก กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน
จนถึงรุ่งสางของอีกวัน  
ฉันเกือบลืมไปแล้วนะว่ามันคือวันเดียวกันกับวันนี้ ถ้าหาก
ไม่มีคนตะโกนร้องทักมาจากฝั่งตรงข้ามดังลั่นขึ้น
จนต้องรีบหันกลับไปมองตาม
ทิศทางของเสียงเรียกนั้นโดยไว เวลานั้น
มีพระทิเบตร่างผอมสูงรูปหนึ่งโบกมือ
ทักทายมา 

ฉันแอบนึกขึ้นในใจอย่างงง ๆ ว่าไปรู้จักพระแถวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เมื่อปีก่อนก็ไม่ได้รู้จักใครและเจอแค่พระไทยกลุ่มหนึ่งในวันสุดท้ายแค่นั้น 

สายตาฉันเหลือบไปเห็น พระอีกรูปยืนอยู่กับผู้ชายทิเบตคนหนึ่ง
ก็เลยจำได้ขึ้นมาทันที  เอ...แล้วทำไมหลวงพี่อีกรูปถึงดูคุ้นหน้าจัง?
นึกไปนึกมา พอเริ่มประติดประต่อลำดับจนชัดเจนขึ้น 

จำได้แล้ว! พระร่างสูงรูปนั้น
ก็คือคนที่ลุกตื่นขึ้นมาคุยกับฉันเมื่อคืนนี้นี่หว่า

จะยังมีอะไรให้น่าตกใจกว่านี้อีกไหม !?





เรียงจากทางซ้าย พระรินเชน - พระยงซุล - ลุนดุบ



ฉันพบเจอพวกเขาอีกครั้ง และแปลกใจมากที่ยังจำกันได้ด้วย!

พี่ลุนดุบบอกเล่าเรื่องของ 'พระยงซุล' ผู้ให้ความอนุเคราะห์เกาะติดรถขึ้นมา 
ว่า พระเดินทางออกจากทิเบตด้วยรถโดยสารและมาอินเดียเป็นครั้งแรก  
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมพระถึงยังพูดภาษาฮินดีไม่ได้แบบพระทิเบตรูปอื่น
ที่เข้ามาพำนักอาศัยในอินเดียนานแล้ว


ที่จริงแล้วฉันมีเรื่องค้างคาใจ เกี่ยวกับคนทิเบตเยอะทีเดียว 

พระยงซุล รอนแรมเดินทางข้ามพรมแดนจากทิเบตเข้าอินเดีย
จนกระทั่งมาถึงดารัมซาลา เมื่อคืนนี้ด้วยเหตุผลอะไรกัน?  
แล้วทำไมพระรินเชน ถึงต้องมานอนพักอยู่ที่บ้านนั้นด้วย? 

ในเวลานั้นมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวมากมายเต็มไปหมด
เป็นที่น่าเสียดาย ที่เราจับใจความกันค่อนข้างลำบาก

แต่ก็ช่างเถอะ แค่เย็นวันนี้ได้มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกก็ดีใจแล้ว





"อื่น ๆ"


---- สถานภาพของ ดารัมซาลา ตอนบน หรือ แมคลอดกันจ์ 
มีฉายาว่า Little Lhasa เพราะเป็นที่ตั้งของ Central Tibetan Administration (CTA) 
เดิมนั้น ถูกตั้งชั่วคราวอยู่ที่ เมืองมัสซูรี แต่หลังจากนั้นก็ย้ายมาตั้งที่นี่ เมื่อปี ค.ศ.1960

---- Dharamshala บางทีจะมีการเขียนตัวย่อว่า D.shala

---- การเดินทาง รถโดยสารบางคันจะไม่ขึ้นมาถึง แมคลอดกันจ์ 
หากบอกแค่ว่า ดารัมซาลา แปลว่า จะต้องหารถขึ้นมาอีกต่อ 

การต่อรถขึ้นมายัง แมคลอดกันจ์ ก็มีหลายตัวเลือก 

*รถเมล์
(13 รูปี) ออกเที่ยวแรกก็คือ 8 โมงเช้า  

*แท็กซี่ (200 รูปี)  

*ออโต้ ริกชอว์
หรือ ตุ๊กตุ๊ก (ประมาณ 150 รูปี) 

และที่ปากทางเข้าท่ารถจะมีวิน *จี๊ปแชร์  ให้บริการ
ค่าโดยสารประมาณ 15 รูปี 
ออกไวกว่ารถเมล์
แต่ต้องทนเบียดกันเยอะหน่อย 






Create Date : 01 เมษายน 2559
Last Update : 27 ธันวาคม 2560 9:20:22 น. 24 comments
Counter : 1706 Pageviews.

 
ฟ้าเป็นคนโชคดีเรื่องการเดินทางนะ ดีแล้ว เหมาะสำหรับแบ็คแพ็คคนเดียว เทวดาประจำตัวดี เพื่อนพี่ก็มีคนหนึ่งที่เป็นแบบนั้น

แล้วทำไมเช้านั้นถึงตัดสินใจจากมาเลย ไม่รออำลากันก่อนง่ะ?

วันนี้โหวตเต็มแล้ว พรุ่งนี้มาโหวตให้นะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:17:45:08 น.  

 
นทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

อ่านเรื่องราวตอนนี้แล้ว เหนื่อยมากกกกก...เพราะลุ้นว่าหนูจะเจอคนใจดีหรือเปล่า ? สาธุ คนดีพระท่านคุ้มครองเดินทางปลอดภัยเจอแต่คนใจดีอีกครั้ง

เฮ้อ..โล่งอกแล้วจะมาตามอ่านตอนต่อไปนะคะ


โดย: Maeboon วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:17:51:14 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนผ่านทางมาเจอ Health Blog ดู Blog
phunsud Food Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
อุ้มสี Parenting Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Photo Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ผมนั่งอ่านละเอียดไล่ลงมา ไม่ขาดตอน.. คุณฟ้าเขียน
เล่าไป ผมก็นั่งลุ้นไปด้วย แบบคุณไก่ แม่บุญลุ้นเลยครับ



โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:18:08:31 น.  

 
น่าไปบ้างจังเลยค่ะ. ใช่ค่ะชีวิตต้องต่อสู้ ผจญภัยบ้างถึงจะสนุก. เห็นธรรมชาติดีค่ะ
โหวตให้นะคะหมวดท่องเที่ยวและการเดินทางค่ะ


โดย: ตุ๊กจ้ะ วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:20:21:40 น.  

 
น้องฟ้าเที่ยวได้แบบ แมนๆ เอ๊ะ! ไม่ใช่ซิลุยๆ

บอกเลยนะพี่ชอบอะไรแบบนี้มาก อยากลองทำสักครั้งในชีวิต



ตื่นเต้นตามไปด้วยเลยตอนที่ลงรถอ่ะ ลุ้นมาก

+


โดย: อาร์ลาฟองค์ วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:21:44:04 น.  

 
พึ่งรู้ว่า ดารัมชาลา คืออะไร

ได้ยินคำนี้บ่อยมาก


เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่น่าเที่ยวมากเลยน้องฟ้า

โหวตจ้า


โดย: แม่โอ๋เรนเจอร์ วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:22:02:07 น.  

 
อ่านไปก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยไปกับสถานที่ทั้งไม่คุ้นทั้งมืดและหนาวนะคะ
แต่ผู้คนกลับมีน้ำใจ
น้องฟ้าโชคดีจังค่ะที่ได้ติดรถมากับพระ ได้พักบ้านชาวทิเบตที่เสียสละที่นอนให้
และเจอคนอุ่นอาหารร้อนๆให้ทานอีกด้วย
จะตามมาน้องฟ้ามาเที่ยวต่อตอนต่อไปด้วยค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

....................................

นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:0:54:23 น.  

 
555 ทหารพรานหญิง ฟ้า ออกปฎิบัติหน้าที่ อีกแล้วเหรอนี่

เริ่มออกตัวแต่แรกก็ตกรถ ทดสอบจิตใจกันก่อนเล้ยย ให้มันได้หยั่งงี้ซี้

หลังจากตกรถ ถ้าเป็น อ.เต๊ะ ก็จะเปลี่ยนแผนใหม่ไปเที่ยวที่อื่นก้ได้ฟร่ะ แต่ทหารพรานหญิง ฟ้า ไม่ 555

ยังดันทุรัง เอ๊ย ดื้อ เอ๊ย มุ่งมั่นจะไปให้ได้ อิอิ

จริงๆแล้วนี่ น้องฟ้าก้ไม่ใช่คนตัวเปล่า ยังมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกๆ เอ๊ย เด็กๆคือ แมวอีก16 ชีวิต

เพราะฉะนั้น ทำอะไรก้ขอให้คิดหน้าคิดหลังให้ดีซะก่อนน้า 555

พอได้รถไป เอ้า โดนกระเป๋ารถเมล์หลอกอีกแน่ะ
เชื่อใครไม่เชื่อ ไปเชื่อแขก ถึงเอาซะ ตี2นู่น

แล้วไอ้ที่บอกว่า ชื่อว่าเมือง ธรรมศาลา คงไม่น่าจะมีอะไรหรอกม้างงง

กรีีดดด ๆๆๆๆ อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก

ตะเองง น่าจะตกข่าวนะเนี่ย เพราะปีที่แล้ว พึ่งจะมีคดี ชายชาวอินเดีย 2 คน ข่มขืน นทท.สาวชาวอเมริกัน ที่เมืองธรรมศาลา นี่เอง ป้าดโธ่

น้องฟ้าบอก หล่อนจะกรีีดทำไมเนี่ย หล่อนผิดหวังที่ไม่โดนซะเองใช่มั้ย 555

นี่ยังโชคดีน้า ที่เจอพระเส้าหลิน ให้อาศัยมาด้วย
เฮ้อ รอดไปอีกวัน เฮ้อออ

แล้วก้ เด็กเชียร์แขกที่เจอที่เมืองนี้ ไหงซื่อจัง
ปกติต้องหลอกน้องฟ้าได้นะเนี่ย นี่กลับไม่โดนอะไรเลย ผิดหวังจริงๆเลย อิอิ

น้องฟ้าบอก เออ ข้าจะเจอคนดีๆมั่งไม่ได้หรือไง
นี่เอ็งมาเชียร์หรือมาแช่งข้ากันแน่ เดี๊ยะๆๆ เอาหมี่แพะ ยัดปากซะดีมั้ยเนี่ย 555

ยังไงก้แล้วแต่

เค้าว่ากันไว้ว่า สถานที่อันตรายที่สุด ก้คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด คนเราถ้าเป็นคนดีมีเมตตา อย่างน้องฟ้า พระเส้าหลิน ย่อมคุ้มครองแน่นอน อ.เต๊ะ เอาใจช่วยจ๊ะ แฮ่ๆ555



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น





โดย: multiple วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:7:17:54 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องฟ้า

คนดีดีมีอยู่ในทุกที่
คนไม่ดีก็ด้วย 555

น้องฟ้าเที่ยวแบบลุยจริงๆ
นับถือๆ

โหวต travel blog ให้เลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:7:45:42 น.  

 
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

วันนี้มาโหวตจ้า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:8:43:47 น.  

 
ชื่นชมมากค่ะ ผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินทางคนเดียว
แถมเป็นเวลาที่ไม่มีใครเดดินทางกัน
แม่ซองฯว่ามันเสี่ยงเกินไปน่ะนี่

แต่อ่านแล้วตื่นเต้นตามไปเลยค่ะ

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:18:52:45 น.  

 
ผมรู้สึกว่ามันน่ากลัวครับ คือถึงผิดเวลา แถมเจอที่มืดๆ แบบนั้นด้วย แต่ถ้าถามผมว่าจะตัดสินใจนั่งรถทั้งที่มันจะผิดเวลามั้ย เป็นผมก็ตัดสินใจแบบนั้นเหมือนกัน ถอืว่าไหวพริบดีมากจริงๆ ในเรื่องการตัดสินใจครับ

กาบริเอล Travel Blog
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 เมษายน 2559 เวลา:0:07:55 น.  

 
จุดหมายปลายทางหลายที่ ที่เราไปซ้ำ ในวันเวลาต่างกัน สำหรับพี่ มีอะไรที่เหมือน และไม่เหมือนกัน ความประทับใจเล็ก ๆ ทำให้เราตัดสินใจกลับไปอีกได้ ถึงจะบอกกับตัวเองว่า ที่ควรดู ควรเห็น ก็น่าจะครบแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว ก็เหอะ

ถึงฟ้าจะมีประสบการณ์กับการเดินทาง หรือสถานที่ ที่ไป ... ฟัง ๆ ดู พี่ก็ยังลุ้นระทึกไปด้วย น่ากลัว น่าตื่นเต้นแท้ ฟ้าเอ๊ย


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


*** วิวพระอาทิตย์ตกที่ช่องเขาขาด พี่ก็ไม่ได้เก็บมา ... เวลาไม่ได้


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 3 เมษายน 2559 เวลา:16:40:41 น.  

 
สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้า

ขอบคุณที่ตอบนะ

มิน่าล่ะพี่ก็งงว่าทำไมจู่จู่ฟ้าถึงออกมาน่ะ 555


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 เมษายน 2559 เวลา:21:24:47 น.  

 
แม้เจ้จะมี หน้าตาเป็นอาวุธ! เพียงไหน..อยากจะบอกว่าการเดินทางแบบนี้ ไม่เหมาะกับสาวแก่แบบอิชั้นแน่ๆ ฮ่าๆๆ โชคดีหลวงพี่พยายามเข้าใจฟ้านะเนี่ยไม่งั้นรอกันเงกจนเช้าแน่ๆ แท๊กซี่นี่ก็ขยันหลับกันจริงๆ ฮึ่ยยยยยย 555


โดย: Max Bulliboo วันที่: 3 เมษายน 2559 เวลา:23:49:56 น.  

 
โหวต Travel blog ให้จ้าาาาา


โดย: Max Bulliboo วันที่: 3 เมษายน 2559 เวลา:23:50:20 น.  

 
เขียนดีอ่ะ เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในเหตการณ์ด้วยเลย เยี่ยมค่ะ โหวด ๆ


โดย: nuch9981 วันที่: 4 เมษายน 2559 เวลา:7:46:41 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 5 เมษายน 2559 เวลา:2:46:08 น.  

 
ข่าวปี58 นี่เองจ้า นี่ไง

//mcot-web.mcot.net/9ent/view.php?id=55fa7263be04705c2e8b4902

ตามไปดูแก๊งค์แมวเหมียวมาแล้วน้า
ชอบสังกัดแมวป่ามากกว่าเพื่อน ลายสวยเหมือนเสือโคร่งเลย 555

ที่น่าสนใจมากคือมีการบันทึกนิสัย ไว้ด้วยแต่ละตัว

ขาดแต่ของเจ้าของเท่านั้นแหละ
ตอนนี้ รู้แค่ว่าเป็นคนรักสัตว์ จิตใจห้าวหาญ ชอบเที่ยวที่แปลกๆ ที่สำคัญ กลัวน้ำเหมือนแมว 555



โดย: multiple วันที่: 5 เมษายน 2559 เวลา:7:55:45 น.  

 
สวัสดีครับคุณฟ้า กาบริเอล
คุณฟ้าช่างโชคดีเรื่องการเดินทางนะครับ
เป็นลุงชาติละจอดไปนานแล้ว

อ่านตอนนี้แล้วคงต้องจุดประทัดฉลองจริงๆ
สุดยอดมาก เรื่องราวอ่านสนุกมาก...ลุ้นไปด้วย

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีนะครับ



โดย: loongchat (สมาชิกหมายเลข 3016924 ) วันที่: 5 เมษายน 2559 เวลา:21:20:25 น.  

 
น้องฟ้าเอ๋ย ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก
พี่อ่านไปกลัวน้องจะถูกฆ่าข่มขืนยิ่งนัก
จากข่าวที่ผู้หญิงอินเดียถูกข่มขืนบนรถประจำทางน่ะ
แต่ในความโชคไม่ดี ก็มีความโชคดีเสมอนะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
BabyInk Literature Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
ชีริว Cartoon Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ก้นกะลา Music Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 6 เมษายน 2559 เวลา:8:52:39 น.  

 

อยากไปมะนาลีกับธรรมศาลายังไม่เคยไปค่ะน้องฟ้าเก่งจังเลย

กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: พรไม้หอม วันที่: 6 เมษายน 2559 เวลา:13:35:12 น.  

 
เล่าได้สนุกมากเลยค่ะ...น้องมีนต้องติดตามตอนต่อไปแล้ว
เค้าก็อยากไปอินเดียบ้างเหมือนกัน


โดย: together_ws วันที่: 6 เมษายน 2559 เวลา:18:52:06 น.  

 
เหมือนท่องอยู่ในเมืองลับแลเลยค่ะ
สุดยอด


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 7 เมษายน 2559 เวลา:16:33:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.