vir' ผู้เศร้าจิต จากอมยิ้มอันเดิมที่โดนยึด

ปากพาจน ตอนที่ 1: confession of dullness part I

ปากพาจน วันนี้ มีประเด็นการกระสันต
์อยากเปลี่ยนชื่อประเทศไทย เป็นสยาม
และมีการเสล่อ ล่ารายชื่อกัน

ลองอ่านเรื่อง confession of dullness นะครับ
ผมก๊อบของผมมาจาก //pichapong.spaces.live.com/blog/cns!2214C3CA8DC49019!1427.entry

=================================================

Interlude:


เมื่อความมืดแห่งรัตติกาลครอบครองทั่วพื้นที่ มณฆลแห่งสยามประเทศ

จักเป็นเวลาแห่งความไม่เที่ยงแท้ มิอาจคาดเดาอะไรได้… [cont]


Dullness Canopy upon Siamese territory


[Once it'd been rule by democracy, we called it the Thailand country]


เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆก็ดี ที่เกิดขึ้นในชาติ ล้วนเป็นวิถีหนึ่งจักต้องประสบในกระบวนการสร้างชาติ

จากการสร้างชาติรูปแบบเดิมๆ ที่เคยใช้กันในเชิงรัฐศาสตร์ ตามแบบที่ผ่านมา



อย่างเช่นที่ใช้ในไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คือ "มาลานำไทย"

เป็นวิธีทางหนึ่งที่มีผลทางกลยุทธ 2 แบบหลักๆ คือ

1 การสร้าง "ชาติ"

2 สร้างความเป็นอารยะ หรือ modernized ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงในเวลานั้น

จนก่อร่างรูปร่างของชาติที่ชัดเจน ทางอ้อม ผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจทั้งหลาย



ซึ่งยังมี วิถีทางการสร้างชาติแบบอื่น ทั้ง Marxism ในแบบ socialism

หรือ ทั้งแบบ Democratic รวมไปถึง capitalism



ในเชิงอารยะขัดขืน ... ประเทศไทย ได้ใช้รูปแบบหนึ่งของการสร้างชาติมาตลอด

การสร้างชาติในรูปแบบที่เรียกว่า ทหาราธิปไตย สร้างความยอมรับของประชาชน

ผ่านทางส้นรองเท้าบู๊ตและปลายกระบอกปืน



มาบัดนี้...

การสร้างชาติแบบใหม่ได้เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย



เริ่มตั้งแต่การจรยุทธในเมืองของจังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยพัฒนามาจากการสร้างชาติของคอมมิวนิสต์จีนและเวียดนาม

คอมมิวนิสต์ : จรยุทธ ชนบทล้อมเมือง

ใต้ : จรยุทธในเมือง ตีจากกลางเมือง แล้วชนบทขนาบ



การข่าวของไทยถูกตัดขาด ไร้ประสิทธิภาพ

นโยบายและกลยุทธต่างๆ ไม่มีประสิทธิผล



และการจรยุทธขยายฐาน จากในเมืองที่มั่น และชนบทรอบข้าง

เข้ามาดำเนินการที่ส่วนกลาง สร้างสถานการณ์ ให้จดจ่อกับการจรยุทธ์ไม่ได้






Pre-Introduction:


ต้องท้าวความก่อนจะเป็นชาติไทยที่ผ่านกระบวนการสร้างชาติในยุคหลัง

Siamese Domain

เริ่มจากแกนของ “ชาติ” ไทย - แผ่นดินสยาม



สยามในนามของรัฐฐะ อิสระ ที่เป็นไทแก่ตน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแผ่นดินเอเชีย

สยามมีอาณาเขตไม่แน่นอนอย่างที่รับรู้กันว่า อำนาจการปกครองประเทศราชเปลี่ยนแปลงเสมอตามยุคสมัย



อาณาบริเวณของสยามที่แท้อย่างดั้งเดิมครอบคลุมพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด

อุดตรทิศ จรด อาณาจักรล้านนา อันครอบคลุมถึง บางส่วนของล้านช้าง

อีสานทิศ จรด เวียงจันทร์ และหลวงพระบาง

บูรพาทิศ จรด จำปาศักดิ์ และพนมเปญ

อาคเนย์ทิศ จรด พุทไธมาศ และทะเล

ทักขิณทิศ จรด นครศรีธรรมราช และ อาณาจักรปัตตานี

หรดีทิศ จรด ตะนาวศรี มะริด

ประจิมทิศ จรด ทวาย มีมาเนอร์ปลอว์ (รัฐของมอญ)

พายัพทิศ จรด ล้านนา




Colonization

ในมณฑลของสยามประเทศ นับตั้งแต่การรวมเข้าด้วยกันของหัวเมืองต่างๆ

ทั้งหัวเมืองชั้นนอกและชั้นใน กอปรกันเป็นสยามประเทศ

ในราชวงศ์ต่างๆ ของอโยธยาศรีรามเทพนคร ผ่านมายังกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์

อาณาเขตหลักของเมืองไทย ก็ยังคงเดิม หากแต่จำนวนของประเทศราช แตกต่างกัน



ประเทศราช คือประเทศใต้อาณัติการปกครอง

จำนวนประเทศราช จะแสดงบารมี และความมั่งคั่งของอาณาจักร



อาณาจักรสยาม ในวันที่เป็นรัตนโกสินทร์

ได้แผ่บารมีและรุกรานแว่นแคว้นต่างๆรายรอบ

เพื่อสร้างความเกรียงไกรและความมั่งคั่งให้อาณาจักร



สยามเข้าครอบครองหัวเมืองทางเหนือ ในความเดิมก็เป็น ล้านนา หริภุญชัย

หรือ ทางตะวันออกและทางอีสาน ในความเดินคือ จำปาศักดิ์ พุทไธมาศ

ได้อย่างไม่มีปัญหาเท่าใดนัก เนื่องจากความเป็นอยู่และศาสนาเหมือนกัน



สยามครอบครอง นครศรีธรรมราช และถลาง โดยไร้ซึ่งปัญหาเช่นเดียวกัน

Pattani Kingdom

แต่กับหัวเมืองมลายู อันเป็นประเทศปัตตานี ก็ล้วนแต่มีปัญหา ตั้งแต่

รัชสมัยของ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี นายทองด้วง ร.๑

จวบจนรวมเป็นมณฑลเทศาภิบาลในรัชสมัยของ ร.๕



อาณาจักรปัตตานี เคยถูกแบ่งเป็น ๗ เมืองในปลายสมัยของ ร.๒

เพื่อง่ายต่อการควบคุม และลดอำนาจที่จะทำให้กระด้างกระเดื่อง



หากแต่เป็นเพราะ ศาสนาที่แตกต่างกัน และ

มีวิถีการดำเนินชีวิตอย่างเคร่งครัดตามแนวทางศาสนา ที่ไม่เหมือนกัน

ทำให้เกิดปมในสำนึกของชนเหล่านั้น สยามไม่สามารถปกครองปัตตานีได้อย่างละมุมละม่อม

[Further information – contact me]

Story:


สยามในบริบทของชนชาติอิสระ ผู้เป็นไทแก่ตน

อาศัยในอาณาเขตประเทศสยาม อันมีประเทศราชรายล้อม


Raised of Malayu


ครั้นอังกฤษ เข้ามารุกราน และยึดครอง สิงคโปร์ มะละกา และปีนัง

และได้จัดตั้งเป็นรัฐ สเตรตส์ แซตเทิ่ลเม้นต์ ในปี พศ. ๒๓๖๙



จากนั้น อังกฤษก็มีการขอรัฐไทรบุรีจากสยาม

ให้กลับคืนไปให้พระยาไทรบุรีปกครองดังเดิม

(พระยาไทรบุรี สนิทกับทางฝ่ายอังกฤษ อยากเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ/ ปอง)

(ไทรบุรีเป็น 1ใน 7 รัฐที่แยกจากอาณาจักรปัตตานี)



จวบจนกระทั่งปี พุทธศักราช ๒๔๐๕

สยามและอังกฤษมีการกำหนดเขตแดนให้ชัดเจนทางใต้



เมืองไทยในเวลานั้น มีอาณาเขต ยาวไปถึงกึ่งหนึ่งของรัฐมลายู (มาเลเซีย)

พอปี ๒๔๕๒ สยามก็เสีย กลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปริศ ให้แก่อังกฤษ



อาณาจักรปัตตานีเดิม ถูกแยกเป็น 2 ส่วน

ส่วนหนึ่ง อยู่กับสยาม

อีกส่วนหนึ่งก็ไปขึ้นกับอังกฤษ

Nation building process


หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากราชาธิปไตยเป็น ประชาธิปไตย

โดยคณะราษฎร์ในปี พศ. ๒๔๗๕ สยามเผชิญกับมรสุมรายล้อม

ทั้งลัทธิล่าอาณานิคมจากประเทศในยุโรป และภาวะเศรษฐกิจถดถอย

การสร้างชาติของสยาม ก็เริ่มจากจุดนี้ เพื่อสร้างกำแพงต่อต้านมรสุมต่างๆ



แต่ในช่วงแรก การสร้างชาติ จำกัดเฉพาะในส่วนกลาง อาจจะเพราะความขัดสนในหลายๆด้่าน

จนผ่านไปถึง สมัยของพระยาพิบูลย์สงคราม หรือ จอมพลแปลก พิบูลย์สงคราม

วิถีทาง นโยบาย ในการสร้างชาติเริ่มรุณแรง และเข้มข้นขึ้นมาก เพราะแรงกดดันจากสถานการณ์รายรอบ

สยามเปลี่ยนชืื่อ เป็น ไทย


เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของมวลชน ต่างๆ

ประชาชนจากอดีตประเทศราช หรือมณฑลเทศาภิบาล ถูกผนวกเข้ามา

เป็น “ไทย” หาใช่ชนต่างๆ ทั้งสยาม แขก ลาว มอญ ฯลฯ

ทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตประเทศไทย เกิดเมืองไทย ล้วนเป็น “คนไทย”



วิธีที่ถูกนำมาใช้ เพื่อการนี้ ล้วนแต่เด็ดขาดและรุณแรง

และมาจากส่วนกลางอย่างเดียว หาใช่ ชุมชนที่ได้รับผลกระทบไม่



ผู้ออกนโยบาย ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องละเอียดอ่อน อย่างเรื่องศาสนา

รวมไปถึงลักษณะทางกายภาพและสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน



ข้าราชการ ที่ถูกส่วนกลางส่งไปปฎิบัติหน้าที่นี้ ก็หาใช่คนที่รับมือเรื่องราวละเอียดอ่อนได้

ความรุณแรงถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ อุ้ม ฆ่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ชาวบ้าน ในอดีตอาณาจักรปัตตานีอยู่กันอย่างหวาดกลัว และหวาดระแวง

ความกลัว ถูกเปลี่ยนมาเป็นแรงขับ กลายเป็นเกลียด เป็นอาฆาต

และถูกในมาใช้โต้ตอบกับผู้นำปฎิบัติมายัดเยียด



ปัญหานี้เอง เิกิดจากความไม่เข้าใจ และความรุณแรง

Southern Violence


ครั้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ รัฐมาลายู ได้รับเอกราชจากอังกฤษ

และกลายมาเป็น ประเทศมาเลย์เซีย



อดีตอาณาจักรปัตตานี ที่มีปัญหากับประเทศไทย

จึงอยากเข้าผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ

ที่มีเชื้อชาติ และภูมิหลังอย่างเดียวกันอย่างมาเลย์เซีย



ปัญหาความรุณแรงเพื่อการแบ่งแยกดินแดน

จึงเกิดแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา



และเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนเข้ามาในเมืองไทย

พรรคได้ติดปีกเสริมเขี้ยว และลับคม ให้กับพรรคที่ต้องการแยกดินแดน



มีการสู้รบกับเมืองไทยตลอดเวลา โดยแบบแผนของจีน

วิธีจรยุทธ ชนบทล้อมเมิอง ที่เคยได้ผลเสมอของพรรค



จวบจนเวลาผ่านไป รัฐ ได้ปรับกลยุทธ และพัฒนาการข่าว

คอมมิวนิสต์และขบวนการแยกดินแดนก็สงบไปในสมัย ๒๕๒๙

Silence Mode

ช่วงเวลาแห่งความสงบ ก้าวหน้าไปพร้อมๆกับสภาวะเศรษฐกิจ

การทำงานและนโยบายประนีประนอมที่ถูกนำมาใช้ ตั้งแต่ ๒๕๒๓

ได้ผลอย่างเห็นภาพได้ชัด ไม่มีการใช้ความรุณแรงอึกทึกครึกโครมดังอดีต



น้ำเลี้ยง จากพรรคคอมมิวนิสต์หมดไป ตั้งแต่จีนเปิดประเทศ

การจรยุทธตามแนวทางเดิม ก็ไม่ได้ผลแล้ว เพราะแนวร่วมประชาชนหมดไป

ทำให้การข่าวของทหารดีขึ้น มีเพียงการซุ่มโจมตีประปราย



แต่การเคลื่อนไหวภายในองค์กรณ์ยังคงมีอยู่

เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบและหันหัวเรือไปทางอื่น

รอจังหวะการเมืองของไทยวุ่นวาย ก็โผล่มาทำงานใหม่

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่ยังคงมีอยู่ในหลังสมัยการปฎิวัติรสช.

ในยุคที่นายชวน หลีกภัยนายกคนใต้ มีการเผาโรงเรียน 36 โรงพร้อมกัน

แล้วก็มีความวุ่นวายประปราย

Return of Darth Vader

นโยบายที่ผิดพลาดเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้น...

การทึกทักไปเองว่า คอมมิวนิสต์สูญพันธุ์ไปแล้วนั่นเอง



แล้วละเลยในรายละเอียดที่ว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนนั้น

ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ เพียงแต่ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันในอดีตเท่านั้น

ทั้งสองฝ่าย มีวิถีทางคล้ายกัน แต่จุดประสงค์ต่างกัน



การนำทหารออกจากพื้นที่ แล้วให้ตำรวจเข้าไปแทน

โดยไม่ใส่ใจว่า ชาวบ้านต่อต้านตำรวจ นิยมทหาร

การข่าวเลยพังไปทั้งระบบ ช่องโหว่อันตรายปรากฎ



ขบวนการเดิม แต่ได้น้ำเลี้ยงใหม่ เริ่มทำงานตามระบบ

วิธี และยุทธวิธี ในรูปแบบใหม่ๆ ได้ถูกนำมาใช้

จรยุทธในเมือง ถูกนำมาใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ คนร้ายก่อเหตุบ่อยมาก

มีการประกาศสภาวะฉุกเฉินในเขตนั้นหลายต่อหลายครั้ง

Rage through Town

กลเม็ดจากสงครามต่อต้านอเมริกัน หรือ Future Jihad อาจจะอยู่เบื้องหลัง

วิถีทางที่ปรับปรุงไปตามยุทธศาสตร์ และภาวะแวดล้อมอย่างไทยๆ

ยุทธวิธีที่เปลี่ยนไปนี้สร้างปัญหาให้กับทางการไทยมาก



ทางการไทยก็เปลี่ยนหมากที่เดินรับมือไปตามเกมส์

การข่าวก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ แต่ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างน้ำเลี้ยงยังไม่ถูกตัด

ครั้งก่อน แค่ทางการโชคดี ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนล่มสลายพอดี

แต่ครั้งนี้ ผองชนผู้ให้น้ำเลี้ยง ยังคงอยู่



หมากของฝ่ายตรงข้ามเดินตาเรือรุกขึ้นมา สร้างความลำบากให้ตาม้า

จะเดินหน้าหาเรื่องกินโคนก็ไม่ได้ ต้องพะวงกับการป้องกันขุนและเม็ด



ฝ่ายใต้ รุกคืบวางระเบิดในเมือง เพื่อสถานการณ์อย่างแน่นอน

ทั้งกลางคืนในวันปีใหม่ และกลางคืนของเมื่อวันก่อนหน้าเมเจอร์รัชโยธิน



ทางการก็ทำหน้าที่ให้รุกคืบหน้าไม่ได้ เพราะต้องคอยระวังเหตุในเมือง

ต้องปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีเวลาตั้งตัว และรุกกลับมา



ม้าขยับไม่ได้ เรือโดนโคนคุมเชิงอยู่ ส่งเบี้ยไปก็โดนกิน

ก็ต้องส่งเม็ดเดินตัดไป คอยจู่โจม... strategy ที่ควรเป็นก็ต้องเป็นอย่างนี้

รูปด้านล่างนี้ เป็นกลยุทธของฝ่ายที่โจมตีไทย



-------------------------------------------

ยังมีต่ออีกยาว

แต่คืนนี้ต้องนอนแล้วล่ะ ไว้ค่อยมาต่อ

-------------------------------------------------


ผมจะไม่สรุปอะไรทั้งนั้น...



แต่อยากให้เปิดเผยตัวผู้ที่อยู่ด้านหลังของฝ่ายผู้ก่อการร้ายภาคใ้ต้ซะ

การแก้ปัญหามันไม่ยากหรอก

แต่ผู้มีอำนาจจะกลัวเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทำไม?

มันให้เงินคนทำเหี้ยในไทย แล้วจะกลัวมีปัญหากับมันเพืื่ออะไร



แล้วไอ้พวกอยากไปใช้ชื่อสยามน่ะ ลองพิจารณาเหตุผลการเปลี่ยนชื่อเป็นไทยซะก่อนนะ




 

Create Date : 13 เมษายน 2550   
Last Update : 13 เมษายน 2550 2:51:44 น.   
Counter : 297 Pageviews.  


vir' ผู้ไม่มีอมยิ้ม
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โดนวรพจน์ยึดอมยิ้มไป......
[Add vir' ผู้ไม่มีอมยิ้ม's blog to your web]