! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
 
มกราคม 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 มกราคม 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 3 : ราชาสีขาว

ขอบคุณภาพปกนิยายจาก คุณรัชต์สารินท์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ








 

               ท่ามกลางแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาในห้องสีขาว  ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังอยู่ในท่านั่งครึ่งนอนบนเตียง ส่งยิ้มให้ธีราแต่ไกล  รอยยิ้มนั้นแสดงออกถึงความเป็นมิตรและอ่อนโยน  เจ้าของดวงตาและเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม ขยับตัวอย่างขัดเขิน  ฆีมษ์กล่าวกับผู้หญิงตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  เป็นสำเนียงเดียวกับที่เคยเอ่ยกับธีราในคืนนั้น

               “สวัสดีครับ คุณธีรา  ผมเสียใจ..ที่ทำให้เราต้องมาพบเจอกันอีก”
               “ค่ะ เพราะคุณแท้ๆ”

               ธีราตอบกลับ  ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย  ทุกอย่างภายในห้องนี้ล้วนแล้วแต่มีสีขาวกระจ่างตา  ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของห้อง ผู้ซึ่งยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ก็ยังแลดูกลมกลืนเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของสีขาวเหล่านี้

               “เป็นอย่างไรบ้างครับ”
               “สว่าง.. สีขาวทำให้รู้สึกผ่อนคลาย”

               หญิงสาวผู้กำลังกวาดสายตาเอ่ยตอบ  ขณะมองสำรวจไปรอบห้อง จึงไม่ทันได้ตั้งใจฟังคำถาม

               “ไม่ใช่  ผมหมายถึงคุณ.. คุณธีรา”

               ฆีมษ์หัวเราะเบาๆ และนั่นทำให้ธีรารู้สึกเอียงอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ผู้ชายตรงหน้าให้ความรู้สึกอ่อนโยนและอ่อนเยาว์  แม้อีกฝ่ายดูท่าจะมีอาวุโสมากกว่าตนก็ตาม

               “ฉันนึกว่า คุณจะ เอ่อ ตายซะแล้ว”
               “พูดตรงจัง  ผมเองก็เกือบ..ไปแล้วเหมือนกัน  แต่..ก็ยังไม่ตาย”

               ราชาสีขาวประสานมือวางบนผ้าห่มสีขาวเนื้อบางเบา ซึ่งห่มคลุมลำตัวตั้งแต่ช่วงท้องลงไปจนถึงสุดปลายขา

               “นึกว่า หน้าของคุณจะเสียโฉมก็ด้วยค่ะ”

               ธีรานึกถึงบาดแผลฟกช้ำ ทั้งรอยถูกกรีดบนใบหน้าของชายหนุ่ม ในคืนวันเกิดเหตุร้าย  ไม่น่าเชื่อว่า ภายในเวลาแค่สี่วัน ดวงหน้าที่เห็นอยู่ในตอนนี้กลับเกลี้ยงเกลา ราวกับไม่เคยโดนสิ่งใดต้องถูกให้เกิดริ้วรอยมาก่อน  ตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายก็กลับขาวใส ไร้ซึ่งรอยขีดข่วน

               ฆีมษ์มองเห็นแววตาของธีรา  สายตาซึ่งแสดงออกถึงความสงสัยอย่างไม่ปิดบังนั้น มีผลทำให้เขารู้สึกผิด

               “น่ากลัวสินะ การฟื้นตัวของราชาน่ะ ไม่ว่าแผลอะไรก็หายได้เกือบทั้งหมด  ขอผมดูแผลที่แขนของคุณหน่อย ได้ไหมครับ”

               ชายหนุ่มวาดมือมาตรงหน้า  ช่างน่าแปลกตรงที่ธีราเกิดความรู้สึกคุ้นเคย ราวกับรู้จักกันมานาน ทั้งที่เพิ่งได้พบเจอกันเป็นครั้งที่สอง  หญิงสาวหงายท้องแขนซ้ายให้อีกฝ่ายได้ยล  แต่ต้องชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อหวนคิดถึงคำเตือนของฮัน

               “ไม่เป็นไร  ผมยังไม่หิว  และอีกอย่าง ทีเซลล์จะไม่ดูดกลืนเซลล์ชนิดเดียวกันหรอกนะ”

               อีกฝ่ายพูดเสียงเบา  เหมือนมองทะลุความในใจของคนตรงหน้าออก  ราชาสีขาววางมือเหนือรอยแผลของธีรา  ซึ่งในเวลานี้เห็นเป็นเพียงรอยขีดเลือนราง  สีหน้าของฆีมษ์สลดลงด้วยความรู้สึกผิด

               “ผมเสียใจจริงๆ  เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคุณ  ผมขอรับผิดชอบเองทั้งหมด”
               “คุณทำให้มันหายไปได้ไหม  คุณเอาเซลล์ของคุณ คืนกลับไปได้รึเปล่า” 

               ฆีมษ์สั่นศีรษะเป็นการปฏิเสธ  คำตอบต่อคำถามดังกล่าว  จึงเหมือนถูกปิดตายลงโดยสิ้นเชิง

               “ทีเซลล์ที่แบ่งตัวออกไปเองจะเป็นอิสระ  พวกมันจะไม่ยอมกลับไปรวมกับหมู่เซลล์เดิมที่พวกมันแยกตัวออกมา  แม้อาจจะสื่อถึงกันได้อยู่บ้าง  คล้ายๆ กับการแบ่งภาค เกิดเป็นรูปแบบใหม่  ด้วยเหตุนี้ ทีเซลล์ของผมที่อยู่ในตัวคุณ ก็จะกลายเป็นทีเซลล์ของคุณ  โดยผ่านเงื่อนไขบางอย่างในร่างกายของคุณ  ทีเซลล์เกิดการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับคุณ  ซึ่งนี่ไม่เคยปรากฎขึ้นในเพศหญิงมาก่อน”

               “อย่าพูดเหมือนมันเป็นเรื่องน่าภูมิใจได้ไหม  พวกคุณจะค้นพบอะไรก็ช่าง  ฉันต้องการอยากรู้แค่ว่า  มันมีทางช่วยให้ฉันกลับไปเป็นอย่างเดิม  กลับไปเป็นคนปกติเหมือนเดิม ได้หรือเปล่า..ก็เท่านั้น”

               ธีราชักแขนกลับ  ระบายความคับข้องใจ ในความต้องการได้รับหนทางแก้ไขหรือรักษา

               “ผมขอโทษ  แต่การดูดกลืนจะไม่แยกแยะว่า  อันไหนเป็นเซลล์แท้ หรืออันไหนเป็นทีเซลล์หรอกนะ  ดังนั้น  มันจึงเป็นวิธีที่เสี่ยงมาก  ถ้าจะให้ผมลองดึงเอาทีเซลล์คืนกลับไป  เพราะอาจทำให้คุณถึงแก่ชีวิตได้  ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้น”

               “ถ้าอย่างนั้น  เวลาที่คุณเกิดความหิว  แบบที่ไม่ใช่หิวตามปกติน่ะ  คุณทำอย่างไร”

               ธีราเกิดอาการคอแข็งขึ้นมา  เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกพี่ชายของตน  และในตอนนี้ ความรู้สึกหิวโหยอย่างร้ายกาจนั้น  ก็กำลังอุบัติขึ้นกับเธออีกแล้ว
 
               ชายหนุ่มผู้มีผิวพรรณกระจ่างใส  เบือนสายตาจากใบหน้าของคู่สนทนา หันมองออกไปนอกหน้าต่าง  เขาแสดงอาการครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยตอบ

               “ผมขอแบ่ง  ใช้คำว่า ขอแบ่งเซลล์ จากคนอื่น  เพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่ต่อไป”
               “เพื่ออะไร  ทำไม คุณต้องทำอย่างนั้นด้วย”

               หญิงสาวผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้  ถอยออกห่างจากเตียงประหนึ่งว่า กำลังจะเกิดมีเหตุการณ์ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เตรียมจะสูบกินเลือดเนื้อของอีกฝ่าย

               “เพื่อคงความเป็นมนุษย์  เพื่อให้เราได้เป็นตัวตนของเราต่อไป  เราฝืนความหิวนี้ไม่ได้ มันเหมือนถูกบังคับ  ถ้าเราไม่ยอมกิน  ทีเซลล์ก็จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อที่จะกินเอง  ออกมาในแบบที่เราไม่สามารถควบคุมหรือขัดขืนมันได้  และถ้าเป็นแบบนั้น จะต้องมีคนตาย ซึ่งผมไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น”

               แววตาของราชาสีขาว ฉายชัดถึงความเจ็บปวดรวดร้าว ทั้งอับจนปัญญาในเรื่องนี้

               “มานี่สิ  ธีรา.. คุณเข้าใจความรู้สึกของผมใช่ไหม”
               “ทำไมคุณไม่ลุกขึ้นมาล่ะ  คุณรักษาตัวเองได้นี่  คุณหายดีแล้วไม่ใช่รึไง”

               หยาดน้ำร่วงหล่นออกจากสองตา  ถ้อยคำของฆีมษ์ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง  ธีรารู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อคิดว่าจะต้องมีคนตาย เพียงเพราะคนที่ไม่ปกติเกิดหิวจนลืมตัวขึ้นมา  และคนหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้น คือ ตัวของเธอเอง!
 
               “ผมยังลุกขึ้นไม่ได้  เส้นประสาทที่หลังของผมถูกทำลาย  อาจต้องใช้เวลานาน.. และถ้าหากทีเซลล์ของผมฟื้นฟูตรงนี้ไม่ได้  ผมก็..”    

               -- พิการ --  ฆีมษ์ไม่ออกเสียงคำนั้น  รอยยิ้มอันแสนเศร้าคลี่ออกมาบางๆ บนใบหน้า

               “พวกนั้นจะเอาทีเซลล์ของคุณไปเพื่ออะไร  มันสำคัญถึงขนาดที่ต้องเข่นฆ่ากัน แบบนี้เลยเหรอ”
               หญิงสาวยกหลังมือขึ้นเช็ดร่องน้ำตา  ค่อยขยับกลับไปใกล้ร่างที่นั่งอยู่บนเตียง

               “ธีรา  คุณยังไม่เข้าใจโลกของทีเซลล์  คำว่า ราชา คือการที่ต้องอยู่เหนือพวกที่เป็นแบบเดียวกัน  ทีเซลล์มอบความสามารถพิเศษให้แก่มนุษย์  เพื่อคนที่ถูกเลือกจะได้อยู่เหนือคนทั่วไป  เราต่างถูกกระตุ้นสัญชาตญาณให้ต่อสู้กันเอง  ไม่มีใครรู้ว่า ทีเซลล์มาจากไหน และเกิดขึ้นได้อย่างไร  ไม่เคยมีใครรู้ว่า ทีเซลล์ใช้กฎเกณฑ์อะไร  ในการที่พวกมันเลือกจะเข้าสู่ร่างของคนคนนั้น”

               ฆีมษ์ยื่นมือออกไป สัมผัสถูกใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ  น่าแปลกที่ธีรากลับรู้สึกเต็มใจที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น  หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งข้างขอบเตียง  มีอาการคล้ายเลื่อนลอยไปชั่วขณะ

               “..ดีแล้วที่ส่วนหนึ่งของผม เลือกไปอยู่กับคุณ  ผมดีใจที่อย่างน้อย มันได้ช่วยคุณเอาไว้  ขนาดราชันย์พิฆาตจะช่วงชิงเอามันไปก็ยังทำไม่ได้  คุณเป็นคนพิเศษจริงๆ  ..ธีรา..  ระหว่างเราสองคนตอนนี้ มีสายสัมพันธ์เดียวกัน  ขอให้จำไว้ว่า  คุณมีส่วนหนึ่งของผม และผมเป็นส่วนหนึ่งของคุณ  พวกเราจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกันอีกแล้ว”
 
..การดึงดูดระหว่างเซลล์..
 
               จู่ๆ ประโยคดังกล่าวก็พลันแวบขึ้นมาในหัว  เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีแห่งช่วงเวลาอันชวนเคลิบเคลิ้ม  ธีราถึงกับชะงักกึก กระถดตัวถอยห่างจากมือและใบหน้าของฆีมษ์ ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาชิดใกล้

               “คุณกำลังทำให้ฉันเขิน”

               ธีราพูดบอกออกไปตามตรง  รู้สึกร่างกายร้อนผะผ่าว  ความคิดยินยอมพร้อมใจที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ทำให้รู้สึกน่าอับอายสิ้นดี   -- นี่เป็นผลมาจากทีเซลล์อย่างนั้นหรือ --

               กลิ่นหอมประหลาดส่งกลิ่นเจือจาง เคลือบเคล้าอยู่ในอากาศ  มันเป็นกลิ่นซึ่งยั่วยุกระตุ้นให้เกิดอารมณ์พรึงเพริดไป  ฆีมษ์รู้สึกราวกับกลิ่นดังกล่าวเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เขาเกิดอาการลืมตัวเผลอไผล  กลิ่นหอมลึกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที  เหมือนกับที่ใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏริ้วสีแดงแห่งอาการเขินอาย

               “น่าอายจริงๆ”  ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มอ่อนนุ่ม เปิดเผยรอยยิ้มเขิน  “ผมขอโทษ แต่ปกติแล้ว ผมไม่ได้ เอ้อ ไม่ได้..”

              “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”   
               ธีราชิงตัดบท  เพื่อที่อาการเก้อกระดากระหว่างกัน จะได้ยุติลงเพียงเท่านี้
 
               มีเสียงเคาะประตู  พร้อมกับร่างของฮันและผู้หญิงอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา

               “พี่ฆีมษ์  พี่หิวหรือยังคะ  เที่ยงแล้วล่ะ  ฮันนี่เตรียมอาหารไว้ให้แล้วค่ะ”

               กลิ่นน้ำหอมราคาแพงโชยฟุ้งนำหน้าสาวสวยมาแต่ไกล  ธีราหลีกทางให้แก่หญิงสาวหน้าตาน่ารักหมดจด ผู้ก้าวฉับตรงเข้ามาหาร่างบนเตียง  ฮันขยับเข้ามาใกล้ธีรา  เพื่อแนะนำหญิงสาวทั้งสองคนให้ได้รู้จักกัน

               “คุณธีรา นี่น้องสาวของผม ชื่อ ฮันนี่   .. ฮันนี่  นี่คุณธีรา”
               “สวัสดีค่ะ”   

               เหมือนคำทักทายถูกทำให้เก้อ  เมื่อมีเพียงธีราฝ่ายเดียวที่กล่าวคำสวัสดี  เพราะอีกฝ่ายทำเพียงหันมาสบตา  พยักหน้าทำท่ารับรู้วางท่าเหมือนถือตัว  ก่อนจะหันไปทางฆีมษ์อีกครั้ง

               “ทานเลยนะคะ พี่ฆีมษ์  ฮันนี่จะได้ไปยกเข้ามาให้”
               “ขอโทษด้วยนะครับ  น้องสาวผม เขาเป็นคนแบบนี้ล่ะ”

               ฮันกล่าวคำขออภัยแทนคนเป็นน้อง  หากแต่ธีราคิดอยู่ในใจเงียบๆ ว่า  การที่น้องสาวของฮันแสดงอาการไม่เป็นมิตรกับตนตั้งแต่แรกเจอ  คงเป็นเพราะเธอคนนี้ คงจะมีจิตคิดปฏิพัทธ์อยู่กับฆีมษ์เสียกระมัง

               “หัวหน้าครับ  ผมขอตัวคุณธีรา ลงไปข้างล่างก่อนนะ”
               ฮันบอกกล่าวแก่ฆีมษ์  อีกฝ่ายจึงพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจความนัย
               “เชิญครับ มากับผมทางนี้”

               ชายหนุ่มหัวสีส้มผายมือ  เดินนำหน้าและเปิดประตูให้  ธีราค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวจากฆีมษ์  และจำเป็นต้องมองใครอีกคนผู้อยู่ด้วยในระยะสายตา

               “เราจะคุยกันอีกครับ”

               ราชาสีขาวบอกพลางส่งยิ้มให้  ผิดกับสีหน้าเฉยเมยของฮันนี่  ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มที่มุมปากจากหญิงสาว ผู้มีผมยาวหยักเป็นลอนแลละม้ายคล้ายคลึงกับตุ๊กตา

 
               ห้องสีขาวหายไปเมื่อประตูถูกปิดลง  สถานที่ชุมนุมเร้นลับของบรรดาผู้ติดเชื้อ ซึ่งมารวมตัวกันจัดตั้งขึ้นเป็นสังกัด ‘ราชาสีขาว’  เมื่อดูจากภายนอกก็เหมือนอาคารพาณิชย์สี่ชั้น ขนาดสามคูหาทั่วไป  หากแต่ภายในโดยเฉพาะชั้นล่างสุดนั้น  ได้มีการทุบผนังกั้นระหว่างคูหาออก  ทั้งตบแต่งใหม่ให้เป็นสถานที่สำหรับชุมนุมและพบปะสังสรรค์  มีเสียงเพลงดังครื้นเครงร่วมกับเสียงทำกิจกรรมต่างๆ  ทำให้โลกภายนอกห้องสีขาวแลดูวุ่นวายอยู่ไม่น้อย  ด้วยเหตุนี้  ธีราจึงอดคิดไม่ได้ว่า ความเงียบสงบเพียงหนึ่งเดียวในสถานที่แห่งนี้  คงมีแต่เพียงห้องสีขาวของฆีมษ์

               ทว่าพอธีราปรากฏตัวขึ้น  เสียงต่างๆ ก็พลันหยุดลง  สายตาทุกคู่ในที่แห่งนั้นต่างจับจ้องมองมาที่หญิงสาว  ทำให้ผู้ที่ถูกมองรู้สึกกดดันและอึดอัดเป็นอย่างมาก

               ฮันเดินนำธีราลงบันไดมาจากชั้นสาม  เพื่อลงมายังห้องโถงกว้างชั้นล่างสุด  ที่ซึ่งมีคนมากมายรอคอยคนทั้งสองอยู่ราวกับตั้งขบวนต้อนรับ  ธีราสังเกตเห็นแต่บรรดาผู้ชายในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน  ไม่มีเด็กหรือคนชราที่นี่  มนุษย์เพศหญิงที่ได้พบเห็นมีเพียงแค่น้องสาวของฮันเท่านั้น

               “ทุกคน!  วันนี้ เรามีสมาชิกใหม่ที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา  คุณธีราเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มีทีเซลล์  เธอคนนี้ถูกเลือกแล้วจากทีเซลล์ของหัวหน้า  นับจากนี้ไป คุณธีราเป็นพวกพ้องของเรา  กลุ่มราชาสีขาว”

               ฮันประกาศ  พร้อมด้วยเสียงปรบมือตอบรับดังกึกก้อง  ธีรานึกอยากจะเอ่ยทักท้วง เมื่อรู้สึกว่า ฮันนั้นกำลังทึกทักและตัดสินใจไปเอง  ทว่าเธอก็เลือกที่จะนิ่งเฉยไว้ก่อน  เพื่อรอดูสถานการณ์

               “ตอนนี้  เพิ่งเข้าสู่ระยะเริ่มแรก  เธอกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแล  นี่จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกัน  ผมเข้าใจว่า ทุกคนคงมีคำถามมากมายที่อยากจะถามคุณธีรา  แต่ขอให้ทุกคนอดใจเอาไว้ก่อน  ผมไม่ต้องการให้ใครทำให้เธอเครียดหรือหนักใจ  ผมอยากให้เธอสัมผัสได้ว่า ทุกคนที่นี่เป็นเพื่อนของเธอ”

               คำพูดของฮัน ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า ทำให้ทุกคนที่กำลังนิ่งฟังอย่างสงบ  ต่างส่งยิ้มมาทางหญิงสาวทันที ตอนที่ถ้อยความของผู้พูดดำเนินมาถึงช่วงท้าย  ฮันกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก่อนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

               “คุณธีรา  อาการหิวนั้นยังอยู่ใช่ไหม  ตอนนี้ เราจะสอนวิธีแก้อาการนั้นให้แก่คุณ”

               รองหัวหน้ากลุ่มราชาสีขาวหันมาพูดกับธีรา  ก่อนจะดีดนิ้วเป็นสัญญาณกับพวกลูกน้อง ให้นำตัวชายและหญิงคู่หนึ่งซึ่งอยู่ในสภาพไม่ได้สติเข้ามา  ธีราขยับตัวอย่างตื่นตระหนก  เมื่อพอจะคาดเดาได้ว่า จะเกิดขึ้นในลำดับต่อไป

               “ไม่เป็นไรๆ  คุณธีรา  ใจเย็นๆ  เราไม่ได้จะฆ่าพวกเขา  เราแค่จะขอแบ่งก็เท่านั้น  เมื่อจบแล้ว เราจะส่งพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย และมีค่าตอบแทนให้ด้วย”
 
               ฮันขยับเข้ามาประชิดตัว  ใช้มือทั้งสองข้างกดบ่าของธีราเอาไว้ ดังไม่ต้องการให้เธอขยับหนีไปไหน  หญิงสาวถูกรุนหลังจนเข้าไปใกล้ร่างชายแปลกหน้าที่นั่งคอตกพับ  โดยมีพรรคพวกสองคนของที่แห่งนี้ ช่วยกันประคองตัวของเขาเอาไว้ให้ทรงตัวอยู่ได้

               “มาสิ  ทีนี้.. สิ่งที่คุณต้องทำ  ก็แค่วางมือไว้บนตัวผู้ชายคนนี้ ตรงไหนก็ได้ที่สัมผัสกับอีกฝ่ายโดยตรง  พอผมพูดคำว่า พอ  คุณก็ค่อยถอนมือออก  ไม่ต้องกังวล  การกินจะเป็นไปของมันเอง  แรกๆ เราอาจจะควบคุมไม่ค่อยได้  แต่เดี๋ยวอีกสักหน่อยก็จะคล่องขึ้นเอง”

               ฮันกระซิบกระซาบอยู่ข้างหู  คำว่า ‘คล่อง’ ดังกล่าวสะกิดใจขึ้นมาอย่างรุนแรง  ต้องผ่านการสังเวยเลือดเนื้ออีกสักกี่สิบคน  กว่าจะไปถึงขั้นคล่องอย่างที่อีกฝ่ายกล่าว  

               ธีราปฏิเสธการกระทำนี้  เธอประสานมือทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้มั่น  ขืนตัวไม่ยอมทำตามคำชี้นำ  กระทั่ง ฮันเริ่มหมดความอดทนกับเธอ  วิธีที่รุนแรงกว่านั้นจึงเลยเถิดกลายเป็นการบังคับ  รองหัวหน้ากลุ่มราชาสีขาวออกแรงกระชากสองมือของหญิงสาวให้แยกออกจากกัน  ก่อนจะดึงมือของธีราให้ลงไปทาบลงบนแขนของชายแปลกหน้า ผู้ตกอยู่ในสภาพไม่ได้สติดังกล่าว
 
               ทันทีที่ฝ่ามือทาบกดลงไป  สัมผัสแปลกใหม่ก็พลันแล่นพล่านขึ้นมาตามแขน  ใต้ฝ่ามือราวกับเปลี่ยนสภาพกลายเป็นดั่งฟองน้ำ ที่กำลังดูดซับเอาความชุ่มชื้นไว้อย่างเต็มเปี่ยม  ธีรารู้สึกถึงบางสิ่งที่ชำแรกผ่านชั้นผิวหนังเข้ามาภายในร่าง  ผู้ชายตรงหน้าเริ่มตัวสั่นและออกอาการดิ้นไปมา  ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวเหยเกคล้ายกำลังได้รับความเจ็บปวด  ผู้กำลังถูกกินแสดงออกถึงความทรมาน  แม้ไม่อยู่ในสภาพมีสติแต่ก็ขยับเคลื่อนไหวราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงฝันร้าย

               “ไม่!” 

               ธีราร้องออกมาคำเดียว  สะบัดตัวให้หลุดจากการบังคับของฮัน  ร่างของผู้ตกเป็นเหยื่อจึงหยุดสั่น กลับไปนั่งแน่นิ่งไม่ไหวติงอีกครั้ง

               “คุณธีรา  เริ่มใหม่นะ”
               แววตาของฮันแปรเปลี่ยนไป  แตกหน่วยเย็นชาผิดไปจากเดิมจนน่ากลัว

               หญิงสาวถอยหลังกรูด  อาการปั่นป่วนในช่องท้องเกิดขึ้นปุบปับ จนแทบอยากจะอาเจียนออกมา  เธอสอดส่ายสายตามองหาทางออกที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด  สายตามากมายซึ่งจับจ้องมาที่ตนเป็นจุดเดียวนั้น ทำให้ธีรารู้สึกราวกับตัวเองนั้น ได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว ในตอนนี้

               ความกลัวบังเกิดขึ้น  ทางออกเดียวในสถานการณ์ตอนนี้ก็คือ ต้องหนี!

                “คุณธีรากลับมายืนตรงนี้  ถ้าคุณไม่ทำ  ตัวคุณเองจะกินไม่เป็น  แล้วคุณจะแย่เอาภายหลังนะ”
               “ให้มันแย่ไปเถอะ  ฉันจะไม่กินใครทั้งนั้น  แบบนี้มันเกินไป  ฉันรับไม่ไหวหรอก”

               ผู้ถูกบังคับพุ่งตรงไปยังประตูทางออก  ทว่าช้ากว่าฮันซึ่งพุ่งเข้ามาดักหน้าไว้ ด้วยความรวดเร็วอันน่าเหลือเชื่อ  หญิงสาวตะลึงงัน  เข้าใจได้ในบัดดลว่า นี่ต้องเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า ‘ความสามารถของทีเซลล์’ อย่างแน่นอน

               “เราทำเพื่อคุณ  คุณต้องผ่านมันไปให้ได้!”

               ผู้รักษาการณ์แทนหัวหน้ากลุ่ม ฉุดข้อมือคนที่กำลังจะหนีให้กลับมายังจุดเดิม  แรงบีบของมือนั้นมากมายเสียจนทำให้รู้สึกเจ็บ  และความเจ็บเป็นตัวจุดชนวนของความโกรธ  เธอรู้สึกถึงความกราดเกรี้ยวที่พลันปะทุขึ้นมาจากข้างใน  แม้กำลังตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก เพราะถูกจำกัดอิสรภาพเอาไว้ชั่วคราวก็ตามที

               เสมือนความรู้สึกด้านลบก่อตัวขึ้นมาเป็นเสียงกระซิบกระซาบในหัว  -- จะยอมให้ตัวเองถูกบังคับได้ยังไง  เธอต่อต้านมันได้  เอาสิ! ขัดขืนเลย  แสดงให้รู้ว่า เธอไม่จำเป็นต้องยอมใครทั้งนั้น! --

               ธีราเงยหน้าขึ้นมองฮันอย่างขัดใจ  นัยน์ตาพลันแข็งกร้าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว  เสียงกระซิบบอกท่อนสุดท้ายช่างทรงพลัง ชี้นำให้ทำตาม โดยปราศจากความลังเลใจ 
 
               -- กินมัน! --
 
               ฮันสะดุ้งสุดตัว  ดวงตาเล็กเรียวบัดนี้เบิกกว้าง ด้วยความเจ็บปวดและตกใจ  ในเสี้ยววินาทีที่อีกฝ่ายสะบัดข้อมือจนหลุดออกจากการเกาะกุม  พลันแขนของเขาก็กลับตกเป็นฝ่ายถูกจับยึดเอาไว้เสียเอง  รู้สึกถึงพลังงานชีวิตที่ถูกถ่ายเทออกจากร่างไป  ฮันเคยสัมผัสกับความรู้สึกนี้มาก่อน  แค่ครั้งเดียวในกาลก่อนที่เคยถูกราชาของเขาขอแบ่งเซลล์ไป
หากแต่ครั้งนี้  มันรุนแรงและหนักหน่วงมากกว่าหลายเท่ายิ่งนัก!
 
               “คุณธีรา อย่า! ปล่อยผม”

               ผู้กลับกลายมาเป็นฝ่ายถูกกระทำดิ้นรนขัดขืน  ฮันผลักร่างของอีกฝ่ายเต็มแรง จนอีกฝ่ายถอยห่างออกไป  และนั่นจึงเป็นโอกาสให้ธีราได้หลบหนี  หญิงสาวถลันไปหาประตูทางเข้า  กระชากบานประตูเปิดออกโดยเร็ว  ก่อนวิ่งพรวดพราดออกจากที่นั่น  แบบไม่หันกลับมามองอะไรทั้งสิ้น

               ดนู  คนตัวใหญ่ยืนรวมอยู่กับบรรดาคนเหล่านี้ด้วย  แต่กว่าจะมีใครขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว  ธีราก็ไปไกลเสียแล้ว

               “ตามไป  พาตัวเธอกลับมา  แต่อย่าทำอะไรรุนแรงเด็ดขาด”  

               ฮันร้องสั่งทุกคน  โผเผทรุดฮวบลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งแถวนั้น ด้วยอาการของคนหมดเรี่ยวแรง หน้ามืดจนตาพร่าคล้ายจะเป็นลม  รู้สึกประหนึ่งวิญญาณถูกสูบออกจากร่าง

               “มีอะไรกันน่ะพี่”

               ฮันนี่ชะโงกหน้าถามลงมาจากชั้นบน  ด้วยเสียงอึกทึกวุ่นวายจากชั้นล่างเล็ดลอดเข้าไปถึงในห้องของฆีมษ์  มีคนช่วยตอบคำถามดังกล่าวแทนฮัน

               “พี่ฮันถูกคุณธีรากิน  ตอนนี้ คุณธีราหนีไปแล้ว”
               “ว่าไงนะ!”
 


 
+++++++++++++++++++++++++++++
 

 

               ห้างสรรพสินค้าตอนใกล้เที่ยง มีผู้คนเข้ามาใช้บริการไม่พลุกพล่านเท่าไหร่  เป็นช่วงเวลาที่บรรดาร้านรวงซึ่งตั้งอยู่ในห้างฯ ยังไม่คึกคักเหมือนช่วงเย็นตลอดไปจนถึงหัวค่ำ  ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการจับจ่ายใช้สอยเงินทองของผู้คน

               พิจิกเพิ่งมาถึงที่นี่ พร้อมกับจุดประสงค์อันเลื่อนลอย ไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัด  ชายหนุ่มเก็บรวบผมของตนไว้ในหมวกทรงฟักทองใบโต  ซึ่งเลือกมาสวมใส่ให้เข้ากับเสื้อผ้าและรองเท้า ที่ล้วนแล้วแต่มีสีเทาแทรกแซงอยู่ทั้งสิ้น  ในเวลานี้ ราชาแมงป่องจึงไร้ความแตกต่าง  เขาแลดูกลมกลืนปะปนไปกับฝูงชนคนธรรมดาทั่วไป

               คนมากมายเดินสวนผ่านไป  โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า  ชายหนุ่มคนดังกล่าวพร้อมที่จะกลายร่างเป็นมัจจุราชได้ทุกเวลา  หากความหิวสุดหยั่งนั้นบังเกิดขึ้นกับตัวเขาขึ้นมา ในเวลาใดก็ตาม

               หลายวันมาแล้วที่ชายหนุ่มวนเวียนเข้าออกอยู่แต่กับภวังค์ส่วนตัว  รสเลือดของผู้หญิงคนนั้นราวกับติดค้างอยู่ปลายลิ้น  ไม่ยอมลบเลือนจางหาย  มันทำให้เขายิ่งเกิดความกระหายหนักขึ้นไปอีก  -- ตนต้องทำอย่างไร ถึงจะดับความรู้สึกนี้ได้ -- 

               ราชาแมงป่องจนปัญญา  เพราะไม่รู้ว่า จะสืบหาคนที่ตนจดจำได้แต่ใบหน้า ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ หรือรายละเอียดอะไรเลยสักอย่างเดียวได้อย่างไร  เหตุผลที่พิจิกต้องการติดตามหาตัวผู้หญิงคนนั้น ก็เพื่อจะขจัดอาการละเมอเพ้อพก ซึ่งก่อกวนความสงบให้แก่ชีวิตและความคิดอย่างรุนแรง  

               พิจิกครุ่นคิด.. บางที อาจต้องใช้พิษถอนพิษ  ถ้าหากตนได้ชิมรสเลือดนั่นอีกสักครั้ง  ความคิดหมกมุ่นนี้ก็คงจะหายไปได้เอง..

               ชายหนุ่มคิดเอาเองไปตามประสา  ทว่าการตามหาตัวคนแปลกหน้าในความทรงจำ กลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด  ความเป็นจริงมีค่าเท่ากับศูนย์  และเมื่ออับจนหนทาง  พิจิกจึงย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง  สถานที่เกิดเหตุในคืนวันนั้น  เพื่อตามรอยความทรงจำของวันวาน

               กลุ่มสาวน้อยวัยแรกรุ่นสองสามคนเดินผ่านหน้าเขาไป  พิจิกอดมองและคิดตามไม่ได้ว่า เวลาที่สาวๆ เหล่านี้ดิ้นเร่า ตัวชักกระตุก อาบอิ่มไปด้วยเลือดภายใต้เงื้อมมือของเขานั้น  มันให้ความรู้สึกซาบซ่านมากแค่ไหน  ใครต่อใครชอบหาว่าเขาบ้าเลือด  นั่นไม่จริงเลยสักนิด  เขาแค่หลงใหลในเสน่ห์ของเลือด ต่างหาก

               -- โชคดีของคนแถวนี้นะ  ที่เขายังอิ่มอยู่ --

               พิจิกนั่งพักขา บริเวณที่นั่งพักใกล้ทางออกทิศหนึ่ง  มองดูผู้คนเดินขวักไขว่สัญจรไปมา  พลางนึกถึงอดีตในวันวานของตน สมัยที่เคยเป็นแค่วัยรุ่นธรรมดา  มันช่างแตกต่างจากปัจจุบันนี้มากนัก  ความรู้สึกที่ได้รู้ว่าตนครอบครอง ‘พลังอำนาจ’ ที่ทำให้อยู่เหนือคนอื่นได้นั้น  ทำให้ใจเกิดความหยิ่งผยองสิ้นดี

               ตั้งแต่มีทีเซลล์เข้ามา  เขากล้าแกร่งขึ้น  มันปลุกพลัง  ทั้งยังปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนให้พลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
 
               -- ที่ไหน.. จะหาผู้หญิงคนนั้น พบได้ที่ไหนกัน  เขาไม่น่าเล่นมากไปเลย --
 
               ในขณะที่กำลังคิดใคร่ครวญถึงเรื่องนี้  พลันความรู้สึกหนึ่งก็แล่นตรงเข้าบีบหัวใจ  พิจิกกางนิ้วมือทั้งห้าขึ้นกุมหน้าอก  เหลียวซ้ายแลขวา อยู่ในท่าทางระวังภัยอย่างเต็มตัว
               -- อะไรกัน! มีใครบางคนอยู่แถวนี้ มันจ้องเล่นงานเรา ยังงั้นเหรอ --
 
               สัญชาตญาณดิบพลันตื่นขึ้นในเสี้ยววินาที  ทีเซลล์ในร่างกำลังเผาผลาญจากภายใน ให้เลือดลมพลุ่งพล่านเร่าร้อน  สีดำของลูกตาในยามปกติ เวลานี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีเทา  อันเป็นตัวบ่งบอกถึงภาวะเตรียมพร้อมเข้าสู่การใช้พลังเหนือขีดจำกัดของมนุษย์  ราชาแมงป่องพยายามเพ่งจับทิศทาง หาต้นตอของความรู้สึกถูกคุกคามดังกล่าว

               จากระยะการมองเห็น  เงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งไปทางทิศหนึ่ง ซึ่งแลดูผิดสังเกตจากคนอื่นๆ มากที่สุด  แม้จะยังไม่ค่อยแน่ใจนัก  แต่พิจิกก็ตัดสินใจติดตามไป เพื่อพิสูจน์ดูให้รู้แน่ชัด  เขามองเห็นด้านหลังของผู้ต้องสงสัยทำท่าหันรีหันขวาง เหมือนมองหาทางหนีทีไล่  ก่อนจะเลี้ยวหายออกไป ตรงประตูทางเข้าออกลานจอดรถของชั้นนั้น
 
               -- หนีไม่พ้นหรอกเว้ย ! --
 
               ราชาแมงป่องคำรามในใจ ออกตัวพุ่งตามไปติดๆ  พิจิกพาตัวเองออกมาสู่ลานจอด ซึ่งเต็มไปด้วยรถยนต์จอดเรียงรายแน่นขนัด  ไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใดๆ ในระยะสายตา  เขาค่อนข้างมั่นใจว่า ไอ้คนที่กล้าแหย่หนวดเสือ ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ นี้เอง

               เกมแมวไล่จับหนูเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ  ราชาแมงป่องเคลื่อนไหวอย่างใจเย็น ไล่กวาดสายตามองค้นหาไปเรื่อยๆ ทีละแถว  อาจดูเหมือนเป็นวิธีงมเข็มในมหาสมุทร ซึ่งศัตรูอาจสบโอกาสหนีรอดไปได้  ทว่าในความเป็นจริงแล้วนั้น  ประสาทสัมผัสอันแหลมคมของเขากำลังตื่นตัวเต็มที่  ขอเพียงมีการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  รับรองว่า ไม่สามารถรอดมือเขาไปได้อย่างแน่นอน

               -- อยู่ตรงนั้นเองหรอกรึ ! --

               ได้ยินเสียงฝีเท้าและการเคลื่อนไหวของใครบางคนเพียงแผ่วเบา  เพียงแค่นั้น  พิจิกก็ดีดตัวกระโจนไปสู่ทิศทางของเสียงดังกล่าวได้ในเสี้ยววินาที

               “เฮ้ย!”

               การปรากฎตัวในชั่วพริบตา  ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถึงกับตกใจ จนเผลอทำกุญแจรถร่วงหล่นลงบนพื้น  ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมเกร็ง มองดูชายวัยรุ่นผมยาวสีเทาตรงหน้า ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นๆ 

               “แกใช่ไหมที่จ้องฉัน หนีทำไมวะ”

               พิจิกถามเสียงกระชาก  ดวงตาวาววับดุดันคล้ายตาของแมวเวลาตั้งท่าขู่ศัตรู  เขาขยับเข้าหาอีกฝ่าย  เปลี่ยนรูปการณ์จากผู้ถูกคุกคามกลับมาเป็นฝ่ายคุกคามเสียเอง

               “อะ.. ผิดคนรึเปล่าคุณ  เราไม่รู้จักกันเลยนะครับ”

               คนตรงหน้าพูดแบบหวาดๆ ซ้ำยังไม่กล้าก้มลงเก็บกุญแจรถที่ตกอยู่  อาจเป็นเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยกับคนแปลกหน้า ที่จู่ๆ ก็โผล่พรวดมาจากตรงไหนก็ไม่รู้

               “โกหกนี่~”

               เท้าทั้งสองข้างของชายผู้โชคร้ายลอยหวือขึ้นเหนือพื้น  ด้วยถูกจับตัวยกขึ้นจากพละกำลังอันมหาศาลของแขนเพียงข้างเดียว  พิจิกยังมีแก่ใจพูดหยอกเล่นกับอีกฝ่าย  ทั้งที่มือของตนกำลังขยุ้มยกคอหนูตัวเป้งที่ไล่ตะครุบได้  ไอ้คนโกหกไม่เข้าท่ากำลังดิ้นรน เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นเป็นอิสระ ดวงตาคู่นั้นเหลือกลานจนแทบจะถลน  ส่งเสียงอึกอักในลำคอด้วยหายใจไม่ออก  พิจิกกำลังคิดที่จะฝากแผลไว้สักรอย  เผื่อว่า ความเจ็บปวดจะช่วยรีดความจริงออกมา  ตนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเค้นถาม

               ทีเซลล์สั่งการได้รวดเร็วเท่าความคิด  ผมปอยหนึ่งม้วนตัวขึ้นเป็นเกลียว  ยกตัวขึ้นจดจ่อบริเวณต้นแขนชายต้องสงสัยในกำมือ  เตรียมจะทำอันตรายเหมือนอย่างที่เคยทำมา
 
               “ปล่อยเขา!  คนที่แกหาตัวอยู่น่ะ คือฉันเอง!”

               ราชาแมงป่องหยุดยั้งการลงมือ  ด้วยเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังขึ้น จากทางด้านหลังของตน
 

               ธีรา พินิจใจ ค่อยเผยตัวออกจากที่กำบัง  เธอหลบอยู่ข้างหลังรถคันหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากคนทั้งสองไปแค่ไม่กี่คัน  หรือนี่จะเป็นชะตากรรมของผู้ที่มีเชื้อทีเซลล์ที่ต่างถูกชักนำ ให้ต้องมาประสบพบเจอกันอีกครั้งอย่างหลีกหนีไม่พ้น  หญิงสาวได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

               -- เพิ่งพ้นจากพวกราชาสีขาวมา  ยังต้องมาเจอคนร้ายตัวจริงเสียอีก  หรือเราจะถึงคราวตายก็วันนี้ ทำอย่างไร.. เราจะทำอย่างไรดี --
 
               พิจิกเหวี่ยงคนในมือทิ้งไปทางหนึ่งอย่างไม่ไยดี  ร่างของชายคนดังกล่าวร่วงลงกระแทกพื้น ก่อนจะนอนกองลงไปกับพื้นคอนกรีตและเงียบเสียงไป  ธีราทำได้แค่มองตามไปอย่างนึกเป็นห่วง  เพราะความหวาดผวาต่อตัวอันตรายตรงหน้านี้มีมากกว่า  หญิงสาววัยยี่สิบห้าจึงได้แต่ยืนแข้งขาสั่น  กล้ำกลืนฝืนเผชิญหน้ากับมัจจุราชที่เคยเกือบจะปลิดชีวิตตนมาแล้ว

อ๋า~ กำลังกลุ้มอยู่เลยว่า จะไปตามหาตัวพี่สาวเจอได้ที่ไหน  ดีจริงๆ เลยนี่มัน..”

               หนึ่งในสามฆาตกรของคืนทมิฬ ย่างเท้าตรงรี่เข้าหาผู้หญิงตรงหน้า ด้วยสีหน้าเบิกบานยินดี  เปิดยิ้มกว้างเสียจนเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมซี่หนึ่ง โดดเด่นอยู่ด้านหน้าของแถวฟันชั้นบน

               “..นี่มัน  โคตรโชคดีอะไรอย่างนี้”
               “จะ จะทำอะไร”

               ธีราละล่ำละลักอย่างตกใจ  ผงะถอยหลังไปครึ่งก้าว  เพื่อหลบเลี่ยงใบหน้าของวายร้ายที่ชะโงกเข้ามาใกล้ชนิดหน้าต่อหน้า  ดวงตาสีเทาคู่นั้นทอประกายประหลาดล้ำเสียจน สามารถสะกดเธอให้หยุดยืนอยู่กับที่ได้อย่างน่าพิศวง

               “ค้างคาใจเหลือเกิน  ได้เจอก็ดีแล้ว  ขอเลือดหน่อย แค่นิดเดียวเท่านั้น”

               ชายหนุ่มผมยาวสีเทาเข้ม โน้มริมฝีปากเคลื่อนกระซิบใกล้ข้างหู  แสดงกิริยาอาการในแบบที่ไม่อาจเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า  เหตุใดจึงต้องเข้าประชิดใกล้ผู้หญิงคนนี้มากถึงเพียงนี้

               “ยะ อย่าทำฉัน ดะ ได้โปรด..”
               “ทำอะไร หืม~ เคยบอกแล้วไงว่า  ผมน่ะ ไม่ทำอะไรพี่สาวหรอก”

               พิจิกเอ่ยด้วยเสียงกระซิบกระซาบ  คำวิงวอนของคนตรงหน้าพลอยฉุดความทรงจำขึ้นมาได้ว่า ตัวเองเคยฝากรอยประทับเอาไว้
 
               ราชาแมงป่องคว้าแขนทั้งสองข้างของอดีตเหยื่อขึ้นมาสำรวจ  ทว่าผิวเนื้อตรงท้องแขนนั้นกลับเกลี้ยงเกลา ปราศจากรอยขีดข่วนใดๆ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดแผลให้ได้เห็น  เจ้าของดวงตาสีเทามองดูผู้หญิงตรงหน้า ด้วยความรู้สึกสุดแสนพิศวงงงงวยอีกครั้ง

               ธีราตอบข้อสงสัยดังกล่าว ด้วยดวงตาซึ่งแสดงแววหวาดวิตก  ตัวสั่นกลัวต่อความจริงที่อีกฝ่ายกำลังจะเข้าใจในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า  หนาวเยือกไปทั้งร่าง เมื่อไพล่คิดไปถึงเหตุการณ์แย่งชิงทีเซลล์อันสุดสยอง ที่เคยเกิดขึ้นกับฆีมษ์มาแล้ว

               “รึว่า.. เฮ้~ ไม่จริงน่า  เป็นไปได้หรือนี่..”

               พิจิกส่ายหน้าช้าๆ  ดวงตาฉายแววชนิดหนึ่งซึ่งแสดงออกว่า  ตนเข้าใจในสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างทะลุปรุโปร่ง

               “ติดเชื้อยังงั้นหรือ! อะไรกันเนี่ย  มันเป็นไปได้ใช่ไหม~ ในที่สุด ก็มีผู้หญิงที่มีทีเซลล์เกิดขึ้นแล้ว” 

               ผู้เป็นส่วนหนึ่งของความแตกต่างอย่างราชาแมงป่อง  ดึงเอาร่างตรงหน้าเข้ามากอดรัด ด้วยสีหน้าท่าทางแสดงความดีอกดีใจ  อาจเป็นด้วยความยินดี หรือความรู้สึกอื่นใดก็สุดที่จะคาดเดาได้  ธีราไม่เข้าใจเลยสักนิดกับท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกมา  เธอพยายามผลักไสร่างที่เข้ามากอดแน่นอยู่ ให้พ้นห่างออกจากตัว

               นอกเหนือไปจากความตื่นตกใจ  มีความระทึกแอบแฝงอยู่ในส่วนลึก  หญิงสาวรู้สึกวาบหวามหวั่นไหวมิใช่น้อย  เมื่อต้องถูกสัมผัสจากเพศตรงข้าม ชนิดชิดเนื้อแนบกาย  แม้ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความไม่ตั้งใจ  แต่ถึงกระนั้น กลิ่นหอมประหลาดที่ราชาสีขาวเคยถูกดึงดูดมาก่อน ก็พลันส่งกลิ่นอวลไอขึ้นมาอีกครั้ง  ธีรารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง เริ่มบอกตัวเองไม่ถูกแล้วว่า อยากหนีจากอ้อมกอด หรืออยากถูกกอดให้แน่นขึ้นมากกว่านี้กันแน่..
 
               สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น คือร่างของคนทั้งสองถูกห่อหุ้ม อยู่ในวงล้อมของเรือนผมสีเทาอันอ่อนนุ่ม  พิจิกกดริมฝีปากลง ประกบกับริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างสุดที่จะหักห้ามใจ  รสชาติหวานล้ำที่ตามหาทะลักล้นอยู่ในปาก ให้ตักตวงอยู่อย่างสุดกระหาย  ความรู้สึกหวามไหวพลันบุกจู่โจมคนทั้งคู่  ข้างฝ่ายธีรารู้สึกตัวเบาหวิว ไร้เรี่ยวแรงที่จะผลักไส  ความรู้สึกคล้ายจวนเจียนจะขาดใจ  ตราบเท่าที่อีกฝ่ายยังคงประทับจูบเนิ่นนานอยู่อย่างนั้น
 
 


 
++++++++++++++++++++++++++++++++



Create Date : 18 มกราคม 2563
Last Update : 24 พฤษภาคม 2563 12:39:17 น. 0 comments
Counter : 755 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณรัชต์สารินท์


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.