หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากราชาธิปไตยเป็น ประชาธิปไตย
โดยคณะราษฎร์ในปี พศ. ๒๔๗๕ สยามเผชิญกับมรสุมรายล้อม
ทั้งลัทธิล่าอาณานิคมจากประเทศในยุโรป และภาวะเศรษฐกิจถดถอย
การสร้างชาติของสยาม ก็เริ่มจากจุดนี้ เพื่อสร้างกำแพงต่อต้านมรสุมต่างๆ
แต่ในช่วงแรก การสร้างชาติ จำกัดเฉพาะในส่วนกลาง อาจจะเพราะความขัดสนในหลายๆด้่าน
จนผ่านไปถึง สมัยของพระยาพิบูลย์สงคราม หรือ จอมพลแปลก พิบูลย์สงคราม
วิถีทาง นโยบาย ในการสร้างชาติเริ่มรุณแรง และเข้มข้นขึ้นมาก เพราะแรงกดดันจากสถานการณ์รายรอบ
สยามเปลี่ยนชืื่อ เป็น ไทย
เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของมวลชน ต่างๆ
ประชาชนจากอดีตประเทศราช หรือมณฑลเทศาภิบาล ถูกผนวกเข้ามา
เป็น ไทย หาใช่ชนต่างๆ ทั้งสยาม แขก ลาว มอญ ฯลฯ
ทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตประเทศไทย เกิดเมืองไทย ล้วนเป็น คนไทย
วิธีที่ถูกนำมาใช้ เพื่อการนี้ ล้วนแต่เด็ดขาดและรุณแรง
และมาจากส่วนกลางอย่างเดียว หาใช่ ชุมชนที่ได้รับผลกระทบไม่
ผู้ออกนโยบาย ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องละเอียดอ่อน อย่างเรื่องศาสนา
รวมไปถึงลักษณะทางกายภาพและสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน
ข้าราชการ ที่ถูกส่วนกลางส่งไปปฎิบัติหน้าที่นี้ ก็หาใช่คนที่รับมือเรื่องราวละเอียดอ่อนได้
ความรุณแรงถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ อุ้ม ฆ่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ชาวบ้าน ในอดีตอาณาจักรปัตตานีอยู่กันอย่างหวาดกลัว และหวาดระแวง
ความกลัว ถูกเปลี่ยนมาเป็นแรงขับ กลายเป็นเกลียด เป็นอาฆาต
และถูกในมาใช้โต้ตอบกับผู้นำปฎิบัติมายัดเยียด
ปัญหานี้เอง เิกิดจากความไม่เข้าใจ และความรุณแรง
Southern Violence
ครั้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ รัฐมาลายู ได้รับเอกราชจากอังกฤษ
และกลายมาเป็น ประเทศมาเลย์เซีย
อดีตอาณาจักรปัตตานี ที่มีปัญหากับประเทศไทย
จึงอยากเข้าผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ
ที่มีเชื้อชาติ และภูมิหลังอย่างเดียวกันอย่างมาเลย์เซีย
ปัญหาความรุณแรงเพื่อการแบ่งแยกดินแดน
จึงเกิดแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
และเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนเข้ามาในเมืองไทย
พรรคได้ติดปีกเสริมเขี้ยว และลับคม ให้กับพรรคที่ต้องการแยกดินแดน
มีการสู้รบกับเมืองไทยตลอดเวลา โดยแบบแผนของจีน
วิธีจรยุทธ ชนบทล้อมเมิอง ที่เคยได้ผลเสมอของพรรค
จวบจนเวลาผ่านไป รัฐ ได้ปรับกลยุทธ และพัฒนาการข่าว
คอมมิวนิสต์และขบวนการแยกดินแดนก็สงบไปในสมัย ๒๕๒๙
Silence Mode
ช่วงเวลาแห่งความสงบ ก้าวหน้าไปพร้อมๆกับสภาวะเศรษฐกิจ
การทำงานและนโยบายประนีประนอมที่ถูกนำมาใช้ ตั้งแต่ ๒๕๒๓
ได้ผลอย่างเห็นภาพได้ชัด ไม่มีการใช้ความรุณแรงอึกทึกครึกโครมดังอดีต
น้ำเลี้ยง จากพรรคคอมมิวนิสต์หมดไป ตั้งแต่จีนเปิดประเทศ
การจรยุทธตามแนวทางเดิม ก็ไม่ได้ผลแล้ว เพราะแนวร่วมประชาชนหมดไป
ทำให้การข่าวของทหารดีขึ้น มีเพียงการซุ่มโจมตีประปราย
แต่การเคลื่อนไหวภายในองค์กรณ์ยังคงมีอยู่
เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบและหันหัวเรือไปทางอื่น
รอจังหวะการเมืองของไทยวุ่นวาย ก็โผล่มาทำงานใหม่
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่ยังคงมีอยู่ในหลังสมัยการปฎิวัติรสช.
ในยุคที่นายชวน หลีกภัยนายกคนใต้ มีการเผาโรงเรียน 36 โรงพร้อมกัน
แล้วก็มีความวุ่นวายประปราย
Return of Darth Vader
นโยบายที่ผิดพลาดเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้น...
การทึกทักไปเองว่า คอมมิวนิสต์สูญพันธุ์ไปแล้วนั่นเอง
แล้วละเลยในรายละเอียดที่ว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนนั้น
ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ เพียงแต่ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันในอดีตเท่านั้น
ทั้งสองฝ่าย มีวิถีทางคล้ายกัน แต่จุดประสงค์ต่างกัน
การนำทหารออกจากพื้นที่ แล้วให้ตำรวจเข้าไปแทน
โดยไม่ใส่ใจว่า ชาวบ้านต่อต้านตำรวจ นิยมทหาร
การข่าวเลยพังไปทั้งระบบ ช่องโหว่อันตรายปรากฎ
ขบวนการเดิม แต่ได้น้ำเลี้ยงใหม่ เริ่มทำงานตามระบบ
วิธี และยุทธวิธี ในรูปแบบใหม่ๆ ได้ถูกนำมาใช้
จรยุทธในเมือง ถูกนำมาใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ คนร้ายก่อเหตุบ่อยมาก
มีการประกาศสภาวะฉุกเฉินในเขตนั้นหลายต่อหลายครั้ง
Rage through Town
กลเม็ดจากสงครามต่อต้านอเมริกัน หรือ Future Jihad อาจจะอยู่เบื้องหลัง
วิถีทางที่ปรับปรุงไปตามยุทธศาสตร์ และภาวะแวดล้อมอย่างไทยๆ
ยุทธวิธีที่เปลี่ยนไปนี้สร้างปัญหาให้กับทางการไทยมาก
ทางการไทยก็เปลี่ยนหมากที่เดินรับมือไปตามเกมส์
การข่าวก็ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ แต่ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างน้ำเลี้ยงยังไม่ถูกตัด
ครั้งก่อน แค่ทางการโชคดี ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนล่มสลายพอดี
แต่ครั้งนี้ ผองชนผู้ให้น้ำเลี้ยง ยังคงอยู่
หมากของฝ่ายตรงข้ามเดินตาเรือรุกขึ้นมา สร้างความลำบากให้ตาม้า
จะเดินหน้าหาเรื่องกินโคนก็ไม่ได้ ต้องพะวงกับการป้องกันขุนและเม็ด
ฝ่ายใต้ รุกคืบวางระเบิดในเมือง เพื่อสถานการณ์อย่างแน่นอน
ทั้งกลางคืนในวันปีใหม่ และกลางคืนของเมื่อวันก่อนหน้าเมเจอร์รัชโยธิน
ทางการก็ทำหน้าที่ให้รุกคืบหน้าไม่ได้ เพราะต้องคอยระวังเหตุในเมือง
ต้องปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีเวลาตั้งตัว และรุกกลับมา
ม้าขยับไม่ได้ เรือโดนโคนคุมเชิงอยู่ ส่งเบี้ยไปก็โดนกิน
ก็ต้องส่งเม็ดเดินตัดไป คอยจู่โจม... strategy ที่ควรเป็นก็ต้องเป็นอย่างนี้
รูปด้านล่างนี้ เป็นกลยุทธของฝ่ายที่โจมตีไทย
-------------------------------------------
ยังมีต่ออีกยาว
แต่คืนนี้ต้องนอนแล้วล่ะ ไว้ค่อยมาต่อ
-------------------------------------------------
ผมจะไม่สรุปอะไรทั้งนั้น...
แต่อยากให้เปิดเผยตัวผู้ที่อยู่ด้านหลังของฝ่ายผู้ก่อการร้ายภาคใ้ต้ซะ
การแก้ปัญหามันไม่ยากหรอก
แต่ผู้มีอำนาจจะกลัวเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทำไม?
มันให้เงินคนทำเหี้ยในไทย แล้วจะกลัวมีปัญหากับมันเพืื่ออะไร
แล้วไอ้พวกอยากไปใช้ชื่อสยามน่ะ ลองพิจารณาเหตุผลการเปลี่ยนชื่อเป็นไทยซะก่อนนะ
Create Date : 13 เมษายน 2550 |
| |
|
Last Update : 13 เมษายน 2550 2:51:44 น. |
| |
Counter : 297 Pageviews. |
| |
|